ตอนที่ 246 อัจฉริยะ
ดวงตาสีทองประกายของผู้ล่า ร่างกายที่ทำมาจากเหล็กกล้า
เส้นขนที่ปกคลุมครึ่งร่างด้วยสียามราตรี จมูกที่ยืดยาวและหูที่แหลมบ่งบอกถึงสัญลักษณ์แห่งสัตว์ร้าย กลับกันด้วยขาทั้งสองที่ยืนสง่าอย่างภาคภูมิก็ทำให้รู้ว่ามีเค้าสรีระคล้ายมนุษย์อยู่
เขาที่งอกออกมาจากหน้าผากชี้แหลมดั่งสายล่อฟ้า เขี้ยวอันแหลมคมโผล่ออกมาจากมุมปากทั้งสอง
หากจะอธิบายสภาพร่างที่โผล่ออกมาของคาการิในตอนนี้ให้ชัดที่สุดก็น่าจะใกล้กับมนุษย์หมาป่า
ด้วยการผสานกันระหว่างพลังของสัตว์ร้ายและไหวพริบสติปัญญาคล้ายมนุษย์ ว่ากันตามตรงว่าคงรับมือยาก
แถมจะให้ไปเทียบกับมนุษย์หมาป่าที่ผมเคยสู้ในอดีตก็คงจะดูถูกคาการิเกินไปด้วย มันเหมือนเอาลูกแมวไปเทียบกับเสือกินคนอ่ะ
พอเอามาเทียบกับพลังของโดกะตอนเอาจริงแล้ว มุมปากของผมก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
――แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่ผมคาใจนิดหน่อย
ผมพยายามระงับอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ก่อนแล้วสังเกตดูลักษณะของอนิม่าคาการิที่เรียกว่าโทเท็ตสึ
มันแตกต่างจากการใช้อนิม่าของผมซึ่งออกมาในรูปแบบของอาวุธ หรืออย่างโดกะที่ทำให้ตัวเองกลายพันธุ์จากเดิมไปโดยสมบูรณ์ทางคาการินั้นกลับเป็นการอัญเชิญร่างอนิม่าออกมาโดยตรงไม่ผ่านสื่อกลางใดๆ
จะเรียกว่ามันมีความเฉพาะตัวก็ได้มั้ง
ร่างกายของโดกะนั้นใหญ่โตกว่าผมและคาการิมาก ในแง่ความสูงพวกผมย่อมเทียบไม่ติด ทว่ากล้ามเนื้อของคาการิก็ดูสง่างามจนชวนให้นึกถึงร่างของเทพสงคราม
นอกจากนี้พอผมเหลือบมองไปยังด้านหลังของเขาก็เห็นร่างมนุษย์หมาป่าที่คล้ายกับภาพลวงตา แต่จากพลังที่แผ่ออกมาแล้วผมว่านั่นไม่ธรรมดาแน่
ช่างเป็นอาภรณ์วิญญาณที่ดูแปลกชะมัด เอาเป็นว่าผมเลิกคิดมากดีกว่า
「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ――จงกลืนกิน โซลอีทเตอร์」
ผมเปิดใช้งานอาภรณ์วิญญาณและเตรียมเผชิญหน้ากับคาการิ ยังไงการสู้จริงสักครั้งมันก็ดีกว่าการสังเกตเป็นร้อยครั้ง ยังไงเดี๋ยวผมก็จะได้รู้เองแหละว่าอีกฝ่ายทำอะไรได้บ้าง ไม่จำเป็นต้องไปคิดอะไรให้มากความอีก
ราวกับว่าเขาอ่านใจผมออก คาการิเผยรอยยิ้มออกมา
「ถ้างั้นก็มาลุยกันเลย!」
「โอ้!」
ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังเท่ากับที่คาการิส่งมา
พริบตาเดียวคาการิก็วิ่งเข้ามาหาผมด้วยร่างกายที่ผอมเพรียว พร้อมกับอีกร่างที่มีใบหน้าของหมาป่าได้จ้องมองที่ผมพร้อมกับรอยยิ้ม
การโจมตีของคาการิคล้ายกับโดกะ――ใช่แล้วหมัดเพียวๆ นี่แหละ
ถึงแม้ขนาดของหมัดเขานั้นจะเล็กกว่าโดกะเป็นไหนๆ แต่ความหนาแน่นของพลังที่อยู่ในหมัดของเขานั้นเทียบได้กับผู้เป็นพี่เลย
ทันทีที่ผมรับหมัดนั้นไป แทบจุกจนหายใจไม่ออกเลย!! แรงชะมัดอย่างกับโดนค้อนทุบทั้งร่าง ถ้าเป็นดาบธรรมดาคงแตกตั้งแต่การโจมตีแรกไปแล้ว
แน่นอนว่าอาภรณ์วิญญาณของผมไม่ใช่แบบนั้น นอกจากนี้ผมก็รับหมัดของโดกะมาเป็นร้อยๆ รอบในการต่อสู้คราวก่อนแล้ว ถึงจะเป็นหมัดของคาการิผมก็รับมือได้ไม่ยากนักหรอก
――แต่นั่นมันก็ในกรณีที่มันมีแค่หมัดของคาการิแหละนะ
ทันทีที่ผมรับหมัดของคาการิไปด้วยอาภรณ์วิญญาณ โทเท็ตสึของคาการิก็เริ่มเหวี่ยงหมัดเขามาโจมตีตามที่เจ้าของทำ
โทเท็ตสึนั้นยืนอยู่ข้างหลังของคาการิตำแหน่งของมันแทบจะชิดกับร่างของเขาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการแกว่งหมัดในจุดนั้นมันก็ควรจะโดนร่างของคาการิก่อนมาโดนผม
แต่ความเป็นจริงกลับต่างออกไป หมัดของมนุษย์หมาป่าสีดำนั้นทะลุร่างของคาการิราวกับเป็นวิญญาณแล้วกระแทกเข้าที่อาภรณ์วิญญาณของผมเต็มๆ
「อะไรกันล่ะนั่น!? 」
ผมแสดงความประหลาดใจออกมา
แรงกระแทกของมันนั้นรุนแรงเทียบเท่ากับหมัดของคาการิเลย ก็อย่างที่ว่าไปหากเป็นแค่คนเดียวผมก็รับมือไหวอยู่หรอกแต่สองนี่มันคนละเรื่องเลยนะเห้ย
สมดุลของผมได้ถูกทำลายลงไปในทันที โซลอีทเตอร์ไม่สามารถต้านทานการโจมตีประสานนี้ได้
แน่นอนว่าดาบไม่ได้หลุดออกจากมือผม แต่ร่างกายของผมก็เสียสมดุลไปพอสมควร คาการิไม่รอช้า ใช้โอกาสนี้ชกเข้ามาที่ท้องของผมด้วยหมัดซ้าย
ผมจึงยกเข่าขวาตัวเองขึ้นมาป้องกันหน้าท้องเอาไว้
หมัดซ้ายและเท้าขวาได้ปะทะกันจนเกิดเสียงดังลั่น
ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างทะลวงเข้ามาโดนกับหัวเข่าของผมตรงๆ ก็อย่างที่คิดมันผ่านบาเรียคิของผมมาได้ ถ้าจำไม่ผิดโดกะจะเคยบอกเอาไว้ว่ามันคือเทคนิคที่เรียกว่าชินโตคิ
เทคนิคที่ทำลายร่างของอีกฝ่ายผ่านหมัดที่ปกคลุมไปด้วยพลังคิซึ่งไม่สนใจบาเรียของอีกฝ่าย หากโดกะใช้มันได้ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คาการิจะใช้ได้เหมือนกัน หากรับมือด้วยบาเรียอย่างเดียวกระดูกเข่าคงไม่เหลือซาก
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมจึงจำเป็นต้องปล่อยแรงปะทะที่เทียบเท่าเข้าไปภายในนั้นด้วย มันจึงจะสามารถช่วยหักล้างกันได้ นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากการต่อสู้กับโดกะ
――ในขณะที่ผมกำลังรับมือกับการโจมตีนี้ สิ่งกวนใจอย่างโทเท็ตสึก็พุ่งตามเข้ามา
ท่าการโจมตีของมันเหมือนกับที่คาการิทำ จุดหมายก็คือท้องของผม
แล้วมันก็เป็นแบบเดิมอนิม่าของคาการิทะลุผ่านร่างของเขามาเฉยๆ แล้วพุ่งเข้ามาโจมตีเข่าของผมทันที
ผมได้ยินเสียงหัวเข่าของผมที่ถูกบดขยี้อย่างชัดเจน ไม่สิกระดูกข้อต่อส่วนบริเวณใกล้เคียงก็แทบไม่เหลือ
ถึงผมจะใส่พลังเข้าไปเพื่อปกป้องร่างของผมพอสมควรแล้วก็ตาม แต่การโจมตีประสานที่ซ้ำเข้ามาจากทั้งสองนั้นได้ซัดผมกระเด็นออกมา
「อึก?!」
ผมลอยไปในอากาศขนานกับพื้น ระหว่างนั้นผมก็กัดฟันทนแล้วกลับมาทรงตัวอีกครั้งก่อนที่ร่างจะกระแทกเข้ากับพื้น
ของแบบนี้เจอมาจากโดกะเยอะแล้วเฟ้ย
พอคาการิเห็นผมที่ควรจะเข่าแหลกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้วก่อนจะนอนแน่นิ่งกับพื้นดันลุกขึ้นมาได้เฉย ก็เปิดปากพูดอย่างชื่นชม
「โห นี่นายสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ในชั่วพริบตาจริงเหรอเนี่ย โซระ การโจมตีของข้าก็เหมือนมีถึงสองคนเลยนะ หากจะนอนเป็นผักไปแล้วข้าก็ไม่แปลกใจสักนิด」
คาการิพูดออกมาอย่างสบายๆ โดยมีอนิม่าของเขายืนสงบนิ่งราวกับวิญญาณผู้พิทักษ์อยู่ข้างหลัง
หลังจากถอนหายใจออกมา ผมก็มองไปยังคาการิ
「อย่ามาทำเป็นพูดเล่นสบายๆ สิฟะ อาภรณ์วิญญาณนั่นมันบ้าอะไรกันน่ะ อย่างกับมีพลังคูณสองเลยนะเห้ย? 」
ให้ตายสิอาภรณ์วิญญาณที่เปลี่ยนการโจมตี 1 ครั้งให้เป็น 2 ครั้ง มันก็หนักแล้วนะ แต่พออยู่กับคาการิที่แค่การโจมตีทีเดียวก็หนักหนาพออยู่แล้วนี่มันโกงกันชัดๆ เลยเห้ย สภาพตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากผมต้องสู้กับคาการิและโดกะในเวลาเดียวกันเลย――ไม่สิแย่กว่านั้นอีกมั้ง
เพราะหากเป็นโดกะจริงๆ การโจมตีของเขาซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของคาการิมันต้องโดนคาการิไปแล้วด้วยสิ ดังนั้นเขาก็คงต้องยั้งมืออะไรเอาไว้บ้าง
แต่อนิม่าของคาการิไม่ใช่แบบนั้นเพราะมันผ่านร่างของเขามาเฉยเลย จนผมมองไม่เห็นข้อเสียของการโจมตีนี้เลยสักนิด
ดังนั้นการที่ผมบ่นออกมาแบบนี้ก็ถือว่าไม่ผิดนะเอ้อ
ก็จริงว่าโซลอีทเตอร์ของผมมันค่อนข้างโกง แต่ตอนที่ดาบของผมปะทะกับหมัดของคาการิพลังในการกลืนวิญญาณของผมมันกลับไม่ทำงาน เหมือนกับตอนที่สู้โดกะเลย บางทีคงจะปกป้องร่างของตนเอาไว้ด้วยพลังคิ
แถมอายุของเขาก็น้อยกว่าโดกะเกือบ 10 ปี จนชวนให้นึกถึงคำว่า อัจฉริยะเลยแฮะ
พอผมบ่นแบบนั้นออกไปคาการิก็เหมือนจะชอบใจซะงั้น ก่อนจะตบมือกับโทเท็ตสึอย่างสนุกสนาน บางทีหากคาการิต้องการเขาก็สามารถสัมผัสกับมันได้ละมั้งเนี่ยแบบนี้
「ฮ่าๆ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ? ร่างนี้เป็นหนึ่งในสี่เทพแห่งความชั่วร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าเทพปีศาจทั้ง 4 เชียวนะ นามของมันก็คือโคเท็ตสึ ว่ากันว่าอนิม่าของข้าน่ะเทียบเคียงได้กับระดับสูงที่เลยเชียวนะเอ้อ!」
เขาเชิดจมูกขึ้นราวกับภูมิใจตามประสาเด็กถูกชม แต่ว่ากันตามตรงเลยนะพลังที่ร่างนั้นปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงกว่าเทพปีศาจที่ผมเจอบนเกาะจริงๆ ไม่ว่าจะประเมินต่ำสักแค่ไหน อาภรณ์วิญญาณขอคาการินั้นก็น่าจะมีมากกว่าเทพปีศาจนั่น 2 เท่าได้ ก็จริงว่าเทพปีศาจในตอนนั้นมันอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งของคาการิก็ถือว่าของจริง
…เดี๋ยว อย่าบอกว่านั่นคืออาภรณ์แห่งความว่างเปล่านะ? จากที่โกซุเคยบอกการใช้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่านั้นคือการดึงเอาพลังของอนิม่าออกมาใช้อย่างสมบูรณ์ แล้วการที่คาการิอัญเชิญอนิม่าของเขาออกมาช่วยสู้โดยตรงนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าหรือเปล่านะ
ผมจึงถามออกไปพร้อมกับความรู้สึกที่หนาวเย็นชวนขนลุก
「ไม่เห็นเคยได้ยินเกี่ยวกับอาภรณ์วิญญาณที่แสดงร่างของอนิม่าออกมาตรงๆ เลยแฮะ พวกคิจินมีแบบนี้กันเยอะไหม? 」
「ก็ไม่นะ ข้าไม่เคยเห็นใครมีเหมือนข้าเลยสักคน หากบุตรอันเป็นที่รักของพระเจ้าที่พี่ฮาคุโร่บอกคือพันคนจะมีสักหนึ่ง พลังของข้าก็คงจะแสนคนมีสักหนึ่งนั่นแหละ ถึงจะไม่อยากอวดนักแต่ก็ช่วยไม่ได้」
คาการิพูดแล้วหัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นก็อยู่ไม่นานนัก
เขาเริ่มพึมพำออกมา 「ไม่ว่าข้าจะมีความสามารถนี้หรือไม่ก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่ข้าต้องทำก็เป็นเช่นเดิม」จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
「ข้ามีนามว่าคาการิ น้องชายคนเล็กแห่งนากายามะ ดาบแห่งกษัตริย์นากายามะ ผู้แบกรับภารกิจในการก้าวไปสู่จุดสูงสุดแห่งการต่อสู้และปลดปล่อยเหล่าคิจินจากไฟแค้น」
คาการิพูดขึ้น แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดตามเดิม
「เอาละ จะตีเหล็กมันก็ต้องตอนร้อนๆ นี้แหละ ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งดี มาลุยกันต่อเลยโซระ!」
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code