การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 143 กลับอิชกะ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 143 กลับอิชกะ

 

ทางตอนเหนือของเมืองแห่งนักผจญภัยอย่างอิชกะจะมีย่านพักอาศัยที่หรูหราเรียงรายกันอยู่ ทั้งเข้าข้าราชการ พ่อค้า กิลด์มาสเตอร์และคนระดับสูงอยู่กันเป็นจำนวนมาก ก็เรียกว่าถ้ามาหาเรื่องในย่านนี้สภาพขากลับคงไม่สวยนัก แถมเมื่อไม่นานมานี้มันยังกลายเป็นที่พักอาศัยของดราก้อนสเลเยอร์ด้วย พูดเองก็อาจจะเหมือนอวยตัวเอง แต่นั่นแหละความสำเร็จผมเอง

 

 

ขณะที่ผมเดินไปตามท้องถนนแล้วคิด ผมก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างๆ ผม

 

 

 

 

 

「อดใจรอจะได้เห็นบ้านของคุณโซระไม่ไหวแล้วค่ะ!」

 

 

 

 

เสียงนั้นเป็นเสียงของคลอเดีย ดรากูนอท ซึ่งได้รับคำขอมาให้ช่วยดูแลพระสันตะปาปาพร้อมกับองค์รัชทายาท และที่มากันจรงนี้ก็เพื่อรอต้อนรับพระสันตะปาปาจากนครศักดิ์สิทธิ์ทางตอนใต้ แน่นอนว่าทางกษัตริย์ก็อนุญาตแล้วด้วย

 

 

ส่วนถ้าถามว่าตอนนี้องค์รัชทายาทอยู่ไหน ก็ต้องบอกว่ารออยู่ในที่วังเพื่อเตรียมตัวต้อนรับ

 

 

บางทีความตั้งใจเดิมของกษัตริย์ก็คงจะเป็นการให้ลูกชายของเขาแล้วก็คลอเดียมีเวลาสานสัมพันธ์กันโดยหาคนกลางมาใช้เป็นข้ออ้าง พอพูดถึงเรื่องการหมั้นหมาย คลอเดียก็ลากผมมาด้วยโดยแจ้งกับทางนั้นอย่างชัดเจนว่าจะไปใช้ชีวิตร่วมกันกับผม

 

 

ก็เรียกได้ว่าเป็นการถอนหมั้นคนเก่าต้อนรับคนใหม่นั่นแหละ――กษัตริย์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วย เพราะหากเขาคัดค้าน ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์กับตระกูลดรากูนอทคงได้พังกว่าเดิม

 

 

เพราะงั้น การจะปล่อยให้ลูกชายของเขากับคลอเดียตัวติดกันระหว่างการทำงานอีกก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก เขาก็เลยให้ทั้งสองแยกกันแทน――อันที่จริงผลลัพธ์ในครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นฝีมืของคลอเดียก็ได้มั้ง

 

 

เพราะขนาดว่าตอกทางองค์รัชทายาทไปขนาดนั้นก็ยังไม่โดนลงโทษอะไร เห็นได้ชัดเลยว่าคลอเดียที่เป็นบุตรสาวของท่านดยุกนั้นแข็งแกร่งขนานไหน

 

 

ขนาดตอนนี้ด้วยท่าทางที่ดูนุ่มนวลสมกับเป็นเด็กผู้หญิงของเธอ บวกกับความไร้เดียงสาในบางเรื่องสมอายุ หากรออีกไม่กี่ปีผมเชื่อเลยว่าเธอจะต้องกลายเป็นสาวงามที่สุดอีกคนหนึ่งที่อาณาจักรมีแน่นอน องค์รัชทายาทคนจะกัดฟันกำหมัดมากแน่ที่เผลอปล่อยหงส์ตัวนี้ไป

 

 

เอาเป็นว่าผมก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องในอนาคตมากขนาดนั้นหรอก ก่อนจะตอบคลอเดียกลับไป

 

 

 

 

 

「ระวังจะผิดหวังเอานะ เพราะบ้านของฉันมันเล็กกว่าคฤหาสน์ท่านดยุกมากเลย」

 

