ตอนที่ 151 ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ
ไม่กี่วันหลังจากที่เกิดเรื่องในป่าทีทิส ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ที่อิชกะ
ตามกำหนดการเดิมแล้วผมควรจะออกเดินทางไปยังเบลก้าเป็นที่เรียบร้อย แต่จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างการโจมตีของพวกอันเดธแล้วก็การปรากฏตัวของพระสันตะปาปา มันก็เลยต้องเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย
หนึ่งในเหตุผลสำคัญเลยก็คือผมไม่จำเป็นต้องรีบไปหาเขาของเบฮีมอธ
จากที่สันตะปาปาบอก เขาของเบฮัมอธนั้นใช้ในการเสริมแกร่งและรักษาบาเรียเอาไว้ให้คงเดิม แต่การจะสร้างบาเรียขึ้นมาก่อนนั้นไม่จำเป็นต้องมีมันก็ได้
บาเรียจะถูกเปิดใช้งานโดยการสร้างวงเวทและนำผู้ใช้งานใส่พลังเข้าไปเพื่อเปิดมัน การที่พวกเธอพานักบวชระดับสูงมาอาณาจักรคานาเรียครั้งนี้ก็เพราะเรื่องบาเรียเป็นหลักๆ เธอยืนว่าในตอนนี้หากแค่ชั่วคราว พวกนักบวชระดับสูงที่เธอพามาก็น่าจะสามารถช่วยดูแลบาเรียให้ได้
แต่ก็อย่างที่รู้ นักบวชระดับสูงที่เธอพามา――พวกเขาต่างก็เป็นบุคลากรชั้นยอดของทางนครศักดิ์สิทธิ์ หากต้องจากประเทศมาเพื่อดูแลบาเรียให้ประเทศอื่นนานก็คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
สุดท้าย ยังไงพวกเราก็จำเป็นต้องหาเขาของเบฮีมอธหรืออย่างอื่นมาทดแทน เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแข่งกับเวลาอีกแล้ว นอกจากนี้พวกวิหารก็ส่งคนไปช่วยในการล่าตัวเบฮีมอธแล้วด้วย งานนี้จึงไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวอีกแล้ว
สำหรับตอนนี้พวกนักบวชก็จะใช้พลังของตัวเองในการค้ำจุนบาเรียที่เมืองอิชกะไปก่อน นอกจากนี้เธอยังขอให้ผมขี่คราว โซราสไปสำรวจพิษรอบๆ ป่าจากบนท้องฟ้าด้วย
เพราะมันจำเป็นในการกำหนดขอบเขตของบาเรียให้เหมาะสม เดิมทีผมคิดว่านี่จะเป็นงานของพวกคณะที่มากับเธอ แต่เธอกลับเลือกจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเธอเอง แน่นอนว่าผมก็มาช่วยเธอเพื่อให้งานง่ายขึ้น
จะว่าไปพอพูดถึงพวกที่เธอทางมากับเธอแล้ว ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าพวกเขาจะไม่พอใจอะไรไหมที่ผมแสดงท่าที เหมือนจะล่วงเกินเธอไปหรือเปล่า แต่ผลที่ได้ดันออกมาตรงกันข้ามเลย พวกเขามาก้มหัวแล้วฝากฝังให้ผมดูแลพระสันตะปาปาแทนส่วนของพวกเขาที
ผมก็แอบถามอ้อมๆ ไปเหมือนกันว่าพวกเขาไม่พอใจอะไรกันไหม แต่หัวหน้ากลุ่มของทางนั้นก็เหมือนจะทำหน้างง ก่อนจะเริ่มเข้าใจเรื่องที่ผมอยากจะสื่อ
「ใครมันจะไปกล้าว่าร้ายกับผู้กล้าที่สามารถโค่นลิชได้ด้วยตัวคนเดียวกันครับ ไม่มีทางหรอก นอกจากนี้หากนั่นคือสิ่งที่ท่านผู้นั้นปรารถนา พวกเราก็ไม่อาจขัดข้องได้」
หลังจากพูดจบ อัศวินผู้นี้ก็ลดเสียงให้ต่ำลงก่อนจะพูดต่อ
「หากให้พูดตามตรง ตอนแรกพวกเราก็สงสัยในตัวของดราก้อนสเลเยอร์ที่ได้ยินมาในข่าวลือเหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกเราเข้าใจกันมากพอแล้ว จึงไม่มีความกังวลเลยหากจะฝากฝังท่านผู้นั้นให้กับท่าน」
หากเป็นแบบนี้ อนาคตการที่พวกเราจะได้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในฐานะอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ใช่ความฝัน――เขาพูดติดตลกออกมา แต่แววตานั่นไม่ขำเลยนะเห้ย
ลิชนั่นต้องเป็นมอนสเตอร์ที่สร้างความยากลำบากให้กับพวกเขามากแน่ๆ
นอกจากนี้พอจบเรื่องพระสันตะปาปาก็ได้ให้ข้อมูลของชารามอนกับยาไคกับผม ผมก็เลยถามเธอถึงเรื่องโอกาสที่เธอจะถูกลอบโจมตีอีกครั้ง แต่เธอกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
「โดยทั่วไปแล้วพวกยาไคนั้นจะระมัดระวังตัวกัน ในเมือชารามอนที่เป็นถึงอันดับ 3 ของพวกเขาถูกสังหารนอกนครศักดิ์สิทธิ์ได้――ฉันจึงมองว่าพวกมันคงไม่บุ่มบ่ามเหมือนคราวนี้หรอกค่ะ」
แล้วก็ยังมีความจริงของเรื่องที่ลิชซึ่งเธอได้จัดการไปในอดีต 3 ตนนั้นก็ไม่ได้ร่วมมือกัน ก็แปลว่ายาไคไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรอะไรกันภายในมากนัก
สำหรับพวกอันเดธแล้ว เวลาคือสิ่งที่อยู่เคียงข้างพวกมัน หากพวกมันรอให้พระสันตะปาปาแก่แล้วตายลงไป ภัยคุกคามของพวกเขาก็จะหายไปด้วย ไว้ถึงตอนนั้นพวกมันค่อยเคลื่อนไหวก็ยังไม่สาย แต่ก็ใช่ว่าความเป็นไปได้ที่พวกมันจะเข้ามาเผชิญหน้ากับเธอเหมือนชารามอนจะเป็นศูนย์
――ผมก็พยายามจะคิดไปเสียว่ามันไม่ใช่ปัญหาของผม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้การว่าที่ตัวเองเอาชนะชารามอนลงได้จะถูกดึงไปยุ่งกับเรื่องแปลกๆ ในอนาคตไหม พอผมถามเธอ เธอก็เอียงศีรษะเล็กน้อยกว่าจะมองมาที่ผม
「ท่านเป็นถึงผู้ที่ทำลายลิชลงได้เลยนะคะ ดังนั้นการกระทำของท่านย่อมไปถึงหูพวกยาไคกันหมดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าถามว่ามากขนาดไหน พวกมันคงมองว่าท่านคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกมันเลยค่ะ เพราะดาบของท่านคือสิ่งที่สามารถเอื้อมไปถึงร่างของพวกมันในคาคุริโยะได้」
「ก็นั่นสินะ」
สิ่งที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล สำหรับพวกที่เกี่ยวข้องกับชารามอนแล้ว ยังไงผมก็คือศัตรูของพวกมัน โอกาสที่จะได้ปะทะกันก็คงสูง
แค่ตัวผมคนเดียวพวกยาไคอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก――แต่สำหรับคนรอบตัวผมนี่สิ พวกมันคือภัยคุกคามอันใหญ่หลวงเลย เวทมนตร์ที่ชารามอนที่แสดงออกมาภายในป่า หากคนของผมถูกนั่นโจมตีเข้าจะเป็นยังไงนะ แค่คิดก็ชวนให้นอนไม่หลับแล้ว
「ถ้าเป็นแบบนี้ ผมก็อยากจะให้ท่านช่วยปิดบังเรื่องที่ผมเป็นคนจัดการชารามอนให้หน่อยจะได้ไหม」
「ท่านแน่ใจแล้วเหรอคะ? ขอโทษที่ต้องถามนะคะ แต่ท่านเป็นถึงชายหนุ่มผู้สามารถสังหารลิชที่มีเพียงพระสันตะปาปาเท่านั้นจัดการลงได้สำเร็จ นอกจากนี้แล้วความสำเร็จในการสังหารมังกรของท่านก็นับว่ายิ่งใหญ่ หากมองจากระดับประเทศหรือทวีปแล้ว ท่านคือคนที่หาตัวจับได้ยากระดับนั้นเลยนะคะ 」
ท่านตั้งใจจะทิ้งชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์นี้ไปจริงหรือ――นั่นคือสิ่งที่เธออยากจะถามกับผม ทางผมก็พยักหน้าให้
เหตุผลที่ผมสร้างแคลนขึ้นเพื่อสร้างชื่อเสียงก็เพราะเพื่อไม่ให้พวกกิลด์มาทำอะไรผมได้อีก ขอแค่ชื่อเสียงตอนฆ่ามังกรได้ มันก็มากพอแล้ว นอกจากนี้หากเรื่องที่ผมสามารถฆ่าลิชซึ่งควรจะมีแค่สันตะปาปาเท่านั้นที่ทำได้สำเร็จ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปัญหามันจะมีมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ
สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ ขอแค่ลูนามาเรียกับมิโรสลาฟปลอดภัย ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
พอพูดคุยกับเธอจบ ผมก็ได้พูดกับเหล่าสมาชิกแคลนผมด้วย โดยเรื่องที่คุยกันก็คือเหตุการณ์ตอนผมไม่อยู่ที่บ้านเป็นหลัก
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือใบหน้าของลูนามาเรียและซูซูเมะที่แสดงอาการกระสับกระส่ายเป็นกังวลออกมา อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
เพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้คิดไปเอง ทั้งสองได้สดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะขอตามผมไปเบลก้าด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้พวกเธอคงจะยอมรับการตัดสินใจของผมแล้วยอมปล่อยไป แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้ ผมก็ตอบรับคำของของพวกเธอ แต่ก็ต้องฟังรายละเอียดจากพวกเธอเสียก่อน
ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่มีนิสัยเอาจริงเอาจัง ลูนามาเรียเหมือนจะเอาแต่โทษตัวเอง ในขณะที่ซูซูเมะเหมือนจะมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่ข้างในใจยากที่จะบอกได้ โดยพวกเธอมักจะเก็บความรู้สึกเอาไว้โดยไม่เคยพูดออกมาให้ผมฟัง
หากเป็นช่วงปกติผมก็คงปล่อยให้พวกเธอพร้อม แล้วรอให้พวกเธอมาพูดกับผมเอง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ได้เอื้ออำนวย ผมเลยต้องรีบรู้ให้ได้
และหากยังยืดยาดไปมากกว่านี้ ผลลัพธ์ในเรื่องอื่นๆ ก็พลอยจะแย่ไปด้วย
พอคิดได้ ในวันเดียวกันนั้นเอง ผมก็เลยตัดสินใจไปคุยกับพวกเธอเป็นการส่วนตัว โดยคนแรกที่ผมไปคุยก็คือซูซูเมะ ผมได้พาเธอไปเดินเล่นในสวน ก่อนจะหยุดที่ม้านั่งบริเวณต้นไม้ซึ่งเป็นจุดหมายในการพักคุย
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code