เซียวเยี่ยนขัดล้างถังอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านแล้วจึงเทน้ำสะอาดลงไปในถังอาบน้ำ เพียงแต่น้ำในบ่อน้ำเป็นน้ำเย็น เขาเงยหน้าขึ้นพูดว่า “เจ้าอาบน้ำเย็น ไม่มีปัญหา?”
มือของหลินชิงเวยดึงรั้งคอเสื้อของตน “อย่างไรก็ดีกว่าไม่ได้อาบ อีกทั้งนี่เป็นฤดูร้อนแล้ว อากาศไม่หนาวสักเท่าใดนัก”
ต่อมาเซียวเยี่ยนอยู่ในห้องไม่มีกะจิตกะใจจะเข้านอน หลินชิงเวยปลดอาภรณ์แล้วเข้าไปอาบน้ำด้านหลังฉากกันลม เสียงน้ำดังขึ้นเป็นพักๆ เขาไม่อาจผ่อนคลายได้ แล้วเช่นนี้จะหลับลงได้อย่างไรกัน
เมื่อหลินชิงเวยใกล้จะอาบน้ำเสร็จ ไหนเลยจะคิดว่าข้ารับใช้ของจวนสกุลสวีเพิ่งจะหิ้วน้ำมาให้ พวกเขาไปห้องข้างๆ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของเซ่อเจิ้งอ๋อง ทางหนึ่งเคาะประตูเบาๆ อีกทางหนึ่งพูดขึ้นเสียงต่ำ “คุณชายหลิน น้ำที่ท่านต้องการนำมาส่งแล้วขอรับ”
ข้ารับใช้คิดว่าหลินชิงเวยอยู่ห้องข้างๆ สีหน้าของพวกเขาเขียนคำว่าดูถูกดูแคลนไว้ชัดเจน ดึกดื่นป่านนี้ยังต้องให้พวกเขามาต้มน้ำแล้วส่งมาที่นี่ ใครเล่าจะรู้สึกพอใจ? คิดแล้วคุณชายหลินก็เป็นเพียงผู้ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเซ่อเจิ้งอ๋องเท่านั้น พูดให้ชัดเจนก็คือข้ารับใช้คนหนึ่ง จะอวดอำนาจบารมีอันใดกัน แม้พวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจแต่เมื่ออยู่ต่อหน้ายังคงพูดจาด้วยความเกรงอกเกรงใจ
ไหนเลยจะคิดว่าเซียวเยี่ยนจะเปิดประตูออกมาในเวลานี้ เขายืนอยู่หน้าประตูมองข้ารับใช้ด้วยสายตาเย็นชา พวกเขาคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว “บ่าวสมควรตาย รบกวนการพักผ่อนของเซ่อเจิ้งอ๋อง! เพียงแต่ เพียงแต่คุณชายหลินเขา…”
หลินชิงเวยลอยออกมาจากในห้องของเซียวเยี่ยนอย่างถูกเวลา “ให้พวกเขาวางน้ำเอาไว้ คนไสหัวออกไปให้หมด อีกประเดี๋ยวจะได้นำน้ำนั้นมาซักเสื้อผ้า”
เซียวเยี่ยนเห็นข้ารับใช้หลายคนยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาจึงพูดว่า “ต้องการให้เปิ่นหวางพูดซ้ำอีกครั้งหรือไม่?”
ข้ารับใช้ได้สติกลับมา จึงรีบยื้อแย่งกันถอยออกไป
เมื่อเซียวเยี่ยนหันกลับมาอีกครั้ง เห็นหลินชิงเวยสวมเพียงเสื้อตัวในเพียงตัวเดียว เดินออกมาจากฉากกันลมอย่างสบายใจเฉิบ นางหอบเสื้อผ้าของตนและของเซียวเยี่ยนออกมาแช่น้ำ
เซียวเยี่ยนมองหลินชิงเวยโน้มเอวลงไปด้วยสายตาตื่นตะลึง เส้นผมยาวสลวยแผ่สยายลงจากแผ่นหลังไปถึงหน้าอก เคราะห์ดีที่เสื้อผ้าอาภรณ์ในฤดูร้อนเนื้อผ้าบางเบา นางจึงซักผ้าโดยไม่ได้กินแรงมากนัก นางถูจ้าวเจี่ยวไปมาแล้วขยี้ไม่กี่ครั้งก็ล้างในน้ำสะอาดแล้วพาดขึ้นมา เมื่อนางยืดกายขึ้นเห็นสีหน้าของเซียวเยี่ยนยังคงนิ่งลึกไม่อาจคาดเดา จึงพูดขึ้นว่า “ชาตินี้ข้ายังไม่เคยซักอาภรณ์ให้บุรุษคนใดมาก่อน คิดว่าข้าจะซักให้ท่านเปล่าๆ ปลี้ๆ หรือ? เงินทั้งหมดในถุงเงินของท่านล้วนเป็นของข้ารู้หรือไม่?”