 

「ฟุฟุ สิ่งที่ฉันรอคอยคือการได้เห็นต่างหากว่าคุณโซระอาศัยอยู่ในบ้านแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงฉันก็ไม่มีทางรู้สึกผิดหวังหรอกค่ะ นอกจากนี้――」

 

 

 

「นอกจากนี้? 」

 

 

 

พอผมถามกลับไปคลอเดียก็เอานิ้วชี้แตะที่คางตัวเองก่อนจะพูด

 

 

「ฉันคิดว่าบ้านในเมืองหลวงมันใหญ่เกินไป ไม่เหมาะจะอยู่อาศัยกับคนที่ชอบหรอกนะคะ」

 

 

 

คลอเดียพูดเชิงล้อเล่นออกมา สีหน้าของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปจากเดิมด้วย

 

 

ทว่า ผมก็ยังสัมผัสถึงบางสิ่งที่เล็ดลอดออกมาจากอารมณ์ส่วนลึกของเธอได้อยู่ดี ไม่รู้เลยแฮะว่าต้องตอบอะไร จะตอบกลับไปแบบจริงจังหรือควรจะปล่อยผ่านไปดีนะ

 

 

ทางคลอเดียก็จ้องมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มแสนหวานของเธอ

 

 

สรุปแล้วผมก็เลือกปล่อยผ่านให้บรรยากาศมันเงียบงันแทน ถ้าที่นี่เป็นย่านการค้า ก็คงจะมีเสียงหนวกหูของพวกแผงลอย ร้านขายของต่างๆ แต่ก็อย่างที่รู้ว่าย่านทางเหนือเป็นย่านระดับสูง นอกจากเสียงเดินของพวกผมแล้วตอนนี้ก็ไม่มีเสียงอื่นใดเลย

 

 

อึดอัดชะมัด จะว่าไงดีล่ะพอปล่อยให้เงียบแบบนี้แล้วมันแปลกๆ แฮะ

 

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน พอผมเห็นบ้านของผมในระยะสายตาแล้ว ผมก็เผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาเฉย

 

 

 

 

แต่พอมายืนที่หน้าบ้านนี้ ความรู้สึกชวนให้หวนคิดถึงตอนกลับมาดันไม่มีเลย

 

 

 

ก็ไม่น่าแปลกอะไรมั้งเพราะยังไงตอนผมไปที่เกาะก็ใช้เวลาแค่วันเดียว หลังกินเทพปีศาจเสร็จผมก็กลับมาเลย ตอนอยู่เมืองหลวงก็ใช้เวลาแค่คืนเดียว ขากลับก็ขี่คราว โซราสกลับมาพร้อมกับคลอเดีย

 

เอาง่ายๆ ก็คือการเดินทางไปยังเกาะครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับผมเฉยๆ เวลาที่ใช้ก็ไม่นาน ความรู้สึกคิดถึงบ้านก็เลยไม่ค่อยจะมี

 

 

 

ว่าแล้วผมก็ปลกล็อกประตูบ้านแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน เพราะหากล็อกเอาไว้พวกคนที่อยากเห็นคราว โซราสก็มักจะเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะสิ ส่วนคนที่อยากจะมาติดต่อดาบควันโลหิตกริ่งที่หน้าบ้านก็มีให้กด เดี๋ยวคนข้างในก็จะออกมาต้อนรับเอง

 

ทว่ามันก็ช่างน่าแปลก เพราะเมื่อผมเข้ามาในบ้านแล้วกลับไม่พบใครอยู่ภายในนั้นเลยสักคน

 

 

 

「หายไปไหนกันหมดนะ แปลกจริงๆ 」

 

 

 

ถึงอิเรียจะได้รับหน้าที่ในการหาข้อมูลของเบฮีมอธที่เบลก้า แต่ซูซูเมะ ชีล ลูนามาเรีย มิโรสลาฟ คุณซาร่าแล้วก็พวกเด็กๆ ดันไม่อยู่ด้วยซะงั้น แปลกจริงๆ

 

 

 

สงสัยจริงๆ พอเป็นแบบนี้แล้ว เกิดมีคนเข้ามาติดต่อแคลนของผมจะทำยังไงล่ะ.

…ไม่สิ ผมก็ไม่ได้บอกพวกเธอไว้ด้วยว่าควรจะให้มีใครสักคนอยู่ในบ้านตลอด เผื่อสถานการณ์ที่มีใครเข้ามาติดต่อ ดังนั้นจะไปว่าพวกเธอก็ไม่ได้สินะ

 

 

นอกจากนี้ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาสร้างชื่อให้กับแคลนเลย ในเมื่อตอนนี้ผมก็เป็นถึงดราก้อนสเลเยอร์ ถ้ามีบางอย่างที่ต้องการจากผมพวกเขาก็ควรจะรอคอย ให้ผมจัดการเรื่องฝั่งผมเสร็จก่อน

 

 

ทว่าก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นระหว่างที่ผมไม่อยู่ ดังนั้นคงต้องเข้าไปตรวจสอบข้างในให้ดีๆ ก่อน――นั่นคือสิ่งที่ผมคิด

 

 

 

 

「อ้าว! พี่โซระ!」

 

 

 

「นั่นพี่โซระนี่นา」

 

 

 

「พี่โซระกลับมาแล้ว!」

 

 

 

 

พอได้ยินเสียงของเจ้าสามหน่อนั่นเสร็จ เสียงฝีเท้าของพวกเขาก็เข้ามาใกล้

 

 

 

พอหันกลับไปก็พบว่าเป็น ไอน์ ชไว ดราย ตามที่คิดโดยข้างหลังของพวกเขาก็มีนักบวชซาร่าเดินตามมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ภายในมือของเธอก็มีถุงช้อปปิ้งอยู่ พวกเขาคงออกไปซื้อของข้างนอกกัน

 

 

ถึงก่อนหน้านี้จะเกิดความวุ่นวายอย่างมากขึ้นในเมืองอิชกะ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะสงบลงจนพวกเด็กและผู้หญิงสามารถออกไปซื้อของกันได้แล้ว หากทางกิลด์พยายามจนสายตัวแทบขาดแบบนี้ ผมจะบวกคะแนนให้กับเอลการ์ดกับลิดเดลหน่อยละกัน

 

 

 

 

 

 

「ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณโซระ ดีใจจริงๆ ที่คุณยังปลอดภัย」

 

 

「ผมกลับมาแล้วครับ คุณซาร่า ว่าแต่ระหว่างที่ผมไม่อยู่เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ? 」

 

 

 

「ไม่ปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราเลยค่ะ ต้องขอบคุณ คุณโซระจริงๆ ที่ทำให้พวกเราอาศัยอยู่ในที่ที่สะดวกสบายขนาดนี้…..」

 

 

 

 

หลังจากพูดจบ นักบวชซาร่าก็ก้มหัวลง น้ำเสียงที่เธอใช้พูดเหมือนจะแอบตระหนกนิดหน่อย เห็นได้ชัดเลยว่าจุดที่เธอเริ่มแปลกไปก็ตรงส่วนที่บอกว่าพวกเราแค่พวกเธอ 4 คนเหรอ? ผมก็เลยขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย พอเธอเห็นแบบนั้นก็เริ่มพูดต่อ

 

 

 

「อันที่จริงคนอื่นๆ ก็สบายดีหรอกค่ะ ทว่าตอนนี้พวกเขาต่างก็มุ่งหน้าเข้าไปในป่าทีทิส ดังนั้นหากจะบอกว่ามีปัญหาเกิดขึ้นก็คงจะ….」

 

 

 

 

ดูเหมือนว่าเธอก็จะไม่ค่อยสบายใจเหมือนกันที่ต้องพูดออกมา ก่อนจะวางมือไว้บนแก้มของตัวเองเหมือนกลุ้มใจ

 

 

 

พอได้ยินแบบนั้นรอยย่นระหว่างคิ้วของผมก็ลึกขึ้น คงไม่ต้องบอกเลยว่าป่าทีทิสในตอนนี้มันอันตรายขนาดไหน ถึงผมจะออกจากเมืองอิชกะไประยะหนึ่ง แต่พิษของไฮดรามันก็ไม่ได้หายไปไหน พวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่งก็ยังหลงเหลืออยู่

 

 

ดังนั้นการเดินทางเข้าไปในป่าตอนนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย

 

 

พอผมถามเธอว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ก็ได้รู้ว่ามีคำขอส่งมาที่แคลน ถึงพวกมอนสเตอร์คลั่งจะเบาบางลงไปแล้ว แต่ก็ใช่จะหายไปเสียทั้งหมด พวกมันยังคงหลุดออกมาจากป่าเพื่อโจมตีเมือง พวกทหารและนักผจญภัยก็ต้องออกไปรับมือแล้วกวาดล้างพวกมัน

 

 

 

คำขอดังกล่าวก็เลยถูกส่งมายังดาบควันโลหิตด้วย ตอนแรกก็มีเพียงลูนามาเรียกับมิโรสลาฟที่จะออกไปรับมือ แต่ดูเหมือนชีลกับซูซูเมะยืนกรานว่าพวกเธอจะไปด้วยเพราะต้องการเป็นประโยชน์ต่อแคลนเหมือนกัน

 

 

และความจริงที่ว่าทั้งสองไม่อยู่ที่นี่ ก็หมายความว่าลูนามาเรียกับมิโรสลาฟยอมให้พวกเธอตามไปด้วย

 

 

 

――พอมาคิดๆ ดูแล้วผมก็ไม่ค่อยจะรู้ความสามารถจริงของชีลเท่าไหร่นัก ก็รู้แหละว่าคงพยายามอย่างเต็มที่จนเก่งขึ้นบ้าง แต่ผมไม่เคยร่วมสู้กับพวกเธอมาก่อนก็เลยเดาไม่ค่อยออกว่าประมาณไหน ดังนั้นหากลูนามาเรียกับมิโรสลาฟที่รู้จักเธอดีกว่าผมมองว่าไหว ก็คงไหวแหละ

 

 

คงเป็นผมเองมั้งที่ไม่รู้อะไรเลย จากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง

 

 

 

หากพวกเธอถูกทางเมืองอิชกะบังคับให้ไปมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่พอพวกเธอเต็มใจจะไปกันเอง ผมก็ไม่ใช่เจ้าชีวิตของซูซูเมะและชีลก็เลยว่าอะไรไม่ได้ ถึงผมจะเป็นห่วงพวกเธอ แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะไปจำกัดการกระทำของพวกเธอ

 

 

แน่นอนว่าหากผมมองว่าพวกเธอไม่มีความสามารถพอจะไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง…แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าพวกเธอน่าจะไหว

 

ดังนั้นหน้าที่ของแคลนมาสเตอร์ก็คือเชื่อใจพวกเธอ แล้วรอคอยให้พวกเธอทั้ง 4 คนกลับมาอย่างปลอดภัย นั่นต่างหากคือสิ่งที่ผมควรทำ

 

 

 

――――เอาเป็นว่า พอตัดสินใจได้แบบนี้แล้ว ผมก็ต้องมาแะนำคลอเดียให้นักบวชซาร่ารู้จักสักหน่อย

 

นอกจากนี้คงต้องพาคราว โซราสไปออกบินอีกสักหน่อยเพราะผมไม่ได้ไปไหนมาไหนกับมันสักพักแล้ว คงต้องดูแลเป็นพิเศษสักหน่อย

 

 

แต่ถ้าจะให้บินไปมาแบบไม่มีจุดหมายมันก็ยังไงอยู่ ดังนั้นไปเก็บผลจิไรอาโอคุสของโปรดของคราว โซราสก็แล้วกัน

 

 

บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นจริงๆ ที่ไปทางนั้น แต่พอดีผลจิไรอาโอคุสมันอยู่ในป่าทีทิสเฉยๆ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท