ตอนที่ 203 รันและยามาโตะ
「……ท่านพี่ ทุกคนจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? 」
ยามาโตะถามพี่สาวของเขาอย่างเป็นกังวลขณะฟังเสียงระฆังเตือนดังขึ้นทั่วค่าย
รันจึงพยักหน้าให้กำลังใจน้องชายของเธอ
「ทุกคนไม่เป็นไรหรอก กองทัพคาซานที่แข็งแกร่งมีหรือจะพ่ายแพ้ให้กับมอนสเตอร์」
รันพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ทว่าหากลองฟังดูให้ดีๆ ก็จะพบว่าน้ำเสียงมีความสั่นเครือในตอนท้ายเล็กน้อย
หากเป็นปีก่อนรันคงไม่รู้สึกกังวลเช่นนี้ได้แน่
ทว่าคาซานที่แข็งแกร่งที่สุดในคิไคแห่งนี้ซึ่งนำโดยพ่อของเธออย่างกิเอนและเหล่าทหารชั้นเลิศจำนวนมาก ทำการปกป้องเมืองไซโตะไว้โดยไม่มีสิ่งใดสามารถทะลวงปราการมาได้เลยสักครั้ง พวกเธอและผู้คนภายในเมืองจึงไม่เคยรู้สึกถึงภัยคุกคามจากมอนสเตอร์
แต่ในวันที่พวกเธอพ่ายแพ้ให้นากายามะ พ่อของเธอตายในสนามรบ เธอกับยามาโตะก็ต้องหนีออกจากวังโดยมีเหล่าข้ารับใช้ช่วยเหลือ แม่ของเธอที่ร่างกายอ่อนแอตัดสินใจจะอยู่ที่ไซโตะเหมือนเดิมเพราะกลัวว่าจะเป็นภาระให้กับพวกลูกๆ ไม่นานนักหลังหนีออกจากไซโตะพวกเธอก็ถูกเจอตัวเข้า
พวกเธอพยายามอย่างสุดชีวิตในการหลบหนีจากพวกคนที่ไล่ตามมา สุดท้ายเธอก็มาปักหลักกันที่นี่
กองทัพของคาซานได้สร้างค่ายไว้ปกป้องตัวเองอย่างแน่นหนา――ไม่สิ อันที่จริงคือพวกเธอไม่มีที่อื่นให้ไปแล้วต่างหาก สิ่งที่พวกเธอทำได้ตอนนี้มีเพียงหลบซ่อนอยู่ภายในเงา
แม้รันจะไม่เข้าใจเรื่องการเมืองหรือการทหารอะไร แต่เธอก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญ
แม้จะเติบโตขึ้นมาในฐานะของเจ้าหญิงแห่งคาซาน อาศัยอยู่ในวังที่สะดวกสบาย แต่ตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เหมือนกับรูหนอนเป็นเวลาหลายวัน ไม่ว่าจะไร้เดียงสาสักเพียงไหนก็ต้องเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่พวกเธอต้องกินก็มีแค่ซุปเค็มๆ เส้นโซบะที่แข็งเหมือนหิน อนาคข้างหน้าช่างดูมืดมน
ถึงจะเป็นแบบนั้นรันก็ไม่คิดจะบ่นอะไรออกมา เพราะแม่ของเธอมักจะสอนไว้เสมอว่าไม่ควรทำตัวแย่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
ไม่ว่าพวกเธอจะลำบากมากสักแค่ไหน แต่อย่างน้อยพวกเธอก็มีชายคาไว้พักพิง มีอาหารไว้ทานทุกมื้อ เทียบกับคนอื่นในค่ายแล้วดีกว่าเป็นไหนๆ ขนาดยามาโตะที่เด็กกว่าเธอยังไม่บ่นออกมา พี่สาวอย่างเธอก็ไม่สามารถบ่นได้หรอก
จนถึงตอนนี้สิ่งที่ยามาโตะกังวลก็ไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นเหล่าทหารที่สู้อยู่ข้างนอก รันจึงพยายามให้กำลังใจน้องชายของเธอและสาบานอยู่ภายในใจว่าพวกเธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของนากายามะให้จงได้
ในตอนนั้นเอง ผนังห้องของทั้งสองก็ถูกแรงระเบิดอัดใส่
「ยามาโตะ!!」
เศษไม้ที่ผนังห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ และพุ่งใส่รันที่โผไปกอดเพื่อเอาตัวบังน้องชายของเธอ เศษแหลมคมได้พุ่งไปทุ่มแทงร่างของเธอ เลือดบนหน้าผากไหลออกมาเป็นทาง
แม้รันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ไม่มีเวลาพอจะให้มาเช็ดเลือดออก เพราะตอนนี้มอนสเตอร์ผู้ทำลายผนังห้องปรากฏตัวขึ้นแล้ว
หนวดทั้งสองที่ยาวยืด ดวงตาที่เคลื่อนไหวไปมาจนน่าขนลุกจากทั้งสองจ้าง บริเวณปากที่เปื้อนเลือดโชก แขนซ้ายขวามีรูปร่างเหมือนเคียว ขาทั้งสี่ยื่นออกมาจากร่างของมัน
รูปร่างของมันไม่ต่างอะไรกับตั๊กแตน ทว่าขนาดตัวของมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด ด้วยขนาดตัวของมันแล้วแม้จะเป็นคิจินมันก็คงสามารถจับกินได้อย่างง่ายดาย
ขากรรไกรของมอนสเตอร์ขยับเปิดปิดไปมา พร้อมกับเสียงที่น่าขนลุก
「ท่านพี่!」
「ยามาโตะหลบข้างหลังพี่ไว้!!」
หลังจากเห็นว่ายามาโตะปลอดภัยดี รันก็รีบวิ่งไปหยิบมีดจากกระเป๋าของเธอเพื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์
ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว มือของเธอที่ถือมีดไว้ก็สั่นเทา รันไม่ใช่หญิงสาวที่ฝึกศาสตร์การต่อสู้หรือเวทมนตร์มาจนสามารถสู้กับมอนสเตอร์ได้ สิ่งเดียวที่เธอรู้คือวิธีการป้องกันตัวเบื้องต้น แน่นอนว่าประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับพวกมอนสเตอร์เธอก็ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้รันก็เป็นพวกกลัวแมลงด้วย ยิ่งขนาดของมันใหญ่โตเบอร์นี้ ความน่าขยะแขยงยิ่งหนักกว่าเดิม รันพยายามจะประคองสติของเธอทำใจดีสู้เสือ แต่แขนขาของเธอก็หยุดสั่นไม่ได้เสียที
หากเธอไม่มีใจที่คิดว่าต้องปกป้องน้องชายของเธอให้ได้ เธอคงหมดสติไปนานแล้ว
เธอพยายามจะเบนสายตาไปมองทางเข้าของที่พักเพื่อดูว่าจะมีใครเข้ามาช่วยเธอไหม เพราะหากนี่เป็นวังในไซโตะแล้ว พวกทหารคงจะกระโจนกันเข้ามาปกป้องพวกเธอทันที
แต่ความหวังนั้นคงจะยาก เพราะกองทัพคาซานในปัจจุบันไม่มีทหารเพียงพอจะแบ่งมาปกป้องรันและยามาโตะได้ นั่นแหละคือสถานะของพวกเธอตอนนี้
แถมคนคุ้มกันเพียงหนึ่งเดียวของพวกเธออย่างเคิร์ทซึ่งเป็นสาวกลัทธิแห่งแสงก็ไม่อยู่อีก
ไม่สิ ถึงเขาจะอยู่ตรงนี้รันก็มองว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะปกป้องเธอด้วยซ้ำ เห็นได้จากท่าทางของเขาที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจอย่างยิ่งที่ต้องมาปกป้องพวกเธอ
อันที่จริงรันแอบคิดด้วยซ้ำว่าเคิร์ทอาจจะเป็นสายของนากายามะ
「….ยามาโตะ เดี๋ยวพี่จะให้สัญญาณนะ พอถึงจังหวะนั้นให้รีบวิ่้งหนีไปแล้วตามหาท่านคาซากิเสีย」
「ละ แล้วท่านพี่ล่ะ…!」
「เดี๋ยวพี่จะตามไปทีหลัง เข้าใจไหม? 」
ยามาโตะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพยักหน้ารับคำพูดของพี่สาว
ในจังหวะที่รันกำลังจะให้สัญญาณน้องชายของเธอให้วิ่ง
ก็มีการปรากฏตัวขึ้นของบางสิ่งจากทางเข้า มันคือมอนสเตอร์ตั๊กแตนเหมือนกับตัวที่ทำลายผนักเข้ามา ยามาโตะส่งเสียงตกใจออกมา ทางรันที่เห็นการมาถึงของมันสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังทันที
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นช่องว่างหรือแบ่งเหยื่อกันเสร็จแล้ว มอนสเตอร์ที่เข้ามาตัวแรกจึงเริ่มโจมตีรันด้วยแขนทั้งสองของมัน
ทันทีที่การโจมตีนั้นพุ่งเข้ามา รันก็กรีดร้องและหลับตาลง
รันเตรียมใจไว้แล้วสำหรับภาพที่ร่างของเธอจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในวินาทีถัดไป
ทว่า――
「…………?」
ร่างของเธอยังอยู่ครบ
นอกจากนี้เธอก็ได้ยินเสียงที่ดูร่าเริงของน้องชายเขาแทน
「เคิร์ท」
พอได้ยินเสียงนั้น รันก็ลืมตาขึ้นและเห็นชายหนุ่มผมสีขาวยืนหันหลังให้กับเธออยู่ตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้นก็มีเสียงบางสิ่งหล่นลงที่พื้น รันรู้ได้ทันทีว่ามันคือแขนซ้ายขวาของมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีเธอ จากนั้นเคิร์ทก็ตะโกนออกมา
「ฮ๊าาาาา!!」
เสียงตะโกนของเคิร์ทมันทำให้ร่างของมอนสเตอร์กระเด็นออกไปราวกับถูกกระสุนปืนใหญ่ มอนสเตอร์ที่สูญเสียแขนทั้งสองข้างของมันปลิวไปทางรูที่มันสร้างขึ้น
ไม่สิไม่ใช่แค่ปลิวไปเฉยๆ คอของมันบิดไปมาอย่างผิดรูป ขาของมันถูกกระชากออกมาจนสิ้น ท้องของมันก็ระเบิดออกมาจนเผยให้เห็นอวัยวะภายใน
เคิร์ทสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ได้โดยใช้เพียงแค่เสียงตะโกน
รันที่กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังเหลือมอนสเตอร์อีกตัวและพยายามจะเตือนเคิร์ท ทว่าพอรันมองไปยังประตูทางเข้าก็เห็นแล้วว่าคงไม่จำเป็น
คอและลำตัวของมันได้ถูกตัดขาดเป็นท่อนๆ แขนขาของมันก็หลุดลุ่ย จนไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของเคิร์ทที่พุ่งเข้ามาช่วยเธอไว้
「ไม่เป็นไรใช่ไหม? 」
「ครับ! ขอบคุณมาก เคิร์ท!」
พอเคิร์ทหันกลับมาถาม ยามาโตะก็ตอบกลับไปอย่างมีความสุข
รันที่รู้สึกตัวแล้วก็พยายามจะพูดขอบคุณเขาเหมือนกันแต่ก็ทำไมได้ แม้จะเพียงชั่วครู่แต่ก่อนหน้านี้เธอก็เตรียมใจที่จะตายไปแล้ว พอรอดมาจากตรงนั้นได้ร่างของเธอก็หยุดสั่นไม่ได้เลย
ดูเหมือนเคิร์ทก็จะเห็นถึงความผิดปกติของรัน แต่ในเมื่อมองว่ามันคงไม่ถึงชีวิตของเธอ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นไม่นานกองทัพของคาซานก็สามารถขับไล่มอนสเตอร์ออกไปได้สำเร็จ
「ข้าต้องขอแสดงความขอบคุณต่อท่านเคิร์ทจริงๆ หากไม่มีท่าน ท่านยามาโตะและท่านรันคงได้กลายเป็นอาหารของมอนสเตอร์ไปแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าจะขอบคุณท่านเท่าไหร่ถึงจะพอ!」
นักรบวัยกลางคนอย่างคาซากิหัวเราะออกมา เขาคือหัวหอกตัวจริงของกบฏคราวนี้และเป็นผู้บัญชาการของกองทัพคาซานไปโดยพฤตินัย
แม้ในอดีตเขาจะเคยเป็นถึง 1 ใน 16 หอกแห่งคาซาน และมีชื่อเสียงในความแข็งแกร่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความสามารถในการปกครองของเขายังขาดๆ เกินๆ พฤติกรรมของเขาก็สะท้อนส่วนหนึ่งให้เห็น
คำพูดและการแสดงออกของเขาช่างดูหยาบคายในการกล่าวถึงบุคคลสำคัญอย่างรันและยามาโตะ เพราะสุดท้ายก็เป็นเขาเองไม่ใช่หรือที่ควรจะดูแลความปลอดภัยของพวกยามาโตะ
อย่างไรก็ตาม คาซากิก็หัวเราะออกมาโดยไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้สักนิด ไม่สิบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ คาซากิเลยเรียกพวกยามาโตะเข้าประชุมวางแผนด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำเลยสักครั้งเหมือนเป็นการขอโทษ
พอได้ยินคาซากิพูดแบบนั้นเคิร์ทที่ถูกเรียกชื่อก็หันกลับไปมองด้วยสายตาที่เย็นชา แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นคาซากิก็พูดคุยเรื่องราวต่างๆ กับพวกทหารที่มารวมตัวกัน แต่ก็ไม่มีหัวข้ออะไรเลยที่จะนำไปสู่การปรับปรุงสภาพที่เผชิญในปัจจุบันและดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่นำไปสู่การพัฒนาใดๆ
ทว่ายามาโตะก็ได้พูดขึ้นก่อนที่คาซากิจะทำการปิดประชุม
ยามาโตะนั้นถูกกำหนดให้นั่งอยู่หัวโต๊ะและเริ่มเสนอแผนการบางอย่างกับพวกคาซากิและทหารที่มาร่วมประชุม
――นั่นคือแผนการยอมจำนนต่อนากายามะและขอแลกชีวิตของตนกับพวกทหารทั้งหมด
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code