เซียวเยี่ยนเงียบขรึม “ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร หากต้องการก็ยกให้เจ้า”
หลินชิงเวยเห็นเขามีสีหน้าท่าทางจริงจังขณะที่พูดประโยคนี้ จึงอดที่จะอารมณ์ดีขึ้นมาไม่ได้ นางพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ยังตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่ไปบิดผ้าขึ้นมาตากอีก พรุ่งนี้เช้าตื่นมาข้ายังต้องสวมนะ”
หลินชิงเวยทิ้งหน้าที่ตากเสื้อผ้าให้กับเซียวเยี่ยน ตนเองเดินเอามือไพล่หลังกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ร่างสูงใหญ่ของเซียวเยี่ยนยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ นำเสื้อผ้าของหลินชิงเวยและของตนเองขึ้นมาบิดน้ำแล้วค่อยๆ ตากลงบนเชือกสำหรับตากผ้าอย่างเป็นระเบียบ
แม้หลินชิงเวยจะขุ่นเคืองใจต่อการรับรองแขกของสวีฮูหยิน แต่เซียวเยี่ยนกลับทำให้นางพอใจอย่างยิ่ง คืนนี้เหนื่อยเหลือเกินหลินชิงเวยหลับไปในเวลาไม่นานนัก เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าข้างนอกสว่างจ้าแล้ว นางพบว่ามีเสื้อผ้าชุดหนึ่งพับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยวางอยู่บนหัวเตียงของนาง เป็นอาภรณ์ชุดที่นางซักเมื่อคืน มันแห้งดีแล้ว นางถึงกับไม่รู้ว่าเซียวเยี่ยนนำเสื้อผ้ามาวางไว้บนหัวเตียงของนางตั้งแต่เมื่อใด
ภายในเรือนด้านหลังมีเสียงฝีเท้าและเสียงสนทนาดังขึ้น หลินชิงเวยสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดีแล้วจึงเปิดประตูออกมาเห็นเซียวเยี่ยนที่อยู่ห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาเช่นกัน คนทั้งสองเดินออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย
ที่แท้ใต้เท้าสวีและสวีฮูหยินมาที่เรือน ไม่เพียงแต่สองสามีภรรยามาด้วยตัวเอง ยังนำสาวใช้มาด้วยอีกหลายคน ข้างกายยังมีคุณหนูรูปโฉมงดงามปานบุปผาอีกสองนาง ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นบุตรสาวของพวกเขา
ทุกคนล้วนกล่าวว่าเซ่อเจิ้งอ๋องเป็นหนุ่มโสดที่มีเงินมีอำนาจที่สุดในเมืองหลวง คำพูดนี้ไม่เกินเลยสักนิด นี่มิใช่หรอกหรือสวีฮูหยินพาคุณหนูพันชั่งของตนมาถวายพระพรเซ่อเจิ้งอ๋องแต่เช้าตรู่
สีหน้าของใต้เท้าสวีเต็มไปด้วยความละอายแก่ใจ “เซ่อเจิ้งอ๋อง เมื่อคืนการรับรองดูแลไม่เรียบร้อย ละเลยคุณชายหลิน เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เช้านี้กระหม่อมเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อได้ยินข้ารับใช้พูดขึ้นมา ข้ารับใช้ไร้สามารถละเลยหน้าที่ กระหม่อมได้ลงโทษพวกเขาไปแล้วช่างไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ขอเซ่อเจิ้งอ๋องและคุณชายหลินอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้คำพูดจะกล่าวเช่นนี้แต่ดูเหมือนความสนใจทั้งหมดจะพุ่งมาที่เซียวเยี่ยน กระทั่งหลินชิงเวยที่ยืนทนโท่อยู่ทั้งคนกลับถูกมองข้ามไปเสียอย่างนั้น
ในเมื่อมาพักอาศัยอยู่ในเรือนของผู้อื่น นี่ก็ไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องที่เกินไปนัก แต่เซียวเยี่ยนยังคงพูดเรียบๆ ว่า “ครั้งต่อไประวังให้มากหน่อยก็พอแล้ว นางเป็นคนค่อนข้างรักความสะอาด”
“เพคะ หม่อมฉันจดจำเอาไว้แล้วเพคะ” สวีฮูหยินรีบหันไปกวักมือเรียกแม่นางน้อยสองคนข้างกาย “อวี้ย่วน อี้ม่าน ยังไม่รีบมาถวายพระพรเซ่อเจิ้งอ๋อง”
“อวี้ย่วน (อวี้ม่าน) ถวายคำนับเซ่อเจิ้งอ๋อง ถวายพระพรเซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ” แม่นางทั้งสองยอบกายลงคารวะและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอย่างพร้อมเพรียงกัน บุตรสาวของครอบครัวขุนนางใหญ่ ดวงตารูปเมล็ดซิ่งแก้มแดงประดุจผลท้อ ใบหน้าอ่อนเยาว์ประดุจวสันตฤดู ดูท่าแล้วชื่นชมและพึงพอใจในตัวเซ่อเจิ้งอ๋องอย่างยิ่งยวด
แม่นางน้อยสองคนที่ขนยังขึ้นไม่ครบ…หลินชิงเวยอดที่จะหันไปมองใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์และความรู้สึกของเซียวเยี่ยนไม่ได้ อาศัยนางสองคนก็คิดจะได้รับความสนใจจากเซียวเยี่ยน? พวกนางก็แค่เห็นว่าเขาหน้าตาหล่อเหลาเท่านั้นเอง!
ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียบ้างว่า เขาน่ะเปรียบเสมือนบุปผาที่มีเจ้าของแล้ว!
เซียวเยี่ยนไม่ได้เรียกให้สาวน้อยทั้งสองลุกขึ้น เขาไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว บรรยากาศจึงแปรเปลี่ยนเป็นประดักประเดิดอยู่บ้าง ใต้เท้าสวีจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนใจและพูดว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง อาหารเช้าได้จัดเตรียมไว้ในห้องอาหารแล้ว เชิญเซ่อเจิ้งอ๋องร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ?”
เซียวเยี่ยนเหมือนจะรู้ใจหลินชิงเวยอย่างไรอย่างนั้น เขาปฏิเสธออกไปตรงๆ “ไม่จำเป็น เปิ่นหวางยังมีเรื่องต้องไปทำ ขอตัวก่อน” เขาหันไปมองหลินชิงเวยแวบหนึ่ง “ไปเถิด” พูดแล้วก็พาหลินชิงเวยเดินออกไปจากเรือนอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ยังไม่ลืมที่จะพูดกับใต้เท้าสวีว่า “อีกประเดี๋ยวเปิ่นหวางจะไปที่ศาลาว่าการสักเที่ยว” ความหมายก็คือ ใต้เท้าสวีกินอาหารเช้าอิ่มแล้วก็รีบไปรอรับคำสั่งที่นั่นเถิด
ใต้เท้าสวีรับคำอย่างนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
กระทั่งเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยออกจากเรือนไปแล้ว ใต้เท้าสวีกังวลว่าจะทำให้เซ่อเจิ้งอ๋องไม่พอใจ จึงรีบให้พ่อบ้านรีบตามมา ตนเองสะบัดแขนเสื้อตามออกไปด้วย เขาไม่ลืมที่จะหันมาถลึงตาใส่สวีฮูหยินและบุตรสาวทั้งสอง “ดูเจ้าทำเรื่องดีงามอันใดออกมา อยู่ดีๆ จะมาถวายพระพรอันใดกัน! คุณชายหลินท่านนั้นก็เป็นเจ้าที่ละเลย?”
ใต้เท้าสวีออกไปส่งเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวย ทางด้านนี้สวีฮูหยินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนัก เมื่อคืนหลังจากพาแขกเข้าพักต้องโทษที่ใต้เท้าสวีไม่ได้พูดกับนางให้ชัดเจน หาไม่แล้วคงไม่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา อีกทั้งพาบุตรสาวสองคนมาถวายพระพรเซ่อเจิ้งอ๋องแล้วอย่างไรเล่า บุตรสาวของตนงดงามประดุจหยกประดุจบุปผา ซ้ำถึงวัยที่จะออกเรือนมีแขกสถานะสูงศักดิ์มาเยือนในจวน พาพวกนางมาพบไม่ถูกต้องหรือ?
ส่วนอวี้ย่วนและอวี้ม่านคุณหนูทั้งสองค้างอยู่ในท่าถวายพระพรตลอดเวลา แม้ขาจะเมื่อยล้าก็ไม่ได้เสียมารยาท ท่าทีเย็นชาของเซียวเยี่ยนทำให้พวกนางรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมนัก แต่ท่ามกลางความไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อสักครู่เมื่อพวกนางเห็นบุคลิกของเซียวเยี่ยน หัวใจของสาวน้อยสองดวงที่เต้นโครมครามก็ตกเป็นเชลยหัวใจของเซียวเยี่ยนเสียแล้ว เนิ่นนานไม่ได้สติคืนมา
อวี้ย่วนถามขึ้นว่า “ท่านแม่ เซ่อเจิ้งอ๋องดูเหมือนไม่ค่อยชอบข้าและน้องสาว ทำอย่างไรดีเล่า?”