ตอนที่ 216 : อันตรายถึงชีวิต
สำหรับสัตว์อสูรที่พื้นดินนั้น หวังเย่าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ แค่สายตากระหายเลือดของมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาขนลุกได้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกลังเลในใจและรู้สึกว่ามันจะเสี่ยงเกินไปหรือไม่ถ้าจะลงไปข้างล่างนั่น
การผจญภัยนั้นแม้ว่าจะอันตรายแต่หากรู้สถานการณ์โดยรวมแล้วก็ทำให้คนเราเกิดความมั่นใจได้ แต่หากไม่รู้ว่าอันตรายคืออะไร คนเราก็จะไม่มีความมั่นใจใดใดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดถึงคำสัญญาที่เขาบอกกับจ้าวเมิ่งซีว่าจะไม่ทำเรื่องที่เสี่ยง งั้นการหนีลงไปด้านล่างนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการหนีเข้าถ้ำเสือ
กลุ่มเมฆไฟได้บินเข้ามาใกล้กำแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หวังเย่าใจเต้นแรง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาก็จะโดนพบตัวในไม่ช้า
เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ปล่อยตัวไถลลงไปทันที หากเขารอจนโดนพบตัว งั้นมันก็ยิ่งยากที่เขาจะหนีไปได้
เอาจริง ๆ แล้วอันตรายของผึ้งพวกนี่ไม่ได้มากมายนัก หากสู้กันแบบตัวต่อตัว หวังเย่าคงไม่กลัว แต่หากมันมาเป็นฝูงงั้นมันก็สามารถสร้างเมฆไฟขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ แต่เขาก็มีลูกแก้ววิญญาณไฟที่สามารถใช้มันดูดซับพลังไฟทั้งหมดเอาไว้ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้น หวังเย่าก็มีความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา ที่นี่มีผึ้งอย่างน้อย 2 แสนกว่าตัว หากพวกมันใช้พลังไฟออกมา แล้วเขาใช้ลูกแก้ววิณญาณไฟดูดซับเอาไว้ แล้วเอาไฟของพวกมันไปจัดการกับต้นไม้กินเลือด มันจะได้ผลรึไม่ ?
“มันก็แค่เสี่ยง ยังไงซะที่นี่ก็มีผึ้งหลายหมื่นตัว ถึงแม้พวกมันจะไม่มีเมฆไฟคอยช่วย แต่ฉันก็จะโดนผึ้งเป็นหมื่น ๆ ตัวล้อมเอา”
เมื่อคิดได้แบบนั้น หวังเย่าก็ยอมโยนคิดความคิดเมื่อสักครู่ทิ้งไป พูดตามตรงตอนนี้เขาลนลานอย่างมาก จนคิดอะไรฟุ้งซ่านไปหมด ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเอายังไง
ตัวของเขาไถลลงมาเรื่อย ๆ เมื่อตกลงมาได้ 7 กิโลเมตร หวังเย่าก็พบว่าเกือบจะถึงพื้นแล้ว เขาจะหลบอยู่ที่ด้านล่างสักพักแล้วค่อยหนีขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
เขาเชื่อว่ากลุ่มผึ้งนั้นคงไม่กล้าลงมาถึงตรงนี้ ยังไงซะมันก็มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวอยู่ที่พื้น
แต่ตอนนั้นโชคของเขาก็หมดลง
ตอนที่หวังเย่าดีดตัวออกมาจากกำแพง ที่มุมหนึ่งก็มีผึ้ง 23 ตัวบินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเมฆไฟที่ส่องสว่างมาจนถึงตัวเขา
ผึ้งพวกนี้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกระจายตัวออกและพุ่งเข้าหาหวังเย่า
หวังเย่าสีหน้าหม่นลง เขาไม่อาจจะทำอะไรพวกมันได้ เขาได้แต่หยุดใช้พลังลมที่ประคองตัวเขาและปล่อยให้ตัวเองตกลงไปที่พื้น
ความเร็วในการตกนั้นไวมาก เขารู้สึกได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านตัวเขาไป แต่ความเร็วของผึ้งที่ไล่ตามมานั้นกลับเร็วยิ่งกว่า
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป ผึ้งตัวอื่น ๆ เหมือนจะได้รับข้อความและกำลังมุ่งหน้าลงมาที่นี่กันหมด
“ตายไปซะ ” หวังเย่าดึงเอามิสไซน์ออกมา ก่อนจะเล็งไปทางผึ้งที่ใกล้ที่สุดแล้วยิงออกไป ผึ้งตัวนั้นรู้ตัวช้าเกินไปและไม่อาจจะหลบได้ทัน มันจึงโดนระเบิดจนกลายเป็นเศษเนื้อทันที
ด้วยแรงของการระเบิด มันจึงทำให้ตัวของหวังเย่าตกลงไปเร็วอีก ในพริบตาเขาก็ตกลงมาที่ความสูงระดับ 8 กิโลเมตร
ด้วยความช่วยเหลือจากแรงโน้มถ่วงยิ่งทำให้เขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็เทียบกับความเร็วของผึ้งที่ใช้ปีก 4 คู่ในการบิน
เขาโล่งอกแต่ก็ไม่กล้าผ่อนคลายเพราะผึ้งพวกนั้นยังไม่ยอมแพ้ และยังไล่ตามมาต่อเนื่อง
“ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าพวกแกจะกล้าลงมาที่พื้นรึเปล่า ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าแน่วแน่ออกมา เพราะตอนนี้เขาพร้อมที่จะเดิมพัน !
แค่สายตาของสัตว์อสูรที่พื้นก็ทำให้เขาใจสั่นได้แล้ว เขาไม่เชื่อว่าผึ้งพวกนี้จะมีความกล้ามากกว่าเขา
ฟิ้ววว!
เพราะความเร็วในการร่วงลงมานั้นสูง หวังเย่าจึงยากที่จะลืมตาได้ เขาได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตใจ
แม้ว่านี่จะเป็นชีวิตที่สอง แต่ยังไงซะชีวิตที่แล้วเขาก็มีอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชนอะไรมาก และไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่อะไร
ในชีวิตนี้เขาปรับตัวกับโลกนี้ได้ และมาอยู่ที่นี้ได้ 1 ปีแล้ว
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางโลกมากนัก เขายังไม่ได้ดื่มด่ำกับชีวิตจริง ๆ เลย
เขารู้สึกว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว เขาเยือกเย็นจนน่าแปลกใจ แม้จะพบกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงแต่เขาก็ยังใจเย็นได้อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นความอันตรายในครั้งนี้ก็เสี่ยงถึงชีวิต เขาอดไม่ได้ที่จะลนลาน
“ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ ไว้ ! ” หวังเย่าบอกกับตัวเอง
ความเร็วในการตกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เขารู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำและขาดอากาศหายใจ รอบตัวเขามีแต่ความมืดมิด มันทำให้เขาหวาดกลัวและลนลานมากขึ้น
ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่เข้าไปในมิติลับ ตัวของเขาจะจมเข้าไปในความมืด และร่างกายของเขาจะร่วงลงไปเรื่อย ๆ แต่มันไม่ได้เร็วแบบนี้ สติของเขายังมั่นคง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่อาจจะควบคุมร่างกายของตัวเองได้
“ลมที่พัดผ่านตัวฉันแรงขึ้นเรื่อย ๆ ” เขาได้สติกลับมา ร่างกายของเขาร่วงลงมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การควบคุมลมจึงไม่อาจจะหยุดการร่วงนี้ได้
แต่สายลมที่พัดผ่านตัวเขาไปนี้รุนแรง มันมีพลังลมที่สูง ซึ่งอาจจะดึงมาใช้งานได้
ดังนั้นตราบใดที่หวังเย่าสามารถควบคุมลมให้ก่อตัวเป็นโล่ลมได้ งั้นมันก็จะทำให้เขาร่วงลงได้ช้าขึ้นอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาอยู่ลึกจากพื้นกว่า 9.5 กิโลเมตรแล้ว นี่ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่ากลัว เพราะยิ่งลึกเท่าไหร่แรงดันก็จะมากขึ้นเท่านั้น
“โล่ลม” หวังเย่าใช้ทักษะพายุสังหารควบคุมลมรอบตัวให้กลายเป็นโล่ลม
ปัง !
แต่ทันทีที่โล่ลมก่อตัวขึ้นมา มันก็พังลงในทันที แต่ก็ทำให้เขาร่วงช้าลงเล็กน้อย
หวังเย่าใช้โอกาสนั้นใช้สกิลไต่เมฆาเพื่อลดความเร็วในการตก
หวังเย่าช้าลงไปอีกเล็กน้อย ตัวของเขาลอยขึ้นมากว่า 10 ฟุตแต่เพราะความเร็วในการตกนั้นสูง เขาจึงไม่อาจจะหยุดมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นความเร็วในการร่วงก็ลดลงไปอย่างมาก
“โล่ลม” หวังเย่าได้สร้างโล่ลมขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทันทีที่โล่ลมก่อตัวขึ้นมา มันก็พังลงไปทันที
“โล่ลม”
หลังจากที่สร้างโล่ลมกว่า 7-8 ครั้ง สุดท้ายหวังเย่าก็ประคองตัวได้ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากพื้นดินไม่ถึง 200 เมตร
หวังเย่าที่เพิ่งประคองตัวเองได้ก็รีบสร้างพายุที่ใต้เท้าขึ้นมา ก่อนจะบินไปที่กำแพงทันที
ตอนนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงวิกฤต ด้านหลังของเขามีสายลมพัดเข้ามา
“ท่าไม่ดีแล้ว ! ” หวังเย่าหันกลับไป สายตาของเขาก็สะท้อนความกลัวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด