ไทเฮาทางหนึ่งดิ้นรนต่อสู้กรีดร้องเสียงแหลม อีกทางหนึ่งใช้ปลายเล็บอันแหลมคมนั้นข่วนไปมากลางอากาศ หลินชิงเวยรูปร่างปราดเปรียวคล่องแคล่วว่องไว นางไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินชิงเวย ตนเองถูกตบไปหลายฉาดทำให้มึนงง นางโมโหเสียจนพูดจายังติดขัด “หลินชิงเวย เจ้า เจ้าถึงกับกล้าตบตีเปิ่นกง!”
หลินชิงเวยจิกเส้นผมของไทเฮาขึ้นมา รอยยิ้มเย็นชาที่ปรากฏขึ้นในแววตาคมปลาบ “ไม่เพียงแต่กล้า ข้ายังจะจัดการเจ้า ยังเกรงว่าครั้งเดียวจะไม่อาจบรรเทาความเดือดดาลได้ นางปีศาจเฒ่า ข้าอดทนต่อเจ้ามานานแล้ว ครั้งที่แล้วเจ้าเป็นคนปล่อยเสือออกมาใช่หรือไม่ หืม?”
ไทเฮาได้ยินแล้วสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่นางมีชีวิตอยู่อย่างสูงศักดิ์มาตลอดชีวิต ไม่อาจยอมรับให้คนมาเหยียบย่ำเกียรติของตนได้ นางหัวเราะเสียงแหลม “ใช่แล้วอย่างไรเล่า ไฉนเสือตัวนั้นจึงไม่อาจฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ได้ หาไม่แล้วเจ้าจะมีโอกาสมากำเริบเสิบสานกับเปิ่นกงหรือ?!”
หลินชิงเวยตบไทเฮาอีกฉาดจนฟุบลงกับพื้น นางมาถึงยุคสมัยนี้นานเช่นนี้ หัดเรียนรู้เหตุผลอีกประการหนึ่ง ทุบตีสตรีจะต้องตบหน้าให้จงหนัก
เมื่อก่อนเป็นนางที่ถูกนางปีศาจเฒ่าตนนี้ตบตีมิใช่น้อยหรือไร
หลินชิงเวย “เดิมทีข้าไม่อยากจะถือสาหาความกับเจ้า อย่างไรเจ้าก็เป็นคนชี้โพรงให้กระรอก เปิดโอกาสให้ข้าและเซียวเยี่ยน แต่ยามนี้ดูแล้วไม่ถือสาหาความกับเจ้ากลับกลายเป็นว่าข้าเกรงกลัวเจ้า” นางหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตานั้นทำให้คนหนาวเยือกไปถึงวิญญาณ “เจ้ากล้าวางยาเซ่อเจิ้งอ๋อง เช่นนั้นข้าคงได้แต่เอาคืนเจ้าด้วยการกระทำเดียวกัน”
เมื่อนางวิ่งเข้ามาไฉนจะไม่เห็นความผิดปกติของเซียวเยี่ยน นอกจากถูกวางยาแล้วจะเป็นเรื่องอื่นได้อย่างไร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนแล้ว ไทเฮาไม่เกี่ยงวิธีการ เคราะห์ดีที่นางมา หาไม่แล้วยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของคืนนี้จะเป็นเช่นไร
ยามนี้เสี่ยวฉีที่อยู่ด้านนอกพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “เจาอี๋เหนียงเหนียง เซ่อเจิ้งอ๋องออกไปจากที่นี่แล้ว ท่านรีบออกมาเถิด”
หลินชิงเวยมองแก้มทั้งสองข้างของไทเฮาที่ทั้งแดงและบวมเป่ง จึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เจ้าตามเซ่อเจิ้งอ๋องไปก่อน อย่าให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีก เจ้าไม่ต้องห่วงที่นี่ อีกประเดี๋ยวข้าตามไป”
พูดแล้วหลินชิงเวยก็กดมือทั้งคู่ของไทเฮา ขึ้นคร่อมบนเอวของนางไม่ว่านางจะดิ้นรนต่อสู้อย่างไรล้วนไม่บังเกิดผลทั้งสิ้น ไทเฮาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลินชิงเวยรูปร่างเล็กดูเปราะบางเช่นนี้ เหตุใดจึงมีเรี่ยวแรงมหาศาล ไทเฮาพูดอย่างคลุ้มคลั่ง “หลินชิงเวย เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!”
หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขัน “ทำอันใด? ย่อมต้องให้บทเรียนแก่ท่านสักเล็กน้อย” ทันทีที่พูดจบ มืออีกข้างก็หยิบเข็มเงินออกมาสองเล่ม เข็มเงินนั้นส่องประกายวับวาวท่ามกลางแสงไฟ
เข็มเงินเป็นสิ่งของที่มีประโยชน์ยิ่ง โชคดีที่เมื่อสักครู่นางออกจากตำหนักฉางเหยี่ยนไม่ลืมที่จะหยิบอาวุธชนิดนี้ติดกายมาด้วย
ทันทีที่ไทเฮาเห็นเข็มเงินก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น นาทีถัดมานางรับรู้ได้ว่าหากนางไม่ดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต เกรงว่าจะกลายเป็นเนื้อที่อยู่บนเขียงของหลินชิงเวย ดังนั้นไทเฮาจึงดิ้นรนอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง นางใช้ปลายเล็บอันแหลมคมของนางจิกลงบนแขนของหลินชิงเวย ข่วนจนเป็นรอยเลือด แต่หลินชิงเวยราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่ได้คลายมือที่กดมือทั้งคู่ของไทเฮาแม้แต่น้อย
ไทเฮาทำให้หลินชิงเวยเดือดดาลแล้วจริงๆ มือของนางออกแรงบิดเพียงเล็กน้อย ต่อมาเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น กระดูกข้อมือของไทเฮาถูกบิดจนหักผิดรูป นางร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดทันที
หลินชิงเวยใช้เข็มเงินจะแทงเข้าไปในดวงตาของไทเฮาอย่างแรง ไทเฮาหวาดกลัวจึงรีบหลับตาทั้งคู่และเงียบเสียงลง ไม่กล้าแม้กระทั่งโมโห
เข็มเงินนั้นห่างจากเปลือกตาของนางไม่ถึงชุ่น หลินชิงเวยก็หยุดเอาไว้ พูดอย่างเห็นขัน “เช่นนี้ก็มิใช่สงบเสงี่ยมแล้วหรือ หากเจ้าสงบเสงี่ยมสักหน่อย ข้าจะไม่ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของเจ้าต้องมืดบอด”
“หลินชิงเวย…” ทรวงอกของไทเฮากระเพื่อมขึ้นลง นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดอย่างแค้นเคืองอย่างที่สุด “ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าได้ตกมาอยู่ในมือของเปิ่นกง หาไม่แล้วเปิ่นกงจะค่อยๆ ทวงคืนมาทีละน้อย ให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”
นางเพิ่งจะพูดจบ ความเจ็บปวดเยียบเย็นแผ่ซ่านขึ้นมาจากท้อง หลินชิงเวยใช้เข็มเงินในมือแทงเข้าไปในตำแหน่งต่ำกว่าหน้าท้องลงมาเล็กน้อย ดึงออกแล้วแทงเข้าไปอีกครั้ง ไทเฮาคิดจะถีบขาทั้งสองข้าง หลินชิงเวยพูดเสียงเย็น “อย่าหุนหันพลันแล่นจะดีที่สุด หากไม่รอดชีวิตอย่าได้กล่าวโทษว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า” หลินชิงเวยพูดด้วยรอยยิ้มยิบหยี “เช่นนี้ย่อมไม่ส่งผลเสียต่อเจ้าเช่นกัน อย่างน้อยรอให้เจ้าลุกขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ค่อยดูเหมือนไทเฮาสักหน่อย”
“เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่?”
หลินชิงเวยพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ทำให้ชีพจรบางส่วนสับสนเท่านั้น เพียงแค่ชะลอการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ของเจ้า”
ไทเฮาย่อมฟังความหมายในนั้นไม่แจ่มแจ้ง
ดูเหมือนนอกจากรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกแทงด้วยเข็มเงินแล้ว กระทั่งหลินชิงเวยดึงเข็มเงินออก ล้วนไม่มีสิ่งใดผิดปกติต่อร่างกายแม้แต่น้อย แน่นอนว่าข้อมือของนางยังคงปวดแสบปวดร้อน
ไทเฮาถลึงตาใส่นางอย่างแค้นเคือง จนปัญญาที่ยามนี้กระทั่งมือของตนเองก็ยังไร้เรี่ยวแรง หลินชิงเวยค่อยลุกขึ้นสะบัดชายกระโปรงที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมกันลม พูดกับนางด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “หากยังมีครั้งต่อไป ข้าจะเอาชีวิตเจ้า แต่ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
พูดแล้วนางก็หันกายเดินออกไปทันที ไทเฮาจิกลงไปในฝ่ามือของตนเต็มแรง กล่าวอย่างอาฆาต “หลินชิงเวย เปิ่นกงและเจ้าไม่มีวันอยู่ร่วมโลกกันได้!”
หลินชิงเวยออกจากตำหนักบรรทมแล้วยืนอยู่กลางลานเรือนครู่หนึ่งเพื่อรับลมที่พัดผ่านมา นางยกมือขึ้นสลัดเส้นผมยาวสลวยที่อยู่บนไหล่ไปด้านหลังแล้วเดินอาดๆ ออกจากตำหนักของไทเฮา
องครักษ์ที่ฝืนอยู่หน้าประตูเห็นหลินชิงเวยออกมาล้วนไม่รู้จะทำเช่นใดดี หากหลินชิงเวยต้องการเข้าไป เขายังทำการขัดขวางได้ แต่ยามนี้คนกำลังออกมา พวกเขาจึงไม่อาจขัดขวางได้ หลังจากออกมาจากตำหนักคุนเหอ หลินชิงเวยใช้เส้นทางลัดเพื่อไปยังตำหนักซวี่หยางให้เร็วที่สุด เคราะห์ที่ดีนางเข้าออกเป็นประจำ องครักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูจึงไม่ได้ขัดขวาง
ยามนี้ฝ่าบาทควรจะบรรทมหลับไปแล้วกระมัง ดังนั้นหลินชิงเวยจึงอ้อมผ่านสวนเพาะพันธุ์ไม้ด้านหลังตำหนักบรรทมของเซียวจิ่น แล้วใช้เส้นทางลัดมุ่งหน้าไปยังตำหนักอวี้หลิง
นางไม่รู้ว่าเซียวเยี่ยนกลับมาแล้วหรือไม่ แต่เสี่ยวฉีและเซียวเยี่ยนต่างไม่อยู่ทั้งคู่ นางยังคงต้องไปดูให้แน่ใจสักเที่ยว
ปรากฏว่าทันทีที่ก้าวเข้าไปในตำหนักอวี้หลิงก็เห็นเสี่ยวฉีกำลังวิ่งออกมาจากอย่างรีบร้อน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นนางก็อดที่จะพรูลมหายใจโล่งอกไม่ได้ เขารีบพูดว่า “ท่านอ๋องต้องพิษไม่น้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ ต้องรบกวนเหนียงเหนียงยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าให้เขาแช่ในน้ำเย็นแล้วหรือไม่?” หลินชิงเวยถามด้วยน้ำเสียงปกติ
เสี่ยวฉีตอบ “ไม่มีประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ พลังลมปราณของท่านอ๋องสับสน น้ำเย็นไม่อาจควบคุมได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่า…”
เขายังพูดไม่จบหลินชิงเวยได้เดินผ่านร่างของเขาไปและพูดว่า “รู้แล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของข้าเอง”
หลินชิงเวยเดินไปถึงประตูห้อง เสี่ยวฉีเดินตามไปข้างหลัง นางหันกลับมามองท่อนไม้ทึ่มทื่อตรงหน้าแล้วอดพูดไม่ได้ว่า “เจ้าตามติดข้าเช่นนี้เพราะกลัวข้าจะกินท่านของอ๋องของเจ้าหรือไร?”
เสี่ยวฉีตอบเสียงแข็งว่า “มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องและเหนียงเหนียงล้วนเป็นคนจิตใจดี กระหม่อมเพียงแต่กลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
หลินชิงเวยยกมือขึ้นผลักประตูและพูดเสียงเย็นว่า “เรื่องไม่คาดฝันเพียงอย่างเดียวก็คือข้าไม่อาจถอนพิษในร่างของเขาในระยะเวลาอันสั้น จึงไม่อาจไม่ใช้ตนเองเป็นยาถอนพิษให้กับเขา” มือของนางหยุดชะงัก นางเอียงหน้ามามองเสี่ยวฉีด้วยสายตานิ่งลึก “ยังฟังคำพูดของข้าไม่แจ่มแจ้ง?”
เสี่ยวฉีเงียบงันจากนั้นพูดอย่างหัวแข็งว่า “ขอเหนียงเหนียงโปรดไตร่ตรองอีกครั้ง หากต้องทำเรื่องที่ท่านอ๋องไม่ยินยอม” ฟังแล้วดูเหมือนจงใจที่จะฉวยโอกาสนี้แทรกตัวเข้าไปใช้ประโยชน์จากตัวเซียวเยี่ยนอย่างไรอย่างนั้น
หลินชิงเวยด่าเสียงต่ำ “ยังไม่ไสหัวไปอีก”