การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 254 ฮาร์ป

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 254 ฮาร์ป

 

「เป็นอะไรไปเกิดกลัวขึ้นมาหรือไง รากุนะ? 」

 

 

 

มันคือคำพูดที่โซระเคยพูดกับเขามาก่อนในตอนที่โซระกลับมาเยี่ยมหลุมฝังศพของแม่ตัวเองซึ่งอยู่ในช่วงจังหวะที่รากุนะหยุดโซระไว้เพราะความสงสัยว่าโซระเกี่ยวข้องกับการโจมตีเมืองชูโตะ

 

แม้ว่าโซระตอนนั้นจะปฏิเสธว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่าย แต่รากุนะก็ยังสงสัยและเชื่อสุดใจว่าโซระต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่

 

 

 

 

「ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เอาอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ด้วยแท้ๆ จะว่าไปนี่ก็ 5 ปีแล้วนี่เนอะ เมื่อก่อนท่านเป็นคนเดียวที่สามารถเอามันออกมาใช้ได้ คงจะรู้สึกเหนือกว่าผมมากเลยสินะแต่ว่า….เป็นไปได้หรือเปล่านะที่ตอนนั้นท่านจะกลัว…กลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะสามารถกลับมายืนในตำแหน่งของท่านได้」

 

 

 

พอโซระพูดแบบนั้นเขาก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ที่โกรธก็เป็นเพราะมันคือคำพูดที่แสนไร้สาระ

 

 

ทว่าหากย้อนมองกลับไป คำพูดเหล่านั้นก็คงจะส่งผลต่อจิตใจของรากุนะจริงๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

สักวันหนึ่งพี่ชายของตนก็จะกลับมายังตระกูลมิตสึรุกิ พรากแม่ คู่หมั้น และตำแหน่งว่าที่ผู้สืบทอดกลับคืนมา ความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ พอถูกคำพูดจี้เข้าตรงจุด อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขาจึงพวยพุ่งออกมาได้ง่ายกว่าเดิม

 

 

รากุนะทำได้เพียงปิดตาแน่นราวกับกำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเหมือนกำลังเย้ยตัวเอง

 

 

「เมื่อวันนั้นมาถึง หมอนั่นก็จะเอาทุกอย่างกลับคืนไปงั้นเหรอ หึ ไร้สาระ ทั้งที่เราไม่เคยได้อะไรมาจากมันจริงๆเลยแท้ๆ แล้วมันจะเอาอะไรไปจากเราได้กันล่ะ」

 

 

ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังโซระถูกเนรเทศออกเกาะ แม่ของเขาก็เป็นห่วงโซระมากกว่าตัวรากุนะ การปฏิบัติตัวของอายากะก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเลยสักนิด ตำแหน่งที่ว่าผู้สืบทอดก็ทำได้เพียงสงสัยอยู่เสมอว่าตนเหมาะสมจริงๆไหม

 

 

 

 

จากนั้นเขาก็ย้อนนึกไปตอนที่เขาขอร้องพ่อของตน

 

ไม่มีทางที่พ่อของเขาจะไม่รู้ถึงความแตกต่างในพลังระหว่างรากุนะกับโซระ ตอนแรกรากุนะคิดว่าที่พ่อของเขาอนุญาตเพราะเห็นแก่ความรู้สึกของเขา ทว่าความเป็นจริงมันก็แค่การแสดงให้สาธารณะได้เห็นถึงความต่างระหว่างตนกับโซระเฉยๆ

 

 

ถ้ารากุนะแพ้――ไม่สิ ถ้าทั้งรากุนะ ลูเซียสและเซน่อน พ่ายแพ้ให้กับโซระ พวกระดับสูงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับในความแข็งแกร่งของโซระ แล้วเส้นทางการกลับสู่อำนาจของโซระก็จะราบรื่นยิ่งกว่าเก่า

 

 

สำหรับพ่อของเขาแล้ว คงจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าทายาทสืบทอดจะต้องเป็นใคร หากแข็งแกร่งเขาก็พร้อมจะเปลี่ยนตัวทันที รากุนะอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้นจริงๆ

 

แล้วสุดท้ายรากุนะก็จะกลายเป็นเพียงคนที่ยึดติดกับตำแหน่งทายาทสืบทอดตระกูลที่ต้องวิ่งเต้นไปมาเพราะกลัวจะสูญเสียตำแหน่งของตน ไม่ต่างอะไรกับตัวตลก

 

เขากัดริมฝีปากและพูดเย้ยตัวเอง

 

 

 

「ตัวตลกเหรอ…เข้าใจพูด」

 

ห้าปีที่แล้วนับตั้งแต่โซระถูกเนรเทศไป ทั้งแม่ อายากะ และพ่อของเขาก็ควรจะหันมาจับตามองรากุนะแทนแท้ๆ แต่ที่ไหนได้สุดท้ายพวกเขาก็คงเอาแต่สนใจโซระ ส่วนตัวรากุนะก็ตกอยู่ในความกลัวที่จะสูญเสียทุกสิ่งไป ทว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ตัวรากุนะไม่เคยถูกพรากอะไรไป เพราะภายในมือของเขามันไม่เคยมีอะไรอยู่มาตลอด 5 ปีนี้เลย

 

 

 

แล้วแบบนี้จะไม่ได้พูดว่าเป็นตัวตลกได้ยังไงกันนะ

 

เขาถอนหายใจออกมา

 

 

พูดจาซะใหญ่โตในโถงประชุม แต่มันก็เท่านั้นแหละ นึกภาพออกได้ชัดเจนเลยว่าสายตาของคนรอบๆจะมองเขาอย่างไรต่อจากนี้ คำพูด สายตา ที่เหยียดหยามไม่ต่างกับที่โซระโดนเมื่อก่อน ไม่สิอาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ

 

 

 

แถมในอนาคตก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดที่เขาจะกลับมาอยู่ตรงนี้ได้อีก เอาเถอะยังไงเขาก็ไม่ได้ต้องการมันอีกแล้ว ถึงเขาจะได้สิ่งนั้นมาแต่ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ความว่างเปล่าในมือของเขาก็เป็นเหมือนเดิม

 

 

หัวใจของเขากำลังจะถูกกลืนกินให้ยอมจำนน เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังของตนกำลังไหลออกจากร่างไปเรื่อยๆ เขาก็รู้ตัวดีว่าหากปล่อยให้สภาพจิตใจเป็นแบบนี้ต่อคงจะแย่ แต่มันก็ควบคุมอะไรไม่ไหวแล้ว

 

ไม่มีใครสนใจเขา ไม่มีใครห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอก ความคิดในแง่ลบมันกำลังกัดกินจิตใจเขาเรื่อยๆ จนทำให้เขาอยากจะล้มตัวลงไปเสียตรงนี้เลย

 

――แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกแปลกๆบริเวณมือขวา

 

 

รากุนะค่อยๆหันไปดูที่มือของตนแล้วก็พบว่า ด้ามจับของฮาร์ปนั้นกำลังแผ่ความอบอุ่นออกมาแล้วหัวใจของเขาก็เริ่มร้อนผ่าว

 

 

ความร้อนนั้นมันร้อนมากเสียจนคิดว่าร่างของเขากำลังจะถูกแผดเผา จะผิวหนังของเขาก็หาได้ลุกไหม้ ราวกับมันต้องการจะแผ่ความอบอุ่นละลายน้ำแข็งแห่งความสิ้นหวังทิ้งไป

 

จากนั้น

 

 

 

 

 

『นายแห่งข้าเอ๋ย』

 

 

มันมีเสียงของใครบางคนดังก้องขึ้นในหัวของรากุนะ

 

 

เสียงของเด็กผู้ชายที่แสนจะคุ้นหู

 

 

 

「…ฮาร์ป」

 

 

เมื่อรากุนะพูดชื่อของอนิม่า เขาก็รู้สึกเหมือนกับมีคนพยักหน้าให้กับเขา เพียงแค่เสี้ยววินั้นเหมือนเขาเห็นภาพนิมิตของเด็กชายสวมผ้าโพกหัวประดับขนนกยืนอยู่ตรงหน้า

 

ก่อนที่รากุนะจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

 

 

「นายก็จะมาหัวเราะให้กับสภาพที่น่าสมเพชของฉันเหรอ?」

 

 

 

ส่วนคำตอบสำหรับคำถามนั้นก็คือ ไม่ แต่รากุนะก็สัมผัสได้ว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกๆไป

 

 

 

เขาจึงถามต่อ

 

 

 

「หรือจะมากลืนกินร่างฉันเหรอ?」

 

 

เพราะสำหรับธงแห่งผืนป่าแล้ว อนิม่าภายในร่างไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้เสมอไป เคยเกิดเหตุการณ์ที่อนิม่าของธงแห่งผืนป่าได้ฉวยโอกาสในการกลืนกินผู้ใช้และควบคุมร่างอยู่หลายหน แม้ในตอนปกติมันจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีก็ตาม

 

 

รากุนะจึงสงสัยในสิ่งนั้น แต่คำตอบของฮาร์ปก็คือ ไม่ เช่นเดิม

 

รากุนะจึงรู้สึกหงุดหงิดกว่าเก่า

 

 

 

「แล้วทำไมนายถึงออกมากันล่ะ? ทั้งที่ไม่เคยให้ฉันเข้าใกล้อาภรณ์แห่งความว่างเปล่าเลยสักครั้ง แม้ฉันจะต้องการมากขนาดไหน หรือจะบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วงั้นเหรอเห้ย?!」

 

 

ทว่าคราวนี้คำตอบกลับไม่ใช่คำว่า ไม่

 

 

ฮาร์ปเริ่มถามกับรากุนะแทน

 

 

 

 

『ข้ามาเพื่อตั้งคำถามกับนายแห่งข้า นั่นคือความตั้งใจจริงของท่านใช่หรือไม่』

 

 

 

「ก็แหงสิ ทำไม?」

 

ฮาร์ปถามอย่างใจเย็น ส่วนรากุนะก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย

 

 

 

 

『นายแห่งข้า ท่านสู้ไปเพื่ออะไรกัน?』 

 

 

 

「มาถามอะไรเอาตอนนี้กันล่ะ? ถ้าเป็นตอนนี้ของแบบนั้นน่ะไม่เหลือแล้ว!」

 

 

รากุนะพูดประชดประชันออกมา

 

 

 

หากเป็นเมื่อวานหรือเมื่อชั่วโมงก่อนเขาอาจจะให้คำตอบนี้ได้ แต่ตอนนี้ตัวเขาเป็นเพียงแค่ตัวตลกที่ไม่รู้เหตุผลให้ต้องก้าวเดินต่อแล้ว อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่รากุนะคิด

 

 

ทว่า

 

 

 

『แล้วทำไมนายแห่งข้าถึงยังจับตัวข้าเอาไว้อยู่อีกล่ะ?』

 

 

 

「……คึก」

 

 

 

พอเจอคำถามนี้เข้าไปรากุนะก็พูดไม่ออก

 

ก็เหมือนกับที่ฮาร์ปบอก รากุนะยังจับอาภรณ์วิญญาณของตนเอาไว้นับตั้งแต่ที่พ่ายแพ้กับโซระ แม้จะตัวสั่นเพราะความกลัวหรือเย้ยหยันสมเพชตัวเองสันแค่ไหน รากุนะก็ไม่เคยปล่อยฮาร์ปออกจากมือเลย

 

 

 

มันเป็นสิ่งที่เขาทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบไหน แต่สัญชาตญาณของเขาในฐานะนักดาบก็ปฏิเสธที่จะปล่อยอาวุธของตนให้หลุดมือ นั่นอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ภายในตัวรากุนะก็ได้

 

แล้วคำถามของฮาร์ปก็ยังคงย้ำดังก้องอยู่ภายในหัวของรากุนะต่อ

 

 

 

 

『หากท่านไม่มีเหตุให้ต้องสู้ ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีก แต่นายแห่งข้า ตอนนี้ท่านกำลังจับตัวของข้าไว้เช่นเดิม ทำไมกันล่ะ?』

 

 

 

「เรื่องนั้น……」

 

 

 

 

มันมีเหตุผลอะไรแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอ สาเหตุที่เขายังไม่ปล่อยอาภรณ์วิญญาณของตน เหตุผลที่แท้จริงซึ่งหลับไหลอยู่ภายในร่างของเขา เหตุผลที่แม้แต่ตัวของรากุนะเองก็ไม่อาจทราบได้

 

 

แม้ว่าเขาจะรู้ตัวดีว่าตนไม่สามารถรับการปฏิบัติของแม่เหมือนกับแม่ทำกับโซระได้ ทั้งอายากะเอย ทั้งผู้สืบทอดเอย ทว่ามันก็คงจะมีสิ่งหนึ่งที่ตนมีมาตั้งแต่แรก เขาอยากจะเอาชนะโซระให้ได้

 

มันไม่ใช่การแสดงออกด้วยความดื้นรั้นหรือศักดิ์ศรีอะไร แต่มันเป็นเพียงแรงปรารถนาที่อยากเอาชนะพี่ชายของตนที่ได้รับทุกสิ่งที่ตนต้องการ ใช้พลังทั้งหมดที่มีในการจัดการกับพี่ชายเพื่อระบายความโศกเศร้าของตัวเองเท่านั้นเอง

 

 

 

เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีทางไปยืนแทนที่โซระได้ แม้จะรู้ตัวว่าน่าสมเพชที่อยากจะเอาชนะโซระเพียงเพราะอิจฉา

 

แต่เพื่อสลัดความทุกข์นี้ออกไป สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็มีเพียงปล่อยให้ตัวเองทำตามใจอยาก

 

แม้รากุนะอยากจะสลัดอาภรณ์วิญญาณทิ้งไปเสีย

 

แต่มือของเขาก็ยังคงจับมันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

เมื่อเห็นรากุนะเป็นแบบนี้ฮาร์ปจึงพูดต่อ

 

『นายแห่งข้า มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วสำหรับผู้มีกายเนื้อ เมื่อมีร่างก็ย่อมมีเงา สิ่งที่สำคัญก็คือเราจะควบคุมและทำความรู้จักกับเงาของตัวเองได้มากแค่ไหน ท่านไม่จำเป็นต้องอับอายในเงาของตน มันไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายใจ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้นายแห่งข้าเป็นนายแห่งข้าในตอนนี้ยังไงล่ะ』

 

 

 

 

พอรากุนะได้ยินคำพูดของอนิม่าตัวเอง ความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็ผุดขึ้นมา

 

 

 

 ――ครั้งต่อไปผมไม่แพ้ท่านพี่แน่!

 

 

 

 ――มาเลยสิ เจ้าน้องชาย มาแก้แค้นพี่ชายคนนี้ให้ได้!

 

มันคือความทรงจำในตอนที่แม่ของทั้งสองยังอยู่กันพร้อมหน้า ก่อนที่เขาจะเจอกับอายากะ ภาพที่เขากำลังเล่นโกโมกุกับแม่และโซระ ไหนจะมีตอนที่เล่นคารุตะก็ด้วย

 

 

ถึงจะจำรายละเอียดชัดเจนไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่เขาจำได้ดีคือเขาอยากจะเอาชนะพี่ชายของตัวเอง โดยปราศจากซึ่งความโกรธแค้นหรือริษยา เขาพยายามท้าทายพี่ชายของตัวเองอย่างไร้เดียงสา มันคือจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันสมวัยเด็ก

 

 

เรื่องในวันวานที่กลายเป็นความทรงจำติดตัว แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้มันกลับไปเป็นแบบก่อนไม่ได้ ทว่ารากุนะตอนนี้กับอดีตก็ยังคงต้องการท้าทายพี่ชายตัวเอง ถึงอารมณ์และความรู้สึกมันจะต่างราวฟ้ากับเหวก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตามฮาร์ปก็ยังคงย้ำว่าความรู้สึกพวกนั้นมันสำคัญต่อการพัฒนาของมิตสึรุกิ รากุนะ

 

 

รากุนะจึงถามกลับด้วยเสียงอันแผ่วเบา

 

 

 

 

 

「……ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ความริษยาก็ไม่เป็นไรเหรอ ฮาร์ป?」

 

 

 

『แน่นอน แม้ว่าจะเป็นเพียงควมริษยา แต่ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องนายแห่งข้า』

 

 

 

พอฮาร์ปพูดจบ พลังที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนก็หลั่งไหลออกมาจากอาภรณ์วิญญาณของเขา

 

 

พลั้งที่พวยพุ่งออกมานั้นมันรุนแรงและร้อนแรงมากพอจะชะล้างเอาความหวาดกลัวที่มีต่อโซระออกไปจนสิ้น

 

 

 

『ข้ามีนามว่าฮาร์ป เคียวแห่งโครนอส ผู้ได้สังหารทั้งเมดูซ่า ไซครอปและเทพยูเรนัส ข้าคือผู้เก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่ขวางทางนายแห่งข้า』

 

 

 

ฮาร์ปได้ประกาศลั่นว่าตนคือผู้เก็บเกี่ยวทุกสิ่ง และพยายามปลุกขวัญกำลังใจของรากุนะ

 

 

 

『ไปกันเถิด นายแห่งข้า หากเป็นพวกเราทั้งสองแม้จะเป็นมังกรข้าก็สามารถเก็บเกี่ยวมันได้』

 

 

 

รากุนะไม่ได้พูดอะไรกลับไป

 

 

แต่เขาได้ให้คำตอบด้วยการจับฮาร์ปเอาไว้แน่นกว่าเดิม

 

Note : ถ้าเอ็งเป็นพระเอกปูมาขนาดนี้มันก็ควรจะชนะแต่ว่า…..เนอะ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท