ตอนที่ 179 : การหนีใต้พื้นดิน
เนื่องจากยาจิตวิญญาณกับสมบัติจิตวิญญาณมีจำนวนน้อย ข้อมูลของมันในอินเตอร์เน็ตจึงมีน้อยมาก
บางทีในองค์กรหรือสมาคมใหญ่ ๆ อาจจะรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่พวกเขาเลือกที่จะปิดบังข้อมูลเอาไว้ ไม่ให้รั่วไหลออกมา ดังนั้นข่าวเรื่องการใช้ยาจิตวิญญาณกับสมบัติจิตวิญญาณ หวังเย่าจึงไม่รู้
ตอนนี้เขาพยายามคิดหาวิธีใช้ลูกแก้วจิตวิญญาณดินที่ได้มานี้ เขาไม่รู้ว่าจะใช้งานมันยังไง มันอาจจะมีแค่สัตว์อสูรธาตุดินและทักษะธาตุดินเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากมัน แต่เขาก็ยังอยากจะลองดูสักครั้งเพราะตอนนี้เขาถึงทางตันแล้วจริง ๆ
มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะหวังเย่าก็ต้องลองดู
“หยดเลือดลงไปทดสอบดูก่อน” หวังเย่าล้วงเอาลูกแก้วจิตวิญญาณดินออกมาก่อนจะกัดนิ้วแล้วหยดเลือดลงไป
ตอนนั้นเองเขาก็แสดงสีหน้าพอใจออกมา เขาพบว่าที่ผิวของลูกแก้วจิตวิญญาณดินนั้นมีแสงส่องประกายออกมา ก่อนที่มันจะเริ่มร้อนขึ้น
ฟรู่ !
เขารู้สึกว่าจิตของเขาได้เชื่อมต่อกับลูกแก้วจิตวิญญาณดินแล้ว แค่คิดเขาก็สามารถควบคุมลูกแก้วนี่ได้
หวังเย่ามองลูกแก้วนั้นอยู่สักพักก่อนจะรู้สึกได้ถึงพลังธาตุดินที่บริสุทธิ์กว่าพลังโดยรอบเป็นร้อยเท่า
พลังนี้เหมือนจะเป็นราชาของพลังธาตุดิน มันสามารถสั่งการพลังธาตุดินรอบ ๆ ได้ราวกับเป็นราชา
เขาควบคุมพลังธาตุดินได้ เพียงแค่คิดเขาก็สามารถสั่งการให้มันทำงานให้กับเขาได้
เมื่อเห็นแบบนั้นมือขวาของหวังเย่าก็กำลูกแก้วไว้แน่นก่อนที่จะมือซ้ายตบลงไปที่พื้น “ เปิดออก ! ”
ตอนนั้นเองฉากที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น พื้นดินเหมือนกับตอบรับคำสั่งของเขา มันได้แยกตัวออกและกลายเป็นหลุมกว้างกว่า 1 เมตรและยังลึกลงไปเรื่อย ๆ จากความลึกแค่เพียงครึ่งเมตรนั้นเพียงชั่วพริบตาก็ลึกกว่า 10 เมตรแล้ว ระดับความเร็วในการขุดนี้ เร็วยิ่งกว่าการขุดของเครื่องขุดเสียอีก
หวังเย่ากระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล รอบตัวเขามีพลังธาตุดินก่อตัวกันเป็นโล่เพื่อปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้
ภายใต้การควบคุมลูกแก้วจิตวิญญาณนี้ ที่ปากหลุมก็ปิดตัวลงอีกครั้งและกลับไปในสภาพเดิม ราวกับว่าไม่เคยเกิดหลุมนี้มาก่อน
หวังเย่าอยู่ในใต้ดินที่มืดสนิท เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าหลุมที่เขากระโดดลงมาก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับสภาพเดิมด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
“ไม่คิดเลยว่าการทำงานของมันจะทรงพลังแบบนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่นักสู้ธาตุดินแต่ก็สามารถใช้พลังของมันออกมาได้ถึงขนาดนี้ มันทำให้ฉันมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ มันเร็วกว่าการขุดของแพรี่ด็อกเป็นร้อยเท่า”
หวังเย่าเริ่มหลงรักลูกแก้วจิตวิญญาณนี้ขึ้นมาเสียแล้ว เขารู้สึกว่าสมบัติที่ทรงพลังแบบนี้ไม่ควรตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
เขาถึงกับคิดว่าจะเลือกทักษะธาตุดินมาฝึก เมื่อฝึกทักษะธาตุดินได้สำเร็จ ความสอดคล้องกับธาตุดินของเขาก็จะพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ความเข้ากันกับลูกแก้วนี่ก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะทำให้ใช้งานมันดีขึ้นไปด้วย
ด้วยเหตุนี้การหลบหนีของเขาก็ยิ่งเร็งขึ้นกว่าเดิม นี่มันดีกว่าทักษะเอาตัวรอดใด ๆ เขาหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้และยังเลือกหลบรังของสัตว์อสูรที่อยู่ใต้ดินได้อีกด้วย
เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็กำหมัดแน่น
….
ตอนที่หวังเย่าลงไปที่ใต้ดินนั้น ถันเจี้ยนซวน, เกาเฉียงและผีเสี่ยวเปียว ก็ได้เข้ามาล้อมจุดที่หวังเย่าเคยอยู่ด้วยสีหน้าสับสน
“เด็กนั่นหายไปไหนแล้ว ? ” ถันเจี้ยนซวนสีหน้าหม่นลง
“ดินนี่ดูร่วน มันขุดดินหนีงั้นหรือ ? ” ผีเสี่ยวเปียวแสดงสายตาเย็นชาออกมา เขามีพลังธาตุดินกับตัว เขาจึงรู้หลักการของดินอย่างชัดเจน
ถันเจี้ยนซวนครุ่นคิดด้วยสีหน้าเฉยเมยแต่ดวงตาของเขากลับแสดงความหงุดหงิดออกมา การที่หวังเย่าหนีไปได้นี้ มันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
“ผีเสี่ยวเปียว ดินนี่ยังร่วนอยู่ ทักษะการใช้ธาตุดินของนายก็ไม่เลว นายตามรอยเด็กนี่ไป เราจะล่าไอ้เด็กนั่น” ถันเจี้ยนซวนสั่งการออกมา
ผีเสี่ยวเปียวไม่พูดอะไร เขาเรียกม้าของตัวเองออกมาก่อนจะเรียกสัตว์อสูรที่คล้ายกับตัวนิ่มออกมาอีกตัว
สัตว์อสูรที่คล้ายกับตัวนิ่มมีผิวสีเหลือง มันมุดลงไปที่พื้นแล้วขุดดิน ความเร็วในการขุดของมันเร็วยิ่งกว่าแพรี่ด็อก 2-3 เท่า แค่ชั่วโมงเดียวมันก็ขุดไปถึง 20 ไมล์
เมื่อตัวนิ่มขุดดินลงไป ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงก็ตามลงไปด้วย
แต่ทั้งสามคนไม่คิดว่าความสามารถในการใช้ธาตุดินของหวังเย่าจะโดดเด่นมากขนาดนี้
ความเร็วของเขาเร็วกว่าอยู่บนพื้นดินถึง 4-5 เท่า
“ฉันหายใจไม่ออก ฉันต้องกลับขึ้นไป พวกนั้นคงตามไม่ทันแล้ว”
หวังเย่าสวมหมวกและเปิดการทำงานของเครื่องช่วยหายใจ เขาเดินทางใต้ดินกว่า 7-8 นาที และเขาไม่รู้ว่าหนีมาไกลแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดินทางไปในทิศทางไหน
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจะกลับขึ้นไปเพราะกลัวว่าเขาจะหนีเป็นวงกลม จึงทำให้เขาเลือกเดินทางตรงอีก 5 นาที ก่อนที่จะกลับขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
เครื่องช่วยหายใจของหมวกทำงานได้จำกัด หลังจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในภูเขาจานน้อย หวังเย่าก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง เขาช่วยคนไม่ได้และยังเกือบลากตัวเองไปตายด้วย บอกได้ว่ามันไม่คุ้มค่าเลย
ดังนั้นเขาต้องประหยัดออกซิเจนและไม่กล้าใช้มันอย่างเสียเปล่า
“ครั้งหน้าต้องเอาขวดออกซิเจนและหมวกใส่เพิ่มในกระเป๋ามิติ” หวังเย่าย้ำกับตัวเอง
“ฉันบังเอิญเจอพวกนี้เข้า ไม่คิดเลยว่าพวกนี้จะหมายหัวฉันเอาไว้ ถ้าพวกนั้นหาฉันไม่เจอ ฉันเชื่อว่าพวกนั้นคงไม่ไล่ตามฉันต่อ”
หวังเย่าโผล่ขึ้นมาจากพื้นและภาวนาในใจ เขาไม่สนว่าทั้งสามคนจะอยู่ที่นั่นรึไม่ ยังไงซะทั้งสามคนก็ไม่มีทางตามเขาทัน
แต่เขาก็ยังฟังเสียงและตรวจสอบสถานการณ์รอบ ๆ เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีนั้นยาวนานไม่ต่างอะไรจากวันหนึ่ง
หลังจากไม่พบสิ่งผิดปกติ หวังเย่าก็กระโดดขึ้นมาพร้อมกับเก็บลูกแก้วจิตวิญญาณใส่ในกระเป๋ามิติ เขาทำการคำนวนทิศทางก่อนจะรีบเดินทางต่อทันที
เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้สำเร็จแล้ว อยู่ต่อตอนนี้ก็มีแต่จะตกอยู่ในอันตราย เป็นธรรมดาที่เขาอยากจะออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
หลังจากที่หนีมาได้สักพัก หวังเย่าก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงเรียกการ์ฟิลด์ออกมาและให้มันพาเขาหนีต่อ
ตกดึกเขาก็มาถึงริมภูเขาผลไม้ หวังเย่าคิดทบทวนและตัดสินใจจะพักที่นี่ในคืนนี้ก่อน