หลังจากนั้นไม่นานมีคนเข้ามารายงานอีก เขาถืออาภรณ์เปื้อนเลือดชุดหนึ่งเข้ามา “นี่เป็นสิ่งของที่ค้นพบในห้องพักของมือปราบหลิวขอรับ”
นั่นเป็นชุดเครื่องแบบของมือปราบ คราบเลือดบนเครื่องแบบนั้นแห้งกรังมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว
ยามนี้มีหลักฐานแน่นหนา ใต้เท้าสวีที่ยืนอยู่ด้านนอกถามขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด “มือปราบหลิว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”
ลำพังเพียงแค่อาภรณ์เปื้อนเลือดและอาวุธที่ใช้ก่อเหตุฆาตกรรม มือปราบหลิวก็หนีไม่รอดแล้ว
ในยามปกตินับว่าใต้เท้าสวีให้ความสำคัญกับมือปราบหลิว ดีต่อเขาไม่น้อย เพียงแต่ทั้งๆ ที่เขามีฐานะเป็นผู้ถือกฎหมาย ตนเองกลับทำเรื่องร้ายแรงสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ออกมาได้ ใต้เท้าสวีรู้สึกผิดหวังในตัวเขามากกว่าที่จะเกิดโทสะหลังจากล่วงรู้ความจริง
มือปราบหลิวตกอยู่ในความเงียบงันเนิ่นนาน กระทั่งเขายอมปริปากถามว่า “เจ้าเริ่มสงสัยในตัวข้าตั้งแต่เมื่อใด?”
คำถามนี้เขาถามหลินชิงเวยอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินชิงเวยวิเคราะห์เนิบๆ “เมื่อแรกนั้นไม่ได้สงสัยผู้ใดเป็นพิเศษ แต่เมื่อตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของเจียงหมิงจูเปรียบเทียบกับศพของผู้ตายก่อนหน้านี้อย่างละเอียดแล้ว กลับแน่ใจได้ว่าไม่ใช่การกระทำของฆาตกรคนก่อนหน้านี้ แต่เป็นผู้มีวรยุทธ์และมีประสบการณ์อีกทั้งคุ้นเคยกับคดีฆาตกรรมนี้ จึงไม่อาจตัดข้อสงสัยว่าอาจเป็นมือปราบที่อยู่ในหน่วยกระทั่งเมื่อเห็นท่านดึงดาบออกมาชี้หน้าเถียนฝาน ไม่อาจทำให้คนไม่สงสัย”
“ข้าดึงดาบเป็นอย่างไร”
“การดึงดาบของท่านประจวบเหมาะถูกต้องตรงกันกับบาดแผลบนร่างกายของเจียงหมิงจู” หลินชิงเวยพูดช้าๆ “ข้ายังจดจำครั้งแรกที่พบท่านในคืนที่เจียงหมิงจูตายได้ ข้าบอกว่าท่านเป็นคนบ้างาน ที่จริงต่อมาข้ากลับรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง คนบ้างานไม่มีทางสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านแล้วย้อนกลับมาสืบสวนคดี และท่านผลัดเปลี่ยนเพียงเสื้อผ้า ทว่ากลับไม่ได้เปลี่ยนหมวกใบใหม่ ในจุดนี้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่เสื้อผ้าของท่านมีร่องรอยบางอย่าง อย่างเช่นมีคราบเลือด”
นางพูดอีกว่า “เพียงแต่การเลือกเจียงหมิงจูเป็นเหยื่อนั้นเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนัก นางเป็นสตรีไม่อยู่ในกรอบ ไร้มโนธรรม ทำให้คนคิดไปว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้วนางเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ดังนั้นข้าไม่อาจพูดว่าท่านประมาทเลินเล่อ เพราะท่านใช้สถานะมือปราบที่ถูกต้องตามกฎหมายไปก่อคดีฆาตกรรมสังหารคน ท่านคิดว่าท่านช่วยชาวบ้านขจัดภัยร้าย นี่ก็เป็นข้ออธิบายว่าเหตุใดเจียงหมิงจูจึงตายอยู่ภายในเรือน ไม่มีร่องรอยการดิ้นรนต่อสู้ใดๆ เป็นเช่นที่ท่านพูด ไม่ก็ฆาตกรเป็นคนที่นางรู้จักคุ้นเคยดี หรือไม่ก็นางคิดว่าเป็นคนที่ไม่มีทางโจมตีนาง อย่างเช่นท่านที่เป็นมือปราบ”
“หรือพวกนางไม่สมควรตายหรือ ยิ่งพวกนางมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ยิ่งมีเพียงนำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่ผู้อื่น”
“พวกนางสมควรตายหรือไม่ ยังไม่ใช่มือปราบเล็กๆ คนหนึ่งเช่นท่านจะมาเป็นผู้ตัดสินใจ เจียงหมิงจูตายแล้วอย่างไรเล่า ท่านคิดว่าท่านเป็นยมทูตผู้มีหน้าที่ตัดสินความเป็นความตายของผู้อื่นหรือไร ท่านป้ายความผิดให้กับบุรุษผู้น่าสงสารที่รักภรรยาของเขายิ่งกว่าชีวิตตนเองคนหนึ่ง เจ้ายังมีเหตุผลหรือไม่” หลินชิงเวยพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ท่านเป็นเพียงฆาตกรคลุ้มคลั่งคนหนึ่ง ท่านทำร้ายภรรยาของท่านมาก่อน อุปนิสัยของท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ท่านได้รับคำสั่งให้จับกุมฆาตกรต่อเนื่อง เห็นเหตุการณ์ที่คนถูกสังหารให้ตายอย่างโหดร้ายทารุณกับตาตนเองคนแล้วคนเล่า ท่านไม่เพียงแต่ได้รับกระตุ้นทางจิตใจถึงขีดสุด ท่านยังได้รับความสุขจากการกระทำนี้ด้วยใช่หรือไม่! ดังนั้นท่านจึงไม่ปรารถนาให้เรื่องนี้หยุดลงเพียงเท่านี้ ท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านทำไม่ได้ ท่านก็จะใช้ความตายไปตัดสินพวกนาง ที่จริงแล้วจิตใจของท่านป่วยมานานแล้ว!”
ดวงตาของมือปราบหลิวแดงก่ำด้วยความอาฆาต เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากดำกร้านของเขาปูดโปนขึ้นมา เขาถลึงตาจ้องหลินชิงเวยเขม็ง “เช่นนี้แล้วมีสิ่งใดไม่ถูกต้อง? คนที่ข้าสังหารล้วนเป็นคนเนรคุณ ทำผิดศีลธรรมทั้งสิ้น! พวกเขาเป็นปลวกมอด ในยามปกติแม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่อาจไปควบคุมปลวกมอดเหล่านั้น! หากไม่จัดการให้สิ้นซากพวกเขาก็จะทำร้ายผู้อื่น ข้าธำรงคุณธรรมตามบัญชาสวรรค์มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง”
หลินชิงเวยไม่อยากจะโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป จึงได้แต่พูดลอยๆ ว่า “การกระทำทุกอย่างของท่านรังแต่จะทำให้ชุดเครื่องแบบบนร่างกายของท่านแปดเปื้อน ท่านไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะเป็นมือปราบ”
การดำเนินคดีในท้ายสุดเป็นเช่นไรนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหลินชิงเวย ในยุคสมัยโบราณสังหารผู้อื่นเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นนักโทษสังหารผู้อื่นก่อนหน้านี้ หรือเป็นมือปราบหลิวล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงจุดจบเช่นนี้
เพียงแต่หากให้ชาวบ้านรู้ว่าฆาตกรที่สังหารผู้อื่นเป็นมือปราบของศาลาว่าการเปรียบเทียบกับการให้ชาวบ้านรับรู้เรื่องการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนั้นร้ายแรงกว่ามากมายนัก ต่อไปจะยังมีผู้ใดยินดีที่จะเชื่อมั่นในศาลาว่าการอีกเล่า
เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ใต้เท้าสวีรายงานต่อศาลต้าหลี่ในภายหลัง จึงเป็นสาเหตุที่ศาลต้าหลี่อนุญาตให้ชำระโทษมือปราบหลิวอย่างลับๆ
เรื่องราวคลี่คลายแล้ว แต่ผลสรุปของมันกลับไม่อาจทำให้ชาวบ้านรู้สึกโล่งอกได้ เดิมทีหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนควรจะกลับวังหลวงในคืนวันนั้น แต่ด้วยเป็นเวลาดึกดื่นเกินไป อีกทั้งคนก็เหน็ดเหนื่อย จึงกลับไปยังจวนใต้เท้าสวีเพื่อพักผ่อนก่อน วันรุ่งขึ้นใต้เท้าสวียืนกรานที่จะจัดงานเลี้ยงให้กับคนทั้งสองเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ
หลายครั้งก่อนหน้านี้เซียวเยี่ยนล้วนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แต่ยามนี้คนก็จะจากไปแล้ว ดูเหมือนหากปฏิเสธอีกย่อมดูจะเป็นเรื่องที่เกินไปสักหน่อย กอปรกับหลินชิงเวยดูเหมือนชมชอบชีวิตนอกวังเหลือเกิน ออกมาเป็นเวลาหลายวันเช่นนี้ยังไม่ได้กินดื่มและท่องเที่ยว ผนวกกับกลับวังหลวงในเวลากลางวันก็เป็นเรื่องเอิกเกริกเกินไป จึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนอีกสองวันแล้วกลับเข้าวังหลวงในเวลาพลบค่ำ
เช้าวันนี้ภายในจวนใต้เท้าสวีวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมงานเลี้ยงกลางวัน ใต้เท้าสวีตระเตรียมงานด้วยตัวเองไม่ได้หยุดพัก
จวนสกุลสวีเตรียมงานเลี้ยงกลางวันอันพรั่งพร้อมอุดมสมบูรณ์ เชิญเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยนั่งลงแล้วใต้เท้าสวียกสุราขึ้นคารวะ “คดีในครั้งนี้โชคดีที่มีเซ่อเจิ้งอ๋องและคุณชายหลินช่วยเหลือ หาไม่แล้วคงไม่จบลงเช่นนี้ กระหม่อมไม่ทราบว่าจะคลี่คลายคดีได้เดือนใดปีใดพ่ะย่ะค่ะ ยังมีวิธีการคลี่คลายคดีของคุณชายหลินอีก ทำให้กระหม่อมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้กระหม่อมรับรองบกพร่อง ต้องขออภัยคุณชายหลินด้วย สุราจอกนี้กระหม่อมถวายคารวะเซ่อเจิ้งอ๋องและคุณชายหลิน”
ใต้เท้าสวีผู้นี้นับเป็นผู้ที่หัวไวอยู่คนหนึ่ง เขาไม่ได้เปิดโปงว่าหลินชิงเวยเป็นสตรีคนหนึ่ง แม้เขาจะไม่รู้ว่าสถานะที่แท้จริงของหลินชิงเวยคือสถานะใด แต่กลับกระจ่างแจ้งถึงท่าทีที่เซ่อเจิ้งอ๋องที่ปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในสายตาของเขา เมื่อเทียบกับหลินชิงเวย ใต้เท้าสวีมองบุตรสาวทั้งสองของตนแล้ว ต่อให้บุตรสาวของเขากำเนิดมางดงามยิ่งกว่านี้ นอกจากงดงามแล้วยังมีประโยชน์อันใดอีกเล่า ไม่มีทางเทียบหลินชิงเวยได้ สิ่งที่เซ่อเจิ้งอ๋องมองเห็นย่อมต้องเป็นคนที่มีความสามารถเก่งกาจ อีกทั้งหากหลินชิงเวยแต่งกายเช่นสตรี ไม่รู้ว่าจะงดงามกว่าบุตรสาวทั้งสองของเขามากมายเท่าใด ใต้เท้าสวีพลันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ที่สวีฮูหยินพาบุตรสาวทั้งสองไปเอาอกเอาใจต่อหน้าเซ่อเจิ้งอ๋องล้วนเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างที่สุด
หลินชิงเวยไม่ใช่คนใจคอคับแคบเช่นกัน แม้สตรีของสกุลสวีจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากเล็กน้อย แต่ใต้เท้าสวียังนับได้ว่าพยายามอย่างยิ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงยกจอกสุราขึ้นเช่นกัน คารวะใต้เท้าสวีตอบและพูดว่า “ใต้เท้าสวีเกรงใจแล้ว มารบกวนพำนักอยู่ในจวนของท่านหลายวันเช่นนี้ ต้องขออภัยใต้เท้าสวีด้วย”
“ได้ที่ไหน ได้ที่ไหนกัน ล้วนเป็นเรื่องที่ผู้น้อยสมควรทำอยู่แล้วขอรับ”
เซียวเยี่ยนดื่มสุราจอกนั้น เขายกมือขึ้นและเงยหน้าเล็กน้อย ลูกกระเดือกขยับเคลื่อนไหวครั้งหนึ่งก็ดื่มหมดจอก แต่เมื่อเห็นหลินชิงเวยจะดื่มสุรา ฝ่ามือใหญ่โตของเขาก็ยื่นข้ามไปหยิบจอกสุราในมือของหลินชิงเวย ต่อมาหลินชิงเวยได้แต่หรี่ตามองจอกสุราของตนที่ถูกสาดลงไปในลำคอของเซียวเยี่ยนเช่นกัน
เซียวเยี่ยนพูดราวกับไม่มีผู้คนรอบข้าง “นางดื่มสุราไม่เป็น เปิ่นหวางดื่มแทนเอง”