ตอนที่ 194 4 พี่น้องนากายามะ 3
――ทหารคาซานบางส่วนที่ยอมจำนนต่อนากายามะ ได้พยายามก่อกบฏโดยมีลูกชายของกษัตริย์กิเอนผู้ล่วงลับเป็นหัวหอก
เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวจากฮาคุโร่ โดกะก็เอียงศีรษะด้วยความงุนงง
「เมื่อกี้เจ้าเรียกอีกฝ่ายว่าลูกชายเหรอ? เท่าที่ข้ารู้ลูกชายทุกคนของกษัตริย์กิเอนน่าจะถูกฆ่าตายในสนามรบไปหมดแล้วนี่」
โดกะก็เป็นหนึ่งในคนที่สังหารลูกชายคนโตและคนรองของกิเอน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าคือยอดนักรบ แถมถึงจะบอกว่าเป็นลูกชายแต่ทุกคนต่างก็อายุมากกว่าโดกะทั้งสิ้น แล้วทำไมคนของราชวงศ์คาซานที่ควรจะตายไปในสนามรบจนหมดแล้วจากฝีมือของนากายามะถึงยังหลงเหลือกัน
พอได้ยินแบบนั้น ฮาคุโร่ก็ส่ายหัวไปมาช้าๆ
「ตอนแรกข้าก็คิดแบบพี่รอง ทว่าจากข้อมูลที่ได้เหมือนจะมีลูกชายที่รอดชีวิตซึ่งอายุเพียง 8 ปี ชื่อว่ายามาโตะ เนื่องจากเขายังเด็กมากเลยไม่ได้เข้าร่วมสงคราม อีกทั้งตอนที่เราพิชิตไซโตะได้ เขาก็ถูกพี่สาวพาหนีออกจากเมืองไปเสียก่อน」
โดยฮาคุโร่เสริมว่าพี่สาวของเด็กชายชื่อว่ารัน
แม่ผู้ให้กำเนิดรันและยามาโตะนั้นมีฐานะต่ำต้อย เขาเลยไม่ได้รับสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ ดังนั้นเขาจึงหลุดรอดจากเครือข่ายข่าวกรองของฮาคุโร่ไป
กิเอนเองก็คงไม่ได้อยากจะให้พวกพี่น้องทะเลาะกันเพิ่มขึ้น ก็อย่างที่ว่าไปว่าเขามีลูกชายช่วงวัยกลางคนอยู่เยอะมาก การรักษาสมดุลภายในก็ต้องดีด้วย ยามาโตะที่ยังเด็กมากย่อมไม่มีทางจะได้เฉิดฉายออกมาในเกมการเมือง อีกทั้งด้วยฐานะจึงไม่แปลกที่กิเอนจะทิ้งให้เขาอยู่ในเงามืดทั้งอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันมันได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อลูกชายของกิเอนทุกคนสิ้นชีพจนหมดจากการต่อสู้คราวก่อน ยามาโตะจึงกลายเป็นทายาทของคาซานเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
「ส่วนพวกที่สนับสนุนเด็กคนนี้ก็คือพวกคาซานที่ไม่พอใจกับการถูกนากายามะกลืนกัน เห็นว่าไปซ่องสุมกำลังกันที่เขาไดโก」
『เขาไดโก? 』
โดกะกับคาการิเปล่งเสียงแห่งความประหลาดใจออกมาพร้อมกัน
เขาไดโกเป็นชื่อของภูเขาที่ตั้งอยู่ห่างไกลกับไซโตะและเป็นแหล่งอาศัยของเหล่ามอนสเตอร์สุดโหดจำนวนมาก ภูมิประเทศยากต่อการเดินทาง บริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยไอพิษที่ไหลออกมาจากผืนดิน มันเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย จึงทำให้บริเวณนั้นไม่มีเมืองหรือหมู่บ้านอยู่เลย
จึงทำให้ทั้ง 2 สงสัยว่าเพราะอะไรถึงต้องไปซ่องสุมกำลังกันตรงนั้น
ส่วนสาเหตุที่พวกโดกะรู้จักชื่อเขาที่อยู่ห่างไกลขนาดนั้น ก็เพราะเขาไดโกเป็นสนามรบที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่โบราณ
มันคือสถานที่ที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างคิจินกับมนุษย์หรือที่เรียกกันว่าคนเฝ้าประตู
โดยพื้นฐานแล้วพวกที่เฝ้าประตูนั้นจะไม่เคลื่อนไหวอะไรเว้นเสียแต่พวกคิจินพยายามจะออกไปจากประตูเพื่อปลดปล่อยเผ่าพันธุ์จากคิไคหรือเห็นว่าพวกคิจินมีแนวโน้มทำอะไรแปลกๆ โดยการต่อสู้ดังกล่าวเกินขึ้นล่าสุดประมาณเมื่อ 50 ปีก่อนบนเขาลูกนั้น
หนึ่งในสาเหตุที่นากายามะเริ่มโจมตีอีกฟากของประตูทันทีที่ยึดคาซานได้ก็เป็นเพราะอยากป้องกันไม่ให้พวกมนุษย์มีเวลารู้ข่าวการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งของนากายามะได้และเตรียมการป้องกันทัน
――ชวนให้สงสัยว่าพวกกบฏคาซานเลือกใช้บริเวณนั้นให้เกิดประโยชน์จากการที่มีพวกมนุษย์อยู่แถวนั้นหรือไม่ ในการซ่องสุมกำลัง
พอโดกะคิดแบบนั้นก็ต้องส่ายหัวตัดความเป็นไปได้ ดินแดนแห่งนั้นฝ่ายคิจินได้พ่ายแพ้ให้กับพวกมนุษย์การจะไปอยู่ตรงนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก ทั้งมอนสเตอร์ความลำบากมากมาย พื้นที่ที่แสนห่างไกลจากเมืองหลวง การยกทัพมาจากตรงนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมเลยสักนิด
หากจะให้นึกถึงข้อดีสักข้อก็คงเป็นมันไกลเกินไปและไม่คุ้มที่จะส่งกองกำลังของนากายามะไปปราบ
หากศัตรูต้องการจะซ่องสุมกำลังแล้ววางแผนที่จะยึดเมืองหลวงไซโตะคืน――โดกะมองว่ามันแปลกเกินไป จากนั้นก็เอามือลูบเคราตนเองไปมา
「จะเรียกว่ากบฏก็คงจะแปลกไปไหม ก็จริงว่าทางเราไปปราบยาก แต่อีกฝ่ายก็มาบุกที่นี่ยากเหมือนกัน ทำแบบนั้นจะไปฟื้นฟูคาซานได้เช่นไรกัน นอกจากนี้ข้ามองว่าถึงจะปล่อยไปเดี๋ยวพวกนั้นก็คงล่มสลายไปเองไม่ใช่หรือ? 」
「ข้าเข้าใจที่พี่รองต้องการจะสื่อ แต่จากนี้ไปพวกเรายังต้องเดินทางไปที่ประตูนั่นอยู่แล้ว การกำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางอยู่จึงเป็นเรื่องที่สมควร นอกจากนี้แม้ปัจจุบันจะเป็นเพียงงูตัวเล็กแต่อนาคตพวกมันอาจจะกลายเป็นมังกรก็ได้」
「อึก」
โดกะผงะไปเมื่อได้ยินคำพูดของฮาคุโร่
ในอดีตกิเอน กษัตริย์แห่งคาซานผู้สังหารพ่อของ 4 พี่น้องก่อนจะทำลายบ้านเมืองของพวกเขาจนสิ้น แต่ด้วยความประมาทที่ไว้ชีวิตพวกเขา สุดท้ายมันก็กลายมาเป็นดาบย้อนแทงตน
ฮาคุโร่ไม่ต้องการจะเดินซ้ำรอยของกิเอน โดกะจึงยอมรับมุมมองของน้องชายตนอย่างว่าง่าย
「ข้าเข้าใจแล้ว ถึงจะเป็นเด็กก็ไม่ควรปล่อยไปสินะ ว่าแต่――」
โดกะหยุดพูดก่อนจะมองไปทางคาการิ
