ตอนที่ 174 ราชาแห่งยักษา
พอได้มาเห็นเบฮีมอธระยะประชิดแบบนี้แล้ว ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวเลยก็คือใหญ่โคตร
ถ้านับจากเบฮีมอธที่ผมเคยเห็นในอดีตจากความทรงจำของโซลอีทเตอร์ น่าจะมีประมาณ 10 กว่าตัวได้ ดังนั้นหากจะใช้เทียบเจ้าตัวนี้ก็เหมือนกับราชาแห่งยักษาของเจ้าพวกนั้นอีกที
ไฮดราที่เคยสู้ในป่าทีทิสที่ใหญ่อยู่หรอก แต่เทียบไม่ได้กับเบฮีมอธตรงหน้าผมเลย
การปรากฏตัวของร่างขนาดยักษ์ที่เหยียบย่ำบนพื้นทรายภายใต้แสงจันทร์ช่างดูน่าสนใจอย่างแปลกประหลาด――ก็อยากจะดื่มด่ำบรรยากาศอีกสักหน่อยนะ แต่สายตาของมันที่จ้องมองมาเด็กเห็นคงได้เอาไปเก็บฝันร้ายแน่
ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมันซึ่งเป็นส่วมผสมกันของแรด สิงโต หรืออะไรอีกหลายๆ อย่างจากในทะเลทราย มันได้เกิดมาเป็นร่างของสิ่งนี้นี่แหละ
การเคลื่อนไหวของพวกมอนสเตอร์ที่เกาะตามร่างของมันก็ชวนให้ผมนึกถึงหนอนที่ชอนไชซากศพหรือกองทัพมดที่รุมเหยื่อของมัน
ว่ากันตามตรง ตอนแรกผมก็คิดว่าพวกมอนสเตอร์มันกำลังหิวโหยจนเข้าไปกัดกินร่างของเบฮีมอธ แต่เมื่อเบฮีมอธคำรามออกมา พวกมอนสเตอร์ทั้งหมดก็เริ่มหันมาโจมตีผมแทนทันที
ดูเหมือนพวกมอนสเตอร์กับราชาแห่งสัตว์ร้ายจะมีความสัมพันธ์กันแบบแปลกๆ พวกมอนสเตอร์จะกัดกินเลือดเนื้อของมัน กลับกันหากเบฮีมอธตกอยู่ในอันตราย พวกมันก็พร้อมจะปกป้อง
คำตอบของเรื่องที่ฝูงมอนสเตอร์ซึ่งผมฆ่าไปก่อนหน้ามีทำไมถึงมีเยอะ――เพราะมอนสเตอร์จำนวนมากขนาดนี้ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดในทะเลทรายซึ่งมีอาหารเพียงน้อยนิดได้หรอก――คำตอบนั้นก็คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ
「หากจะฆ่าแก ก็ต้องลากเจ้าพวกนี้ลงหลุมไปด้วยสินะ」
อันที่จริงก็ไม่ใช่งานใหญ่อะไรหรอก หากผมเลือกจะใช้ค้อนน้ำแข็งสักสองสามรอบก็น่าจะพอกวาดพวกมันให้หายไปจนหมดแล้ว แต่หากผมเลือกทางนั้นผมก็จะไม่ได้วิญญาณของพวกมัน เอาเถอะคงช่วยไม่ได้หากพวกมอนสเตอร์มันไม่มีแหล่งอาหารอย่างเบฮีมอธอยู่มันอาจจะหิวจนไปโจมตีเบลก้าหรือโอเอซิสอื่นๆ ด้วยก็ได้ ดังนั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
เอาเป็นว่าหากเบฮีมอธมันรู้ถึงสิ่งที่ผมจะสื่อออกไปมันคงโกรธมากแน่ เพราะมันคือการประกาศว่าจะเอาชนะตัวมันที่เป็นถึงผู้ชำระล้างผืนดิน ซึ่งหากเป็นผมก็คงโกรธแหละ
แต่มันก็เรื่องจริงที่ผมไม่ได้มองว่าพวกเผ่าพันธุ์ในตำนานเป็นอุปสรรคหรือภัยคุกคาม โดยเฉพาะเมื่อมาอยู่ตรงหน้าของมันแบบนี้
ไม่เถียงว่าเบฮีมอธตัวนี้ตัวใหญ่โคตร ร่างกายทุกส่วนของมันเป็นอาวุธได้ ขาที่ใหญ่เท่าปราสาท ผมคงถูกมันเหยียบจนแบนโดยไม่สามารถหลบได้แน่
นอกจากนี้ การป้องกันที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน กล้ามเนื้อและไขมันซึ่งปกคลุมร่างก็หนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเบลก้าซะอีก ถึงจะใช้อาวุธโถมโจมตีเข้าไป ร่างกายที่ใหญ่โตของมันก็คงไม่คัน
ด้วยขนาดของมันจึงเป็นศัตรูที่รับมือลำบาก――แต่ทุกอย่างมันก็มีทางออกของมันอยู่
ถึงจะเป็นจุดแข็งแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดอ่อน
นานมาแล้ว มีนิทานเรื่องหนึ่งที่แม่ของผมเลยเล่าให้ฟัง มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้กล้าที่เกิดมาตัวเล็กเท่านิ้วมือ ซึ่งออกเดินทางไปปราบปีศาจเพื่อทำให้ความปรารถนาของตัวเองเป็นจริง ผู้กล้าได้ใช้ร่างกายขนาดเล็กของเขาเข้าไปในร่างของปีศาจและเอาชนะมันได้โดยการทำลายภายใน
ตั้งแต่ที่ผมเห็นเบฮีมอธในความทรงจำของโซลอีทเตอร์ ผมก็คิดกลยุทธ์นี้ขึ้นมาได้ ยิ่งผมได้เห็นมันด้วยสองตาผมก็ยิ่งมั่นใจว่าแผนนี้จะได้ผล ผมจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือคิดว่าจะถูกมันคุกคามเลย
「หากแกยิงใส่ฉันสุดแรงตั้งแต่นัดแรก แกก็คงจะมีโอกาสชนะอยู่แหละ」
หากเบฮีมอธมันเลือกจะบีบอัดพลังแล้วยิงมาอย่างสุดแรง ลมหายใจดวงดาราของมันคงสามารถทำให้ผมหมดสภาพได้นานแล้ว
ขณะที่คิดเรื่องนี้อยู่ ผมก็พุ่งเข้าไปใกล้เบฮีมอธให้มากขึ้น
ปากของมันที่ไม่ได้ปิดสนิทจากการคำรามก่อนหน้านี้ถือเป็นจังหวะที่ดี ด้วยร่างกายที่ใหญ่ของมันขอใช้เป็นแต้มต่อหน่อยเถอะ
โชคดีที่ไม่มีพวกมอนสเตอร์กองอยู่บริเวณหัวของมัน ดังนั้นผมจึงเข้าไปในปากของมันได้อย่างง่ายดาย แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะการพ่นลมหายใจของมันย่อมทำให้พวกมอนสเตอร์ปลิวหายไปด้วย
ทันทีที่ผมเข้าไปในปากของมัน กลิ่นเหม็นและความเหนียวเหนอะหนะก็ห่อหุ้มร่างกายของผมเอาไว้ ภาพที่ผมเห็นข้างในก็คือฟันแหลมคมนับไม่ถ้วนและลิ้นขนาดใหญ่ที่ขยับไปมาเหมือนกับปลิง กล้ามเนื้อที่หดยืดไปมาซ้ำๆ จนน่าขนลุก
แถมยังเต็มไปด้วยเลือด
ไม่รู้จะเรียกว่าน่าประหลาดใจหรือน่าสะอิดสะเอียนดี แต่ก็คงบ่นอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นผมเองที่เลือกเส้นทางนี้
การขยับตัวของกล้ามเนื้อที่น่าขนลุกนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อภายในปากของมันซึ่งถูกเผาไหม้ไปด้วยพลังเวทจากลมหายใจก่อนหน้า――ซึ่งมันก็จะอธิบายได้อีกว่าทำไมภายในปากของมันถึงเต็มไปด้วยเลือด
ขณะที่ผมกำลังไถลเข้าไปในถ้ำส่วนลึกของมันหรือก็คือปากของมัน เบฮีมอธก็เริ่มคำรามออกมาอีกครั้ง บางทีมันคงจะรู้ว่าผมเล็งอะไรเอาไว้ น้ำเสียงของมันจึงแตกต่างไปจากคราวแรก มันเป็นน้ำเสียงที่ผสมผสานไปด้วยความโกรธ ความไม่พอใจ ความประหลาดใจ
ลิ้นขนาดมหึมาของมันได้พยายามจะเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปาก เพื่อป้องกันสิ่งนั้น ผมจึงได้ใช้ดาบฟันลิ้นของมันหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่งานง่ายเลย หากผมประมาทแม้แต่เพียงนิดเดียว ลิ้นของมันคงได้บดขยี้ร่างผมแน่
ดังนั้นผมจึงลองใช้ดาบฟันไปที่ฟันของมันแทนที่จะเป็นลิ้นและไม่ลืมที่จะไถคมลากยาวเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับมันเป็นการเบี่ยงความสนใจ
น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลนัก แต่คิดว่ามันถึงกลับปล่อยให้มอนสเตอร์กันกินร่างกายของมัน เบฮีมอธคงไม่ได้มีประสาทรับรู้ความเจ็บปวด ไม่สิถึงมันจะรู้สึกแต่ก็คงเบาบางมาก
จะว่าไปไฮดราก็ไม่ต่างกันนี่หว่า
ด้วยเหตุนี้ผมคงต้องเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการเข้าไปถึงข้างในร่างของมันให้สำเร็จ ในขณะที่หลบลิ้นของมันซึ่งพยายามขัดขวางผม ผมก็ค่อยๆ ลงไปลึกเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บหรือไม่ก็ตาม แต่การคว้านเอาอวัยวะภายในร่างโดยตรงยังไงก็ต้องสร้างบาดแผลถึงชีวิตให้มันได้ ถึงจะไม่ตายเพียงเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ผมก็มีอาภรณ์วิญญาณที่จะคอยกัดกินวิญญาณของอีกฝ่ายจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
พลังชีวิตของเผ่าพันธุ์ในตำนานไม่ใช่ของมีไว้โชวเฉยๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นอมตะ ตั้งแต่ที่ผมเอาชนะไฮดราลงได้ ผมก็รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ
◆◆◆
――กุโอ้ววววววว!
