ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง – บทที่ 239 ความรู้พื่้นฐานระหว่างชายหญิง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

นี่​ไม่ใช่เรื่อง​น่า​เอ่ยถึง​อัน​ใด​และ​ไม่อาจ​แพร่งพราย​ออก​ไป​ได้​ ใน​เมื่อ​บรรดา​นางสนม​ใน​ตำหนัก​ใน​ล้วน​ตั้งตารอ​คอย​อยู่​ เซียว​จิ่น​จะสามารถ​สืบทอด​ทายาท​ได้​ในวันหน้า​ ดังนั้น​นี่​ถือเป็น​เรื่องสำคัญ​ของ​ตำหนัก​ใน​ ไม่อาจ​ไม่ให้​หลิน​ชิงเวย​มาตรวจดู​ชีพจร​ใน​ยาม​กลางดึก​

แล้ว​ยัง​ได้ยิน​ขันที​วัยชรา​ของ​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​เอ่ย​กล่าวอ้าง​ถึงอดีต​ฮ่องเต้​ใน​กาล​ก่อน​ว่า​แต่ง​สนม​เข้ามา​ ร่วม​หอ​ และ​ให้กำเนิด​ทายาท​เพื่อ​สืบทอด​วงศ์ตระกูล​อย่างไร​ ฮ่องเต้​องค์​ใด​มีสนม​ใน​ตำหนัก​มาก​น้อย​แค่​ไหน​และ​สงบสุข​เพียงใด​ อย่างไร​แตกต่าง​จาก​ยาม​นี้​ที่​ไม่มีทายาท​แม้แต่​คนเดียว​

เมื่อ​หลิน​ชิงเวย​ได้ยิน​แล้ว​ถึงกับ​มุมปาก​กระตุก​ หัวเราะ​ไม่ได้​ ร้องไห้​ไม่ออก​

เด็ก​ใน​ยาม​นี้​ต่อให้​เป็นผู้ใหญ่​เร็ว​อย่างไร​ เซียว​จิ่น​อายุ​เพียง​สิบ​สี่ปี​เท่านั้น​ ยัง​คาดหวัง​ให้​เขา​สืบทอด​ทายาท​? อีก​ทั้ง​ด้วย​เหตุใด​เมื่อ​เซียว​จิ่น​ได้รับ​ตำรา​วัง​วสันต์​ที่​กรมวัง​ส่งไป​แล้ว​เกิด​ความรู้สึก​รังเกียจ​ขยะแขยง​และ​มีปฏิกิริยา​ต่อต้าน​ นั่น​เป็น​เพราะ​เขา​ยัง​ไม่มีความรู้​พื้นฐาน​อัน​ใด​เลย​

ก่อนที่​กระบี่​เยี่ยม​ยุทธ์​จะออกจาก​ฝัก​ ยังคง​ต้อง​ผ่าน​การ​ลับ​ให้​คม​เสีย​ก่อน​กระมัง​

ดังนั้น​หลิน​ชิงเวย​จึงสะพาย​ล่วมยา​ตาม​ขันที​ของ​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​กลางดึก​ ให้​เซียว​จิ่น​เรียนรู้​แต่​เนิ่นๆ​ เมื่อ​เขา​ต้อง​ร่วม​หอ​กับ​นางสนม​ใน​ตำหนัก​ใน​ ย่อม​ทำให้​เขา​สามารถ​คัดเลือก​ผู้​ที่​เหมาะสม​มารับผิดชอบ​ตำแหน่ง​ประมุข​ของ​ตำหนัก​ใน​เร็ว​ขึ้น​ เช่นนี้​แล้ว​หลิน​ชิงเวย​จะได้​ทำ​ภารกิจ​ที่​ได้​ทำ​ความตกลง​กับ​เซียว​จิ่น​ให้​เรียบร้อย​

ความ​รู้ทาง​ด้าน​นี้​นับว่า​หลิน​ชิงเวย​ค่อนข้าง​แตกฉาน​พอสมควร​

หิมะ​ตกหนัก​ ทันทีที่​มาถึงตำหนัก​ซวี่​หยาง​ร่าง​ของ​หลิน​ชิงเวย​เต็มไปด้วย​ไอ​เย็น​ เซียว​จิ่น​ได้ยิน​ว่า​นาง​มาแล้วจึง​รีบ​ให้​นาง​เข้าไป​ใน​ตำหนัก​บรรทม​

