หลินเสวี่ยหรงรู้ว่าเซียวอี้กำลังขุ่นเขืองนางอยู่ หาไม่แล้วคงไม่มีท่าทีไม่สนใจนางตลอดทั้งวันอีกทั้งไม่พูดจากับนางแม้สักประโยค นางรักเซียวอี้หาไม่แล้วเมื่อแรกเซียวอี้มีความคิดจะดีต่อหลินชิงเวย นางคงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจแย่งเขามาจากมือของหลินชิงเวยมาเป็นของตัวเอง อีกเพียงไม่นานนางก็จะแต่งให้เซียวอี้เป็นพระชายาเซี่ยนอ๋องที่แท้จริง นางไม่ปรารถนาให้ระหว่างนางและเซียวอี้มีความเข้าใจผิดใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นวันนี้จะต้องหาโอกาสอธิบายกับเขาให้ได้
ใบหน้าของหลินชิงเวยยังคงปรากฏรอยยิ้มงดงามอย่างหาตัวจับได้ยาก นางมองหลินเสวี่ยหรง ทุกอย่างที่หลินเสวี่ยหรงคิดล้วนแสดงออกมาบนสีหน้าให้คนอ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หลินชิงเวยกินอาหารอย่างจริงจัง ยังไม่ลืมที่จะทิ้งหางตายั่วยวนให้กับเซียวอี้ครั้งหนึ่ง
เซียวอี้ชมชอบอย่างยิ่ง
เซียวเยี่ยนนั่งอยู่ข้างเซียวอี้ย่อมต้องมองเห็นแน่นอน สีหน้าของเขาจึงเย็นชาราวกับน้ำแข็งในเดือนหก มหาเสนาบดีหลินนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเซียวเยี่ยนพลันรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมา ไฉนจึงได้รู้สึกเย็นเยียบเช่นนี้? เขาเงยหน้าขึ้นมองกลับไม่พบความผิดปกติใดๆ
ละครบนเวทีกำลังแสดงอย่างถึงพริกถึงขิง เสียงขับร้องของตัวละครชายหญิงนั้นเอื้อนเอ่ยราวกับนกขมิ้น โศกเศร้าร่ำไห้แทบเป็นสายเลือด
มีเสียงร้องขึ้นด้วยความโศกสลดท่ามกลางบรรดาแขกเหรื่อ หลินชิงเวยตั้งอกตั้งใจลิ้มลองอาหารรสชาติโอชา ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นที่ทางหนึ่งกินไปด้วยอีกทางหนึ่งดูไปด้วยอีกสักครู่จะเกิดอาการอาหารไม่ย่อยหรือไม่
ต่อมาได้จัดโต๊ะและเก้าอี้ด้านหน้าเวทีแสดงละคร ละครยังไม่จบบรรดาแขกเหรื่อจึงย้ายที่นั่งไปนั่งด้านหน้าเวทีเพื่อสะดวกในการดูการร่ายรำและขับร้อง
หลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนนั่งแถวหน้าสุด ทว่าที่นั่งของเซียวอี้กลับว่างเปล่า เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาสาวใช้ผู้ทำหน้าที่เติมน้ำชาเข้ามาส่งกระดาษให้หลินชิงเวยแผ่นหนึ่ง หลินชิงเวยเปิดออกดูบนนั้นเขียนชื่อสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้ นางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ท่ามกลางแสงไฟสลัวนางพบร่างของเซียวอี้อยู่ไกลออกไป เซียวอี้ส่งสัญญาณให้นางด้วยสายตาชนิดหนึ่งแล้วจึงหันกายเดินออกไปก่อน
กระจ่างแจ้งยิ่งนักว่าความหมายของสายตานั้นก็คือ—เจ้ากล้าไม่มา เปิ่นหวางมีวิธีการมากมายที่จะต่อกรกับเจ้า
หลินชิงเวยจดจำได้ดูเหมือนยามบ่ายนางเป็นฝ่ายพูดเองว่าคืนนี้จะนัดพบกับเขา หลินชิงเวยนึกขึ้นได้จึงหัวเราะด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน
เซียวเยี่ยนไหนเลยจะมองไม่เห็นการสื่อสารระหว่างคนทั้งสอง เขาเอ่ยขึ้นกับนางด้วยท่าทางทำทียกน้ำชาขึ้นดื่ม “เปิ่นหวางขอเตือนเจ้า ดีที่สุดเจ้าก่อเรื่องให้น้อยหน่อย”
หลินชิงเวยกล่าวลอยๆ ว่า “ข้าไม่หาเรื่องเขา เขากลับมาหาเรื่องข้า ท่านว่าข้าควรทำอย่างไรดีเล่า?”
“หากมีครั้งต่อไปอีก เจ้ามาบอกเปิ่นหวางตรงๆ ได้ เปิ่นหวางจะไม่ให้เขาทำสำเร็จอีก”
“ดี”
สายตาของหลินเสวี่ยหรงไม่ได้มองตามร่างของเซียวอี้อีกต่อไป นางเห็นเซียวอี้เดินออกไปแล้วในใจคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดียิ่ง ทว่านางเห็นเช่นกันว่าเซียวอี้ได้ให้สาวใช้นำสิ่งของบางอย่างมามอบให้หลินชิงเวย หลินเสวี่ยหรงทั้งปวดใจและแค้นเคือง สายตาที่นางมองหลินชิงเวยนั้นราวกับเคียดแค้นชิงชังที่ไม่อาจกรีดเนื้อเถือหนังหลินชิงเวยได้
หลินชิงเวยเรียกสาวใช้ นางให้สาวใช้นำกระดาษแผ่นนั้นไปมอบให้ถึงมือของหลินเสวี่ยหรง ทันทีที่หลินเสวี่ยหรงเปิดออกดูก็รีบออกวิ่งน้อยๆ ไปยังสถานที่ที่เป็นจุดนัดพบด้วยความร้อนรนทันที
หลินชิงเวยยิ้มแล้วดื่มน้ำชาคำหนึ่ง “อีกประเดี๋ยวมีละครฉากเด็ดให้ดูแน่แล้ว”
เซียวเยี่ยนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธทว่าชัดเจนยิ่งนักว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขามิได้หนาวเหน็บประดุจน้ำแข็งในเดือนหกเช่นก่อนหน้านี้ “พอสมควรก็รามือได้แล้ว อย่าทำจนเกินไปนัก”
หลินชิงเวยเอียงคอมองเขา “นี่ไฉนจึงกลายเป็นทำเกินไปได้ การช่วยเหลือผู้อื่นให้สมความปรารถนานั้นถือเป็นคุณธรรมอันดีงามอย่างหนึ่ง”
“คุณธรรมอันดีงาม?” เซียวเยี่ยนกล่าว “เจ้ากำลังบอกว่าเจ้ามีคุณธรรมอันดีงาม?”
หลินชิงเวย “นี่ ต่อให้ท่านเห็นข้าขัดหูขัดตาก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาถากถางข้าเช่นนี้กระมัง”
หลินเสวี่ยหรงซึ่งคุ้นเคยกับสถานที่ทั้งหมดในจวนมหาเสนาบดีเป็นอย่างดีนางจึงหาสถานที่ที่เซียวอี้นัดพบได้ในเวลาเพียงไม่นาน นี่ไม่ใช่เรือนหลังเล็กที่หลินชิงเวยมาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เมื่อยามกลางวันหรอกหรือ เรือนหลังนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วทั้งเงียบสงบและโดดเดี่ยว หลินเสวี่ยหรงไม่อาจห้ามความตื่นเต้นที่เอ่อท้นเข้ามาในจิตใจอย่างห้ามไม่ได้ อยู่ที่นี่นางไม่เกรงลัวว่าจะถูกคนมาพบเห็น นางจะต้องคว้าโอกาสครั้งนี้อธิบายกับเซียวอี้ให้ชัดเจน
มือเรียวขาวนั้นผลักบานประตูเข้าไปเสียง หลินเสวี่ยหรงยกเท้าเหยียบย่างเข้าไปเสียงบันไดดังเอี๊ยดอ๊าดด้วยสภาพชำรุดทรุดโทรม เท้าของนางยังยืนได้ไม่มั่นคงนักก็ถูกมือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาเกี่ยวเอวบางคอดกิ่งของนางพร้อมกับหมุนตัวกดร่างของนางแนบติดไปกับผนังกำแพง
ลมหายใจของบุรุษที่กรุ่นมากับกลิ่นสุราอันเข้มข้นรินรดลงบนใบหน้าของหลินเสวี่ยหรง เขาคือเซียวอี้งานเลี้ยงค่ำเขาดื่มสุราไปเล็กน้อย ในลมหายใจของเขายังปนเปได้ด้วยกลิ่นหอมของสุราจางๆ
“ที่รัก” เซียวอี้มือหนึ่งยืนไว้กับผนัง ค่อยๆ เอนกายแนบชิดเข้ามาพิศดูโฉมสะคราญที่ถูกกักขังไว้ในอ้อมกอดตน ขณะที่เขากำลังจะแนบลงบนใบหน้านาง โฉมสะคราญกลับไม่ปฏิเสธซ้ำยังต้อนรับอย่างเต็มอกเต็มใจ
หลินเสวี่ยหรงจิตใจกระวนกระวาย เพียงเพราะเมื่อแรกนั้นเซียวอี้ส่งกระดาษใบนี้ให้กับหลินชิงเวย หึๆ คิดแล้วที่รักที่เขาเรียกออกจากปากไม่ได้เรียกตนเอง แต่กำลังเรียกหลินชิงเวยนางคนชั้นต่ำคนนั้นกระมัง! ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน แม้กระทั่งเซี่ยนอ๋องที่นางช่วงชิงมาได้อย่างมิง่ายดายก็ยังลืมหลินชิงเวยไม่ได้!
นางมีเวทมนต์อะไรกันแน่!
หัวใจของนางพลิกจากแม่น้ำลงไปถึงมหาสมุทร แต่ใบหน้าของหลินเสวี่ยหรงกลับอ่อนหวานดังเดิม ไม่สู้ใช้วิธีแผนซ้อนแผน
ไม่รอให้หลินเสวี่ยหรงแสดงฐานะ ใบหน้าของเซียวอี้กลับชะงักงันเมื่ออยู่ห่างจากนางเพียงแค่คืบ กลิ่นอายอันร้อนรุ่มกลับเยียบเย็นลงช้าๆ ตามสภาพอากาศอันหนาวเย็นของราตรี กลิ่นกายบนร่างของนางและลมหายใจของนางมิใช่หลินชิงเวย
เซียวอี้ยืดกายขึ้นผลักนางออก
หัวใจของหลินเสวี่ยหรงหล่นวูบ “เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
“ไฉนเจ้าจึงมาที่นี่ได้?” เซียวอี้ถามเรียบๆ
หลินเสวี่ยหรงกล่าว “ไม่ใช่ท่านให้สาวใช้ส่งสารให้ข้า…” เซียวอี้ไม่รอให้นางพูดจบก็สะบัดอาภรณ์จากไป โทสะในใจราวกับเปลวเพลิงที่สูงถึงสามจั้ง หลินชิงเวยเจ้าดียิ่งนัก กล้าคิดบัญชีกับข้าอีกครั้ง! ดูว่าวันนี้ข้าไม่ถลกหนังของเจ้าให้สาสม! ทว่าหลินเสวี่ยหรงกลับไม่ยินยอม นางเห็นเขาจะเดินจากไปก็เข้าไปรั้งแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “ท่านพี่อี้ ข้ารู้ว่าเรื่องเมื่อยามกลางวันเป็นข้าที่ทำไม่ถูก…”
หลินเสวี่ยหรงวิงวอนทั้งน้ำตาเอ่อคลอ เซียวอี้รู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจอยู่เป็นทุนเดิม แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆ ร่างกายของเขาในเวลานี้มีปฏิกิริยาที่แปลกไป…
ไม่ถูกต้องที่ใดกันแน่?
เซียวอี้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน “หลินเสวี่ยหรง เจ้าบังอาจนัก ถึงกับกล้าใช้แผนการกับเปิ่นหวาง? เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางเป็นพี่สาวเจ้าที่ตกหลุมพรางโดยง่ายหรือไร?”
แน่นอนแล้วเมื่อสักครู่ที่นางเข้ามาเขาได้กลิ่นหอมหวานเลี่ยนระลอกหนึ่ง เวลานั้นเขาคิดว่าหลินชิงเวยมาแล้วจึงลดความระมัดระวังตัวลง
หลินเสวี่ยหรงเบิกตาโต หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาราวกับดอกหลีเมื่อต้องฝนอย่างไรอย่าง นางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าท่านพี่อี้กำลังพูดอันใด…วางแผนอันใด ข้าไม่ได้ทำ…”
มันเป็นยาอะไรกันแน่ที่ทำให้เขายากที่จะควบคุมตัวเองเช่นนี้ เขาสูญเสียการควบคุมพลังลมปราณทั้งหมด ยิ่งต่อต้านยิ่งออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น ราวกับรูขุมขนทั้งหมดบนร่างกายถูกกระตุ้นให้เปิดออกกลายเป็นความตื่นตัว
เซียวอี้ทุบฝ่ามือลงไปบนกำแพงข้างกายหลินเสวี่ยหรงราวกับเป็นสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “เจ้ายังกล้าบอกว่าเจ้าไม่ทำ?”