เบฮีมอธรู้สึกสับสน ประหลาดใจ และโกรธมาก เมื่ออารมณ์ทั้งหลายของมันผสมปนเปกันมันก็ส่งเสียงคำรามที่สะเทือนโลกและสวรรค์ออกมา
มันคือความไม่พอใจที่มันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศัตรูพยายามเข้าไปในร่างของมัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไพรเมทหรือแฟรี่ ความพยายามของพวกมันก็จบลงที่ล้มเหลว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับแมลง มันจะไปทำอะไรได้กันเมื่อเข้าไปในปากราชสีห์
เบฮีมอธคือตัวตนของความโลภและตะกละ มันคือสิ่งที่กัดกินศัตรูของโลกใบนี้
จนถึงตอนนี้มันก็ได้กลืนกินทั้งทวยเทพและปีศาจมานักต่อนักแล้ว ถึงอีกฝ่ายจะเป็นมังกรผลลัพธ์ก็ไม่ควรเปลี่ยน สัตว์ตัวจ้อยที่กระโดดเข้าไปในปากของมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกความตายให้ตัวเอง――ทั้งที่มันควรจะเป็นเช่นนั้น
――หยุด หยุด จงหยุดเสีย!
แต่การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้หยุดลง เขายังคงเดินหน้าต่อไป ฟาดฟัน ทิ่มแทงร่างกายของมันจากข้างในตามอำเภอใจ
เบฮีมอธเผลอเปิดปากออกมา จากนั้นของเหลวสีดำอมแดงก็พ่นออกมาราวกับน้ำพุ ราตรีของผืนทะเลทรายได้ถูกย้อมด้วยกลิ่นเหม็นและไอพิษ
ของเหลสที่ผสมกันระหว่างเลือดและของเสียภายในร่างมันกระจายไปทั่วทะเลทราย มอนสเตอร์บางกลุ่มได้รวมตัวกันเพื่อไปกัดกินของเหลวพวกนั้น
จากนั้นผลกระทบจากการโจมตีภายในร่างของมันก็ไม่ได้หยุดลง มันรู้สึกสั่นไปทั้งตัว มันคือความทรมานที่แม้แต่มันซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานก็ไม่อาจจะทนไหว
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมันตายแน่ ด้วยสิ่งที่เป็นเหมือนกับลางบอกเหตุมันจึงส่งเสียงคำรามออกมา
――คนเขลา! ไอ้เจ้าคนเขลา! นี่เจ้าเข้าใจถึงความหมายของกระทำของเจ้าหรือไม่!
เสียงคำรามที่ถูกส่งไปยังศัตรูซึ่งอยู่ภายในร่างของมัน ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดจะหยุดมือของตัวเองราวกับตั้งใจจะเย้ยหยันมัน
ความเจ็บปวดอันแสนเหลือจะทนได้ทะลวงไปทั่วร่างของมัน
มันพยายามจะกระโดด ขยับร่างของมันไปมา จนถึงขั้นกลิ้งไปตามพื้นจนเกิดแรงสั่นสะเทือนซึ่งส่งผลกระทบไปถึงกำแพงเมืองเบลก้าที่ห่างไกล
มอนสเตอร์หลายตัวที่เกาะตามร่างของมันก็ตกลงมาและถูกขยี้ตายโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตของมันจึงทำให้มันไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้โดยง่าย สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงคำรามและดิ้นรนไปมากับพื้น
แต่ถึงแม้มันจะยืนขึ้นมาได้สุดท้ายมันก็คงจะทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง เพราะศัตรูที่อยู่ภายในร่างของมันได้ทำการครอบครองหัวใจซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน――ต้นกำเนิดพลังชีวิตของมันไปเสียแล้ว
——–
Note 1 : จะง่ายขนาดนี้จริงเหรอ…
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code