ภายใน​ตำหนัก​ซวี่​หยาง​มีเตา​อุ่น​ไร้​ควัน​อยู่​ทุก​มุม แสงสว่าง​จาก​โคมไฟ​ผ้า​โปร่ง​ทำให้​บรรยากาศ​อบอุ่น​อ่อนโยน​เป็นพิเศษ​ เซียว​จิ่น​เบิกตา​มอง​หลิน​ชิงเวย​ ผิวพรรณ​ของ​นาง​ถูก​ความ​หนาวเย็น​ทำให้​กลายเป็น​สีขาว​ประดุจ​หิมะ​ ริมฝีปาก​แดง​ประดุจ​ผล​ท้อ​ บน​ร่าง​ของ​นาง​สวม​ชุด​กระโปรง​สีเขียว​อ่อน​และ​คลุม​กัน​ลม​หนัง​จิ้งจอก​หนึ่ง​ตัว​ราวกับ​ฝ่าลมหนาว​เข้ามา​

ภายใน​ตำหนัก​บรรทม​อบอุ่น​เสมือน​วสันตฤดู​ เซียว​จิ่น​สวม​เพียง​เสื้อแขนยาว​บาง​ๆ ตัว​เดียว​ ทว่า​กลับ​ไม่รู้สึก​หนาวเหน็บ​ เขา​เห็น​ท่าทาง​ของ​หลิน​ชิงเวย​จึงอด​ปวดใจ​ไม่ได้​ เขา​ยื่น​มือขึ้น​ปัด​หิมะ​บน​เส้น​ผม​ของ​นาง​ ทว่า​กลับ​ถูก​หลิน​ชิงเวย​หลบเลี่ยง​ เขา​ไม่คิดมาก​อัน​ใด​เพียงแต่​ดึง​ล่วมยา​มาจาก​หลิน​ชิงเวย​แล้ว​วาง​ลง​บน​โต๊ะ​ พูด​ด้วย​น้ำเสียง​อบอุ่น​ว่า​ “อากาศ​หนาว​เช่นนี้​ ไฉน​เจ้าจึงไม่พักผ่อน​อยู่​ใน​ตำหนัก​เล่า​?”

แต่​นาง​มาเยือน​ในเวลานี้​เซียว​จิ่น​ยังคง​รู้สึก​เบิกบานใจ​อย่างยิ่ง​

หลิน​ชิงเวย​ “ได้ยิน​ว่า​ฝ่าบาท​ทรง​ประชวร​ หม่อมฉัน​จึงมาดู​สักหน่อย​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​นึก​อะไร​ขึ้น​ได้​ จึงพูด​ขึ้น​ด้วย​ท่าที​รังเกียจ​ “เจิ้น​ไม่ได้​ป่วย​ เจิ้น​ดู​แล้ว​คน​ที่​ป่วย​คือ​พวกเขา​!” เขา​หันมา​มอง​หลิน​ชิงเวย​อีกครั้ง​ สายตา​นั้น​พลัน​แปร​เปลี่ยนเป็น​อ่อนโยน​ “เจ้ารีบ​ปลด​เสื้อคลุม​กัน​ลม​เถิด​ สะบัด​หิมะ​ข้างบน​ออก​ไป​”

หลิน​ชิงเวย​ปลด​เสื้อคลุม​กัน​ลม​ออก​ สะบัด​สอง​ครั้ง​ แล้ว​นำ​ไป​วาง​ไว้​บน​ฉาก​กัน​ลม​ข้างๆ​ เตา​อุ่น​เพื่อ​ผึ่ง​ให้​อบอุ่น​ ชุด​กระโปรง​บน​ร่าง​ของ​นาง​ไม่นับว่า​เนื้อ​บาง​เท่ากับ​อาภรณ์​ใน​ฤดูร้อน​ แต่​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ปิดบัง​เรือนร่าง​อรชรอ้อนแอ้น​ของ​นาง​เอาไว้​ได้​

เซียว​จิ่น​ไม่รู้​ว่าด้วย​เหตุใด​เมื่อ​เขา​เห็น​เรือนร่าง​แบบบาง​ของ​หลิน​ชิงเวย​แล้ว​พลัน​กระหวัด​ถึงภาพ​ใน​ตำรา​วัง​วสันต์​ที่​เขา​มองผ่าน​ตา​และ​ติด​อยู่​ใน​สมอง​ของ​เขา​ ทำให้​เขา​หน้าแดง​และ​จิตใจ​ร้อนรุ่ม​ขึ้น​มาจึงรีบ​หันหลัง​ให้​ เดิน​ไป​นั่ง​บน​ตั่ง​ดื่ม​น้ำชา​ไป​สอง​คำ​

หลิน​ชิงเวย​เดิน​เข้ามา​ ร่าง​ของ​นาง​มีกลิ่นหอม​จางๆ คล้าย​มีคล้าย​ไม่มี นาง​นั่งลง​โดย​มีโต๊ะ​น้ำชา​คั่น​กลาง​ระหว่าง​นาง​และ​เซียว​จิ่น​แล้ว​หยิบ​หมอน​รอง​แขน​ออกมา​ “เชิญฝ่าบาท​ยื่น​พระ​หัตถ์​ออกมา​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​กลับ​ไม่ยอม​ยื่นมือ​ออกมา​ท่าเดียว​ เขา​ได้​แต่​มอง​หลิน​ชิงเวย​ด้วย​สายตา​รุ่มร้อน​ “ชิงเวย​ กระทั่ง​เจ้าก็​ยัง​คิด​ว่า​เจิ้น…​คิด​ว่า​เจิ้น​ป่วย​?”

หลิน​ชิงเวย​หัวเราะ​ “ฝ่าบาท​ไม่ต้อง​ทรง​ตื่นเต้น​เช่นนี้​เพคะ​ หม่อมฉัน​เพียงแต่​มาตรวจดู​ชีพจร​ของ​ฝ่าบาท​เท่านั้น​ ดู​ว่า​พลานามัย​ของ​ฝ่าบาท​แข็งแรง​ดี​หรือไม่​”

เซียว​จิ่น​ได้ยิน​เช่นนั้น​จึงลด​ปราการ​การ​ป้องกันตัว​ลง​ “ก็ได้​ เจิ้น​เชื่อ​เจ้า” พูด​แล้วก็​ยื่นมือ​ออกมา​พร้อมกับ​เลิก​ชาย​แขน​เสื้อ​

หลิน​ชิงเวย​ฟังชีพจร​ของ​เขา​ครู่หนึ่ง​ “ฝ่าบาท​ทรง​มีพลานามัย​แข็งแรง​ดี​เพคะ​ เปี่ยม​ไป​ด้วย​เรี่ยวแรง​พละกำลัง​ แต่​ชีพจร​ไม่ค่อย​มั่นคง​นัก​ คิดดู​แล้ว​น่าจะเป็น​เพราะ​ธาตุ​ไฟใน​ตับ​กำเริบ​จึงทำให้​เป็น​เช่นนี้​ ดื่ม​น้ำชา​สงบใจ​สัก​สอง​กา​ก็​ไม่เป็นไร​แล้ว​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​ได้ยิน​เช่นนั้น​จึงพรู​ลมหายใจ​โล่งอก​ “หลาย​วัน​มานี้​เกิด​เรื่องราว​ขึ้น​มากมาย​ เจิ้น​จะไม่มีน้ำ​โห​ได้​อย่างไร​” พูด​แล้วก็​ตบ​โต๊ะ​ปัง​ “กรมวัง​ช่างดี​นัก​ สุนัข​รับใช้​พวก​นี้​ถึงกับ​กล้า​ไป​ร้องเรียน​ถึงตำหนัก​ของ​เจ้า”

หลิน​ชิงเวย​ “ฝ่าบาท​อย่า​ได้​กล่าวโทษ​พวกเขา​เพคะ​ หม่อมฉัน​ดู​แล้ว​เป็น​เพราะ​พวกเขา​เป็นห่วง​ฝ่าบาท​” หยุด​ไป​ครู่หนึ่ง​จึงพูด​เสียง​เบา​อี​กว่า​ “รายชื่อ​ใหม่​ที่​กรมวัง​ส่งขึ้น​มา ก่อนหน้านี้​ฝ่าบาท​ยัง​ไม่มีประสบการณ์​ ก็​ควรจะ​เรียนรู้​สักหน่อย​เพคะ​”

เซียว​จิ่น​ได้ยิน​เช่นนั้น​ใบหน้า​ของ​เขา​พลัน​แดงเถือก​ เขา​แทบจะ​ไม่กล้า​มองหน้า​หลิน​ชิงเวย​ “เรื่อง​สกปรก​เหล่านั้น​ เจิ้น​ไม่เรียนรู้​! เจิ้น​คิดไม่ถึง​ว่า​ภายใน​วังหลวง​จะมีของ​อุจาด​ตา​เหล่านั้น​อยู่​ ตั้งแต่​วันพรุ่งนี้​เจิ้น​จะเผา​ตำรา​ประเภท​นั้น​ทั้งหมด​ใน​วัง​ให้​สิ้นซาก​!”

หลิน​ชิงเวย​มอง​ดูท่าทาง​ของ​เซียว​จิ่น​แล้ว​ รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่ประสา​เรื่อง​พรรค์​นั้น​จน​น่ารักน่าเอ็นดู​อยู่​บ้าง​

หลิน​ชิงเวย​กล่าว​อย่าง​เห็น​ขัน​ “ฝ่าบาท​อย่า​ได้​ทำ​เช่นนั้น​เพคะ​ เรื่อง​พรรค์​นั้น​ไม่เพียงแต่​ฝ่าบาท​ที่​ต้อง​ทรง​เรียนรู้​ บรรดา​นางสนม​ของ​ตำหนัก​ใน​ล้วน​ต้อง​เรียนรู้​ว่า​จะต้อง​ปรนนิบัติ​รับใช้​ฝ่าบาท​อย่างไร​ คุณหนู​พัน​ชั่งเหล่านั้น​เพิ่งจะ​เข้า​วัง​มาไม่มีความรู้​เกี่ยว​เรื่อง​พรรค์​นั้น​เฉก​เช่นเดียวกับ​ฝ่าบาท​ แต่​อย่างไร​ล้วน​ต้อง​ผ่าน​ประสบการณ์​ใน​ขั้น​ตอนนี้​มิใช่หรือ​เพคะ​?”

เซียว​จิ่น​มอง​หลิน​ชิงเวย​ด้วย​สายตา​ของ​ผู้​ไม่ได้รับ​ความเป็นธรรม​ “แต่​เหตุใด​ตำหนัก​ใน​ไย​ต้องการ​สตรี​มากมาย​เช่นนี้​ เหตุใด​ฮ่องเต้​ต้อง​มีสามพระตำหนัก​หก​หมู่​เรือน​? เรื่อง​พรรค์​นั้น​…เจิ้น​ เจิ้น…​ลำพัง​แค่​คิด​ก็​รู้สึก​ว่า​สกปรก​เหลือเกิน​”

“นั่น​เป็น​เพราะ​ฝ่าบาท​ยัง​ไม่เข้าใจ​เรื่องราว​ระหว่าง​ชาย​หญิง​เพคะ​” หลิน​ชิงเวย​พูด​แล้วก็​หยิบ​ตำรา​เล่ม​หนึ่ง​ขึ้น​มาเปิด​พลิก​ไปมา​ด้วย​สีหน้า​นิ่ง​สนิท​ เริ่มแรก​เซียว​จิ่น​ยัง​หันหน้า​ไป​ทาง​อื่น​ แต่​ใน​ใจคิดถึง​หลิน​ชิงเวย​ จึงค่อยๆ​ ลอบ​หัน​กลับมา​มอง​ทีละน้อยๆ​ กระทั่ง​มองเห็น​ใบหน้า​ของ​นาง​

เหตุใด​นาง​จึงมีท่าที​เหมือน​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​? เมื่อ​แรก​ที่​เขา​เริ่ม​อ่าน​ตำรา​เหล่านี้​เขา​รู้สึก​โกรธขึ้ง​ยาก​จะรับได้​ แต่​หลิน​ชิงเวย​เป็น​เพียง​สตรี​นาง​หนึ่ง​กลับ​ทำ​เหมือน​ใจเย็น​และ​ยอม​รับได้​

เซียว​จิ่น​ได้​แต่​ลอบมอง​ใบหน้า​หลิน​ชิงเวย​อีก​หลายครั้ง​

หลิน​ชิงเวย​เลิกคิ้ว​ “ภาพ​เหล่านี้​นับว่า​วาด​ได้​อย่าง​วิจิตรบรรจง​เพคะ​ หน้าตา​ของ​บุรุษ​และ​สตรี​ล้วน​งดงาม​ ด้าน​ข้าง​ยังมี​ตัวอักษร​ประกอบ​อีกด้วย​ ที่​สำคัญ​คือ​มีสีสัน​ ไหน​เลย​จะไม่น่าดู​เพคะ​?”

เซียว​จิ่น​ประเดี๋ยว​หน้าแดง​ประเดี๋ยว​หน้า​ขาว​ “…เจ้า เจ้าช่างรู้จัก​ชื่นชม​นัก​”

“นี่​เป็นเรื่อง​ระหว่าง​ชาย​หญิง​ เรื่อง​ธรรมดา​ของ​มนุษย์​…” หลิน​ชิงเวย​ทาง​หนึ่ง​พลิก​เปิด​ตำรา​ อีก​ทาง​หนึ่ง​อธิบาย​ให้​เซียว​จิ่น​ฟังอย่าง​ละเอียด​ ลำดับ​แรก​คือ​ความแตกต่าง​ระหว่าง​ร่างกาย​ของ​บุรุษ​และ​สตรี​ นาง​อธิบาย​ตาม​ภาพประกอบ​ พูดถึง​หลัก​เหตุผล​และ​ความเป็นไปได้​ นิ้วมือ​ของ​นาง​ชี้ไป​ที่​ภาพ​บุรุษ​สตรี​กับ​พัวพัน​กัน​ ราวกับ​เมื่อ​ออก​มาจาก​ปาก​นาง​แล้ว​แปรเปลี่ยน​เป็นเรื่อง​ถูกต้อง​ทำนองคลองธรรม​ขึ้น​มา แรกเริ่ม​เซียว​จิ่น​มิได้​ตั้งใจฟัง​นัก​ แต่​เห็น​หลิน​ชิงเวย​อธิบาย​อย่าง​ตั้งอกตั้งใจ​และ​เข้มงวด​เขา​จึงตั้งใจฟัง​

ลำดับ​ถัดมา​หลิน​ชิงเวย​วิเคราะห์​ความคิด​ของ​บุรุษ​และ​สตรี​ที่​แตก​ต่างกัน​ รวมไปถึง​เรื่องราว​ที่​บุรุษ​และ​สตรี​ต่าง​ต้อง​เผชิญหน้า​ใน​สถานการณ์​ต่างๆ​

ใบหน้า​ของ​เซียว​จิ่น​ปรากฏ​ให้​เห็น​สีแดง​เรื่อ​ ราวกับ​อากาศ​ร้อน​ขึ้น​สอง​ส่วน​ ทำให้​เขา​หายใจ​ไม่ใคร่​จะทั่ว​ท้อง​นัก​ หน้าอก​กระเพื่อม​ขึ้น​ลง​เล็กน้อย​

ยาม​นี้​เมื่อ​เขา​เปิด​ตำรา​วัง​วสันต์​ออก​อ่าน​อีกครั้ง​ รู้สึก​ว่า​ไม่น่ารังเกียจ​เพียงนั้น​แล้ว​ที่​เพิ่มขึ้น​มาคือ​ความ​ขัดเขิน​ เขา​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​เช่นกัน​ มีหลิน​ชิงเวย​อยู่​เป็นเพื่อน​ข้าง​กาย​ต่อให้​เขา​รู้สึก​ไม่เป็นตัวของตัวเอง​ ก็​ยัง​ถามออก​ไป​ทั้งที่​หน้าตา​แดงก่ำ​และ​อยาก​กัด​ลิ้น​ตัวเอง​นัก​ “เช่นนั้น​…เช่นนั้น​เจิ้น​ต้อง​ทำ​อย่างไรบ้าง​?”

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Status: Ongoing
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท