ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 94 มีศัตรูมากจนนับไม่ถ้วน

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หลินชิงเวยเพิ่งจะพบว่าค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะเงียบสงัดผิดธรรมดา ราวกับแสงไฟจากโคมไฟของตลาดนัดกลางคืนนั้นถูกแยกออกจากที่นี่เสมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

หลินชิงเวยไม่พูดจา โสตประสาทตื่นตัวด้วยท่าทีสงบนิ่ง

สายลมพัดกรรโชกผ่านรอบตัวพวกเขา ต่อมาเกิดได้ยินเสียงราวกับฝนตกลงบนแผ่นกระเบื้องบนหลังคาอย่างถี่รัว

หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นเห็นเงาร่างสีดำราวกับอินทรีย์ในยามราตรี เงาร่างนั้นปรากฏกายอย่างรวดเร็ว ลำคอนางแห้งผาก สมองขาวโพลนในชั่วขณะ

ความคิดหนึ่งพลันแวบเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว

นี่…นางกำลัง…พบกับมือสังหารในยุคสมัยโบราณเข้าแล้ว?

หลินชิงเวยชิงชังยิ่งนักที่ไม่อาจซัดฝ่ามือใส่ตนเองหมดสติให้สิ้นเรื่องสิ้นราว นางต้องมาพบกับเรื่องเหล่านี้ นางควรจะซื้อลอตเตอรี่ให้กับตนเองใช่หรือไม่?

คิดจะออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายความเครียดก็หาอย่าได้ออกมากับท่านผู้นำระดับประเทศสิ อีกทั้งนี่ยังเป็นถึงเซ่อเจิ้งอ๋องที่มีฐานะเทียบเท่านายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ เขาเป็นเช่นต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางลม ในยามปกติมีศัตรูมากมาย เมื่อออกมาข้างนอกโดยเปิดเผยร่องรอยย่อมต้องถูกคนปองร้ายแทบทุกนาที!

ทว่าเป้าหมายของมือลอบสังหารคือเขา แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับตนด้วยเล่า? หลินชิงเวยคิด ไม้ซีกเช่นนางจะไปงัดไม้ซุงของผู้อื่นได้อย่างไร เซ่อเจิ้งอ๋องมีวรยุทธ์ แต่นางไม่มีนี่นา นี่ไม่เท่ากับเป็นการส่งอ้อยเข้าปากช้างหรือ

ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน หากนางยังฝืนปรากฏตัวมีแต่จะกลายเป็นภาระของเซียวเยี่ยน

หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เวลานี้ข้าหนีไปได้หรือไม่?”

น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนที่กล่าวออกมาแต่ละคำนั้นเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร “เจ้าลองดู”

ลอง ย่อมต้องลองดูแน่นอน! นางไม่หนีก็โง่แล้ว!

ดังนั้นหลินชิงเวยจึงยกชายกระโปรงขึ้นหันหลังแล้วออกแรงวิ่ง หวังว่ามือสังหารเหล่านั้นจะเห็นนางเป็นเพียงสตรีบอบบางคนหนึ่งและปล่อยนางไป

ทว่านางวิ่งออกไปยังไม่ถึงสามจั้ง พลันมีเงาร่างดำมืดสายหนึ่งเหินกายลงมาจากอากาศ ขวางทางหนีรอดของนาง คนสวมชุดดำปิดหน้ามีทั้งหมดหกคน ในมือของคนชุดดำทุกคนล้วนมีดาบยาวสีเงินวับวาว

หลินชิงเวยหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นทางด้านเซียวเยี่ยนถูกคนชุดดำสกัดปิดล้อมเอาไว้เช่นกัน จำนวนหกคนเท่ากัน ในมือล้วนถือดาบส่องประกายวิบวับ

นี่ นี่จะต้องมีคนตาย

นางไม่เหมาะกับสถานการณ์ตีรันฟันแทงกันบนถนนเช่นนี้เด็ดขาด

หลินชิงเวยกล่าวเสียงอ่อนว่า “พี่ชายทุกท่าน ข้าเป็นเพียงคนที่สัญจรไปมา…คิดจะไปเดินเล่นทางนั้น”

อีกฝ่ายไม่ส่งเสียง และไม่เอ่ยวาจาว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะปล่อยนางไป

หลินชิงเวยจึงลองเดินไปข้างหน้าก้าวเล็กๆ ก้าวหนึ่ง ปรากฏว่าคนชุดทั้งแถวก้าวขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าวใหญ่ๆ หลินชิงเวยรู้สึกเย็นเยียบบริเวณต้นคอของตนจึงหันแล้ววิ่งเข้าไปหาเซียวเยี่ยน แผ่นหลังของทั้งคู่แนบชิดกันอย่างนี้จึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นบ้าง

ให้ตายสิ แม้กระทั่งคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ปล่อย

หลินชิงเวยถาม “ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดต้องการสังหารท่าน?”

เซียวเยี่ยน “ไม่รู้ มีศัตรูมากเกินไป”

“…” หลินชิงเวยถาม “เวลานี้ข้าชี้แจงความสัมพันธ์ให้ชัดเจนเวลานี้ได้หรือไม่? ข้าไม่รู้จักท่าน”

เซียวเยี่ยน “ดูท่าแล้วน่าจะไม่ได้ เปิ่นหวางตายแล้วเจ้าย่อมมิอาจชีวิตเพียงลำพังได้ ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดหากเจ้าหวังว่า…”

คำพูดยังกล่าวไม่จบ คนในชุดดำจากสองทิศทางก็พุ่งเข้ามาหาเซียวเยี่ยนพร้อมๆ กัน หวังว่า แน่นอนว่าหวังว่า! แต่ไรมาหลินชิงเวยไม่เคยหวังว่าจะให้เซียวเยี่ยนมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัยมากไปกว่ายามนี้อีกแล้ว!

ชีวิตน้อยๆ ของนางตกอยู่ในมือของเขาแล้ว

เซียวเยี่ยนถอยออกไปด้านข้างหลายก้าวพร้อมกับดึงหลินชิงเวยมาด้วย คนทั้งสองถอยร่นกระทั่งชิดติดขอบกำแพง ด้วยไม่อาจหันหลังให้กับศัตรูเซียวเยี่ยนก้าวออกมายืนข้างหน้าหลินชิงเวย เขาต้านรับการโจมตีของมือสังหารทั้งสิบสองคนเพียงลำพัง

เขาประมือกับมือสังหารคนแรกและหักแขนของศัตรู เซี่ยวเยี่ยนตอบโต้และช่วงชิงดาบในมือของศัตรูมาฟาดฟันกับมือสังหารคนอื่นๆ เสียงอาวุธที่ทำมาจากโลหะปะทะกันดังเคร้งๆ คมดาบบางเฉียบนั้นเสียดสีกันก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งใจ

ต่อให้หลินชิงเวยกล้าหาญเพียงใดก็ไม่เคยได้พบกับสถานการณ์เยี่ยงนี้มาก่อน ขาทั้งสองข้างของนางอ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่ได้ ร่างของนางแนบติดไปกับกำแพงพร้อมตลอดเวลาที่จะไถลลงมาบนพื้น

โลหิตอุ่นๆ สายหนึ่งสาดมาถูกใบหน้าของหลินชิงเวย นางไม่รู้ว่าเป็นโลหิตของมือสังหารหรือเซียวเยี่ยน ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองไปนั้นชัดเจนยิ่งนักว่าแม้วรยุทธ์ของเซียวเยี่ยนจะร้ายกาจยิ่ง หากมือสังหารเหล่านี้เข้ามาท้าประลองกับเขาตัวต่อตัวย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน แต่เวลานี้มือสังหารลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน ตัวเขาก็มิได้มีสามเศียรหกกร เมื่อต้องรับมือทางด้านนี้ย่อมต้องละเลยอีกทางหนึ่ง

ที่สำคัญก็คือเขายังต้องคุ้มกันหลินชิงเวย

ราวกับมือสังหารอ่านความคิดของเซียวเยี่ยนออกจึงเริ่มให้ความสำคัญกับหลินชิงเวย มือสังหารสามถึงห้าคนโจมตีรั้งตัวเซียวเยี่ยนเอาไว้ จากนั้นมือสังหารอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างเริ่มมุ่งหน้าเข้าโจมตีหลินชิงเวย

หัวใจของหลินชิงเวยแทบจะกระโดดออกมาอยู่แล้ว แต่เมื่อกระวนกระวายลนลานจนถึงที่สุดกลับทำให้คนสงบจิตสงบใจลงได้ รู้สึกเหมือนขวดแก้วที่ถูกทุบจนแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เซียวเยี่ยนปกป้องนาง ด้านหนึ่งต้านรับและตอบโต้การโจมตีของศัตรูอย่างดุเดือด อีกด้านหนึ่งใช้ร่างกายของตนเองบดบังร่างของหลินชิงเวยเอาไว้

นางได้ยินเสียงร้องอึกอักครั้งหนึ่ง เซียวเยี่ยนดูเหมือนโอบกอดนางเข้าไปปกป้องไว้ในอ้อมกอด กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งเข้มข้นกระจายไปทั่ว เซียวเยี่ยนไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่คำเดียว รังสีสังหารปรากฏในดวงตานิ่งลึกของ เขาลงมือโหดเหี้ยมยิ่งขึ้นแทงดาบทะลุลำคอของมือสังหารสองคนโดยไร้ความปรานี

ทว่านางรู้สึกได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว ดูเหมือนเขาจะถูกดาบของมือสังหารแทงเข้าเสียแล้ว

แขนของเซียวเยี่ยนโอบนางเอาไว้แน่นราวกับจะรัดเอวคอดกิ่วของนางให้หักลง เขาหอบหายใจหนักขึ้นเป็นลำดับ เส้นผมของเขาสะบัดไปมายุ่งเหยิง

เส้นผมของเขาตวัดไล้ใบหน้าของหลินชิงเวยตามท่วงท่าของเขาให้ความรู้สึกลื่นเย็นราวกับเป็นเส้นไหมก็มิปาน

ทันใดนั้นมีมือสังหารลอบโจมตีจากทางด้านหลังของเซียวเยี่ยน นางไม่รู้ว่าตนเองทำได้อย่างไร นางรู้เพียงว่าหากกระบวนท่าของเซียวเยี่ยนช้าไปเพียงเล็กน้อย หรือเขาถูกจู่โจมซึ่งหน้าทำให้ไม่อาจปลีกตัวมาได้ มือสังหารย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ

นางปรารถนาเพียงให้เขามีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ตายไม่ได้ ถ้าจะตายทุกคนล้วนต้องตายด้วยกัน

ยามนั้นหลินชิงเวยอาศัยรูปร่างเล็กบอบบางของตน สลัดตัวหลุดออกจากอ้อมกอดของเซียวเยี่ยนโดยไถลตัวออกจากใต้วงแขนของเขา ในมือของนางมีเข็มเงินสองเล่ม เพียงยกมือขึ้นนางก็ปักเข็มเงินลงไปบนจุดชีพจรของมือสังหารคนนั้น ท่วงท่าในการยกดาบของมือสังหารเริ่มติดขัด นางตวัดสายตามองไปด้วยแววตาอันเย็นเยียบ และปักเข็มเงินอีกเล่มลงไปบริเวณลำคอของมือสังหาร

มือสังหารชักกระตุกทั้งร่างแล้วล้มลงไปบนพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้

มือสังหารสิบสองคน ถูกเซียวเยี่ยนสังหารไปเหลือเพียงสามถึงห้าคน พวกเขาพบว่าสตรีบอบบางไร้เรี่ยวแรงเช่นหลินชิงเวยกลับไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อยก็สามารถสังหารสหายของพวกเขาได้ มือสังหารสองคนจึงพุ่งเข้าหาหลินชิงเวย

เซียวเยี่ยนกุมดาบทั้งสองมือ เขาฆ่าฟันประหัตประหารอย่างดุเดือด โลหิตสดๆ กระจายหยดลงบนร่างกายและใบหน้าของหลินชิงเวย ความอุ่นร้อนของโลหิตนั้นทำให้นางสะท้านเยือก

หลินชิงเวยไม่ได้ลนลานจนทำให้เสียการ นางฉวยโอกาสความได้เปรียบจากความโกลาหลแล้วใช้เข็มเงินในมือลอบโจมตีสังหารมือสังหารได้อีกหนึ่งคน

ยามนี้เหลือมือสังหารเพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นหันหน้ากลับมาพร้อมดาบในมือที่ฟาดฟันเข้าใส่หลินชิงเวยตรงๆ

นางไม่ถนัดการโจมตีระยะประชิดเช่นนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายโจมตีด้วยพละกำลังที่ต้องการสังหารนางจริงๆ นางไม่มีความสามารถในการต้านรับแม้แต่น้อย

เห็นกับตาว่าคมดาบกำลังฟาดฟันลงบนร่างของหลินชิงเวยกลับมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางไว้ มือข้างนั้นกุมคมดาบนั้นไว้ด้วยมือเปล่า หลินชิงเวยหันกลับไปมองจึงเห็นว่าโลหิตสดๆ ไหลออกจากมือข้างนั้น นางเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าของเซียวเยี่ยนกลับเย็นชาดังเดิมราวกับเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดจากคมมีดที่บาดเข้าไปในผิวเนื้ออย่างไรอย่างนั้น

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท