ตอนที่ 162 รุ่งสาง
มันคือค่ำคืนที่เลวร้ายที่สุดของวิสทีเรีย
แม้ว่าร่างกายของเธอจะถูกปีศาจร้ายช่วงชิงไปแล้วจะเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย ทว่าร่างกายของเธอที่ถูกฟัน ชก เตะ และโจมตีเข้ามาที่ร่างของเธอ――มันทำให้เธอเจ็บปวดเป็นอย่างมากเสียจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
ตัวของวิสทีเรียเองก็เคยต่อสู้กับมอนสเตอร์และสปิริตมามากในฐานะหัวหน้าผู้พิทักษ์ ร่างกายของเธอมีความทนทานต่อความเจ็บปวด ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของเธอ จิตวิญญาณของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยทุกครั้งที่เธอถูกฟัน ถึงเธอจะอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้ แต่เธอสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่แสนมีค่าภายในร่างของเธอถูกช่วงชิงไป
มันคือความทรมานเสียยิ่งกว่าถูกปีศาจร้ายเข้าสิงเสียอีก
วิสทีเรียถูกรวมเข้ากับปีศาจร้าย เธอสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจ ความเจ็บปวด ความโกรธเกรี้ยวของมันไม่สิ ไม่ใช่แค่รู้สึกได้ แต่เธอเหมือนจะถูกมันครอบงำให้รู้สึกตามไปด้วย
ตอนนี้ตัวเธอถูกครอบงำจากอารมณ์ที่ไม่ได้ออกมาจากตัวของเธอเอง วิสทีเรียต้องอดทนเป็นอย่างมากเพื่อให้ตัวตนข้างในของเธอจริงๆ ไม่หายไปเสียก่อน
มันคงจะง่ายกว่านี่หากเธอหมดสติไปเลย ทว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เมื่อเธอหลอมรวมเข้ากับปีศาจร้ายแล้ว ตราบใดที่มันยังแสดงการต่อต้าน วิสทีเรียก็ต้องต่อต้านตาม
การดิ้นรนของมันดำเนินยาวไปถึงช่วงรุ่งสาง
หลังจากการต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ปีกทั้ง 4 ของปีศาจร้ายได้ถูกฟันทิ้งจนหมด หางทั้งสองข้างก็ขาดวิ่น เล็บมือเล็บเท้าก็ถูกหัก แขนขาก็บิวเบี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ควรจะเป็น รูปลักษณ์ที่แสนน่าสยดสยองคงเป็นคำอธิบายได้เป็นอย่างดี กลับกันแม้จะเจอไปขนาดนี้ ก็ดูเหมือนมันจะยังไม่หยุดต่อต้าน
อาจจะเรียกได้ว่าพลังใจและพลังชีวิตของมันน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายก็คือฝ่ายตรงข้ามที่ไล่ล่ามัน มนุษย์ผมสีดำได้มองไปยังร่างของวิสทีเรียที่ถูกปีศาจร้ายครอบงำด้วยท่าทางเฉยชา เขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย
ทว่าจากนั้นไม่นานนัก จิตสำนึกของปีศาจร้ายที่ถูกฟันทิ้งออกเป็นชิ้นๆ ก็เหมือนจะเริ่มจางหายไป หากวิสทีเรียยังมีแรงเหลือพอ เธอคงสามารถดึงการควบคุมร่างกายของเธอกลับมาได้
อย่างไรก็ตาม วิสทีเรียไม่ได้มีแรงเหลือพอจะทำเช่นนั้นแล้ว ตั้งแต่ที่เธอถูกเนรเทศออกมาจากแอนดร้าเธอก็ต้องต่อสู้กับปีศาจร้ายในตัวที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ต้องลงแรงค้นหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในทะเลทรายอย่างไร้จุดหมาย ต้องฝืนใช้พลังเข้าสู้กับพวกมนุษย์ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับปีศาจร้ายในตัว
มนุษย์ได้ชี้ดาบสีดำไปที่อกของเธอ วิสทีเรียสัมผัสได้ถึงความตายที่อยู่ตรงปลายดาบนั้น
บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นร่างอวตารของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้
หากเธอคิดแบบนั้น เธอก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมพลังของอีกฝ่ายถึงมีมากล้น และยังอธิบายได้อีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่พบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลย แม้จะค้นหามากขนาดไหน
และถึงการคาดเดานี้จะผิดไป แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์คนนี้มีพลังเพียงพอที่จะเอาชนะปีศาจร้ายได้จริงๆ ขอแค่นี้เธอก็บรรลุจุดประสงค์ของเธอแล้ว
――จุดประสงค์ในการทำลายปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวของเธอ
ขณะที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ สติของวิสทีเรียก็ดำดิ่งลงไปในความมืด โดยสัมผัสได้ถึงเสียงคร่ำครวญของปีศาจร้ายที่อยู่ใกล้ๆ หู…..
นี่มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ
วิสทีเรียได้ยินเสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วจากที่ไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงใบไม้ที่สั่นไหวตามสายลมราวกับกำลังร้องบรรเลงประสานกับเสียงร้อง
สายลมที่พัดผ่านตามต้นไม้ช่างดูแผ่วเบา ก่อนจะผ่านแก้มของเธอเหมือนกำลังเชยชมตัวเธอ
สิ่งเหล่านี้ชวนให้เธอนึกถึงป่าในแอนดร้า ความรู้สึกแสนสงบที่ไม่ได้สัมผัสมาตั้งแต่ตอนที่ถุกเนรเทศไปในทะเลทราย หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนได้เติมเต็ม
สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้คือทางภูเขาทิศตะวันออกของเบลก้า มันคือสถานที่ที่ดราก้อนสเลเยอร์ใช้ซ่อนไวเวิร์นคราม แต่แน่นอนว่าวิสทีเรียย่อมไม่รู้
เอลฟ์สาวผมเงินไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ มันเหมือนกับว่าเธอตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่ก็จำไม่ได้ว่าฝันร้ายนั้นคืออะไร ไม่สิเธอไม่อยากจะนึกถึงมันมากกว่า สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการดื่มด่ำกับความสงบสุขนี้ให้ได้นานที่สุด
――อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาเล็กๆ ของเธอก็ต้องสลายไปในวินาทีถัดมา
「ถ้าตื่นแล้ว ฉันว่าเธอก็น่าจะตรวจสอบร่างกายตัวเองสักหน่อยนะ」
「――!」
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น วิสทีเรียที่นอนอยู่บนพื้นก็สะดุ้งโหยงขึ้นเหมือนตุ๊กตาสปริง เธอเห็นชายหนุ่มผมสีดำยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ
วิสทีเรียจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ในทันที และพยายามรักษาระยะห่าง
และเพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ผ้าที่คลุมร่างของเธอเอาไว้อยู่ร่วงลงไปที่พื้น
เสื้อผ้าที่วิสทีเรียสวมไว้เมื่อคืนมันได้ฉีกไปหมดแล้วเพราะการกลายร่าง เสื้อคลุมที่ตกอยู่ตรงพื้นจึงเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเธอ แต่มันไม่สำคัญหรอกเพราะตอนที่เสื้อคุลมตกลงไป ก็หมายความว่าไม่มีอะไรมาปกปิดร่างของเธอเอาไว้แล้ว
สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือตัวเธอในชุดวันเกิดเท่านั้น
「――อุ!? 」
ใบหน้าของวิสทีเรียเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที ถึงเธอจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมความอายที่เอ่อล้นออกมาได้
ทว่าความอายนั้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะตัวเธอถูกความประหลาดใจเข้ามาแทรกแทน
เมื่อเธอก้มมองดูร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ผิวสวยใสอันไร้ที่ตินี่ มันชวนให้เธอประหลาดใจว่าใช่ร่างของเธอที่ถูกฟันจนเละไปเมื่อคืนก่อนจริงหรือ
ที่สำคัญกว่านั้น ร่างของเธอที่สะท้อนผ่านแววตามันคือร่างจริงๆ ของเธอที่ไม่ได้มีส่วนผสมของสัตว์ร้ายอยู่เลย ไม่มีขนตรงแขน ไม่มีเกล็ดตรงขา ไม่มีกรงเล็บงอกออกมาตามมือเท้า รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเธอ
วิสทีเรียเอามือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธออย่างประหลาดใจ จากนั้นก็คลำไปตามแก้ม ริมฝีปาก จมูก หน้าผากด้วยความกระสับกระส่ายตามลำดับ
นี่คือใบหน้าของเธอจริงๆ ไม่ใช่ใบหน้าที่แสนน่าเกลียดนั้น
「………………อ……อ่า」
เสียงสะอื้น ส่งออกมาจากริมฝีปากที่ได้รูปของเธอ พอได้เห็นเรื่องที่เกินจะเชื่อนี้ ร่างของเธอก็ทรุดลงไปทันที จนลืมไปแล้วว่าเธอเปลือยเปล่าอยู่
หากสังเกตให้ดีเธอก็จะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอก็แสดงอาการเคอะเขินนิดหน่อยและพยายามจะหลบสายตาออกจากร่างของเธอ แล้วพูดขึ้น
「อย่างน้อยช่วยใส่เสื้อคลุมก่อนเถอะ แบบนี้ฉันไม่รู้จะเอาตาไปไว้ไหนน่ะ」
「เอ๋…………อ๊ะ?!」
วิสทีเรียได้สติกลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้น ก่อนจะรีบหยิบเสื้อคลุมที่ตกบนพื้นมาใส่อีกครั้ง ทางชายหนุ่มก็ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการทำมิดีมิร้ายเธอด้วย
จากนั้นวิสทีเรียก็ปิดซ่อนร่างอันเปลี่ยนเปล่าของเธอไว้ใต้เสื้อคลุมแล้วหันหน้าไปเผชิญกับชายหนุ่มอีกครั้ง
เธอขมวดคิ้วขณะจ้องมอง เพราะไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทางแบบไหนกับเขาดี
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเธอ นั่นคือสิ่งที่วิสทีเรียคิด เพราะหากเขาต้องการจริงๆ คงไม่พลาดโอกาสไปตั้งแต่ตอนที่เธอหมดสติไปแล้ว
กลับกันเธอก็ไม่อาจจะปักใจเชื่อได้ว่าเขาจะเข้ามาช่วยเธอด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ขนาดนั้น เพราะมันจะไปมีใครบนโลกใบนี้อยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือปีศาจร้ายที่แสนน่าสะพรึงกลัวกัน
วิสทีเรียเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อดี
อย่างไรก็ตามหากตัดเรื่องเจตนาของฝ่ายตรงข้ามออกไป ก็ต้องขอขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ร่างกายของเธอซึ่งถูกปีศาสร้ายสิงสู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างน้อยเธอก็ควรจะพูดขอบคุณเขาสักครั้ง เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงตั้งใจจะเปิดปากพูด ทว่า
「ขอถามหน่อยสิ เธอรู้จักสิ่งที่เรียกว่าอนิม่าไหม? 」
ชายหนุ่มถามตัดหน้าเธอ
เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เธอก็ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบกลับ
「….ไม่เลย น่าเสียดายแต่ฉันไม่เคยได้ยินคำนั้นมาก่อนค่ะ」
「เหรอ แล้วเจ้าตัวเมื่อคืนเธอเรียกมันว่าอะไรล่ะ? 」
「….ปีศาจร้าย…นั่นคือสิ่งที่พวกฉันเรียกกัน」
หลังจากตอบคำถามเขาเสร็จ เธอก็เลือกจะถามส่วนของเธอบ้าง
ฉันก็มีเรื่องจะถาม
「ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน จะได้ไหมคะ? 」
「ก็ได้หรอก แต่ไม่รู้นะว่าจะตอบได้ไหม」
「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ」
จากนั้นวิสทีเรียก็วางกำปั้นของตนไว้ที่อกซ้าย แล้วก้มหัวลง มันคือการทักทายของเหล่านักดาบแอนดร้า
「ฉันมีชื่อว่าวิสทีเรีย ขอขอบคุณที่ช่วยชัดการกับปีศาจร้ายที่สิงสู่ร่างของฉันอยู่ หากเป็นไปได้ขอทราบชื่อของคุณได้หรือเปล่า」
ชายหนุ่มที่ถูกถามกะพริบตาปริบๆ อาจจะเพราะเขาคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแนวนี้ก่อน
จากนั้นเขาก็ยักไหล่แล้วตอบ
「โซระ」
「โซระ….งั้นฉันจะขอเรียกคุณแบบนั้นเลยแล้วกันนะคะ」
หลังจากอีกฝ่ายบอกชื่อเสร็จ วิสทีเรียก็จ้องมองไปยังชายหนุ่ม――ไม่สิ โซระอีกครั้ง
วิสทีเรียเริ่มดึงความทรงจำเมื่อคืนก่อนกลับมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เทพปีศาจจะปรากฏตัว เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชน
ในตอนนีเธอมั่นใจแล้วว่า สิ่งนั้นคือโซระ
ความรู้สึกหวาดกลัวที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านได้เพียงแค่จ้องมอง ถึงตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจะเบาบางลงไปกว่าตอนที่สู้กับเทพปีศาจบ้างก็ตาม
วิสทีเรียกำหมัดแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นความกลัวของเธอ ก่อนจะเปิดปากขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เสียงของเธอสั่น
「โซระ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยปลดปล่อยฉันจากปีศาจร้าย ดังนั้นนี้จะเป็นคำถามถัดมาค่ะ จุดประสงค์ของคุณคืออะไรกัน ทั้งที่คุณสามารถฆ่าฉันไปพร้อมกับปีศาจร้ายเลยก็ได้แท้ๆ ฉันนึกถึงเหตุผลที่คุณช่วยฉันไม่ออกเลยจริงๆ และยังรอให้ฉันฟื้นขึ้นมาเพื่อพูดคุยกันอีก ฉันขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหมคะ? 」
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code