ทันทีที่ตะวันตกดิน มัจฉาปีศาจตัวใหญ่ยักษ์ที่ร่างทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดวาววับก็พุ่งเข้ากระแทกประตูเมืองอย่างดุร้าย ประตูเมืองโลหะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ดูเหมือนจะทนแรงกระแทกหนักหน่วงไม่ไหวจนใกล้จะพังลงมาอยู่ร่อมร่อ
ทุกคนที่อยู่ภายในเมืองกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว ต่างเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตัวเองด้วยหัวใจที่สั่นระริกเมื่อสัมผัสได้ถึงหายนะตรงหน้า ทันทีที่ประตูเมืองโลหะถูกมัจฉาปีศาจทำลาย เมืองนครใต้ย่อมตกอยู่ในความวิบัติอย่างแท้จริง
ซู่…
กระแสประหลาดซัดออกมาเป็นระลอกเมื่อประตูเมืองนครใต้เริ่มส่งพลังลึกลับออกมา จากนั้นลำแสงมากมายก็พวยพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วก่อตัวเป็นโดมสว่างเจิดจ้าที่เข้าปกคลุมทั้งเมืองเอาไว้
มันคือวงแหวนปราณคุ้มกันของเมืองนครใต้ที่จะถูกปลุกขึ้นเมื่อเกิดเหตุอาเพศจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากทรัพยากรที่ต้องใช้ในการปลุกพลังของวงแหวนปราณนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล
ด้วยพลังของวงแหวนปราณ มัจฉาปีศาจจึงไม่สามารถทำอันตรายประตูเมืองต่อได้แม้จะพุ่งเข้าโจมตีอีกหลายครั้ง ไม่นานมันก็ล้มเลิกความพยายาม ร่างใหญ่ยักษ์ค่อยๆ ว่ายน้ำกลับไปยังส่วนลึกของแม่น้ำมังกรช้าๆ
ภายใต้ความกดดันนี้ความมืดของยามราตรีก็มาเยือนในที่สุด แสงสว่างส่องกะพริบขึ้นทีละดวงสองดวงภายในเมืองนครใต้ สุดท้ายบรรดาชาวเมืองที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนต่างก็ถอนหายใจออกมา ในใจปลอดโปร่งขึ้นมาก
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเซียว ปู้ฟางบอกลาเซียวเคออวิ่นและภรรยา ก่อนกลับไปยังห้องพักที่เซียวอวี่เตรียมไว้ให้ ห้องนี้ดีกว่าห้องรับรองแขกที่เขาถูกพาไปตอนแรกมาก อย่างน้อยชายหนุ่มก็รู้สึกสบายกายดีเมื่ออยู่ในห้อง
เขานั่งบนเตียงและคิดอยู่สักพัก ในเมื่อชิมซาลาเปาทอดไส้หมูไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเซียวต่อ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงวางแผนว่าจะออกจากที่นี่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อไปตามหาอาหารรสเลิศในเมืองนครใต้ต่อ หากไม่มีอาหารจานอื่นแล้วจริงๆ ก็คงถึงเวลาต้องกลับบ้าน
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ปู้ฟางจะมานั่งคิดอีกทีในวันพรุ่งนี้ ชายหนุ่มหาวหวอด เขาไม่ได้ฝึกปราณแทนการนอนเหมือนผู้ฝึกตนคนอื่นๆ จึงเอนกายลงบนเตียงแล้วหลับไปในที่สุด
เจ้าขาวยืนอยู่ในห้องเงียบๆ ดวงตากะพริบแสงสีแดงไม่หยุด
และนี่คือการนอนค้างแรมในเมืองนครใต้ของปู้ฟาง
…
ณ นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่ว เวลาเช้าตรู่
เซียวเสี่ยวหลงมาถึงร้านเล็กๆ ของฟางฟางแต่เช้า ตอนที่เขาเดินเข้าครัวมา อวี่ฝูก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบในการฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลักแล้ว
