ตอนที่ 159 สายลมแห่งความชั่วร้าย
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนได้สะท้อนผ่านความมืดยามราตรี
ส่วนคนที่กรีดร้องออกมาก็คือพวกไทยมุง สายตาของพวกเขาทุกคนจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดคลุมสีดำที่หลุดลอยออกไปจนเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ผมก็หนึ่งในนั้นด้วยแหละ
ดูจากรูปหูของเธอแล้ว เธอก็น่าจะเป็นเอลฟ์ แต่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นเอลฟ์ซึ่งมีผิวสีน้ำตาลและผมสีขาว เพราะเอฟล์ที่ผมรู้จักโดยปกติจะมีผิวสีขาวผมสีทองเหมือนลูนามาเรีย
จะบอกว่าเพราะโดดแดดของทะเลทรายเผามันก็ไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นสายพันธุ์เธอน่าจะแตกต่างจากลูนามาเรีย
ขนาดมนุษย์เรายังมีสีผิวและเส้นผมต่างสีกันเลย เอลฟ์ก็คงไม่ต่างกัน
แต่ปัญหาก็คือ――พอทุกคนเห็นเอลฟ์คนนี้แล้วต้องกรีดร้องออกมา
ใบหน้าครึ่งขวาของเธอนั้นคือสิ่งที่งดงามราวกับเป็นบุตรแห่งเทพธิดา
ทว่าครึ่งซ้ายนั้น――
「จ-เจ้าสัตว์ประหลาด!」
หนึ่งในสมาชิกของเหยี่ยวทะเลทรายได้ส่งเสียงร้องออกมา คำพูดดังกล่าวอาจจะแสดงความรู้สึกของคนในที่นี้ได้ดีที่สุด
ใบหน้าครึ่งซ้ายที่เป็นสิงโต ไม่สิถ้าจะพูดคงคล้ายๆ มากกว่า แต่ความน่ากลัวของมันคงไม่ต้องพูดถึงมั้ง
และพอมันมาผสมกับความงดงามของเอลฟ์อีกฟาก มันสามารถเสริมความน่าเกลียดให้เด่นยิ่งกว่าเดิมอีก
「――คึ」
เอลฟ์สาวใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถือดาบปิดใบหน้าเอาไว้ ริมฝีปากของเธอเม้มออกราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ชายที่เป็นคนตะโกนว่าสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าไปฟันเอลฟ์ต่อ
เอลฟ์สาวได้ใช้ดาบยาวของเธอในการป้องกันการโจมตีจนเกิดเสียงดังสนั่น
แต่เพราะเป็นการป้องกันโดยเอามือปิดใบหน้าไปด้วย การโต้กลับจึงไม่สามารถทำได้สะดวกนัก จนคู่ต่อสู้สามารถรับมือกับเธอได้ง่ายกว่าที่เป็น
ในขณะที่เธอรับการโจมตี พวกเหยี่ยวทะเลทรายก็มาช่วยล้อมเธอเอาไว้ แต่มือของเธอก็ยังไม่ได้ลดออกจากใบหน้าของตน
ดูเหมือนว่าสำหรับเอลฟ์สาวคนนี้ การเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้เห็นมันแย่เสียยิ่งกว่าการถูกศัตรูล้อมเสียอีก
แน่นอนว่าด้วยการกระทำแบบนี้ เธอไม่มีทางจะรับมือกับคู่ต่อสู้จำนวนขนาดนี้ได้หรอก แถมยังโดนล้อมเอาไว้อีก สุดท้ายก็คงทำได้เพียงแค่ป้องกัน
ทุกครั้งที่ดาบได้ฟาดฟันไปยังร่างของเอฟล์ เลือดของเธอก็จะสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี ทั้งแขน หลัง รอยเปื้อนได้เกิดทั่วร่างของเธอ บางทีอาจจะเพราะบาดแผลที่เธอได้รับและความเจ็บปวดที่ได้ ใบหน้าของเธอจึงมีเหงื่อหยดลงมาเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีอาการหอบหนักจนเสียงหายใจได้ยินมาถึงตรงนี้เลย
พวกคนที่มามุงกันในตอนแรกซึ่งเป็นฝ่ายเอลฟ์แต่พอได้เห็นใบหน้าที่คล้ายกับมอนสเตอร์ของเธอแล้ว พวกเขาก็ได้เปลี่ยนฝ่ายไปเชียร์เหยี่ยวทะเลทรายแทน
――ผมดูฉากการต่อสู้นี้อย่างเงียบๆ โดยไม่คิดจะเข้าไปช่วยฝ่ายเหยี่ยวทะเลทรายหรือเอลฟ์สาว
คือผมก็อยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจจนผมไม่สามารถออกไปได้นี่สิ
ไม่ต้องบอกก็รู้มั้งว่าเป็นเอลฟ์สาวนั่นแหละ มันชวนให้ผมนึกถึงหินเวทที่ใกล้จะปะทุออกมา ไม่ว่าจะเป็นเหยี่ยวทะเลทรายหรือพวกไทยมุงก็อยากจะบอกให้รีบหนีไปเสียดีกว่าน่า แต่ผมก็ไม่ได้มีภาระหน้าที่อะไรต้องไปเตือนพวกเขาสักหน่อย ปล่อยไปแล้วกันแถมนี่ก็เป็นย่านสถานบันเทิงเกิดอะไรขึ้นก็รับผิดชอบตัวเองแล้วกัน
ในขณะที่ผมกำลังคิด เสียงตะโกนปนเสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นครั้ง หากสังเกตดูจะเห็นว่าแขนเสื้อของเอลฟ์สาวได้ถูกฟันขาด จนเผยให้เห็นผิวหนังที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์ ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอเท่านั้นที่มีความผิดปกติแต่เป็นร่างกายของเธอด้วย
「เจ้ามอนสเตอร์นี่ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าแกวางแผนอะไรถึงมาที่เมืองนี้ แต่แกจบสิ้นแล้วที่มาเจอพวกเราเหยี่ยวทะเลทราย!」
จากนั้นดาบของชายคนนั้นก็เหวี่ยงไปยังร่างของเอลฟ์สาวอย่างแม่นยำ เธอถูกฟันตั้งแต่ไหล่ลงมาจนเลือดออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก จนทำให้ร่างของเธอเซไปมา
จากนั้นเธอก็ถูกชายอีกคนเข้ามาฟันจากด้านหลังอีกครั้งจนเลือดกระฉูดออกมาเป็นน้ำพุ ทำให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
ทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ได้ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็มองว่าเธอคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันของเธอก็เริ่มจะเลือนรางลงไปเรื่อยๆ แล้วด้วย
ทว่า――ในวินาทีที่แววตาของเธอกำลังจะสิ้นแสงแห่งชีวิตไป ประกายสีแดงภายในดวงตาของเธอก็ส่องออกมา สีแดงที่ชวนให้นึกถึงเลือดสดๆ พร้อมเสียงคำรามอันดังลั่นจากปากของเธอ
「กร้อวววววววววววววววว!!」
เสียงคำรามอันน่าสยดสยองจนสามารถบดขยี้จิตวิญญาณของมนุษย์ได้ดังขึ้น ก็จริงว่าจะให้เทียบกับเสียงคำรามของไฮดราที่เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานมันก็คงเทียบไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นของที่คนธรรมดาจะทนไหว
ยิ่งในระยะใกล้ขนาดนี้
「อ๊ากกก!? 」
「อึก!!」
「อึก คุ……」
เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของเหยี่ยวทะเลทรายกำลังนอนด้าวดิ้นของที่พื้นโดยเอามือปิดหูไว้ บางคนถึงขนาดมีเลือดออกมา น่าจะมาจากแก้วหูของพวกเขาที่แตก
พวกไทยมุงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น บางคนก็คุกเข่าแล้วส่งเสียงร้องออกมา บางคนก็ไปนอนด้าวดิ้นที่พื้นเหมือนพวกเหยี่ยวทะเลทราย บางคนก็ร้องไห้ออกมาขณะพยายามคลานหนี
「คึก ฮ่าาาาาาาาาา!!」
เอลฟ์สาวตะโกนออกมาอีกครั้งราวกับระเบิดความโกรธออกมาใส่คนรอบๆ
――ไม่สิผมว่าเธอหัวเราะมากกว่าตะโกนออกมาซะอีก
ใบหน้าฝั่งสิงโตของเธอที่ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวด้วยความร่าเริง กลับกันใบหน้าฝั่งสาวสวยของเธอกลับแสดงความเจ็บปวดออกมา
จากนั้นใบหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกขณะที่ผมจ้องมอง
ใบหน้าส่วนที่เป็นสิงโตได้กลืนกินใบหน้าอีกฝั่งไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่เป็นสาวสวยของเธอได้เขียนทับใหม่ด้วยหน้าสิงโต
มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนดูเข็มนาฬิกาที่ฝั่งสิงโตซึ่งตอนแรกอยู่ที่เลข 6 มันได้เลื่อนไปที่ 7 8 ตามลำดับและหากมันไปถึง 12 เมื่อไหร่ใบหน้าของเธอคงกลายเป็นสิงโตไปจนหมด
แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ
「หื้ม ดูท่าจะไม่ดีแล้วสิ」
ผมพูดพร้อมกับเกาหัว ขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของเอฟล์――ไม่สิอะไรสักอย่างที่เคยเป็นเอลฟ์
หัวได้กลายเป็นสิงโต แขนของสิงโต ขาค่อยๆ มีปีกงอกออกมา กรงเล็บแหลมคมที่ชวนให้นึกถึงนกยักษ์ แล้วก็มีปีกอีก 4 งอกมาข้างหลัง แล้วก็หางของสัตว์สองชนิดงอกมาจะสะโพกพันไปกันมา
เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ
ไม่สิจากที่ได้ยินมา ข้อมูลที่อิเรียรวบรวมมาหากจะมีมอนสเตอร์ที่ใกล้เคียงกับภาพที่ผมเห็น
ไม่สิถ้าให้พูดชัดๆ มันไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นเทพปีศาจ
ว่ากันว่ามันคือสายลมแห่งความชั่วร้ายที่พัดผ่านผืนทะเลทราย
ราชาแห่งทะเลทรายอันร้อนระอุที่มีใบหน้าและแขนคล้ายสิงโต ขาและปีกเหมือนอินทรี หางเป็นของงูและแมงป่อง
ชื่อของปีศาจที่ควบคุมไข้และโรคระบาด――
「ใช่ ราชาแห่งสายลมปาซูซุหรือเปล่านะ? 」
ราวกับได้ยินเสียงพูดคนเดียวของผม
ใบหน้าของเธอได้แสยะยิ้มออกมาเพื่อเป็นการยืนยันว่ามันถูกต้องแล้ว
โดยใบหน้าของเธอตอนนี้ได้กลายเป็นสิงโตไปแล้วประมาณ 3 ใน 4 ส่วน
—–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code