ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 158 เจ้าตัวร้อนแล้ว

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

พระพายในคืนนี้พัดแรงจริงๆ หลังจากไทเฮาจากไป หลินชิงเวยยังคงนั่งอยู่บนบันไดหิน เซียวเยี่ยนยืนอยู่หน้าประตูมองเงาร่างเล็กแบบบางของนาง กระโปรงของนางถูกสายลมพัดพลิ้วไหว ดูเหมือนกิ่งหลิวสีเขียวอ่อนในวสันตฤดู และเหมือนใบบัวที่กำลังเบ่งบานอยู่กลางสระในคิมหันตฤดูในเวลาเดียวกัน

กระทั่งภายในตำหนักบรรทมเข้าสู่ภาวะสงบ บรรดาหมอหลวงตรวจดูอาการโดยทั่วไปของเซียวจิ่นแล้วเสร็จจึงแยกย้ายกันกลับออกไป เซียวจิ่นดูเหมือนกำลังหลับใหลอย่างสงบ เซียวเยี่ยนจัดนางกำนัลหลายคนเฝ้าเซียวจิ่นไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวภายในตำหนักบรรทม ด้านนอกตำหนักบรรทมท้องฟ้ามืดสนิท ภายในตำหนักบรรทมจุดโคมไฟแสงสว่างสีนวลตาเอาไว้

เซียวเยี่ยนหิ้วล่วมยาของหลินชิงเวยออกมา เตรียมจะส่งหลินชิงเวยกลับไป พบว่านางนางนอนหลับอยู่บนบันไดหินนั่นเอง

ยามนี้ทุกอย่างล้วนจัดแจงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีขันทีเข้าออกอย่างวุ่นวายอีก ภายในลานเรือนไม่มีเงาร่างของใครแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่านางนอนหลับไป

แต่ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะไม่มีนางกำนัลหรือขันทีเข้าออก พ่อบ้านในวังหลวงรู้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องและหลินเจาอี๋ถวายการรักษาขาของฮ่องเต้ กระทั่งไม่ได้กินอาหารมาทั้งวันแล้ว จึงรอให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นลง พ่อบ้านรีบให้นางกำนัลนำอาหารมาส่งถึงตำหนักบรรทมอย่างทันท่วงที

เซียวเยี่ยนเห็นท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว นางกำนัลกำลังลำเลียงอาหารมาทางด้านนี้ เขาก้มลงมองหลินชิงเวย มือหนึ่งหิ้วล่วมยาก้าวขึ้นข้างหน้าสองก้าวใช้แขนของตนโอบคนเข้ามาในอ้อมกอด เร้นกายเข้าไปในสวนเพาะพันธุ์ไม้ด้านหลังตำหนักบรรทมก่อนหน้าที่นางกำนัลเหล่านั้นจะเดินมาถึงในส่วนที่มีแสงไฟสว่างมองเห็นชัดเจน

ในสวนเพาะพันธุ์ไม้เงียบสงบยิ่งนัก ต้นไม้ใบหญ้าราวกับตกอยู่ในภาวะหลับใหลกลายเป็นความเงียบสงบชนิดหนึ่ง กลิ่นของต้นไม้ดอกไม้อบอวลอยู่ในชั้นอากาศ อากาศร้อนระอุในยามกลางวันกลับหนาวเย็นลงมา เมื่อเข้าสู่ยามราตรีจึงปรากฏกายเป็นน้ำค้างยามค่ำคืนชั้นหนึ่งอย่างเงียบเชียบ ส่งผลให้ยอดหญ้าที่ปลายเท้าเหยียบย่างลงไปนั้นถูกปกคลุมด้วยความชุ่มชื้น

อากาศที่นี่บริสุทธิ์สะอาดเป็นพิเศษ หลินชิงเวยหลับอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยนอย่างเป็นสุข เส้นผมด้านหลังศีรษะของนางแผ่สยายลงไปด้านนอกแขนของเซียวเยี่ยน พลิ้วสะบัดไปตามแรงลม

เซียวเยี่ยนเลือกเดินเส้นทางที่ไม่มีวัชพืชขึ้นรกนัก ป้องกันมิให้กิ่งไม้เกี่ยวถูกกระโปรงและเส้นผมยาวสลวยของนาง เพื่อไม่ให้รบกวนการหลับใหลของนาง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่ร่างแบบบางของคนในอ้อมกอดก่อให้เกิดความรู้สึกว่านางต้องการการปกป้องคุ้มครองชนิดหนึ่ง หัวใจที่แข็งกระด้างดวงหนึ่งเมื่อก้มลงมองท่าทางของนางยามตกอยู่ในห้วงนิทรากลับแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเฉกเช่นแสงจันทร์สีเงินยวงที่ละมุนละไมดุจวารีที่ไหลเอื่อย

สีหน้าของเซียวเยี่ยนยังคงเย็นชาดังเดิม เส้นผมสีดำขลับในหยกครอบผมพลิ้วสะบัดห้อยตกลงมาบนไหล่ของเขา กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่พบว่าดวงตาเรียวยาวรูปหงส์คู่นั้นของตนปรากฏให้เห็นความอ่อนโยนอยู่ในนั้น

เขาดึงแขนของตนเข้ามาหาตัวเพื่อกอดหลินชิงเวยให้กระชับขึ้นอีกสองส่วน ให้ทั้งสองใกล้ชิดกันขึ้นอีกสองส่วน

ระยะนี้หลินชิงเวยได้ทำเรื่องราวมากมายทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง นางแทบจะไม่ได้หยุดนิ่ง วันนี้เซียวจิ่นได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสุดแสน ไม่ได้หมายความว่านางจะรู้สึกดีอันใด เซียวเยี่ยนเห็นท่าทางเหงื่อโทรมกายของนางแล้ว และเห็นท่าทางจดจ่อสมาธิของนางเช่นกัน ด้วยเป็นเพราะจดจ่อตั้งใจเกินไป ส่งผลให้จิตใจอ่อนล้าจนหลับไปบนบันไดหินหน้าประตู

เมื่อเหล่านางกำนัลลำเลียงอาหารมาถึงตำหนักบรรทมจึงพบว่าเซ่อเจิ้งอ๋องและหลินเจาอี๋ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ฝ่าบาทบรรทมหลับไปแล้ว ย่อมไม่อาจเสวยสิ่งของเหล่านี้จึงได้แต่ยกของเหล่านี้กลับไปอย่างจนใจ

ทางด้านนี้เซียวเยี่ยนอุ้มหลินชิงเวยเดินผ่านสวนเพาะพันธุ์ไม้ตัดเข้าสู่ทางที่ใกล้กับตำหนักอวี้หลิง ที่แท้ระหว่างตำหนักบรรทมของเซียวจิ่นและตำหนักบรรทมของเซียวเยี่ยนมีเส้นทางลัดเช่นนี้ถึงกัน ย่นย่อระยะทางแล้วยังมิต้องผ่านประตูหลักอีก เซียวเยี่ยนอุ้มหลินชิงเวยพลิกตัวเข้าไปทางหน้าต่าง

ยามนี้นางกำนัลกำลังเข้ามาจุดโคมไฟด้านนอกตำหนักอี้หลิงตามปกติ ส่งผลให้โคมไฟใต้ชายคาเรือนถูกจุดให้สว่างขึ้น เพื่อให้เซียวเยี่ยนมองเห็นทางชัดเจนไม่ว่าจะกลับในเวลาใด

พวกนางไม่รู้ว่าเซียวเยี่ยนได้กลับมาแล้ว เขาคุ้นเคยกับการจัดวางสิ่งของภายในห้องของตนเป็นอย่างดี ความสามารถในการมองเห็นของเขาไม่สามัญ เขาวางหลินชิงเวยลงบนเตียงนอนของตน รอนางกำนัลสองคนที่เข้ามาจุดโคมไฟด้านนอกพร้อมกับสนทนากันไปด้วยจากไปแล้วจึงหันกายไปจุดโคมไฟภายในห้อง

ไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเขาหันกายกลับไปพลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมากุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้

หลินชิงเวยครึ่งหลับครึ่งตื่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เซียวเยี่ยน อย่าไป”

เสียงงึมงำนั้นราวกับมีเวทย์มนต์ก็มิปาน ถึงกับทำให้เซียวเยี่ยนหยุดชะงักย่างก้าวของตน ร่างสูงใหญ่ของเขายืนอยู่ในความมืดไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียวอย่างจนปัญญา

เซียวเยี่ยนยืนอยู่เนิ่นนานประดุจรูปปั้นแกะสลัก มือของหลินชิงเวยเย็นเยียบ แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ

“ข้าไปจุดตะเกียง”

“ไม่เอา”

หลินชิงเวยดึงรั้งเขา เขาจึงนั่งลงบนเตียง นางซุกกายเข้ามาหนุนบนขาของเขาพร้อมกับโอบไปรอบบั้นเอวของเขาเบาๆ และพูดขึ้นอีกว่า “แค่ประเดี๋ยวเดียว ประเดี๋ยวเดียวก็พอ”

“เซียวเยี่ยน”

“หืม?”

“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”

เซียวเยี่ยนยกมือขึ้นลังเลอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง สุดท้ายยังคงวางลงบนแผ่นหลังของหลินชิงเวยเบาๆ ค่อยๆ ลูบลงบนแผ่นหลังและเส้นผมยาวสลวยของนาง ราวกับทำเช่นนี้แล้วปลอบประโลมนางได้มากที่สุด

“เซียวเยี่ยน…”

“เซียวเยี่ยน…”

เซียวเยี่ยนเกี่ยวเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของหลินชิงเวย ข้อกระดูกนิ้วของเขาสัมผัสใบหน้าของนางอย่างไม่ตั้งใจจึงชะงักงันไปครู่หนึ่ง ต่อมาจึงยกมือขึ้นทาบลงบนหน้าผากของนาง เขาขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าตัวร้อนแล้ว”

หลินชิงเวยซุกไซ้ลงในอุ้งมือของเขา น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นขึ้นจมูก “ใช่หรือ มิน่าเล่าข้าจึงรู้สึกหนาวเป็นพิเศษ อื้อ คงเป็นเพราะต้องลมหนาวยามเย็นกระมัง”

ครานี้เซียวเยี่ยนไม่คำนึงว่าหลินชิงเวยจะตามติดเขาอย่างไร เขาจับตัวนางออกจากอ้อมกอดของตนแล้ววางลงบนเตียง ตนเองหันกายไปจุดตะเกียง

เมื่อเขากลับเขามาพบว่าหลินชิงเวยกำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง จากนั้นเหมือนปลาไร้เรี่ยวแรงกำลังคืบคลานอยู่บนเตียง ศีรษะซุกเข้าไปในหมอนที่เขานอนหนุนมาก่อน สูดดมกลิ่นอายที่เป็นของเขาเข้าไปในปอดลึก นางพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “ให้ข้ากอดสักครู่ก็ไม่ได้ ผู้อื่นยังเป็นผู้ป่วยอยู่ด้วย ปลอบใจสักหน่อยก็ไม่ได้หรือ ใจร้าย”

คิ้วของเซียวเยี่ยนกระตุกเล็กน้อย เขาหันไปค้นล่วมยา “ในล่วมยาของเจ้ามียาลดไข้หรือไม่?”

หลินชิงเวย “ยาลูกกลอนในชั้นที่หนึ่งก็คือยาลดไข้…”

เซียวเยี่ยนไม่รู้ว่าต้องกินเท่าใดจึงเทยาลงบนปลายนิ้วสามเม็ด แล้วรินน้ำถ้วยหนึ่งเดินมาริมเตียง เขานั่งลงข้างกายหลินชิงเวยแล้วประคองนางขึ้นมา “กินลงไปแล้วนอนพักสักครู่”

หลินชิงเวย “เม็ดเดียวก็พอแล้ว ไม่ใช่ไข้ขึ้นสูงเสียหน่อย”

หลังจากกินยาแล้วหลินชิงเวยนอนหลับสนิทบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าสุดแสน นางเองไม่รู้สึกตัวและไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในห้องและนอนอยู่บนเตียงของเซียวเยี่ยน

ด้วยเหตุนี้นางจึงนอนหลับอย่างเป็นสุข

ท่ามกลางราตรีอันยาวนาน เซ่อเจิ้งอ๋องของพวกเราไม่มีที่นอน จึงได้แต่นั่งอยู่ริมเตียงมองนางเงียบๆ กระโปรงของนางเหมือนดอกกล้วยไม้สีเขียวที่กำลังเบ่งบานอยู่บนเตียงของตน เส้นผมดำขลับราวกับน้ำหมึกของนางแผ่สยายลงบนหมอนของตน

เซียวเยี่ยนอดที่จะพิศดูใบหน้าของนางไม่ได้ เส้นผมบนหน้าผากของนางตกลงมาด้านข้าง ใบหน้าเรียวเล็กดูเหมือนมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น คนลักษณะเช่นนี้มีตัวตนเหมือนหยกชิ้นหนึ่ง ให้ความรู้สึกน่าทนุถนอมราวกับเพียงตกลงไปก็แตกร้าว

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท