ตอนที่ 18 การแข่งขันสัตว์อสูร
“ใช่สิ ยังมีลิงหกแขนอีก มันมีเลเวลสูงกว่า 90 แม้แต่ตึกร้อยชั้นมันก็ทำลายได้อย่างงั้นหรือ ? ”
ยิ่งอ่านเท่าไหร่ หวังเย่าก็ยิ่งแปลกใจเท่านั้น เขาทึ่งกับปาฏิหาริย์เหล่านี้
จากนั้นเขาก็อ่านเรื่องแรงโน้มถ่วง สัตว์อสูรเหล่านี้เป็นตัวตนที่กลัวที่ทำให้ผู้คนตกไปสู่ความสิ้นหวังได้ สัตว์อสูรพวกนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่วิญญาณของพวกมันก็ยังแข็งแกร่งอีกด้วย พวกมันคือเทพแห่งการทำลายล้าง
ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งคิดว่าระบบวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงที่เคยทำให้เขาสบายใจเริ่มไม่มั่นคงขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตในการสูญพันธุ์
เขารู้สึกว่าพลังของสัตว์อสูรเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามนุษย์และทหารจะคอยกันไม่ให้พวกมันเข้ามาที่เมืองได้ แต่สัตว์อสูรพวกนี้ก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก เมื่อมันคลั่ง ฝูงสัตว์อสูรก็จะแห่กันมา มนุษย์ก็คงยากที่จะต้านทานพวกมันเอาไว้ได้
โชคดีที่ในก่อนยุคสัตว์อสูรนั้นมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ เป็นเพราะอาวุธเหล่านี้ที่ทำให้มนุษย์ต้านทานและจับสัตว์อสูรได้ มันทำให้มนุษย์ไม่สูญพันธุ์ไป
หัวเซี่ยในวันนี้มีเมืองกว่า 36 เมือง แต่ละเมืองใหญ่โตราวกับเมืองใหญ่ในอดีตและยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองอรุณนั้นได้บ่มเพาะผู้ใช้อสูรขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สัตว์อสูรในพื้นที่รอบเมืองนั้นถูกกำจัด ทำให้ได้วัสดุจากสัตว์อสูรมากมายส่งมันไปที่ฝ่ายวิจัย ส่งผลให้มีการค้นพบมากมายรวมไปถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาซึ่งพอจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ตอนนี้ได้
แต่หวังเย่าไม่กล้าที่จะมองข้ามเรื่องนี้ ในฐานะผู้ที่ทะลุมิติมาโลกนี้แล้ว เขารับรู้ได้ถึงวิกฤตมากกว่าคนทั่วไป
เมื่อสัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่ามนุษย์จะมีอาวุธที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยากที่จะต้านทานพวกมันได้
“เราต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้ได้มากที่สุด แม้จะไม่รู้ว่าลุงหลี่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ดูก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่ธรรมดา เราอาจจะต้องขอให้เขาช่วยเพื่อให้ได้ออกไปล่าสัตว์อสูร มีแค่การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเท่านั้นที่จะทำให้ฉันเติบโตได้เร็วขึ้น”
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่ามีเป้าหมายในใจ เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรับมือกับอันตรายในอนาคต
เขาเคยตายมาแล้วครั้ง และเขาก็ไม่คิดที่จะตายอีก
นอกจากอ่านหนังสือแล้ว หวังเย่าก็ยังได้ออกกำลังกายตามกิจวัตรประจำวันอีกด้วย เขาใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกฝนร่างกายตัวเอง
อย่างที่เคยบอกไป ร่างกายคือแกนหลักของการพัฒนา มันถือว่าเป็นองค์ประกอบหลัก ส่วนสัตว์อสูรเป็นแค่ตัวประกอบเสริมเท่านั้น
เขามีระบบวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงอยู่กับตัว ฉะนั้นสัตว์อสูรของเขาไม่ขาดแคลนความแข็งแกร่งแน่ ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาร่างกายตัวเอง
ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในพริบตาก็ถึงวันแข่งขันสัตว์อสูร
นี่คืองานใหญ่เพราะในวันนี้ของทุกปีโรงเรียนมัธยมปลายทั้ง 36 โรงเรียนจะจัดการแข่งขันนี้ขึ้น
ผู้เข้าร่วมแข่งขันมีหลายล้านคน
การแข่งขันนี้อันที่จริงแบ่งออกเป็น 3 รอบ รอบแรกคือรอบคัดเลือก รอบที่สองคือรอบอันดับ รอบที่สามคือคู่ชิง
การผ่านรอบแรกนั้นง่ายดาย แค่ลงทะเบียนก่อนจะไปแสดงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรบนเวที เพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์อสูรมีเลเวล 10
ผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดนี้จะถือว่าจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเรียนมหาลัยต่อได้ มีแค่การได้คะแนนสูงกว่า 360,000 คะแนนเท่านั้นที่จะเรียนต่อได้
แต่ละเมืองนั้นมีมหาลัยเพียงแห่งเดียว มันถูกตั้งตามชื่อเมือง มหาลัยในแต่ละเมืองจะรับคนแค่ 10,000 คนต่อปี
ดังนั้นเพื่อที่จะเข้ามหาลัย นักเรียนหลายคนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้เพื่อจะได้คะแนนเพิ่มและหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
หวังเย่าและโจวอวิ๋นได้ผ่านรอบคัดเลือกไปได้อย่างง่ายดาย
หวังเย่ามีสัตว์อสูรระดับทองเลเวล 20 แต่การแข่งขันนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานระดับของสัตว์อสูร ยังไงซะสัตว์อสูรส่วนมากก็อยู่แค่ระดับทองแดง มันอาจจะมีพวกนักเรียนรวย ๆ บางคนที่มีสัตว์อสูรระดับเงินอยู่บ้าง
สำหรับสัตว์อสูรระดับทองแล้ว เดาได้ว่าแต่ละโรงเรียนคงมีแค่ไม่กี่คนที่มีมัน โรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เท่าที่คนอื่นรู้นั้นมีแค่จ้าวเมิ่งซีคนเดียวที่มีมัน
ความแข็งแกร่งของโจวอวิ๋นนั้นเพิ่มขึ้นกว่าเก่า เมื่อรวมกับสัตว์อสูรระดับทองแดงเลเวล 20 ก็เพียงพอที่จะเข้าร่วมรอบชิงอันดับได้ แต่การจะได้อันดับต้น ๆ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ยังไงซะแม้แต่หมาป่าตาฟ้าของจ้าวซวนที่เลเวล 14 ก็มีความแข็งแกร่งในระดับทั่วไป พวกนักเรียนระดับหัวกะทินั้นมีสัตว์อสูรที่เลเวลเกือบ 20
แต่โจวอวิ๋นเหมือนจะยอมรับความจริงเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กดดันอะไรมากนัก การจบจากโรงเรียนนี้ก็ถือว่าดีสำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
หวังเย่าอยากที่จะช่วยเพื่อนแต่สุดท้ายเขาก็รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น แน่นอนว่าส่วนที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่มีเวลา
เขาไม่คิดจะเปิดเผยข้อมูลของเขามากนักจนกว่าเขาจะปกป้องตัวเองได้จริง ๆ
ก่อนหน้านี้การ์ฟีลด์ได้ฆ่าสัตว์อสูรไปถึง 13 ตัวซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนต้องพากันตกตะลึง แต่เมื่อลองคิดดูแล้วสัตว์อสูรของพวกนักเลงนั้นอยู่แค่ระดับทองแดงและเลเวลแค่สิบต้น ๆ แค่สัตว์อสูรระดับเงินเลเวลต้น ๆ ก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกมันได้แล้ว
หลังจากที่ทุกคนได้ประเมินความแข็งแกร่งของหวังเย่าอีกรอบ ทุกคนก็ไม่คิดว่าเขาแข็งแกร่งอะไร แต่ทุกคนก็พากันแปลกใจว่าสัตว์อสูรของเขาพัฒนาได้ยังไงแทน
นักเรียนกว่า 20% ตกรอบไป ตอนนี้นักเรียนของโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์เหลือแค่ 34,000 คนเท่านั้น
เพราะความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแข่งขันนี้จึงถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และแสดงผลแบบเรียลไทม์ มันทำการจับคู่ที่สูสีได้ในพริบตา ประสิทธิภาพในการทำงานของมันสูงอย่างมาก
วันต่อมา หวังเย่าที่ดูการแข่งขันมากว่า 2 ชั่วโมงก็ได้ยินเสียงประกาศ “นักเรียนห้อง 9 หวังเย่า กับนักเรียนห้อง 7 เสี่ยวเฉ่า เชิญที่เวทีที่ 5”
หวังเย่าค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมกับการ์ฟีลด์ที่อยู่ข้าง ๆ เขากระโดดสูงกว่า 10 เมตรข้ามหัวของคนดูขึ้นไปบนเวที
เสี่ยวเฉ่านั้นเป็นเด็กสาวที่นิสัยดีแต่ก็ดูอ่อนแอ
เสี่ยวเฉ่าค่อย ๆ เดินฝ่าผู้คนเข้ามา เธอถือกระถางต้นไม้เสือมาด้วย เธอดูประหม่านิด ๆ ต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้
ทั้งสองทำความเคารพกันและรายงานข้อมูลของสัตว์อสูรตัวเอง
“สัตว์อสูรของฉันเลเวล 20”
“ระดับค่อนข้างสูงเลย ของฉันแค่เลเวล 17 นายช่วยออมมือให้ฉันด้วยนะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับเธอ” หวังเย่ายิ้มออกมา
จากนั้นเสียงนับถอยหลังก็เริ่มดังขึ้น นี่คือเวลาที่พวกเขาต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะสู้
เสี่ยวเฉ่าพึมพำออกมา “ ตื่น ”
ต้นไม้เสือลุกขึ้นมาทันที ในพริบตาตัวของมันก็สูงกว่า 10 เมตรพร้อมกับเถาวัลย์ 3 อันที่งอกออกมาและเคลื่อนไหวไปมาบนท้องฟ้า เสียงของมันราวกับจะตัดท้องฟ้าออกจากกันได้
Related