นอกกำแพงเมืองนครใต้ ฝนแห่งฤดูใบไม้ผลิตกลงมาจากฟากฟ้า
ดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่เบื้องบนแผดแสงเจิดจ้าเหมือนลูกไฟประลัยกัลป์ ร้อนเสียจนเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ที่ริมตลิ่งของแม่น้ำมังกร ชาวประมงหลายคนยังนั่งตกปลากันเงียบๆ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงขณะเฝ้ารอให้ปลาตัวอวบอ้วนมาติดเบ็ด
บนผิวน้ำมีเรือประมงหลายลำลอยอยู่ ชาวประมงบางคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือ ดูผ่อนคลายไม่น้อย ส่วนอีกหลายคนก็เหวี่ยงแหลงน้ำเพื่อจับปลาตัวอ้วนในแม่น้ำ
ณ ศาลาหมื่นลี้แห่งเมืองนครใต้
บรรดาชายในชุดดำพากันเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามา ทุกคนสวมผ้าคลุมหน้าและหมวกไม้ไผ่ ปกปิดใบหน้ามิดชิดจนไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาคือใคร แต่พลังปราณที่แผ่ออกจากร่างกายนั้นทั้งร้ายกาจและน่ากลัว
ชาวบ้านหลายคนที่นั่งพักอยู่ในศาลาหมื่นลี้ต่างขมวดคิ้ว และพยายามอยู่ห่างคนเหล่านี้เอาไว้ เนื่องจากชายชุดดำพวกนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยชอบมาพากลเอาเสียเลย
“เมืองนครใต้อยู่ข้างหน้านี่แล้ว แม่น้ำที่ล้อมเมืองอยู่ชื่อแม่น้ำมังกร” เสียงแหบห้าวดังขึ้น ทำให้เหล่าชายชุดดำต้องหยุดเดิน
“แม่น้ำมังกรรึ ฮ่าๆ… สงสัยจะถึงเวลาทำให้มีมังกรในแม่น้ำจริงๆ เสียแล้ว” เสียงแหบห้าวอีกเสียงดังขึ้น ทำเอากลุ่มชายชุดดำที่เหลือพากันหัวเราะครื้นเครงตอบรับ
กลุ่มชายฉกรรจ์ยังคงเดินมุ่งหน้าไปบนถนนเรื่อยๆ จนมาถึงแม่น้ำมังกร เมื่อเห็นว่าน้ำกำลังขึ้น ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำของพวกเขาก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนี้บุตรสาวของเซียวเหมิงอยู่ในเมืองนี้ใช่หรือไม่ ข้าอยากรู้นักว่าเซียวเหมิงมันจะรีบรุดมาที่เมืองนครใต้หรือเปล่า ถ้ารู้ว่าบุตรสาวของตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“เซียวเหมิงเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มีหน้าที่ปกป้องนครหลวง หมอนั่นคงไม่ออกจากนครหลวงมาที่เมืองนครใต้ง่ายๆ แน่… แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แผนของเราก็จะยังดำเนินต่อไป” เสียงหัวเราะแหบห้าวดังขึ้น
เหล่าชายชุดดำไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาทำเพียงเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาจากร่าง วงแหวนปราณมืดหน้าตาประหลาดปรากฏขึ้นในมือ พร้อมด้วยพลังปราณลึกลับที่ไหลเวียนขึ้นลงอยู่ภายใน
“ลงน้ำ”
ชายฉกรรจ์หนึ่งในห้าตะโกนออกมา จากนั้นทั้งห้าก็ก้าวเดินไปบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หรือจะเรียกว่าลอยไปบนผิวน้ำก็ไม่ผิดนัก
พวกเขากระแทกฝ่ามือที่ห่อหุ้มด้วยวงแหวนปราณมืดลงไปในน้ำเต็มแรง
ซ่า…
กระแสพลังประหลาดกระจายตัวออกมา ผิวน้ำของแม่น้ำกระเพื่อมเป็นวงกว้างไปทั้งสาย
ผู้คนที่ตกปลาอยู่พากันเปิดตากว้าง สายตาเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง
เรือหาปลาสั่นเล็กน้อย ทำให้บรรดาชาวประมงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ แต่เมื่อกวาดสายตาไปรอบกายก็ไม่ได้พบสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อย
ชายทั้งห้าดึงมือออกจากน้ำแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเดินขึ้นตลิ่งไป วงแหวนปราณในมือหายไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งห้าจ้องไปที่แม่น้ำมังกรด้วยสายตาว่างเปล่า
แสงอาทิตย์ส่องลงมาจากท้องฟ้า หากมองจากพื้นที่สูงจะเห็นว่าที่ก้นของแม่น้ำมังกรนั้น… มีเงาใหญ่ยักษ์กำลังค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างช้าๆ
…
ปู้ฟางมองจ้องปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูตรงหน้า ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย
น้ำซอสสีเข้มถูกเทราดบนปลาตัวอวบอ้วน เนื้อขาวของมันหอมเสียจนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก
ปลาบนจานตัวใหญ่มาก มันถูกแล่ออกเป็นสองส่วนด้วยคมมีดของพ่อครัวประจำร้าน ครึ่งซ้ายถูกตระเตรียมด้วยทักษะการแกะสลักพิเศษ โดยใช้การบั้งตามแนวตั้งเป็นเส้นตรงห้าเส้นและบั้งตามแนวนอนสามเส้น ส่วนครึ่งขวาพ่อครัวบั้งลากยาวเป็นเส้นตรงตามแนวกระดูกสันหลัง โดยไม่ทำให้หนังปลาเสียหายแม้แต่น้อย
พ่อครัวที่ทำปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูเตรียมปลาอย่างชำนิชำนาญ ทักษะการใช้มีดและการแกะสลักแสดงให้เห็นว่าพ่อครัวผู้นี้มีประสบการณ์โชกโชน เก่งกาจกว่าการจัดการตับห่านมากนัก
สูตรที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในสมุดบันทึกสูตรอาหารที่ระบบมอบให้ทำเอาปู้ฟางต้องหรี่ตาลง เขากินอาหารมากมายหลายรายการตั้งแต่เข้าเมืองนครใต้มา แต่ไม่มีจานใดเลยที่ปรากฏขึ้นในสมุดบันทึกเล่มนี้ มีเพียงปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูเท่านั้นที่ผ่านด่านเข้ามาได้ ดูเหมือนว่าอาหารจานตรงหน้าเขานี้จะทำออกมาตามต้นตำรับและอร่อยมากเสียจนระบบต้องบันทึกเอาไว้ในสมุดบันทึกสูตรอาหารเลยทีเดียว
ทันทีที่สูตรอาหารถูกบันทึกไว้ ปู้ฟางก็ได้รับรู้ทุกขั้นตอนการทำ ซึ่งแปลว่าเขาสามารถเรียนรู้วิธีการทำอาหารจานนี้ได้อย่างง่ายดาย นับเป็นเรื่องที่สะดวกกับตัวชายหนุ่มเป็นอันมาก
“เถ้าแก่ปู้ลองชิมดูสิ ปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูจานนี้อร่อยมากทีเดียว” เซียนเยียนอวี่มองปู้ฟางพลางส่งยิ้มให้
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วหยิบตะเกียบไม้ไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากชิมทันที
เขาสะบัดตะเกียบเพื่อลอกหนังปลาออก ทำให้น้ำซอสหอมกรุ่นซึมเข้าไปในเนื้อปลาขาวอ่อนนุ่ม จากนั้นปู้ฟางก็ออกแรงเล็กน้อยเพื่อคีบเนื้อปลาชุ่มฉ่ำขึ้นมา เนื้อปลาที่อยู่ตรงกลางตะเกียบสั่นเล็กน้อย ส่งไอสีขาวโชยขึ้นพร้อมกลิ่นหอมฟุ้ง
ปู้ฟางมองชิ้นปลาพลางพยักหน้าเล็กน้อย ปลาอ้วนที่จับได้จากแม่น้ำมังกรคุณภาพดีกว่าปลาในหนองน้ำปราณมายาเล็กน้อย อย่างไรเสียคุณลักษณะของปลาก็ย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมที่มันอยู่ และสภาพแวดล้อมในแม่น้ำมังกรก็ยอดเยี่ยมเหมาะกับการเจริญเติบโต ทำให้ปลาในแม่น้ำแห่งนี้สดและอ้วนพี
ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก เนื้อก็อ่อนตัวลงจนเหมือนหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับน้ำซอสที่ไหลลงลำคอของปู้ฟาง รสเปรี้ยวเล็กน้อยปรากฏขึ้น พร้อมด้วยรสหวานที่ปลายลิ้น
รสชาตินี้โลดแล่นอยู่ในปากของชายหนุ่ม จนทำให้เขาต้องหยีตาเล็ก รู้สึกได้ถึงความรื่นรมย์ในจิตใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง” เซียวเยียนอวี่นั่งเอามือเท้าคาง ข้อมือสวยบอบบางโผล่พ้นแขนเสื้อ นางยิ้มให้ปู้ฟาง
ปู้ฟางพยักหน้า นี่เป็นปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูสูตรต้นตำรับ แน่นอนว่ารสชาติย่อมอร่อยล้ำ กระนั้นก็ยังมีข้อผิดพลาดไม่น้อยและมีอีกหลายจุดที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ชายหนุ่มคีบปลาขึ้นมาอีกชิ้นจากนั้นก็อ้าปาก
เซียวเยียนอวี่คีบปลาชิ้นหนึ่งขึ้นมาส่งเข้าปากเช่นกัน ริมฝีปากสีแดงของนางเผยอเล็กน้อยขณะเคี้ยวเนื้อปลา พยายามจับรสชาติของเนื้อปลาและน้ำซอสที่แทรกซึมผ่านฟันและลิ้น
อาหารเรียกน้ำย่อยจานอื่นก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะแล้วเช่นกัน แต่ละจานดูละเมียดละไมและยังร้อนกรุ่น กลิ่นอาหารฟุ้งกระจายไปในอากาศ ทำให้ใครก็ตามที่ได้กลิ่นล้วนต้องน้ำลายไหล
ชายหนุ่มกินปลาเข้าไปอีกคำจากนั้นก็เริ่มครุ่นคิด สมุดสูตรอาหารไม่ได้ทำเพียงบันทึกวิธีการทำอาหารจานนี้เอาไว้เท่านั้น แต่ยังระบุวิธีการอีกหลายข้อที่ทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นด้วย ซึ่งเหมาะกับการนำอสูรเวทสมุทรมาทำยิ่งขึ้นไปอีก
แม้วิธีการทำปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูจานตรงหน้าจะรักษารสชาติของปลาเอาไว้ได้ครบถ้วน แต่ก็สูญเสียพลังปราณดั้งเดิมในวัตถุดิบไป ปลาตัวอ้วนที่นำมาทำนี้เป็นอสูรเวทระดับสองที่มีพลังปราณอยู่ภายในเนื้อพอสมควร แต่อาหารจานนี้กลับไม่มีพลังปราณอยู่เลย จัดได้ว่าเสียของไม่น้อย
สูตรปรับปรุงในสมุดเล่มนี้แนะนำวิธีการควบคุมการไหลเวียนของกระแสพลังปราณระหว่างทำอาหาร เพื่อไม่ให้พลังปราณเที่ยงแท้ในวัตถุดิบสลายหายไป
นี่เป็นความใฝ่ฝันของพ่อครัวแม่ครัวหลายๆ คน แต่การไหลเวียนกระแสพลังปราณระหว่างการทำอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ทักษะนี้ต้องใช้การฝึกฝนเป็นพันๆ ครั้งกว่าจะเข้าใจแก่นแท้ของการรักษาพลังปราณในอาหารที่แท้จริง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมอาหารโอสถทิพย์ถึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง
“เฮ้ย! มีคนเจ็บ!”
ความโกลาหลปะทุขึ้นที่ชั้นล่างของร้านหอมหวนชวนเมา ทำให้ปู้ฟางตื่นจากห้วงความคิด เซียวเยียนอวี่เหลือบมองชายหนุ่ม แล้วทั้งสองก็ชะโงกลงไปมองข้างล่างพร้อมกัน
ถนนใกล้ประตูเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย ผู้คนอัดแน่นกันเต็มไปหมด แน่นขนัดเสียจนแม้แต่น้ำก็ยังไม่สามารถแทรกผ่านได้
“ไปตามหมอเร็ว! อย่ามัวแต่ยืนบื้ออยู่!”
ที่ทางเข้าเมือง ชายหนุ่มตัวเปียกโชกคนหนึ่งมองฝูงชนที่ยืนมุงอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาตะโกนออกมาพร้อมโทสะ แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
คนที่นอนอยู่ตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคนที่ขาหักทั้งสองข้าง เลือดสดๆ ทะลักออกมาไม่หยุดจนกลายเป็นแอ่งน้ำสีแดง
ขาของเขาเป็นแผลฉกรรจ์ในแนวนอน ราวกับถูกอะไรบางอย่างกัดจนเกือบขาด กระดูกขาวโผล่ออกมาจากเนื้อจนเห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้บาดเจ็บคนแล้วคนเล่าถูกหามเข้าประตูเมืองมา ทุกคนบาดเจ็บในลักษณะเดียวกันคือถูกอะไรบางอย่างกัด เลือดสดๆ ไหลย้อมบริเวณประตูเมืองนครใต้จนกลายเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลในอากาศ
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีผู้บาดเจ็บมากมายถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะเป็นชาวประมงในแม่น้ำมังกรเสียด้วย” เซียวเยียนอวี่งุนงงเป็นอันมาก นางเปิดปากถามด้วยความตกใจ
แม่น้ำมังกรเป็นปราการด่านหน้าของเมืองนครใต้ และเต็มไปด้วยอสูรเวทมากมาย แต่ระดับของอสูรเวทก็ไม่จัดว่าสูงอะไร พลังปราณของบรรดาชาวประมงเหล่านี้อยู่ที่ระดับหนึ่งหรือสองเท่านั้น แม้จะไม่แข็งแกร่งแต่ก็มากพอให้ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้
หลายปีที่ผ่านมา มีเพียงบางคนที่โชคร้ายถูกอสูรเวทระดับสูงที่พลัดหลงเข้ามาในแม่น้ำมังกรกัดจนได้รับบาดเจ็บ แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ดูย่ำแย่น่ากลัวกว่าหลายเท่านัก
“แผลนั่น… น่าจะเกิดจากการถูกปลาล่าเนื้อขนาดใหญ่กัด” ปู้ฟางสันนิษฐาน
หือ เซียวเยียนอวี่มีสีหน้างุนงง นางไม่เข้าใจว่าปู้ฟางพูดถึงอะไร
“ลงไปดูกันเถิด” ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาได้ชิมปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูและบันทึกสูตรลงในสมุดสูตรอาหารเรียบร้อยแล้ว สำหรับปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูจานที่ยังมีข้อผิดพลาดอยู่นั้น ปู้ฟางไม่ได้รู้สึกอยากกินต่อ อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งไปทั่วก็ทำให้เขาไม่รู้สึกอยากอาหารอีกต่อไป
บรรยากาศระหว่างการกินอาหารมีผลอย่างมากต่อความอยากอาหารของลูกค้า
เซียวเยียนอวี่พยักหน้าพลางสวมผ้าคลุมหน้ากลับไปดังเดิม ส่วนปู้ฟางก็เรียกบริกรมาแล้วจ่ายเงินค่าอาหารไปสองเหรียญทอง
พวกเขาไม่เอาเงินทอนแต่รีบเดินลงไปที่ชั้นล่างทันที มุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุที่กำลังโกลาหลอยู่
บรรดาทหารคุ้มครองเมืองต่างรีบรุดไปตามถนน พวกเขารีบกั้นสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ และสลายฝูงชนที่มุงดูเพื่อให้สถานการณ์กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
ชาวประมงที่ได้รับบาดเจ็บยังถูกหามเข้ามาในประตูเมืองเรื่อยๆ บรรดาชาวเมืองนครใต้ต่างหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ดูเหมือนว่าอสูรเวทที่หลงเข้ามาในแม่น้ำมังกรในครั้งนี้จะร้ายกาจมากทีเดียว
“นั่นมัน!! ปีศาจ!”
ทันใดนั้นบรรดาชาวประมงที่อยู่ด้านนอกเมืองก็ตกอยู่ในความโกลากลอีกครั้ง พวกเขาตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจ ทำให้ทุกคนที่มามุงดูอยู่ตรงประตูเมืองอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน
เสียงคำรามดังลั่นลอยมาจากนอกเมือง