ดังที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่านากายามะได้สังหารพวกผู้ชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์คาซานไปจนหมด เว้นเสียแต่ยามาโตะ ทว่ามันก็เกิดขึ้นภายในสนามรบเท่านั้น หลังสิ้นสุดสงคราม เลือดของราชวงศ์คาซานก็ไม่เคยหยุดลงอีกเลยแม้แต่หยดเดียว
ทั้งนางสนมและลูกสาวของกิเอนยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งก็มาจากความใจกว้างของอาซึมะ ในขณะเดียวกันก็เป็นเพราะคาการิซึ่งขอร้องให้หยุดแต่เพียงเท่านี้
ก็จริงว่าคาการิมีความแค้นต่อคาซานเป็นอย่างมาก เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงบุญคุณที่พวกนั้นเคยไว้ชีวิตตนในอดีตแต่อย่างใด เหตุผลที่เขาเลือกเส้นทางนี้ก็เพราะสัญญากับกิเอนเอาไว้ในฐานะนักรบว่า หากใครยอมจำนน นากายามะก็จะไม่แตะต้อง
ดังนั้นการสังหารยามาโตะที่ปฏิเสธที่การจำนนและหลบหนีไปจึงไม่รวมในสัญญา――ทว่าในใจของเขากลับมีภาพของกิเอนผู้รู้ตัวว่าตนพ่ายแพ้ไปแล้วผุดขึ้นมา
ทว่าการฆ่าลูกของกิเอนแม้จะยังเป็นเด็กเพียงเพราะเด็กคนนั้นอาจจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความหายนะในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องน่าภิรมย์สำหรับคาการินัก
เขาไม่ลังเลอยู่แล้วหากยามาโตะและพวกพ้องเลือกจะกบฏเมื่อเติบใหญ่ พวกเขาจะถูกคาการิบดขยี้อย่างไร้เยื่อไย หากนากายามะต้องพินาศเพราะเรื่องนี้เขาก็จะมองว่าเป็นเพียงชะตากรรมที่พาตนมาจบชีวิตตรงนี้
นั่นคือในใจของเขา ทว่าคาการิก็ตระหนักดีถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้สนับสนุนนากายามะ
คาการิจึงตัดสินใจและเปิดปากพูด
「พี่ฮาคุโร่ เดี๋ยวข้าไปที่ไดโกเอง」
「ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องพูดเช่นนั้น แต่บอกไว้ก่อนนะว่าคราวนี้เจ้าไม่สามารถแสดงความเมตตาใดๆ ออกมาได้เด็ดขาดเหมือนคราวก่อน การกระทำครั้งแรกก็เป็นเหมือนความเมตตาของนากายามะ แต่ครั้งที่สองคือการดูหมิ่น」
หากนากายามะปล่อยกบฏไปโดยง่าย ความหวังในการรวมแผ่นดินต่อสู้กับพวกคนเฝ้าประตูก็คงเป็นแค่ฝัน
ถึงนากายามะจะใจกว้าง แต่ก็ใช่จะไร้สิ้นสุดนากายามะต้องแสดงให้ผู้คนเห็นว่าหากผลักไสความเอื้ออาทรจากพวกเขาจะพบเจอกับอะไร กบฏจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเพียงเด็กอายุ 8 ปีก็ตาม
ในอีกมุมหนึ่ง พวกคาซานที่อยู่ในไดโกก็เลือกช่วงเวลาได้เหมาะสมดี
เพราะตอนนี้นากายามะมีแผนจะโจมตีประตูอย่างเต็มอัตรา ไม่เพียงแค่โดกะหรือคาการิที่ต้องออกไปแนวหน้า แต่ฮาคุโร่กับอาซึมะก็ต้องออกจากเมืองหลวงไปเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ตอนนี้น่าจะช่วยสร้างรากฐานนากายามะให้มั่นคงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย พวกกบฏจะกลายเป็นตัวอย่างสำหรับผู้ต่อต้าน
คาการิที่เข้าใจถึงความตั้งใจของพี่ชายเขา ก็พยักหน้ารับ
จากนั้นลูกชายคนที่ 3 ของนากายามะก็พูดต่อด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนราวกับอย่างคลายความเครียดของผู้เป็นน้อง
「นั่นสินะ หากจะพูดให้ละเอียดหน่อย พวกเราควรจะบดขยี้พวกกบฏที่ต่อต้านให้สิ้น เราจะเผาพวกมันไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก จัดการร่างของพวกมันให้ไม่หลงเหลือเศษใดๆ บนแผ่นดิน」
「…ถึงขนาดเอาไม่เหลือซากเลยสินะ เราไม่จำเป็นต้องเก็บหัวศัตรูไว้เหรอ พี่ฮาคุโร่? 」
「ไม่จำเป็นหรอก จะเอามาแขวนทีละคนก็เสียเวลาเปล่า นอกจากนี้การเอาหัวของเด็ก 8 ขวบกับพี่สาวของเขามาแขวนอาจจะทำให้บางคนไม่พอใจแล้วคิดว่านากายามะโหดร้ายเกินไปก็ได้」
ฮาคุโร่บอกว่าทุกอย่างมันควรจะอยู่ในความพอดี โดกะที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็พูดขึ้นก่อนจะตบเข่าตัวเอง
「เพราะแบบนี้เองสินะ ตอนนั้นเจ้าถึงได้ส่งข้ากับคาการิออกจากไซโตะแล้วไปที่ประตู ที่แท้ก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของพวกคาซานที่ไม่พอใจนากายามะสินะ? 」
ทั้งโดกะและคาการิต่างก็เป็นสุดยอดนักรบแห่งนากายามะ พวกเขามีความสามารถในการรบราวกับมีทหารนับพัน การที่ทั้งสองบุกไปต่อสู้กับผู้เฝ้าประตู แม้จะเกิดความวุ่นวายขึ้น พวกเขาก็ไม่มีทางกลับมาช่วยได้ทนแน่
สำหรับพวกที่คิดไม่ซื่อแล้ว โอกาสแบบนี้ช่างสมบูรณ์แบบในการโค่นอาซึมะและนากายามะ
ฮาคุโร่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
「สมกับเป็นพี่รองจริงๆ 」
เมื่อเห็นน้องชายของเขาชม โดกะก็ส่ายหัวไปมา
「แต่วิธีการนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับใช้ข้าเป็นตัวล่อ ดังนั้นการตัดสินใจตอนท้ายคงไม่ใช่ฮาคุโร่อยู่แล้วใช่ไหม? 」
จากนั้นพวกเขาก็จ้องมองไปยังพี่ใหญ่ ที่นั่งอย่างสงบนิ่ง
「อื้อ ก็ข้าเองนี่แหละ ต้องขอโทษที่ปิดทั้งสองคนไว้ละกัน」
「ไม่เป็นไรหรอก โบราณว่าไว้การจะหลอกศัตรูได้ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันก่อน เฮียไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ว่าแต่การปลุกระดมของพวกเขาที่นั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ? 」
ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับไซโตะหรอก ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายอ่านเจตนาและกับดักของออก ก็เลยเลี่ยงเล่นใหญ่ไป แต่มันก็ยังแปลกอยู่ดีเพราะการกบฏปลุกระดมมันเกิดขึ้นที่แสนห่างไกลขนาดนั้น มันจะทำอะไรได้กัน สภาพของไซโตะในตอนนี้ที่สงบสุขก็คงเป็นหลักฐานได้ดีแล้ว
เพื่อตอบคำถามของโดกะ ฮาคุโร่ได้แจกแจงสถานการณ์ที่เขาคาดเดารวมกับเข้ากับข้อมูลที่มี เขามองว่าตอนแรกพวกกบฏก็อาจจะตั้งใจยึดไซโตะและเด็ดหัวอาซึมะ ทว่าผู้ที่ติดตามกบฏคราวนี้อาจจะน้อยกว่าที่คิดไว้มาก ก็เลยเลือกหันไปสร้างความวุ่นวายในที่ห่างไกลแทน
ซึ่งก็ชวนให้ฮาคุโร่แปลกใจเหมือนกัน เพราะอดีตผู้ติดตามของคาซานต่างก็เลือกจะยอมจำนนและไม่เข้าร่วมกับพวกกบฏ มันหมายถึงการยอมรับการปกครองของนากายามะและไม่คิดจะกบฏต่อนากายามะในอนาคตแน่ บางทีอาจจะเป็นเพราะฝีมือในการดูแลของเขาด้วย
ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือการปราบกบฏ
ฮาคุโร่ตั้งใจจะส่งกองกำลังที่เขาคุมไปโดยไม่แสดงความเมตตาใดๆ ออกมาแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือเด็ก 8 ขวบ
เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยถูกคาซานทำลายล้างไป ในบรรดา 4 พี่น้องฮาคุโร่อาจจะเป็นคนแค้นฝังหุ่นเยอะสุดด้วย
ทว่าหากฮาคุโร่ปล่อยให้ทุกอย่างไปตามอารมณ์และฆ่ายามาโตะไปโดยไม่นำมาคุยอะไรกับพวกพี่น้องก่อน ก็อาจจะสร้างความไม่พอใจให้คาการิผู้มอบความเมตตาให้คาซานได้ ตรงข้ามกับอาซึมะที่แบกรับทั้งความดีและความชั่วร้ายไว้กับตนเอง คาการินั้นคือความบริสุทธิ์ที่สมวัยของเขา
หลังจากที่เขาปรึกษาเรื่องต่างๆ กับอาซึมะเสร็จ เขาจึงตัดสินใจเรียกคาการิมาที่ไซโตะและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง
แล้วก็เป็นไปตามที่คาด คาการิขอเป็นคนไปปราบกบฏด้วยตัวเอง นี่เสมือนเป็นการยื่นโอกาสรอดให้กับพวกนั้นอีกครั้ง เพราะเขารู้ดีว่านิสัยของคาการิคงฆ่าพวกยามาโตะไม่ลงแน่
เขาเองก็มองว่าน้องชายของตนช่างไร้เดียงสา แต่เมื่อคำนึงถึงระดับความคุกคามของยามาโตะและพวกที่ซ่องสุมกำลังแล้ว ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ นั่นคือสิ่งที่ฮาคุโร่ตัดสินใจ
แล้วถ้าถามว่าทำไมโดกะถึงถูกเรียกตัวมาด้วย ฮาคุโร่ก็เริ่มอธิบายจุดนี้ต่อ
「สถานการณ์ที่นำไปสู่การกบฏของพวกคาซานก็เป็นไปตามที่ข้าบอก ดูแล้วพวกเราคงจัดการได้ไม่ยาก อันที่จริงไม่ต้องถึงมือพวกเราด้วยซ้ำ」
ทว่าสิ่งที่ฮาคุโร่กังวลเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับพวกนั้นก็คือ ทำไมพวกเขาถึงเลือกเขาไดโกในการซ่องสุมกำลัง
ฮาคุโร่ไม่เชื่อว่าจะมีพวกที่สิ้นหวังจนบ้าพอจะเลือกไดโกเฉยๆ
สถานที่แห่งนั้นคือดินแดนที่มนุษย์กับคิจินเคยสู้กันเชียวนะ
มันเป็นสถานที่ที่มนุษย์รู้จักเป็นอย่างดี และพวกมันก็มีกองกำลังกันแถวนั้น
หากเบื้องหลังเรื่องคราวนี้คือมนุษย์――พวกคนเฝ้าประตู ระดับความอันตรายก็จะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เขาจึงอยากจะเอาเรื่องนี้มาคุยกับพี่น้องตนและเขามองว่าเรื่องในคราวนี้ไม่ควรให้คาการิรับมือคนเดียว แต่ต้องยืมมือของโดกะด้วย
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code