การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 202 ตระกูลโฮโซ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 202 ตระกูลโฮโซ

 

ตั้งแต่ได้มาเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏคาซาน คลิมก็ได้รู้เรื่องที่ตนไม่เคยรู้มาก่อนมากมาย

 

และสิ่งที่สำคัญที่สุดในข้อมูลพวกนั้นก็สิ่งที่เรียกว่าลัทธิแห่งแสง องค์กรทางศาสนาที่แผ่อิทธิพลจนมีเหล่าคิจินเป็นผู้ศรัทธา ว่ากันว่าคนของลัทธิแห่งแสงหลายคนก็เป็นลูกหลานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เข้าข้างพวกคิจินเมื่อสงคราม 300 ปีก่อน

 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คลิมรู้ว่านอกจากคนของตระกูลมิตสึรุกิแล้ว ยังมีมนุษย์คนอื่นอยู่ที่คิไคนี้ แถมเขายังไม่เคยได้ยินองค์กรที่เรียกว่าลัทธิแห่งแสงมาก่อนเลยด้วย กองกำลังที่แข็งแกร่งของลัทธิแห่งแสงก็เช่นกัน

 

 

และตระกูลโฮโซก็คือแนวหน้าชั้นยอดของลัทธิ

 

 

 

ตามที่ชินโตบอก เดิมทีตระกูลโฮโซเป็นกลุ่มคนที่มีหน้าที่ในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและขับไล่วิญญาณร้าย ปกป้องผู้คนมาช้านาน

 

 

ไม่เพียงแค่การปัดเป่าความชั่วร้ายด้วยพิธีกรรม แต่บทบาทของตระกูลโฮโซยังรวมไปถึงการต่อสู้กับความชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นมาบนโลก

 

 

ตระกูลผู้สวมหน้ากากคิจิน 4 ตา นักรบผู้สังหารความชั่วร้ายที่รังควานโลกมนุษย์ นามนั้นคือโฮโซ

 

อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ที่ได้รับการปกป้องโดยโฮโซนั้นไม่นานก็เริ่มหวาดกลัว ไม่เพียงแค่พวกคิจินแต่ยังรวมไปถึงโฮโซผู้สังหารพวกมันด้วย การที่พวกเขาสามารถทำลายล้างสิ่งที่แสนน่ากลัวขนาดนั้นได้ เขาจะไม่น่ากลัวไปยิ่งเสียกว่าพวกมันหรือ

 

 

เหล่าผู้สวมหน้ากากคิจิน ต่างก็ต่อสู้เพื่อปกป้องโลก ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็ถูกเกลียดชังและขับไล่ในฐานะอสูรร้ายเสียเอง การถูกแทงข้างหลังทั้งที่ปกป้องผู้คนขนาดนี้สำหรับตระกูลโฮโซแล้วเป็นเรื่องเกินจะรับได้

 

แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน

 

 

 

เหล่าคนของตระกูลโฮโซที่ถูกมนุษย์หักหลังและตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็เริ่มร่วมมือกัน…เพื่อจัดการโลกให้บริสุทธิ์อีกครั้ง

 

 

เรื่องพวกนี้ชินโตได้เล่าให้กับคลิมฟังหลังเขามาอยู่ที่ไดโกได้ไม่นาน

 

 

 

สำหรับคลิมแล้วการได้ฟังเรื่องพวกนี้เป็นครั้งแรกย่อมไม่มีทางทำความเข้าใจได้ทั้งหมด แต่ที่เขารู้แน่ๆ ก็คืออีกฝ่ายจะบอกว่าตระกูลมิตสึรุกิมีวันนี้ได้ก็เพราะตระกูลโฮโซหายไปเฉยๆ

 

 

ชินโตที่เห็นท่าทางของคลิมเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อนักก็ดึงดาบออกมาจากเอวของตน แล้วบอกว่าจะแสดงความจริงที่พูดว่าพวกเขาอยู่เหนือตระกูลมิตสึรุกิมากแค่ไหนให้เห็นเอง

 

เมื่อดาบของชินโตถูกชักออกมาก่อนจะจ้องมายังคลิมด้วยสายตาอันน่ากลัว คลิมก็พูดขึ้นมาก่อน

 

 

「จะดีเหรอที่คนของลัทธิแห่งแสงสองคนมาสู้กันเองในที่แบบนี้? 」

 

 

「โฮ่ เขาเรียกว่าให้บทเรียนต่างหาก ไอ้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้ถึงตำแหน่งของตัวเองมันก็ต้องถูกทุบตีกันสักหน่อย ไม่ต้องกังวลหรอก ก็เหมือนคราวก่อนข้าไม่เอาถึงตายหรอก」

 

 

ทันทีที่พูดจบ ชินโตก็ตั้งท่าเตรียมแทงโดยปลายดาบชี้ไปยังคลิม มันเป็นการตั้งท่าแบบเดิมกันคราวก่อน อย่างที่พูดไปนั่นแหละ คลิมเคยโดนหมอนี่เล่นมาแล้วทีหนึ่ง

 

 

เมื่อเห็นคลิมยังทำหน้านิ่ง ชินโตก็ยิ้มแล้วพูดออกมาอย่างสบายๆ

 

 

「เจ้าเหมือนจะเป็นพวกสมองนกดังนั้นข้าจะย้ำอีกรอบ นี่คือเทคนิคการทำลายล้างที่สืบทอดกันมาในตระกูลโฮโซเท่านั้น ไอ้พวกบรรพบุรุษของเจ้าที่เอาเทคนิคของพวกคิจินมาผสมกับเทคนิคของโฮโซจนสร้างสำนักดาบแห่งใหม่ที่เรียกว่ามายาดาบเดียวอันไร้สาระนั่นเทียบไม่ติดแน่นอน」

 

 

ดาบแห่งโฮโซมีลักษณะเป็นเช่นไร ตอนนี้ชินโตได้คายมันออกมาเรื่อยๆ แล้ว

 

พอเห็นว่าทางชินโตเริ่มพูดข้อมูลที่จำเป็นมากยิ่งขึ้น คลิมก็มั่นใจแล้วว่าการยั่วยุของเขาประสบความสำเร็จและยิ้มอยู่ภายในใจ

 

 

มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาสัมผัสได้ถึงแรงแค้นที่มีต่อตระกูลมิตสึรุกิและมายาดาบเดียวจากชินโต เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไร แต่ถ้าเขาพยายามใช้สิ่งที่เหมือนกับปมด้อยภายในใจของชินโต ชินโตก็น่าจะพูดข้อมูลที่น่าสนใจออกมาเรื่อยๆ

 

 

คลิมไม่มีทางจะปล่อยโอกาสนี้ไปเด็ดขาด ที่เขายังทนต่อการดูถูกและเรื่องยุ่งยากทั้งหลายได้ก็เป็ฯเพราะเรื่องนี้ เขาต้องพยายามแกล้งเมินเฉยต่อความภูมิใจใจตระกูลโฮโซของชินโต และปล่อยให้อีกฝ่ายพูดอะไรก็ได้ตามที่อยาก

 

 

แน่นอนว่าชินโตไม่มีทางรู้ความในใจของคลิมได้เลย

 

 

「เคิร์ท มายาดาบเดียวน่ะมันก็แค่ของที่พวกครึ่งๆ กลางๆ ที่ไม่สามารถไปถึงนานะชิกิ (เจ็ดดาบสี่ฤดู) หรือดาบของคิจินได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่อาภรณ์วิญญาณที่พวกเจ้าภูมิใจกันนักหนาเมื่ออยู่ต่อหน้าสุดยอดศาสตร์แห่งนานะชิกิ ก็ไร้ทางสู้เห็นได้จากที่ข้าทะลวงบาเรียคิของเจ้าคราวก่อนแล้วนี่? 」

 

 

 

「……」

 

 

「ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะสิ เอางี้ไหมล่ะ หากเจ้าคุกเข่าขออภัยข้าเสียแต่ตอนนี้ ข้าก็จะแสดงความเมตตาในฐานะอดีตสหายกันสักหน่อย ว่าไงเล่านักรบแห่งผืนป่าเอ๋ย――หือ? 」

 

 

 

อยู่ดีๆ ชินโตก็หยุดพูดและหันไปมองรอบๆ แทน ระฆังเตือนภัยเริ่มส่งสัญญาณดังทั่วเขา

 

 

 

 

「ยังเร็วเกินไปที่พวกนากายามะจะมาถึง มอนสเตอร์สินะ」

 

 

ชินโตสบถออกมา ก่อนจะใส่ดาบกลับเข้าฝักและเดินจากไป โดยสั่งทิ้งท้ายคลิมเอาไว้

 

 

 

เคิร์ดรีบกลับไปหาท่านยามาโตะเสีย ด้วยสภาพกองทัพคาซานปัจจุบัน เด็กคนนั้นไม่น่าจะรอดได้

 

「เคิร์ทรีบกลับไปปกป้องท่านยามาโตะเสีย สภาพคาซานตอนนี้ไม่น่าจะไหว หากเจ้าเด็กนั่นดันเกิดตายไปเฉยๆ เงินทุนทุกอย่างที่ข้าลงแรงไปทั้งหมดจะสูญเปล่า」

 

 

「แล้วพวกทหารคาซานล่ะ? 」

 

 

 

「จะรู้เหรอ ยังไงเจ้าพวกนั้นก็คงคิดแบบเดียวกันนั่นแหละว่าต้องปกป้องเด็กนั่น」

 

 

 

 

ฮ่าๆๆๆ ชินโตเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ คลิมที่เห็นว่าอีกฝ่ายจากไปแล้วก็ถ่มน้ำลายลงพื้น

 

 

「ถึงอยากจะได้ข้อมูลเยอะกว่านี้ก็เถอะ ช่างมันละกัน คิดหรือไงว่าฉันจะเป็นหมาของแกเฉยๆ น่ะ」

 

 

ความจริงก่อนหน้านี้ที่คลิมได้รับบาดเจ็บสาหัสจากชินโตนั้นเป็นเพราะเขาต้องการยืมแรงอีกฝ่ายนำอาภรณ์วิญญาณของพ่อเขาออกจากร่าง ไม่ใช่เพราะเขากระจอกเสียจนสู้ไม่ไหวแต่อย่างใด นั่นคือสิ่งที่คลิมคิด

 

อาภรณ์วิญญาณของกิลมอร์ แมลงเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างของเป้าหมายและทำลายหรือระเบิดอวัยวะจากภายในตามที่กิลมอร์ต้องการ คลิมก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเห็นตัวอย่างมาแล้ว

 

 

กลับกันแมลงนั่นไม่มีความสามารถในการอ่านความคิดเป้าหมาย ได้ยิน หรือมองเห็นสิ่งที่เป้าหมายรับรู้ กิลมอร์รู้เพียงว่าแมลงอยู่ตรงไหน――นั่นคือสิ่งที่คลิมรู้

 

 

ทว่าเขาก็ไม่คิดหรอกว่าคนอย่างกิลมอร์จะเผยความสามารถของอาภรณ์วิญญาณทั้งหมดที่เขามีให้เห็น คลิมคิดว่าก็ไม่ถึงกับอ่านใจได้ แต่ถ้าเป็นของอย่างเสียงแมลงนั่นน่าจะส่งถึงกิลมอร์ได้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่ได้มีหลักฐานหรอกแค่ไม่ประมาทจะดีกว่า

 

 

 

ดังนั้นพอไปถึงในคิไคสิ่งแรกที่คลิมต้องทำคือจัดการกับแมลงนั่นเสีย

 

ทว่าหากพวกเขารู้ว่าคลิมตั้งใจจะฝืนเอาแมลงนั้นออกมาเอง กิลมอร์จะต้องรู้แน่ว่าคลิมทรยศตนแล้ว ส่วนชะตากรรมของตนกับพี่สาวหลังจากนั้นก็ไม่ต้องสืบ

 

การได้มาเจอกับชินโตจึงทำให้เขาได้ประโยชน์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ด้วยนิสัยของอีกฝ่ายแล้ว การได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาก็ยิ่งเยอะ

 

จนถึงตอนนี้หลายๆ สิ่งยังเป็นไปตามที่คลิมต้องการ

 

 

 

หากจะให้พูดถึงปัญหาที่มีตอนนี้ก็คือ ไม่รู้ว่าพวกคาซานที่แสนบอบบางนี้จะล่มสลายเมื่อไหร่ อาจจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ส่วนอีกอย่างก็คือเขาไม่รู้ว่าความอดทนของเขาจะไปถึงที่สุดตรงไหน

 

 

 

 

「หากหมอนี่มีสมบัติลับนั่นอยู่กับตัว เรื่องคงจะง่ายกว่านี้」

 

 

 

ถ้าเป็นไปได้ก็ขอสัก 2 อัน ――สำหรับตัวเองกับพี่สาว หากเรื่องเป็นไปตามที่คิดก็จะไม่จำเป็นต้องมาทนดึงข้อมูลกับชินโตเลย เขาจะรีบฆ่าชินโตแล้วเอาสมบัติลับกลับไปยังเกาะทันที

 

 

 

ระหว่างที่คิดเรื่องนี้คลิมก็เดินไปหาพวกยามาโตะ

 

 

——-

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท