หลินเสวี่ยหรงถูกทำให้ตกใจจนตะลึง นางส่ายหน้าไปมา
นาทีถัดมาเซียวอี้กลับหัวเราะออกมา แสงจันทร์ที่สาดส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้มองเห็นความหล่อเหลาคมสันไร้ผู้ใดเทียบเทียม รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ เขากล่าวว่า “ช่างเถิด ในเมื่อเป็นความปรารถนาของเจ้า เปิ่นหวางก็จะส่งเสริมเจ้าเอง”
หลินเสวี่ยหรงยังไม่ทันได้ขัดขืนก็ถูกเซียวอี้จับไว้ในมือ ร่างของนางอ่อนยวบแล้วแต่เขาจะจัดการอย่างไร
เสียงกระโปรงถูกฉีกขาดดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของราตรี เสียงนั้นช่างชัดเจนในโสตประสาทยิ่งนัก
*****
หลินชิงเวยรูปร่างเล็กบาง เก้าอี้ที่นางนั่งอยู่นั้นกว้างใหญ่มาก นางนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็นั่งไม่ได้ ก้นเล็กๆ ของนางเอาแต่ไถลไปข้างหน้า นางจึงรวบชายกระโปรงขึ้นมาและยกขาขึ้นมา คนทั้งคนนั่งกอดเข่าพิงอยู่บนเก้าอี้ อย่างไรที่นั่งของนางก็อยู่แถวแรกคนด้านหลังมองไม่เห็น
ต่อมาหลินชิงเวยทำราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ในมือกุมน้ำชาร้อนๆ ถ้วยหนึ่งที่กำลังส่งกลิ่นหอม ตั้งใจดูละครเต็มที่เมื่อดูมาถึงตอนที่กำลังเข้มข้นนางหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง ภายในดวงตานั้นทอประกายวาววับราวกับมีดอกไม้ไฟอยู่ในนั้น
ทันใดนั้น มีสาวใช้วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ทำให้เป็นจุดสนใจของแขกเหรื่อที่กำลังชมละคร ยังไม่รอให้มหาเสนาบดีหลินโกรธเกรี้ยว นางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงควบคุมไม่ได้ “คุณหนูรอง คุณหนูรองนาง…นางกับคนอื่น…”
มหาเสนาบดีหลินตบโต๊ะ “นางกับคนอื่นอย่างไรเล่า?”
วันนี้เขาฉลองวันเกิด เดิมทีคิดจะทำให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยความปลาบปลื้มยินดี ใครจะรู้ว่าภายในวันนี้ได้เกิดเรื่องขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า ล้วนเป็นฝีมือของจ้าวซื่อสองแม่ลูก ทำให้เขาต้องเสียหน้านั้นไม่ต้องกล่าวถึง ซ้ำยังไม่ให้เขาอยู่อย่างสงบ
ความอดทนของมหาเสนาบดีหลินที่มีต่อจ้าวซื่อแม่ลูกแทบจะหมดสิ้นลงแล้ว
สาวใช้พูด “บ่าวไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ แต่คุณหนูรองกับคนผู้หนึ่งอยู่ในเรือนชุนฮุยที่คุณหนูใหญ่เคยอาศัยอยู่เมื่อก่อน…”
หลินชิงเวยกล่าว “ท่านพ่อ ไปดูสักหน่อยก็ไม่กระไร หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น แล้วน้องเสวี่ยหรงอาจจะถูกผู้ใดรังแกเล่า?”
สีหน้าของมหาเสนาบดีหลินหม่นลงอย่างตัดสินใจไม่ได้ ที่นี่มีคนมากมายเช่นนี้ หากหลินเสวี่ยหรงทำเรื่องที่ไม่รู้จักละอายออกมาจริงๆ ต่อไปเขาจะทำตัวอย่างไร!
โชคดีที่หลินชิงเวยลุกขึ้นมาอย่างทันท่วงที “ข้าดูแล้วงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ดำเนินมาพอสมควร เวลาก็ค่อนข้างดึกดื่นแล้ว คณะละครแยกย้ายได้แล้วกระมัง มหาเสนาบดีหลินยังต้องรีบไปดูคุณหนูรอง หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริงๆ พ่อบ้านในจวนจะส่งทุกท่านออกไปก่อน”
มหาเสนาบดีหลินได้ยินเช่นนี้แล้วจึงวางใจให้สาวใช้ถือโคมไฟนำทาง รีบรุดไปเรือนชุนฮุย
ทว่าทางด้านนี้ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าคุณหนูรองได้ลอบนัดพบกับใครบางคน นี่เป็นเรื่องซุบซิบนินทาที่ลุกลามรวดเร็วเช่นลูกระเบิด ใครบ้างไม่อยากรั้งอยู่เพื่อรอฟังข่าว ดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นทันทีที่มหาเสนาบดีหลินเดินออกไป บรรดาฮูหยินเหล่านั้นจึงไม่มีความประสงค์จะไปจากที่นี่แม้แต่น้อย ราวกับต้องการอยู่รอฟังข่าวแล้วจึงจะหักใจกลับไปได้
หลินชิงเวยกล่าวเนิบๆ ว่า “ดูแล้วในยามปกติฮูหยินทุกท่านมีไมตรีอันดีกับจ้าวฮูหยินและคุณหนูรอง เวลานี้เกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูรอง พวกท่านคงไม่วางใจหากจะกลับไปเช่นนี้”
ฮูหยินท่านหนึ่งกล่าวเสริมว่า “ถูกต้อง หากมีอะไรให้ช่วยเหลือได้ พวกเราจะได้ช่วยเหลือ”
นินทาก็คือนินทา ยังต้องหาข้ออ้างมากมายเช่นนี้
หลินชิงเวยเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ต้องรบกวนฮูหยินทุกท่านแล้ว เรือนชุนฮุยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ฮูหยินทั้งหลายไปช่วยเหลือเถิด”
แขกซึ่งเป็นบุรุษย่อมไม่มีหน้าจะไปสอดแทรกเรื่องนี้ แต่บรรดาสตรีนั้นรีบมุ่งหน้าไปยังเรือนชุนฮุย กลัวเพียงว่าหากไปถึงช้าเพียงก้าวเดียวก็จะไม่ทันเห็นละครฉากเด็ดที่มีสีสันน่าดูกว่าละครบนเวที
เมื่อทุกคนทยอยกันมาถึงเรือนชุนฮุย ภายในห้องของเรือนชุนฮุยกำลังแสดงละครฉากใหญ่อันเร่าร้อนดังเปลวเพลิง โคมไฟส่องสว่างทั่วทั้งเรือน มหาเสนาบดีหลินเปิดประตูเข้าไปเห็นชายหญิงในห้องนั้นเปลือยกายล่อนจ้อน เขาโกรธขึ้งเสียจนดวงตาแทบจะถลนออกมาและกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งทันที
ที่แท้คุณหนูรองลักลอบมีความสัมพันธ์กับบุรุษในค่ำคืนงานวันเกิดของผู้เป็นท่านอา ท่ามกลางสายตามากมายหลายคู่ที่เห็นกับตา ย่อมต้องเป็นเรื่องจริง
ความโชคดีในความโชคร้ายก็คือบุรุษที่นางลักลอบด้วยนั้นมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเซี่ยนอ๋อง ผู้เป็นว่าที่สามีของหลินเสวี่ยหรง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของราชวงศ์คนนอกจึงไม่กล้านำเรื่องนี้ออกไปพูดอย่างกำเริบเสิบสาน ส่วนชื่อเสียงของหลินเสวี่ยหรงที่ย่อยยับไปกับเซี่ยนอ๋อง แม้ไม่ถึงกับทำให้ผู้คนก่นด่าประณามว่าเป็นสตรีไม่รักนวลสงวนตัว แต่ลับหลังก็ถูกนินทาจนไม่เหลือดีเช่นกัน อย่างเช่นว่า คงหื่นกระหายจนทนไม่ไหว การรักษาพรหมจรรย์นั้นช่างยากเหลือเกินด้วยคำพูดเหล่านี้
เพียงแต่ว่าหากมิใช่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่แน่ว่าเซียวอี้อาจจะถอนหมั้นกับหลินเสวี่ยหรงในครั้งนี้ก็เป็นได้ ครานี้ดียิ่งนักถูกจับได้คาหนังคาเขา นับได้ว่าจับพลัดจับผลูกลับอยู่ถูกคู่ เขาจะไม่รับผิดชอบก็ไม่ได้ หาไม่แล้วจะพูดอย่างไรหลินชิงเวยก็เป็นเทพอุ้มสมผู้ช่วยเหลือให้พวกเขาสมปรารถนา
หลังจากนั้นไม่นานเซียวอี้แต่งหลินเสวี่ยหรงเข้าจวนเซี่ยนอ๋อง เพียงแต่นางเป็นแค่คุณหนูลูกพี่ลูกน้องของจวนมหาเสนาบดี ไม่อาจแต่งตั้งตำแหน่งพระชายาเอกของท่านอ๋องได้ จึงได้เป็นเพียงพระชายารองนางหนึ่งเท่านั้น พูดให้น่าฟังสักหน่อยก็คือพระชายารอง หากพูดให้ไม่น่าฟังคืออนุภรรยา ทว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่พูดกันในภายหลังแล้ว
ยามนี้ทุกคนต่างรีบเร่งเดินทางไปยังเรือนชุนฮุย ละครสนุกสนานของคณะละครเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นลงมาทันที โคมไฟที่แขวนอยู่บนต้นไม้แกว่งไกวไปมา เหล่านักแสดงละครต่างพากันลาโรง บนเวทีจึงเหลือเพียงความว่างเปล่า มีคนเดินผ่านมาเพียงคนสองคนเป็นพักๆ เป็นคนของคณะละครที่กำลังเก็บอุปกรณ์ในการแสดงของพวกเขา
สายลมยามราตรีพัดเส้นผมบางส่วนของหลินชิงเวย นางวางฝาน้ำชาที่เย็นชืดลงแล้วยืนขึ้นมา นางจัดกระโปรงของตนให้เรียบร้อย เงยหน้ามองดวงจันทร์โค้งที่ส่องแสงสว่างไสวทว่ากลับมีดวงดาวปรากฏขึ้นเงียบๆ นางยิ้มจนดวงตาโค้งลงและกล่าวว่า “วันนี้ช่างเป็นวันที่ผ่านไปอย่างคุ้มค่า” นางเห็นเซียวเยี่ยนไม่ขยับ จึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “หรือเสด็จอาก็อยากไปดูละครที่เรือนชุนฮุยด้วยเพคะ? แต่ถ้าไปในตอนนี้คาดว่าคงจะเบียดเสียดไปยืนแถวหน้าไม่ได้แล้วเพคะ”
เซียวเยี่ยนลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขาเรียบเฉย “กลับวังเถิด”
เขาเดินอยู่ข้างหน้า หลินชิงเวยเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง ขายาวๆ ที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยจังหวะจะโคนที่เชื่องช้า กระทั่งหลินชิงเวยเดินตามทัน คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยเดินออกจากจวนมหาเสนาบดีในเวลาที่จวนสกุลหลินกำลังยุ่งเหยิงอย่างที่สุด
เวลานี้ กล่าวว่าสายไปก็ไม่ถึงกับสายไป
พูดแล้วก็บังเอิญนัก พรุ่งนี้เป็นเทศกาลเด็กผู้หญิง[1]
ตลาดนัดกลางคืนเพิ่งจะเริ่มขึ้นในเมืองหลวงอันงดงามหรูหรา มีบรรยากาศของเทศกาลที่จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง มักจะจัดงานฉลองขึ้นในเวลากลางคืนก่อนคืนหนึ่งเพื่อความเป็นสิริมงคล
ทุกปีเมื่อเทศกาลนี้มาถึงผู้คนก็จะพากันไปวางดอกไม้ริมแม่น้ำ เพื่อขจัดสิ่งไม่เป็นมงคลออกไป บุรุษและสตรีต่างมาร่วมงานอย่างสนุกสนานอยู่ริมแม่น้ำมากมาย
ทั้งสองข้างทางแขวนโคมไฟสีแดงตลอดถนนทางเดินยาวสิบลี้ ดูเหมือนสายคาดเอวสีแดงราวกับเปลวเพลิงสองสายที่พลิ้วไปตามแรงลมพัดปลิวสะบัดยื่นออกไปไกลแสนไกล
บนถนนคับคั่งจอแจไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา ทำให้รถม้าที่หลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนนั่งมาไม่อาจวิ่งต่อไปได้
หลินชิงเวยเปิดหน้าต่างออกดู ทัศนียภาพงดงามและคึกคักกว่าขามามากนัก
รถม้าหยุดนิ่งอยู่บนถนนเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วด้วยฝูงชนที่มารวมตัวกันแออัดอยู่ที่นี่เนิ่นนานไม่แยกย้าย และไม่อาจเดินหน้าต่อไป
หลินชิงเวยวิงวอนเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยแปด “ก็แค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น คนมากมายเช่นนี้ครึกครื้นเพียงใดกัน”
ก่อนหน้านี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจราจรติดขัดนางเพียงแต่รู้จักร้อนใจ ทว่าเวลานี้นางไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปทำงาน และไม่ต้องรีบกลับไปกินข้าวที่บ้าน นางมีเวลามากมายอยู่ในมือ ตลาดนัดกลางคืนของยุคสมัยโบราณสำหรับนางแล้วนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ
จนใจที่เซียวเยี่ยนใจแข็งยิ่งนัก ไม่ว่าหลินชิงเวยจะพูดดีก็แล้ว ข่มขู่ก็แล้ว เขาก็ไม่ยอมใจอ่อนเสียที ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะปล่อยให้หลินชิงเวยลงจากรถม้าไป
[1] เทศกาลเด็กผู้หญิง หรือเทศกาลซ่างซื่อ ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำตามปฏิทินจันทรคติของจีน ปัจจุบันมักเรียกว่า หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย เล่ากันว่า วันนี้เป็นประสูติของหวางตี้ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชนชาติจีน สมัยโบราณผู้คนจะใช้ดอกและต้นกล้วยไม้ต้มน้ำ เพราะนอกจากส่งกลิ่นหอมแล้วยังเชื่อว่าน้ำต้มกล้วยไม้สามารถขจัดสิ่งอัปมงคลได้ ต่อมากลายเป็นเทศกาลเฉพาะสำหรับหญิงสาว โดยเฉพาะเป็นเทศกาลแสดงถึงการโตเป็นสาวของเด็กหญิงชาวฮั่น สาวๆ จะอาบน้ำกล้วยไม้ แต่งชุดสวยงาม ร้องรำทำเพลงริมแม่น้ำ เที่ยวชมวิวฤดูใบไม้ผลิและขออธิษฐานให้มีความสุขตลอดชีวิต