ตอนที่ 19 – จำกัดการเดินทาง
“คุณไม่เป็นไรนะครับ” ชิ่งเฉินกล่าวพลางมองผู้หญิงนอกประตู
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้สำรวจอีกฝ่ายจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ทั้งสองคนพบหน้ากับล้วนรีบร้อน แถมผู้หญิงเนื่องจากความรุนแรงในครอบครัวจึงจงใจหลีกเลี่ยงผู้ชายคนอื่น แม้แต่ชิ่งเฉินที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายก็ไม่ยกเว้น
นี่น่าจะเป็นเงามืดที่ความรุนแรงในครอบครัวหลงเหลือให้กับอีกฝ่าย
ขณะนี้แขนและฝ่ามือของผู้หญิงกลายเป็นอวัยวะจักรกลแล้ว ชิ่งเฉินพบว่าอวัยวะจักรกลของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับนักโทษส่วนใหญ่ของเรือนจำหมายเลข 18 แล้วงดงามกว่าบ้าง เส้นสายที่ปราดเปรียวและสง่างามกลับเต็มไปด้วยความงดงามอันแข็งแกร่ง
ผู้หญิงมองชิ่งเฉินอย่างขัดเขินอยู่บ้าง กล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะก่อความยุ่งยากให้คุณอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ” ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ผมกำลังตั้งใจจะทำอาหารให้หลี่ถงอวิ๋นกิน”
ผู้หญิงพยักหน้า เธอกล่าวกับหลี่ถงอวิ๋นว่า “ไปเถอะเสี่ยวอวิ๋น ตามแม่กลับบ้าน”
หลี่ถงอวิ๋นกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “หนูยังหิวอยู่เลย ในบ้านถูกพวกแม่พังไปแล้ว กลับไปก็ไม่มีของให้กิน”
ผู้หญิงได้ยินคำพูดนี้แล้วโกรธขึ้นมานิดหน่อย “เชื่อฟังนะ อย่าก่อความยุ่งยากให้คนเขาอีกเลย!”
ทว่าชิ่งเฉินกลับพูดอย่างปุบปับว่า “เมื่อกี้ได้ยินเสี่ยวอวิ๋นบอกว่าพวกคุณยังไม่ได้กินข้าว ยังไงเข้าบ้านมากินข้าวด้วยกันหน่อยเถอะครับ”
ผู้หญิงกับหลี่ถงอวิ๋นล้วนอึ้งไป ก่อนหน้านี้ถึงชิ่งเฉินจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เคยแสดงความกระตือรือร้นออกมาด้วยตัวเองเลย
ท่าทางกลัวจะเกิดความยุ่งยากมาก
“ผมก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการทะลุมิติสักหน่อยมาก ๆ เลย” ชิ่งเฉินอธิบาย “ดังนั้นอยากจะถาม……. เอ่อ ควรจะเรียกคุณว่ายังไงครับ”
“ฉันชื่อเจียงเสวี่ย” ผู้หญิงตอบกลับมา
“อืม ก็คืออยากจะถามน้าเจียงเสวี่ยเกี่ยวกับเรื่องของโลกภายในหน่อย” ชิ่งเฉินกล่าว “สะดวกพูดไหมครับ”
“แม่ อยู่กินข้าวบ้านพี่ชายเถอะ” หลี่ถงอวิ๋นกล่าวเสียงเบา ๆ
เจียงเสวี่ยมองดูสีหน้าอ้อนวอนของเสี่ยวอวิ๋นแล้วถอนหายใจ กล่าวกับชิ่งเฉินว่า “งั้นก็ต้องรบกวนคุณจริง ๆ”
ชิ่งเฉินสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดจากใจจริงของอีกฝ่าย
นิสัยใจคออย่างนี้ในโลกภายในอันโหดร้ายนั้นจะสามารถเอาชีวิตรอดได้จริง ๆ เหรอ
ชิ่งเฉินกดความอยากรู้อยากเห็นในใจตนเอง จนกระทั่งเขาวางข้าวผัดซีอิ๊วไว้บนโต๊ะจึงได้กล่าวเสมือนไร้เรื่องไร้ราวในที่สุดว่า “ผมเห็นตำรวจมาจัดการคดี พวกเขาว่ายังไงบ้างครับ”
เจียงเสวี่ยตอบกลับว่า “พวกเพื่อนบ้านช่วยฉันอธิบายสถานการณ์ เดิมทีอยากจะเอาตัวฉันกลับไป แต่นึกถึงว่าฉันมีลูกสาว อีกอย่างเป็นการกระทำป้องกันตัวอย่างชอบธรรม ก็เลยให้ฉันอยู่ มีเรื่องค่อยแจ้งให้ฉันไปอีกที”
เวลานี้ ชิ่งเฉินจึงได้ถามสิ่งที่ตนเองอยากถามที่สุดออกมา “ผมเห็นว่าตอนหลังมีมาอีกสองคน พวกเขามาทำอะไรครับ”
“ฉันก็ไม่รู้แน่ว่าพวกเขาทำอะไร” เจียงเสวี่ยส่ายหน้า “อีกฝ่ายทำความเข้าใจสถานการณ์จากเพื่อนตำรวจ จากนั้นให้ฉันกรอกแบบฟอร์มอันหนึ่ง จากนั้นถ่ายรูปบัตรประชาชนของฉันสองรูปแล้วก็ไป”
ชิ่งเฉินอึ้งไป “เรียบง่ายขนาดนี้เลย?”
“ใช่ พวกเขายังพูดว่าภายหลังอาจจะมาหาฉัน ให้ฉันในระยะนี้อย่าออกจากเมืองลั่ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดว่าจะหาฉันด้วยธุระอะไร” เจียงเสวี่ยตอบกลับมา
“ตำรวจก็ไม่สนพวกเขาเหรอครับ” ชิ่งเฉินอยากรู้
“พวกเขาเหมือนจะแสดงเอกสารอะไรให้เพื่อนตำรวจ” เจียงเสวี่ยอธิบาย “รายละเอียดแน่ชัดฉันก็ไม่ค่อยรู้ ยังไงก็คือไม่สนพวกเขา”
ตอนนี้ ชิ่งเฉินมีความเข้าใจคนพวกนั้นอย่างคร่าว ๆ แล้ว
อันดับแรก อีกฝ่ายไม่ใช่ว่าพบผู้ทะลุมิติแล้วจะจับตัวเลย
อันดับต่อมา อีกฝ่ายมีเอกสารทางการ
ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็ไม่ได้โหดร้ายบ้าคลั่งอย่างที่จินตนาการเอาไว้เลย นี่ทำให้ชิ่งเฉินสบายใจขึ้นเยอะ
ทันใดนั้น ชิ่งเฉินกล่าวกับเจียงเสวี่ยว่า “น้าเจียงเสวี่ย คุณมีสถานะอะไรในโลกภายใน”
โลกภายใน ชื่อนี้หลังจากที่เหอเสี่ยวเสี่ยวทำไกด์ออกมาก็ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปแล้ว
นับได้ว่าเป็นคำเรียกขานอันเป็นที่รู้จักของโลกที่ทุกคนทะลุมิติไปใบนั้น
เจียงเสวี่ยตอบมาว่า “ฉันเปิดคลินิกจักรกลอยู่ในเมืองหมายเลข 18 ที่จริงก็คือการช่วยคนอื่นติดตั้งอวัยวะจักรกล แต่ว่าหลังจากฉันทะลุมิติไปไม่ว่าอะไรก็ไม่เข้าใจ มีคนมาขอติดตั้งอวัยวะจักรกลถึงหน้าประตู ฉันก็ได้แต่พูดว่าไม่มีของ”
“งั้นแขนทั้งคู่ของคุณ……” เขาถาม
“ตอนไปฉันก็ครอบครองอวัยวะจักรกลแล้ว ตอนกลับก็ตามกลับมาด้วย” เจียงเสวี่ยตอบ
ชิ่งเฉินถามอีกว่า “ผมเห็นเกี่ยวกับคุกหมายเลข 18 ที่การแนะนำของผู้ทะลุมิติ สถานที่นี้อยู่ไหนเหรอครับ”
“อยู่ตรงริม ๆ เมืองหมายเลข 18” เจียงเสี่ยวกล่าว “คุกแห่งนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง เหมือนกับว่าเป็นสถานที่กักขังนักโทษอุกฉกรรจ์โดยเฉพาะ เป็นคุกที่ระดับการป้องกันสูงที่สุดแล้วในสหพันธรัฐ”
“ระบบสหพันธรัฐ?” ชิ่งเฉินลังเลนิดหนึ่ง “น้าเจียงเสวี่ยยังรู้อะไรอีกครับ”
“ฉันก็เพิ่งทะลุมิติไปได้สองวัน ทำความเข้าใจอะไร ๆ ได้ไม่ชัดเจนทั้งนั้น” เจียงเสวี่ยส่ายหน้า
เวลานี้ เด็กสาวหลี่ถงอวิ๋นที่ด้านข้างถามว่า “แม่ คลินิกแม่ชื่ออะไรเหรอ”
“ชื่อว่าคลินิกอวัยวะจักรกลเจียงเสวี่ย” เจียงเสวี่ยตอบ “ลูกถามทำไม”
“ถามเฉย ๆ เอง” หลี่ถงอวิ๋นเขี่ยข้าวผัดซีอิ๊วพลางกล่าว
เจียงเสวี่ยมองไปทางชิ่งเฉิน “เพราะอะไรคุณถึงอยากรู้เรื่องของโลกภายในขนาดนี้เหรอ”
“ผมก็อยากทะลุมิติไปดูสักหน่อยมากเลย” ชิ่งเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมค่อนข้างอิจฉาพวกคุณที่เป็นผู้ทะลุมิติทีเดียว”
เจียงเสวี่ยส่ายหน้า “โลกใบนั้นอันตรายมาก แทบจะเป็นว่านอกจากคนของกลุ่มตระกูลหลี่, ตระกูลเฉิน, ตระกูลชิ่ง, จินได, คาชิมะแล้ว คนอื่น ๆ ทุก ๆ วันล้วนใช้ชีวิตอย่างตกระกำลำบาก ยังไม่สู้โลกภายนอก”
ชิ่งเฉินคิดในใจว่าตนเองเป็นคนของตระกูลชิ่ง แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างตกระกำลำบากเหมือนกันนะ
เขาถามว่า “ถัดไปมีแผนการอะไรครับ”
“ฉันคิดจะพาเสี่ยวอวิ๋นไปฝากบ้านยายเธอที่เมืองเจิ้งก่อนสักพัก จะไปพรุ่งนี้ จากนั้นกลับมาหย่ากับพ่อของเสี่ยวอวิ๋น” เจียงเสวี่ยกล่าว
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ก็คิดถึงเรื่องอย่างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเอ่ยเตือนว่า “งั้นก็ซื้อตั๋วก่อนเถอะครับ ทุก ๆ วันมีคนไปเมืองเจิ้งตั้งเยอะ ซื้อตั๋วได้ไม่ง่าย”
เจียงเสวี่ยก็ไม่คิดมากเกินไป ใช้โทรศัพท์มือถือสั่งซื้อตั๋วไปเมืองเจิ้งหนึ่งใบตรง ๆ เลย การจ่ายสำเร็จแล้ว แต่ตอนที่พิมพ์ตั๋วกลับแสดงออกมาว่าตั๋วล้มเหลว!
ตามคาดเลย
ชิ่งเฉินตกอยู่ในห้วงคิด ตอนที่เขาได้ยินว่าอีกฝ่ายบอกไม่ให้เจียงเสวี่ยไปจากเมืองลั่วแต่กลับไม่ได้มีขั้นตอนจำกัดอันใดก็เดาแล้วว่าอาจจะมีวิธีการอื่น
องค์กรเร้นลับถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนของเจียงเสวี่ยไปอาจจะเพื่อจำกัดการเดินทางของเธอ
…………………………………..
หัวหน้าทีม ใช้คำว่า 队长 ซึ่งแปลได้ว่ากัปตัน กัปตันทีม (อย่างในทีมแข่งอีสปอร์ตก็ใช้คำนี้) ซึ่งกัปตันนี้ถ้าเป็นยศตำรวจก็คือ ร้อยตำรวจเอก หรือ สารวัตร ทำให้เราคิดอยู่เหมือนกันว่าจะใช้คำว่า หัวหน้าทีม กัปตัน หรือว่าสารวัตรดี แต่สุดท้ายเลือกหัวหน้าทีมที่ฟังดูกลาง ๆ ค่ะ มาอธิบายตอนนี้เพราะกลัวคนจับได้จากคำว่าสารวัตรว่าองค์กรนี้เป็นองค์กรรัฐนะจ้ะ
ตอนที่ 20 – กลุ่มแชตของผู้ทะลุมิติ