อวี่ฝูมองดูเซียวเสี่ยวหลงที่หน้าตาง่วงงุนตาจะปิดแล้วก็หัวเราะออกมา ก่อนชี้นิ้วไปที่โต๊ะทำอาหารของเซียวเสี่ยวหลง หญิงสาวกำลังบอกอีกฝ่ายว่านางเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดให้เขาเรียบร้อยแล้ว
“ศิษย์พี่หญิง ท่านนี่ช่างเป็นสตรีที่รู้วิธีเตรียมบ้านจัดการเรือนจริงๆ” เซียวเสี่ยวหลงหาวตาแทบปิด เขาหัวเราะแล้วเอ่ยปากชมอวี่ฝู ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงพูดเล่นกันสนุกสนานเป็นครั้งคราว
ทั้งสองเดินไปที่โต๊ะทำอาหารของตนแล้วเริ่มควงมีดทำครัวเพื่อฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก
กลิ่นหอมของเนื้อโชยออกมาจากห้องครัว เซียวเสี่ยวหลงมองซี่โครงปรี้ยวหวานตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ปู้ฟางสอนวิธีการทำให้เขามาสักพักแล้ว และในที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จจนได้
ชายหนุ่มทำตามคำสั่งของปู้ฟาง เขายกจานซี่โครงเปรี้ยวหวานเดินออกจากร้านไป
ที่ทางเข้าร้าน เจ้าดำยังคงทำตัวเหมือนเดิมคือนอนอืดถืดหลับลึกยิ่งกว่าลึกอยู่บนพื้น ปู้ฟางสั่งให้เซียวเสี่ยวหลงทำซี่โครงเปรี้ยวหวานให้เจ้าดำกินทุกเช้า
เซียวเสี่ยวหลงวางจานซี่โครงเปรี้ยวหวานลงตรงหน้าเจ้าดำพลางมองมันด้วยสายตาคาดหวัง ชายหนุ่มอยากเห็นสุนัขสีดำตัวนี้กินอาหารที่เขาทำจนหมดจาน
เจ้าดำที่กำลังหลับอยู่ทำจมูกฟุดฟิดแล้วเปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นจานซี่โครงเปรี้ยวหวานอยู่ตรงหน้า ดวงตาของมันก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เจ้าสุนัขเริ่มกินอาหารในจานภายใต้สายตาตื่นเต้นของเซียวเสี่ยวหลง
แต่ความตื่นเต้นของเจ้าของอาหารก็ไม่ได้อยู่นาน ขนของเจ้าดำตั้งชันไปทั้งตัว ร่างกายแข็งทื่อไปหมด
มันหันมามองเซียวเสี่ยงหลง แล้วเปิดปากถุยซี่โครงเปรี้ยวหวานที่กินเข้าไปหนึ่งชิ้นออกมา ซี่โครงมาตกอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มพอดิบพอดี
สุนัขสีดำตัวใหญ่ทำเสียงฟึดฟัด จากนั้นก็กลับไปนอนบนพื้นแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง เมินเซียวเสี่ยวหลงที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มอยากจะร้องไห้แต่น้ำตาก็ไม่ไหลออกมา เขาถูกเจ้าดำเยาะเย้ยอีกแล้ว
เถ้าแก่ปู้จากไปยังที่ไกลแสนไกล ร้านอาหารแห่งนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของเขาและอวี่ฝู ทั้งสองเปิดประตูร้านเพื่อเตรียมรับลูกค้าที่กำลังจะแวะเวียนเข้ามา เริ่มวันทำงานที่แสนยุ่งวุ่นวายอีกครั้ง ทักษะการทำอาหารของทั้งสองยังไม่ดีเยี่ยมเท่าปู้ฟาง แต่ภายใต้การฝึกพิเศษของเจ้าของร้าน ก็ทำให้อาหารที่ทั้งสองทำออกมารสชาติดีพอที่ลูกค้าหลายคนจะยอมจ่ายเงินให้
…
หลังจากบอกลาเซียวเยียนอวี่แล้วปู้ฟางก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียวมา เขาอยู่ในเมืองนครใต้อีกสองวัน กินอาหารที่ว่ากันว่าขึ้นชื่อในเมืองนครใต้ไปก็หลายรายการ หลายจานก็ดี หลายจานก็น่าผิดหวัง
ภายในสองวันนี้ ผู้คนในเมืองนครใต้ล้วนกระวนกระวายใจไม่น้อย เนื่องจากมัจฉาปีศาจไม่ได้กลับลงทะเลแต่อย่างใด มันยังพุ่งชนวงแหวนปราณเป็นพักๆ จนตอนนี้วงแหวนปราณค่อยๆ อับแสงลงแล้วเนื่องจากเริ่มต้านทานการโจมตีไม่ไหว
เจ้าเมืองนครใต้เรียกบรรดาคนใหญ่คนโตในเมืองมาประชุมกันที่จวนเจ้าเมือง แต่ก็ยังหาแผนการดีๆ ในการรับมือไม่ได้เสียที
ขณะที่ปู้ฟางกำลังเดินอยู่บนถนนของเมืองนครใต้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแปลว่าวงแหวนปราณที่ปกป้องเมืองเอาไว้เริ่มจางหายไปแล้ว ทันทีที่วงแหวนปราณหายไปทั้งหมด ประตูเมืองที่ถูกปลาปีศาจโจมตีจะอยู่ในจุดหน้าสิ่วหน้าขวาน ยากที่จะบอกว่ามันจะทานทนการโจมตีได้นานเพียงใด
เหล่าทหารกำลังเดินตรวจตราตามถนนสายหลักอย่างเข้มงวด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะรักษาความเชื่อมั่นของชาวเมืองเอาไว้ได้
สุดท้ายแผนการรับมือก็คือ ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลใหญ่จะส่งผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการในอาณัติออกมาจัดการมัจฉาปีศาจตัวนี้ เนื่องจากที่เมืองนครใต้ไม่มีผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการ แต่มีขั้นจักรพรรดิยุทธการอยู่หลายคน
ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลสามารถเรียกผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการในอาณัติมาปฏิบัติหน้าที่ได้ก็จริง แต่พวกเขาก็ทำได้มากที่สุดเพียงเท่านี้
ฉางซานและผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการคนอื่นๆ กำลังยืนอยู่บนกำแพงเมือง ฝนฤดูใบไม้ผลิพรั่งพรูมาตามลม ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาขมุกขมัว
ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการจากตระกูลเซียวหรือก็คือเซียวเคออวิ่นมีสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอันมาก เขายืนอยู่บนกำแพงเมือง มองลงไปยังปลาอสูรมังกรพินาศตัวใหญ่ยักษ์เบื้องล่าง อสูรเวทกำลังเปิดปากกว้างกรีดร้องเสียงแหลมออกมา ทำให้แก้วหูของทุกคนสั่นไปตามๆ กัน
ภายในศาลาหมื่นลี้ด้านนอกเมืองนครใต้ ร่างห้าร่างในหมวกพร้อมผ้าคลุมหน้ากำลังจับตามองผู้ฝึกตนบนกำแพงเมืองที่กำลังจะทิ้งทุกอย่างเพื่อภารกิจครั้งนี้ ทั้งห้าหัวเราะเสียงแหบเจือไปด้วยความรังเกียจเย้ยหยัน
“พวกนี้ตั้งใจจะเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อการนี้หรือ เมืองนครใต้… เห็นทีอีกไม่นานคงจะจบเห่แล้วสินะ!” เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็แยกตัวออกจากกลุ่ม
ร่างนั้นราวกับเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายสีดำที่พุ่งเข้าหาแม่น้ำมังกรด้วยความเร็วสูงสุด
เซียวเคออวิ่นและผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างสังเกตเห็นเงานั้น พลังที่ปล่อยออกมาจากเงาอยู่ที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ แต่ร่างนั้นกลับมาพร้อมบรรยากาศที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“นั่นใครกัน กำลังพยายามทำอะไรถึงพุ่งไปที่แม่น้ำมังกรเช่นนั้น” ผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการที่อยู่บนกำแพงคนหนึ่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง
เซียวเคออวิ่นหรี่ตา รังสีสังหารระเบิดออกจากกาย ความตื่นตกใจเข้าเกาะกุมดวงจิต หมอนั่นน่ะเอง!
นั่นมันชายคนที่ขายโอสถพิษให้เขา จนทำให้ตระกูลเซียวต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง เงานั้นก็มาถึงริมแม่น้ำมังกรแล้วหยุดลงกะทันหัน สะบัดมือเรียกขวดหยกสีดำออกมา จากนั้นก็เทเม็ดยาสีแดงเข้มออกมาหนึ่งเม็ด ก่อนบดมันเป็นผงละเอียดคามือ
เงานั้นเงยหน้าขึ้น ไม่มีใครเห็นใบหน้าของเขาชัดเนื่องจากมีหมวกไม้ไผ่พร้อมผ้าคลุมหน้าสีดำบังอยู่ แต่เซียวเคออวิ่นและคนอื่นๆ กลับรู้สึกได้ว่าเงาดังกล่าวกำลังยิ้มเยาะพวกเขาอยู่
ฟ้าว!
ผงในมือชายลึกลับถูกซัดออกไป ลมร้ายกาจรุนแรงระเบิดออกจากร่างชายผู้นั้น ส่งให้ผงสีแดงเข้มกระจัดกระจายไปทั่วแม่น้ำมังกร
“ฉลองกันให้ถึงพริกถึงขิงไปเลย! เมืองนครใต้… ได้เวลาพินาศแล้ว!”
เงานั้นเริ่มหัวเราะร่วนก่อนจะกระโจนหายลับไปจากสายตาของทุกคน
ทุกคนที่อยู่เหนือกำแพงเมืองต่างรู้สึกได้ถึงลางร้ายมหันต์ พวกเขาพากันหรี่ตา แล้วก็เห็นว่าผิวน้ำเริ่มเดือดปุดๆ
ตู้ม!!
เสียงสนั่นดังขึ้นพร้อมกระแสน้ำที่ซัดขึ้นด้านบน น้ำในแม่น้ำกลายเป็นคลื่นยักษ์ที่พุ่งเข้ากระแทกประตูเมือง ประตูนั้นสั่นตามแรงกระแทรก สายน้ำแทรกซึมเข้ามาตามช่องว่าง
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง ภายในคลื่นยักษ์มีดวงตาสีแดงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน จากนั้นปลาอสูรมังกรพินาศก็พุ่งเข้ากระแทกวงแหวนปราณอย่างแรง เกราะคุ้มกันเมืองทานทนแรงโจมตีไม่ไหวอีกต่อไป มันแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
ปัง!!
เสียงน่ากลัวดังขึ้น ประตูเมืองถูกปลาปีศาจโจมตีอีกครั้ง สุดท้ายแล้วก็ทนแรงกระแทกไม่ไหว กำแพงเมืองที่ทำจากอิฐทรุดลงแตกเป็นชิ้นๆ พร้อมเสียงครืนดังลั่น เศษหินดินทรายกระจายไปทั่ว ประตูเมืองถูกโจมตีจนพังสิ้น
น้ำเชี่ยวกรากซัดผ่านประตูเมืองเข้ามาภายใน เสียงน้ำกระทบของแข็งดังลั่นสะท้อนสะเทือนไปทั่วเหมือนจะไม่มีวันสงบลงอีก
บนถนนสายหลัก ผู้คนต่างพากันกรีดร้องแล้วเริ่มวิ่งหนีกระจัดกระจายเอาชีวิตรอด ประตูเมืองแตกแล้ว… เมืองนครใต้เห็นทีจะจบสิ้นก็วันนี้!
“ไอ้ปีศาจร้าย! ตายเสียเถิด!”
ขั้นจักรพรรดิยุทธการทั้งสิบคนบนกำแพงเมืองทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาตะโกนก้องออกมาคนแล้วคนเล่า แล้วเริ่มเปิดฉากโจมตี ทั้งหมดกระโจนออกจากกำแพงเมืองพร้อมด้วยอาวุธในมือ พุ่งเข้าหามัจฉาปีศาจ
น้ำจากแม่น้ำทะลักเข้ามาอย่างรุนแรงราวกับหมายจะกลืนกินปู้ฟางที่ยืนอยู่บนถนนสายหลักเข้าไปทั้งตัว
สีหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่งเป็นอันมาก เขาแตะนิ้วเท้าลงบนพื้น พลังปราณระเบิดออกส่งตัวเขาให้ลอยขึ้นในอากาศมาเหยียบลงบนหลังคาสีดำ ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบวาบ ร่างอ้วนของมันลงจอดข้างๆ ตัวเขาเช่นกัน
ทั้งสองยืนอยู่บนหลังคา มองไปยังถนนสายหลักที่ถูกกระแสน้ำกลืนกิน แววอ่านยากวาบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่ม
โฮก!!
เสียงคำรามดุร้ายสะท้อนก้องมาจากประตูเมือง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองตามสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นปลาอสูรมังกรพินาศตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังตะเกียดตะกายจะผ่านประตูเมืองเข้ามาให้ได้ แต่ร่างกายของมันกลับใหญ่โตเกินไป จนติดอยู่ในช่องประตู
ปลาอสูรมังกรพินาศตัวยักษ์ดิ้นเร่าๆ ซ้ายทีขวาทีทำให้กำแพงเมืองสั่นสะท้าน บนกำแพงเริ่มมีรอยแตกร้าวตามแรงกระแทก
ดูเหมือนว่าอีกไม่นานปีศาจร้ายตัวนี้น่าจะพังกำแพงเมืองเข้ามาได้สำเร็จ จากนั้นก็ทำลายเมืองนครใต้ที่แสนสวยงามให้ย่อยยับจนทุกอย่างราบคาบเป็นหน้ากลอง
วืด วืด วืด!
บรรดาผู้ฝึกตนจากเมืองนครใต้พร้อมด้วยอาวุธในมือต่างพากันปล่อยพลังปราณออกมา แล้วพุ่งเข้าโจมตีปลาอสูรมังกรพินาศอย่างไม่ลดละ นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะโจมตีปีศาจร้ายได้ เนื่องจากตอนนี้ศัตรูกำลังติดอยู่ในช่องประตูเมือง
ดวงตาของเซียวเคออวิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เมืองนครใต้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเซียวสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจนกลายเป็นตระกูลที่มั่งคั่งทรงอิทธิพลในวันนี้ หากเมืองถูกทำลายลง ตระกูลเซียวจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทุ่มทั้งชีวิตเพื่องานนี้
ฟู่~ ฟู่~!
แต่ทันทีที่เขาเริ่มโคจรพลังปราณภายในกายและส่งการโจมตีออกไปสู่เป้าหมาย พลังปราณเที่ยงแท้ในกายของเซียวเคออวิ่นก็พุ่งขึ้นสูง สีหน้าของเขาบูดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ พลังปราณสีดำสนิทหน้าตาเหมือนอสรพิษตัวจ้อยกระจายไปทั่วใบหน้า
ความเจ็บปวดเหลือล้ำเข้ายึดครองทั่วทั้งร่าง!