ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 234 ชมละครคณะเทียนสุ่ยหยวน

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ซิน​หรู​พยักหน้า​แล้ว​วิ่ง​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ เพียง​ครู่เดียว​ก็​ให้​นางกำนัล​ส่งน้ำร้อน​สำหรับ​อาบ​เข้ามา​ หลังจาก​นางกำนัล​ออก​ไป​แล้ว​ หลิน​ชิงเวย​แช่กาย​อยู่​ใน​น้ำร้อน​ถามซิน​หรู​ว่า​ “วันนี้​ หลิ่ว​ผิน​และ​ซูผิน​ที่มา​ตำหนัก​ฉางเหยี่ยน​กลับ​ไป​แล้ว​หรือ​?”

ซิน​หรู​พยักหน้า​อีกครั้ง​ “พวก​นาง​เห็น​พี่สาว​ไป​เนิ่นนาน​ไม่กลับมา​จึงพา​กัน​กลับ​ไป​เจ้าค่ะ​” เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ซิน​หรู​พูด​อี​กว่า​ “พี่สาว​ ท่าน​กิน​มื้อ​เย็น​แล้ว​หรือไม่​เจ้าคะ​?”

“ยัง​ไม่กิน​”

“เช่นนั้น​ข้า​ไป​เตรียม​มื้อ​เย็น​ให้​พี่สาว​เจ้าค่ะ​”

หลิน​ชิงเวย​เรียก​นาง​เอาไว้​ “ไม่รีบ​” นาง​ขัดถู​เนื้อตัว​ไป​ทาง​หนึ่ง​พร้อมกับ​พูด​เบา​ๆ “ซิน​หรู​ ความรัก​ระหว่าง​ชาย​หญิง​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ของ​มนุษย์​ แม้เจ้าจะไม่เข้าใจ​ แต่​พี่สาว​ไม่มีความจำเป็น​ต้อง​ปิดบัง​เจ้า พี่สาว​ชมชอบ​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​”

ซิน​หรู​รู้สึก​มืดแปดด้าน​จริงๆ​ ทว่า​ขณะเดียวกัน​ดูเหมือน​กระจ่างแจ้ง​ถึงบางสิ่งบางอย่าง​ “ซิน​หรู​รู้​เจ้าค่ะ​ พี่สาว​ชมชอบ​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​เป็นอย่างมาก​มาตลอด​ ชมชอบ​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​และ​ชมชอบ​ฝ่าบาท​ด้วย​ แต่​แตก​ต่างกัน​อยู่​บ้าง​ พี่สาว​ชมชอบ​ฝ่าบาท​เหมือน​ชมชอบ​ซิน​หรู​ใช่หรือไม่​เจ้าคะ​?”

หลิน​ชิงเวย​หัวเราะ​เบา​ๆ “ซิน​หรู​เฉลียวฉลาด​จริงๆ​”

“เช่นนั้น​วันหน้า​พี่สาว​จะอยู่​กับ​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​หรือไม่​เจ้าคะ​?”

“รอ​วันหน้า​เมื่อ​พี่สาว​ไม่เป็น​หลิน​เจาอี๋​และ​เขา​ไม่เป็น​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ มีความเป็นไปได้​ว่า​ข้า​จะอยู่​ร่วมกับ​เขา​”

“เช่นนั้น​พี่สาว​จะแต่ง​ให้​เขา​ เป็น​เจ้าสาว​ของ​เขา​หรือไม่​เจ้าคะ​?”

หลิน​ชิงเวย​เลิกคิ้ว​ “ต้อง​ดู​วาสนา​และ​โชคชะตา​”

ไม่รู้​ด้วย​เหตุใด​เมื่อ​แรกเริ่ม​ที่​ซิน​หรู​เห็น​พี่สาว​ใกล้ชิด​กับ​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ นาง​ไม่แจ่มแจ้งอยู่​บ้าง​ และ​ไม่ชอบใจ​ แต่​พี่สาว​ไม่ได้​ปิดบัง​อะไร​ต่อ​นาง​ อีก​ทั้ง​ยัง​พูด​เรื่อง​เหล่านี้​กับ​นาง​ นาง​รู้สึก​ว่า​เมื่อ​ได้​เปิดอก​พูดคุย​กัน​เช่นนี้​แล้ว​ ไม่มีความรู้สึก​ไม่ยินดี​อะไร​หลง​เหลืออยู่​อีก​

พี่สาว​เป็น​คนดี​เหลือเกิน​ หาก​นาง​คิด​ว่า​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​เป็น​คนดี​เช่นกัน​ เช่นนั้น​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ต้อง​เป็น​คน​ดีมาก​แน่นอน​ หัวใจ​ดวง​น้อย​ๆ ของ​ซิน​หรู​ราวกับ​รับรู้​ได้​ว่า​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ผู้​เย็นชา​ใน​ยาม​ปกติ​ดูเหมือน​จะปฏิบัติ​ต่อ​พี่สาว​แตกต่าง​ออก​ไป​

สามารถ​มีใจปฏิพัทธ์​ต่อกัน​ทั้งสองฝ่าย​ย่อม​เป็นเรื่อง​ไม่เลว​

ซิน​หรู​ “ขอบคุณ​พี่สาว​ที่​บอก​เรื่อง​เหล่านี้​กับ​ข้า​ เข้า​อก​เข้าใจ​ใน​ความ​ไม่แจ่มแจ้งของ​ข้า​ เช่นนั้น​ทาง​ฝ่าบาท​จะทำ​อย่างไร​เจ้าคะ​?”

หลิน​ชิงเวย​พูด​อย่าง​สงบ​ “ต่อไป​ฝ่าบาท​จะมีสตรี​มากมาย​นับไม่ถ้วน​ใน​สามพระตำหนัก​หก​หมู่​เรือน​เจ็ด​สิบสอง​นางสนม​ นั่น​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ชมชอบ​หรือไม่​ชมชอบแล้ว​”

“อ้อ​” แม้ซิน​หรู​จะลอบ​ทอดถอนใจ​แทน​เซียว​จิ่น​อยู่​บ้าง​ แต่​นาง​สลัด​เรื่อง​นี้​ทิ้ง​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ “เช่นนั้น​พี่สาว​อาบน้ำ​ก่อน​นะ​เจ้าคะ​ ข้า​ไป​เตรียม​กับข้าว​ให้​พี่สาว​”

วันรุ่งขึ้น​หลิน​ชิงเวย​นอนหลับ​ไป​จน​ฟ้าสาง ระหว่าง​นั้น​ไม่มีใคร​มารบกวน​นาง​ให้​ตื่นขึ้น​ สำหรับ​ระยะเวลา​ที่ผ่านมา​นี้​ถือ​เป็นเรื่อง​มหัศจรรย์​อย่างยิ่ง​

เมื่อวาน​เป็น​วัน​ต้อนรับ​เทพเจ้า​ หลังจาก​ทุก​ตำหนัก​ทำความสะอาด​เรียบร้อย​สิ่งที่​ต้อนรับ​การ​มาถึงของ​ฤดูหนาว​ก็​คือ​หิมะ​ตก​ครั้งแรก​ หิมะ​ตก​ไม่หนัก​มาก​นัก​ เกล็ด​หิมะ​ร่วง​ตก​ลงมา​ตาม​สายลม​ ยัง​ไม่ทัน​ได้​ครอบคลุม​ให้​พื้น​กลายเป็น​ชั้น​สีขาว​ก็​หยุด​ตก​เสียแล้ว​

วันนี้​อากาศ​แจ่มใส ในที่สุด​แสงตะวัน​ก็​สามารถ​ส่อง​ผ่าน​ชั้น​ของ​เมฆออกมา​ได้​ แสงสีทอง​เป็น​สาย​ส่อง​ผ่าน​ชั้น​ของ​เมฆลงมา​ ส่งผล​ให้​ความชุ่มชื้น​ที่​เหลือ​จาก​เมื่อวาน​ค่อยๆ​ สลาย​ไป​

ซิน​หรู​ตื่น​แต่เช้า​กำลัง​อ่าน​ตำรา​อยู่​ใน​ลาน​เรือน​ อากาศ​เริ่ม​หนาว​แล้ว​ทำให้​ผู้คน​เบิกบาน​เล็กน้อย​ เมื่อ​เห็น​หลิน​ชิงเวย​เปิด​ประตู​ ซิน​หรู​หันมา​ยิ้ม​ตาหยี​ “พี่สาว​ตื่น​แล้ว​หรือ​เจ้าคะ​”

หลิน​ชิงเวย​รู้สึก​แปลกใจ​ยิ่ง​ นาง​บริหาร​แขนขา​ทั้ง​สี่ นวด​คลึง​คอ​ของ​ตนเอง​ แล้ว​หรี่ตา​มอง​ท้องฟ้า​ภายนอก​ “เช้านี้​เหล่า​นางสนม​ไม่ได้มา​ถวายพระพร​หรือ​?”

ซิน​หรู​พูด​อย่าง​ยินดี​ “ฝ่าบาท​มีพระราชกระแสรับสั่ง​ต่อไป​ให้​งดเว้น​การ​มาถวายพระพร​พี่สาว​เจ้าค่ะ​ นอกจาก​มีเรื่องสำคัญ​เร่งด่วน​ หาไม่​แล้ว​ห้าม​รบกวน​พี่สาว​ หลิ่ว​ผิน​และ​ซูผิน​ที่มา​เมื่อวาน​นี้​ล้วน​หา​ข้อยุติ​ด้วย​ตนเอง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

หลิน​ชิงเว​ยอด​ที่จะ​ตะลึงงัน​ไม่ได้​ เมื่อวาน​นาง​จำได้​ว่า​บ่น​เรื่อง​นี้​ต่อ​หน้าเซียว​จิ่น​เพียง​ไม่กี่​ประโยค​ คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะจด​จำได้​แล้ว​ถึงกับ​งดเว้น​ธรรมเนียม​ปฏิบัติ​อันเป็น​กิจวัตรประจำวัน​โดยส่วนใหญ่​ไป​

ดังนั้น​หลิน​ชิงเวย​จึงทุ่มเท​แรงกาย​แรงใจ​และ​เวลา​กับ​เรื่อง​คัดเลือก​นางสนม​ให้​กับ​เซียว​จิ่น​อย่าง​เต็มที่​ นาง​ต้อง​ปฏิบัติตาม​ขั้นตอน​การคัดเลือก​บุตรสาว​จาก​ครอบครัว​ขุนนาง​ใหญ่​ที่​ปฏิบัติตาม​ขนบธรรมเนียม​แต่​โบราณ​มา สุดท้าย​ต้อง​เลือก​สาวงาม​ที่​มีลักษณะ​โดดเด่น​และ​หน่วยก้าน​ดี​ออกมา​สามคน​จาก​สาวงาม​ที่​มีคุณสมบัติ​เพียบพร้อม​ เพื่อ​มอบให้​กับ​เซียว​จิ่น​ ทว่า​เซียว​จิ่น​ดูเหมือน​ไม่มีท่าที​กระตือรือร้น​แต่อย่างใด​ เพียงแต่​แต่งตั้ง​ตำแหน่ง​ตาม​ความเหมาะสม​แล้ว​ส่งตัว​กลับ​ไป​ยัง​ตำหนัก​ของ​ตน​

กระทั่ง​ใกล้​วัน​ปีใหม่​ภายใน​ตำหนัก​ใน​มีคน​ใหม่​เพิ่ม​เข้ามา​อี​กรุ่น​หนึ่ง​ หลิน​ชิงเวย​มักจะ​เห็น​บรรดา​นางสนม​แต่งกาย​ด้วย​อาภรณ์​หลากหลาย​สีสัน​เดิน​ไปมา​ภายใน​ตำหนัก​ใน​ และ​ได้​เพิ่มจำนวน​นางกำนัล​และ​ขันที​อีก​จำนวน​หนึ่ง​ ทำให้​ตำหนัก​ใน​ครึกครื้น​ขึ้น​อีก​สอง​ส่วน​

เซียว​จิ่น​ไม่เคย​เรียกตัว​สนม​มาปรนนิบัติ​ นางสนม​แต่ละ​ตำหนัก​เริ่ม​ต่อสู้​กัน​อย่าง​ลับ​ๆ ถึงขั้น​ที่​หลิน​ชิงเวย​เห็น​สตรี​สวม​อาภรณ์​ผ้า​โปร่ง​เนื้อ​บาง​สำหรับ​ฤดู​ร้อนใน​ฤดูหนาว​เช่นนี้​ ส่งผล​ให้​ฤดูหนาว​อัน​หนาวเหน็บ​ดู​แล้ว​มีสีสัน​เพิ่มขึ้น​มาไม่น้อย​ หลิน​ชิงเวย​เห็น​แล้ว​อดที่จะ​ลูบ​แขน​ของ​ตนเอง​ไม่ได้​ พวก​นาง​ไม่รู้สึก​หนาว​เลย​หรือ​ไร​?

ตำหนัก​ใน​รัช​สมัยนี้​ดู​จาก​ภายนอก​แล้ว​ดูเหมือน​ปรองดอง​และ​สงบสุข​อย่างยิ่ง​ ราวกับ​ทั้ง​นอก​วัง​และ​ใน​วัง​ล้วน​กำลัง​เตรียมงาน​ต้อนรับ​ปีใหม่​ แม้อากาศ​จะหนาวเหน็บ​ทั้งวัน​ ทว่า​ตลาดนัด​ใน​ยาม​กลางวัน​ยังคง​คึกคัก​เป็นปกติ​ ด้วย​ผู้คน​ล้วน​ต้อง​ออกมา​ตลาด​เพื่อ​จับจ่าย​ซื้อ​ของใช้​สำหรับ​เทศกาล​วัน​ปีใหม่​

บางครั้ง​เซียว​จิ่น​เห็น​สิ่งของ​แปลกหูแปลกตา​มาใหม่​ที่​ถูก​ส่งเข้ามา​ใน​วัง​ ทำให้เกิด​ความคิด​บางอย่าง​

วันนี้​เซียว​จิ่น​เรียกตัว​หลิน​ชิงเวย​เข้าเฝ้า​ที่​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​

หลิน​ชิงเวย​มาถึงตำหนัก​ซวี่​หยาง​ เหล่า​นางกำนัล​ผู้​ปรนนิบัติ​อยู่​ใน​ตำหนัก​บรรทม​พา​กัน​ออก​ไป​ด้านนอก​ นาง​เดิน​ขึ้น​บันได​เข้า​ประตู​ไป​ก็​เห็น​เซียว​จิ่น​ยืน​อยู่​ข้าง​หน้าต่าง​ใน​ตำหนัก​บรรทม​ เขา​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​มองออก​ไปนอก​หน้าต่าง​

เขา​หัน​กลับมา​คลี่​ยิ้ม​บาง​ๆ ให้​กับ​หลิน​ชิงเวย​ด้วย​ใบหน้า​คมสัน​ สง่างามไม่สามัญ

เพียงแต่​วันนี้​เซียว​จิ่น​มิได้​สวม​อาภรณ์​ชุด​คลุม​มังกร​เฉกเช่น​ยาม​ปกติ​ วันนี้​เขา​สวม​อาภรณ์​ชุด​คลุม​สีเงินยวง​ชุด​หนึ่ง​ ตาม​ชาย​แขน​เสื้อ​ปัก​ลวดลาย​วิจิตรบรรจง​ มีหยก​สีเขียว​ชิ้น​หนึ่ง​ประดับ​อยู่​ข้าง​เอว​ เส้น​ผม​ดำขลับ​ถูก​รัด​ตรึง​ไว้​ด้วย​เกี้ยว​หยก​สีขาว​ ดู​แล้ว​เป็น​หนุ่มน้อย​รูปงาม​ดึงดูดสายตา​ยิ่งนัก​

ทว่า​หลิน​ชิงเวย​มักจะ​รู้สึก​เสมอ​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่ง่ายดาย​เช่นนี้​ เกิด​อะไร​ขึ้น​เซียว​จิ่น​จึงแต่งกาย​เช่นนี้​? ใน​วังหลวง​แห่ง​นี้​ยังมี​ผู้ใด​กล้า​เทียบ​รัศมี​กับ​เขา​หรือ​? อากาศ​หนาวเย็น​เช่นนี้​ใน​มือ​เขา​กลับ​ถือ​พัด​เล่ม​หนึ่ง​

เซียว​จิ่น​เอ่ยปาก​ขึ้น​ก่อน​ “ชิงเวย​ เจิ้น​แต่งกาย​เช่นนี้​ พอใช้ได้​หรือไม่​?”

หลิน​ชิงเวย​พยักหน้า​ “ดี​ยิ่ง​เพคะ​ ฝ่าบาท​สวม​ฉลองพระองค์​มังกร​จน​เบื่อ​แล้ว​หรือ​เพคะ​?”

แววตา​ของ​เซียว​จิ่น​เบิกบาน​ปาน​บุปผา​ใน​วสันตฤดู​ “วันนี้​เจิ้น​จะออก​นอก​วัง​ ชิงเวย​ เจ้าไป​เดิน​เป็นเพื่อน​เจิ้น​นอก​วัง​สักหน่อย​เถิด​”

“…อะไร​นะ​?” หลิน​ชิงเวย​คิด​ว่า​นาง​ต้อง​ฟังผิด​แน่ๆ​

เซียว​จิ่น​กล่าว​กลั้ว​หัวเราะ​ “เจิ้น​ได้ยิน​มาว่า​วันนี้​ คณะ​ละคร​เทียน​สุ่ย​หยวน​ลี่​หยวน​จะเปิด​แสดงละคร​เรื่อง​ใหม่​ใน​เมือง​ เป็น​โอกาส​ที่​หา​ได้​ยาก​ยิ่งนัก​ เจิ้น​ดูเหมือน​ยัง​ไม่ได้​ออก​ไป​เดิน​ๆ นอก​วัง​ อย่างไร​วันนี้​เจิ้น​มีเวลาว่าง​จึงอยาก​ให้​เจ้าไป​เดิน​เป็นเพื่อน​เจิ้น”​

ดู​แล้ว​นาง​ไม่ได้​ฟังผิด​ แต่​เป็น​เพราะ​สมอง​ของ​เซียว​จิ่น​ชักกระตุก​มากกว่า​

หลิน​ชิงเวย​ “วันนี้​เสด็จ​อา​ไม่อยู่​เป็นแน่​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​ไม่ประหลาดใจ​แม้แต่น้อย​ “เจ้ารู้​ได้​อย่างไร​?”

หลิน​ชิงเวย​ใช้หาง​ตา​มอง​เขา​ “หาก​เสด็จ​อา​อยู่​จะยอมให้​ฝ่าบาท​ทำตัว​เหลวไหล​ได้​อย่างไร​เพคะ​?” ไม่ใช่นาง​ขี้ขลาด​ตาขาว​ ต่อให้​นาง​กล้าหาญ​กว่า​นี้​ก็​ไม่อาจ​พา​เซียว​จิ่น​ออกจาก​วังหลวง​ได้​ ไม่ต้อง​พูด​ถึงว่า​ตนเอง​ไม่คุ้นเคย​กับ​สิ่งแวดล้อม​นอก​วังหลวง​ ครั้งก่อน​เดินเที่ยว​ตลาด​กับ​เซียว​เยี่ยน​จึงถูก​ลอบสังหาร​ ครั้งนี้​หาก​พบ​กับ​มือสังหาร​อีก​นาง​และ​เซียว​จิ่น​ล้วน​ไม่มีวรยุทธ์​ ถึงเวลา​นั้น​คง​ได้​แต่​ขึ้น​สวรรค์​ไป​สวดมนต์​ภาวนา​ให้​กับ​พระ​ยูไล​แล้ว​!

นาง​ไม่ทำ​หรอก​!

หลิน​ชิงเวย​พูด​อี​กว่า​ “วันนี้​มีงาน​มากมาย​ที่​ฝ่าบาท​ยัง​ไม่ได้​ทำ​หรือไม่​เพคะ​ อย่างเช่น​ยัง​อนุมัติ​ฎีกา​ไม่หมด​? เรื่อง​เร่งด่วน​ที่​เหล่า​ขุนนาง​ใหญ่​รอ​ฎีกา​อนุมัติ​จาก​ฝ่าบาท​?”

เซียว​จิ่น​อมยิ้ม​ “ฎีกา​ที่​ส่งขึ้น​มาใน​เช้าวันนี้​น้อยกว่า​ปกติ​ อีกไม่นาน​จะเป็น​วันหยุด​ของ​ขุนนาง​ทั้ง​ฝ่ายบุ๋น​และ​ฝ่ายบู๊​ ไม่มีเรื่อง​อะไร​ให้​ทำ​มากมาย​นัก​แล้ว​ ราชสำนัก​ว่างเว้น​ที่สุด​ก็​เป็นช่วง​เวลานี้​ของ​ทุกปี​ เจิ้น​เอง​ก็​ไม่ยกเว้น​”

หลิน​ชิงเวย​เงียบขรึม​แล้ว​เสนอ​ความเห็น​ “หรือไม่​ฝ่าบาท​จะไป​เดิน​ๆ ใน​ตำหนัก​ใน​สักหน่อย​ บรรดา​นางสนม​ชุด​ใหม่​ที่​เพิ่ง​เข้ามา​ฝ่าบาท​ยัง​ไม่ได้​เรียกตัว​เข้าเฝ้า​เลย​นะ​เพคะ​”

ดวงตา​ของ​เซียว​จิ่น​โค้ง​ลง​ “ชิงเวย​ เจ้าคง​ไม่ได้​กลัว​เสด็จ​อา​กระมัง​?”

หลิน​ชิงเวย​ “หาก​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้นกับ​ฝ่าบาท​ เสด็จ​อา​คง​ต้อง​ถลก​หนัง​หม่อมฉัน​กระมัง​”

“ไม่เป็นไร​ มีเจิ้น​อยู่​ เขา​ไม่ถลก​หนัง​เจ้าหรอก​” เซียว​จิ่น​มอง​การ​แต่งกาย​ของ​หลิน​ชิงเวย​แล้ว​รอยยิ้ม​กด​ลึก​ยิ่งขึ้น​ “ดู​การ​แต่งกาย​สีเรียบง่าย​ใน​ยาม​ปกติ​ของ​เจ้าแล้ว​ จะอยู่​นอก​วัง​หรือ​ใน​วัง​ล้วน​ไม่แตกต่าง​” เขา​สาวเท้า​เดิน​เข้ามา​หลิน​ชิงเวย​ “ไป​เถิด​ รถม้า​รอ​อยู่​ด้านนอก​แล้ว​”

“นี่​ไม่ใช่เรื่องเล็ก​ๆ เพคะ​ ฝ่าบาท​ไม่บอก​กับ​เสด็จ​อา​สักหน่อย​หรือ​เพคะ​? ถ้าหา​ก.​..”

“ไม่ต้อง​” เซียว​จิ่น​เดิน​ออก​นอก​ประตู​ไป​อาภรณ์​สีขาว​ปลิว​พลิ้ว​ “ใน​เมื่อ​เจิ้น​ต้องการ​ออกจาก​วัง​ ย่อม​ต้อง​เตรียมการ​เรื่อง​ความปลอดภัย​ไว้​แล้ว​ ชิงเวย​เจ้าวางใจ​เถิด​ ลำพัง​แค่​พา​เจ้าออก​ไป​ด้วย​เจิ้น​ย่อม​ไม่มีทาง​ยอมให้​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้นกับ​เจ้า”

เซียว​จิ่น​พูด​อย่าง​ผู้​เตรียมการ​รอบคอบ​ หลิน​ชิงเวย​มุมปาก​กระตุก​คิดในใจ​ว่า​เซียว​จิ่น​ผู้​นี้​มิได้​เป็นผู้ใหญ่​ก่อน​วัย​เท่านั้น​ ไม่ว่า​จะเป็น​การกระทำ​หรือ​น้ำเสียง​ใน​การ​พูดจา​ ล้วน​ไม่เหมือน​ผู้​ที่​อ่อนวัย​กว่า​นาง​ถึงสามปี​ แต่​เป็น​ผู้มีอายุ​มากกว่า​นาง​สามปี​

เซียว​จิ่น​เห็น​หลิน​ชิงเวย​ยัง​ยืน​อยู่กับที่​จึงหัน​กลับมา​มอง​ พูด​กับ​หลิน​ชิงเวย​ด้วย​รอยยิ้ม​อ่อนโยน​ “ชิงเวย​ เจ้าเชื่อ​เจิ้น​สักครั้ง​จะเป็นไรไป​?”

ไม่ใช่นาง​ไม่เชื่อ​…ช่างเถอะ​ นาง​กลัว​ว่า​จะเกิดเรื่อง​แล้​วจะ​หา​ความยุ่งยาก​ให้​กับ​ตนเอง​ หาก​เซียว​เยี่ยน​อยู่​ เขา​จะทำ​อย่างไร​นะ​?

หลิน​ชิงเวย​พูด​เนิบๆ​ “ครั้งก่อน​ เรื่อง​ประหาร​เก้า​ชั่วโคตร​สกุล​กู้​ เสด็จ​อา​พูด​กับ​หม่อมฉัน​อย่างไร​ ขอ​ฝ่าบาท​จด​จำไว้​ให้​ชัดเจน​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​มีสีหน้า​เรียบ​เฉย​ “เจิ้น​ไม่มีทาง​ยอมให้​เรื่อง​เช่นนั้น​เกิดขึ้น​อีก​ เจิ้น​มีกำลัง​ปกป้อง​เจ้า” ต่อมา​เขา​เดิน​ไป​ด้วย​พูด​ไป​ด้วย​ “ฮ่องเต้​ที่​อาศัย​อยู่​แต่​ใน​วังหลวง​ไม่เคย​ออก​ไป​ข้างนอก​ ไม่อาจ​ได้ยิน​ ได้​ฟังและ​สัมผัส​กับ​ไพร่ฟ้า​ของ​ตน​ด้วยตัวเอง​ ใบไม้​เพียง​ใบ​เดียว​ปิด​ดวงตา​ทำให้​มองไม่เห็น​ภูเขา​ไท่​ซาน​จะเป็น​ฮ่องเต้​ที่​ดี​ได้​อย่างไร​? เจิ้น​ไม่ใช่เด็กเล็ก​ๆ อีกแล้ว​ ช้าเร็ว​ย่อม​ต้อง​ออก​ไป​เดิน​ดู​ข้างนอก​”

เขา​พูด​ถึงขั้น​นี้​แล้ว​ ดูท่า​ตัดสินใจ​แน่วแน่​ อีก​ทั้ง​ไม่ต้องการ​ให้​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ขัดขวาง​เขา​

แต่​ทำ​แบบนี้​…ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ดึง​นาง​เข้ามา​เกี่ยวข้อง​นี่​นา​

หลิน​ชิงเวย​เงียบขรึม​ นาง​คิด​จะปรึกษา​กับ​เขา​สักหน่อย​ “ฝ่าบาท​ หม่อมฉัน​ไม่ไป​ได้​หรือไม่​เพคะ​?”

เซียว​จิ่น​ก้มหน้า​ลง​มอง​นาง​แล้ว​พูด​ยิ้ม​ๆ “ไม่ได้​ หาไม่​แล้ว​เจิ้นคง​เงียบเหงา​ตลอดทาง​”

หลิน​ชิงเวย​ทอดถอนใจ​ เดิน​เข้าไป​หาเขา​และ​มอง​เข้าไป​ใน​ดวงตา​เซียว​จิ่น​ “ฝ่าบาท​กำลัง​ทรง​เลียนแบบ​หนุ่มน้อย​ใช่หรือไม่​เพคะ​? หนุ่มน้อย​เหล่านั้น​เมื่อ​ถึงฤดู​เหมันต์​จะไม่ถือ​พัด​ติดตัว​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​มอง​พัด​ใน​มือ​ของ​ตน​ แล้ว​โยน​พัด​ให้​กับ​ขัน​ทีหน้า​ประตู​ เขา​พูด​อย่าง​ยินดี​ “ชิงเวย​ นี่​คือ​เจ้าตอบ​ตกลง​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

หลิน​ชิงเวย​ทาง​หนึ่ง​เดิน​ไป​พร้อมกับ​เขา​อีก​ทาง​หนึ่ง​พูดว่า​ “ที่จริง​ละคร​ของ​คณะ​เทียน​สุ่ย​หยวน​ก็​ไม่ได้​น่าดู​นัก​เพคะ​”

“ใช่หรือ​” เซียว​จิ่น​กล่าว​ “แต่​ได้ยิน​ว่า​คณะ​ละคร​เทียน​สุ่ย​หยวน​มีชื่อเสียง​ที่สุด​ ตกลง​ว่า​น่าดู​หรือไม่​น่าดู​ เจิ้น​ดู​แล้วจึง​จะรู้​กระมัง​”

เมื่อ​เดิน​มาถึงประตู​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​ มีรถม้า​รอ​อยู่​ที่นั่น​จริงๆ​ เหตุใด​ก่อนหน้านี้​เมื่อ​หลิน​ชิงเวย​เดิน​เข้าไป​จึงมองไม่เห็น​

มีคนขับ​รถม้า​สี่คน​สวม​อาภรณ์​ใน​ชุด​รัดกุม​สีดำ​ยืน​อยู่​ข้าง​รถม้า​ เมื่อ​เห็น​เซียว​จิ่น​ออกมา​พวกเขา​คุกเข่า​ข้างเดียว​ลง​บน​พื้น​ ถวาย​คำนับ​โดย​ไร้​สุ้มเสียง​

หลิน​ชิงเวย​ดูออก​ได้​ไม่ยา​กว่า​สี่คน​นี้​ล้วน​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ์​ ทว่า​ยังคง​ห้าม​ให้​หลิน​ชิงเวย​เป็นกังวล​ไม่ได้​

เซียว​จิ่น​อ่าน​ความในใจ​ของ​นาง​ออก​ ขณะที่​คนขับ​รถม้า​ประคอง​เขา​และ​หลิน​ชิงเวย​ขึ้น​รถม้า​เขา​จึงเอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “คนขับ​รถม้า​ทั้ง​สี่คน​นี้​ล้วน​เป็นยอด​ฝีมือ​อันดับ​หนึ่ง​ที่​คัดเลือก​จาก​องครักษ์​จิ่นเวย​ของ​วังหลวง​ทั้งสิ้น​”

ต่อมา​รถม้า​หัน​หัว​กลับ​มุ่งหน้า​ออกจาก​วังหลวง​ ภายใน​รถม้า​กว้างขวาง​อย่างยิ่ง​ หลิน​ชิงเวย​และ​เซียว​จิ่น​จะนั่ง​หรือ​จะนอน​ล้วน​ไม่เป็นปัญหา​

ตรงกลาง​มีโต๊ะ​ตัว​หนึ่ง​ มีของว่าง​หลายอย่าง​วาง​เอาไว้​ บน​ตั่ง​มีผ้าห่ม​หนา​ๆ วาง​อยู่​ผืน​หนึ่ง​ หลิน​ชิงเวย​เอนกาย​พิง​กับ​ผนัง​รถม้า​ที่​บุ​นวม​นุ่มนิ่ม​เอาไว้​ห่ม​ผ้าห่ม​รถม้า​โยก​ไหว​เบา​ๆ ให้​ความรู้สึก​สบาย​ตัว​จน​เกือบจะ​หลับ​ไป​

ราวกับ​เมื่อ​นาง​หลับตา​ลง​ไม่ใช่นาง​ไม่รู้สึกตัว​ว่า​มีสายตา​คู่​หนึ่ง​จับจ้อง​ร่าง​ของ​ตน​มาจาก​ฝั่งตรงข้าม​ แต่​ใน​เมื่อ​นั่ง​อยู่​ใน​รถม้า​คัน​เดียวกัน​วิธีการ​ที่​ดี​ที่สุด​เพื่อ​ไม่ให้​เซียว​จิ่น​คิด​เหลวไหล​ก็​คือ​ไม่มอง​ไม่พูด​

นาง​ไม่จำเป็นต้อง​มีสติ​ตลอดเวลา​ที่อยู่​ต่อ​หน้าเซียว​จิ่น​ ทำตัว​โง่เขลา​บ้าง​เป็น​บางครั้ง​ ทำตัว​ตลกขบขัน​บ้าง​ เช่นนี้​จึงไม่กระอักกระอ่วน​ใจมาก​นัก​

เมื่อ​เซียว​จิ่น​เห็น​หลิน​ชิงเวย​หลับตา​เข้าสู่​ห้วง​นิทรา​ เขา​มีคำพูด​ที่​อยาก​จะพูด​แต่​ไม่อาจ​เอ่ยปาก​ออกมา​ได้​ เขา​มอง​ใบหน้า​งดงาม​ของ​หลิน​ชิงเวย​นิ่ง​ลึก​ ราวกับ​มอง​อย่างไร​ก็​มอง​ไม่พอ​ ทว่า​สุดท้าย​เมื่อ​นั่ง​อยู่​บน​รถม้า​ที่​โยก​ไหว​ไปมา​ ให้​ความรู้สึก​สบาย​เนื้อ​สบาย​ตัว​จึงหลับตา​ลง​ค่อยๆ​ หลับใหล​

ต่อมา​เมื่อ​ถึงตลาดนัด​ริมถนน​ เซียว​จิ่น​หันเห​ความสนใจ​ ค่อยๆ​ เลิก​ผ้าม่าน​หน้าต่าง​มอง​ไป​ข้างนอก​ด้วย​ความ​อยากรู้อยากเห็น​

บน​ถนน​มีรถม้า​ ผู้คน​สัญจร​ไปมา​อย่าง​คึกคัก​ บรรยากาศ​ความ​สงบสุข​อบอวล​ไป​ทั่ว​ ทำให้​เซียว​จิ่น​รู้สึก​ภาคภูมิใจ​และ​พึงพอใจ​

ใน​เมื่อ​สถานที่​แห่ง​นี้​คือ​ใต้​พระ​บาท​โอรส​สวรรค์​ หาก​ไม่มีบารมี​ของ​โอรส​สวรรค์​ ประชาราษฎร์​จะอยู่​อย่าง​เป็นสุข​ได้​อย่างไร​

รถม้า​หยุด​ลง​ห่าง​จาก​โรงละคร​คณะ​เทียน​สุ่ย​หยวน​ราวๆ​ ครึ่ง​สาย​ถนน​ ด้วย​ถนน​สาย​นี้​มีรถม้า​มากมาย​แน่น​แออัด​ ทุกคน​ล้วน​มุ่งหน้า​มาชมละคร​เหมือน​เซียว​จิ่น​จึงไม่อาจ​นั่ง​รถม้า​เข้าไป​ได้​

ด้วย​ความ​จนใจ​บ่าว​รับใช้​ของ​คณะ​เทียน​สุ่ย​หยวน​จึงออกมา​บอก​ความ​ให้​รถม้า​ของ​แต่ละ​สกุล​หยุด​รอ​อยู่​ข้างทาง​ แล้ว​ให้​เดินเท้า​เข้าไป​ใน​คณะ​ลี่​หยวน​

การจราจร​ทั้งหมด​ติดขัด​ ล้วน​เป็น​เพราะ​ทุกคน​กิน​อิ่ม​แล้ว​ไม่มีอะไร​ทำ​นี่​นา​

เซียว​จิ่น​มีความสุข​ด้วย​ได้รับ​อิสระ​ เขา​กระโดด​ลง​จาก​รถม้า​ระยะทาง​เพียง​ไม่กี่​ก้าว​เขา​เดิน​เข้าไป​ก็​ไม่เป็นไร​ เมื่อ​ลงมา​เป็น​เป้าหมาย​สายตา​ผู้คน​ล้วน​เป็น​ครอบครัว​ชนชั้นสูง​ที่​มีบ่าว​รับใช้​ชาย​และ​สาวใช้​ติด​ตามมา​ด้วย​ เซียว​จิ่น​อยู่​ท่ามกลาง​ฝูงคน​เช่นนี้​จึงไม่เป็นที่​สะดุดตา​ผู้คน​

เขา​กลัว​ว่า​จะพลัด​หลง​กับ​หลิน​ชิงเวย​จึงเดิน​จูงมือ​หลิน​ชิงเวย​เข้าไป​ใน​คณะ​ละคร​เทียน​สุ่ย​หยวน​ลี่​หยวน​

ลูกค้า​ที่​เข้ามา​ชมละครใน​วันนี้​มีจำนวนมาก​จริงๆ​ โรงละคร​แบ่ง​เป็น​สอง​ชั้นบน​และ​ล่าง​ โถงใหญ่​ชั้นล่าง​แออัด​ไป​ด้วย​ผู้คน​ ส่วน​ชั้นบน​นั้น​ที่นั่ง​ราคาแพง​กว่า​ชั้นล่าง​ถึงหนึ่ง​เท่าตัว​ ลูกค้า​ที่นั่ง​ล้วน​แบ่ง​เป็น​โต๊ะ​ส่วนตัว​

ใน​เมื่อ​เซียว​จิ่น​เตรียมการ​มาเป็น​อย่าง​ดี​ ย่อม​ต้อง​ซื้อ​ตัว​มาแล้ว​สอง​ใบ​ เขา​และ​หลิน​ชิงเวย​นั่ง​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ตรงกลาง​เวที​ละคร​ของ​ชั้นสอง​ นี่​เป็น​ที่นั่ง​ของ​แขก​ชั้นสูง​ สามารถ​ชมละคร​บน​เวที​ได้​อย่าง​ชัดเจน​

เมื่อ​ละคร​เริ่ม​เปิดฉาก​ สาวใช้​เดิน​เข้ามา​ริน​น้ำชา​ให้​ทันที​

ด้านนอก​ผ้าม่าน​ คนขับ​รถม้า​สี่คน​ยืน​อยู่​ที่นั่น​ไม่ไหวติง​ราวกับ​ท่อนไม้​ ไม่เพียงเท่านี้​ หลังจาก​หลิน​ชิงเวย​นั่งลง​แล้ว​มักจะ​รู้สึก​ว่า​มีสายตา​มาจาก​ทิศทาง​ใด​ทิศทาง​หนึ่ง​จับจ้อง​โต๊ะ​ที่​นาง​และ​เซียว​จิ่น​นั่ง​อยู่​

เซียว​จิ่น​เห็น​ท่าที​ระมัดระวัง​ของ​หลิน​ชิงเวย​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ชิงเวย​ เจ้าไม่ต้อง​ตื่นเต้น​ วันนี้​พวกเรา​ออกมา​ชมละคร​ก็​ชมละคร​ให้​สนุก​เถิด​”

หลิน​ชิงเวย​ได้ยิน​เช่นนั้น​จึงเอียง​หน้า​มามอง​ท่าที​ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ​ของ​เซียว​จิ่น​ ปลายนิ้ว​ขาว​ประดุจ​หยก​นั้น​ลูบ​ไป​ตาม​ขอบ​ถ้วย​น้ำชา​แล้ว​ยกขึ้น​ชิด​ริมฝีปาก​จิบ​น้ำชา​คำ​เล็ก​ๆ คำ​หนึ่ง​ ปาก​แดง​ฟัน​ขาว​น่าดู​ยิ่งนัก​

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท