ตอนที่ 302 : กุลสตรีฟางอี
“3,000,000”
เมื่อหวังเย่าพูดออกมา คนที่ชั้นล่างก็พากันเงียบไปทันที
พวกนั้นรู้แล้วว่าคนในชั้น 2 สนใจน้ำยานี่และพวกเขาก็ไม่อาจจะสู้ได้
เมื่อเห็นความหวังที่ริบหรี่ พวกเขาก็ไม่คิดที่จะสู้ต่อ
นอกจากนี้แล้ว นี่ก็เป็นแค่น้ำยาชุดแรก มันยังมีน้ำยาอีก 3 ชุดอยู่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
หวังว่าน้ำยาชุดต่อ ๆ ไปนั้นคนที่ชั้นสองจะไม่เข้ามาประมูลด้วย
เมื่อทุกคนคิดแบบนั้น พวกเขาก็ปล่อยให้เฉินเหล่าขานราคาต่อไป
“3,000,000 ครั้งที่ 1”
“3,000,000 ครั้งที่ 2”
“3,000,000 ครั้งที่ 3 ขาย ! ”
“ยินดีกับห้อง Vip เบอร์ 3 อีกครั้งที่ได้น้ำยาวิวัฒนาการขั้นสูงสุดชุดแรกไป ซึ่งตกเป็นของเขาในราคา 3,000,000 เครดิต”
“รอสักครู่จะมีคนเข้าไปติดต่อคุณ” เมื่อเฉินเหล่าพูดจบ พนักงานสาวก็ได้ยกน้ำยาวิวัฒนาการทั้ง 5 ขวดเดินกลับไปที่หลังเวที
“มาเริ่มประมูลน้ำยาชุดที่สองกัน” หลังจากที่หญิงสาวคนแรกกลับไปแล้ว เฉินเหล่าก็พูดขึ้น
“800,000”
“1,000,000”
“1,300,000”
….
ผู้คนด้านล่างแข่งกันอย่างดุเดือด คนที่ชั้นสองนอกจากหวังเย่าแล้วก็ไม่มีใครคิดจะเข้าไปสู้ด้วยเลย
ในเวลาเดียวกัน หวังเย่าก็มองไปรอบ ๆ และครุ่นคิด “ด้วยอิทธิพลของพวกเขาแล้ว บางทีอาจจะได้ตัวอย่างน้ำยาไปนานแล้ว”
“ในโลกนี้มีขุมกำลังมากมาย และพวกเขาน่าจะผลิตน้ำยาพวกนี้ขึ้นมาได้”
“ไม่มีเหตุผลพิเศษที่ต้องเอาของพวกนี้มาไว้ในครอบครองทั้งหมด”
ตอนนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หวังเย่าได้พูดขึ้น “เข้ามาเลย ประตูไม่ได้ล็อค”
ประตูถูกเปิดออกและมีหญิงสาวเดินเข้ามา
เธอเดินไปหาหวังเย่าและวางน้ำยาวิวัฒนาการทั้ง 5 ขวดลงบนโต๊ะ
“3,000,000 เครดิตสำหรับการประมูล ” หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะยื่นสายรัดข้อมือให้กับหวังเย่า
หวังเย่าไม่รอช้าและทำการโอนให้กับเธอทันที
“ทำการโอนเสร็จสิ้นแล้ว ฉะนั้นฉันขอตัวก่อน” หญิงสาวส่งยิ้มให้กับหวังเย่า ก่อนจะออกจากห้องไป
หวังเย่าสูดดมกลิ่นหอมจากตัวเธอที่หลงเหลือในห้องก่อนจะมองไปที่น้ำยาทั้งห้าขวดนั้น
“มาลองดูกันว่ามันจะให้ค่าประสบการณ์เท่าไหร่” หวังเย่าหยิบน้ำยาวิวัฒนาการขึ้นมา ก่อนจะเปิดมันและลองชิมไป 1 ขวด
“รสชาติดีนี่ เหมือนน้ำมะพร้าวผสมกับน้ำแอปเปิลเลย” หลังจากที่ดื่มมันเข้าไป หวังเย่าก็เลียริมฝีปากและวิจารณ์ออกมา
“มาดูกันว่ามันจะให้ค่าประสบการณ์เท่าไหร่” เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็ทำการใช้ระบบตรวจสอบทันที
เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้มา หวังเย่าก็ลูบคางและพึมพำออกมา “มันให้ค่าประสบการณ์ 100,000 หน่วย”
หวังเย่าปิดหน้าต่างแจ้งเตือนก่อนจะทำการเก็บน้ำยาวิวัฒนาการอีก 4 ขวดเข้าไปในกระเป๋ามิติก่อนจะเดินกลับที่หน้าต่างเพื่อดูการประมูลต่อ
ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำการประมูลน้ำยาชุดที่สอง หวังเย่าได้ทำการแข่งประมูลกับพวกนั้นอีกครั้งและได้น้ำยาเพิ่มมาอีก 2 ชุด
ตอนนี้กำลังมีการประมูลน้ำยาชุดสุดท้าย
“3,500,000”
ราคานี้มันมากกว่าราคาที่หวังเย่าซื้อไปซะอีก
ยังไงซะนี่ก็เป็นน้ำยาชุดสุดท้าย มันต้องมีคนประมูลมันมากอยู่แล้วแม้ว่าจะราคาสูงกว่าเดิมก็ตาม
“4,000,000”
…
สุดท้ายน้ำยานั้นก็ตกเป็นของทหารรับจ้างคนหนึ่งในราคา 4,000,000 เครดิต
“ของชิ้นต่อไป ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนไม่น้อยที่สนใจมัน” เฉินเหล่ายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์
ตอนนั้นเองมีผู้หญิงสองคนเดินถือกล่องเหล็กขึ้นมาบนเวที
แม้ว่าจะวางกล่องเหล็กนั้นเบาแค่ไหน แต่เสียงที่ดังออกมาก็บอกได้ว่ากล่องนั่นต้องหนักอย่างมาก
“คนด้านล่างเวทีควรจะรู้ไว้ก่อนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ ดังนั้นไม่ต้องตกใจไป” เฉินเหล่าพูดขึ้นพร้อมกับทำการลูบกล่องเหล็ก
ทุกคนยังไม่ทันเข้าใจว่าเฉินเหล่าพูดถึงอะไรก็พบว่าเฉินเหล่าได้ทำการเปิดกล่องเหล็กออกแล้ว
มันมีลมร้อนพัดออกมาจากกล่องเหล็กทันทีที่เปิดออก
ในพริบตาอุณหภูมิในห้องโถงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเหงื่อชุ่มตัวแทบจะในทันที
“มีอะไรอยู่ในกล่องนั่น ? ทำไมถึงมีคลื่นความร้อนได้ ? ”
“มันร้อนจริง ๆ ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ฉันว่าฉันต้องถอดเสื้อออกแล้วละ”
คนด้านล่างเวทีนั้นน่าสงสาร เพราะนี่เป็นฤดูหนาว พวกเขาจึงใส่เสื้อกันหนาวมาหลายชั้น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นราวกับเปลี่ยนเป็นฤดูร้อนในทันใด จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทนกันไม่ไหว
ผลก็คือคนส่วนใหญ่เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
ฉากนี้เหมือนเปลี่ยนที่นี่เป็นโรงอบซาวน่า
ถึงชั้นสองและชั้นสามนั้นแม้ว่าจะไม่ได้ร้อนเท่ากับด้านล่าง แต่ก็ยังทำให้พวกเขาเหงื่อตกกันได้อยู่
สุดท้ายหวังเย่าก็ต้องถอดเสื้อของตัวเองออก เขาใส่แค่เสื้อยืดยืนอยู่ที่หน้าต่างและมองลงไปที่ด้านล่าง เขาเห็นว่าทุกคนต่างก็พากันถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เพราะทนไม่ไหวกับความร้อนนี้
บนชั้นสามฟางอี้ไม่ได้ถอดเสื้อออก แม้ว่ามันจะร้อนแต่เธอก็ไม่อาจจะถอดเสื้อของตัวเองออกได้ ถึงฆ่าเธอให้ตาย เธอก็ไม่คิดจะถอดมันออกอย่างเด็ดขาด ฉากนี้มันทำให้ความทรงจำที่น่าอายของเธอผุดขึ้นมาทันที
“พวกหน้าไม่อาย ถึงจะร้อนแต่ก็ไม่ควรจะมาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้”
ฟางอี้หน้าแดงก่ำและแอบเกาหัวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงหลายคนก็เริ่มถอดเสื้อออก เธอก็รีบก้มหน้าทันที
“ในฐานะผู้หญิงแล้วทำไมถึงไม่รู้จักสงวนเนื้อสงวนตัวกันหน่อย ? ทำตัวเหมือนชายถึกไปได้”
ที่ชั้นสาม จู่ ๆ ฟางอี้ก็กลายเป็นกุลสตรีขึ้นมาทันที !