ตอนที่ 309 : การประมูลส่วนหลัง
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดเทพสายลมก็กลับมา ฉันล่ะตื่นเต้นชะมัด”
“ฉันก็ด้วย การได้เห็นเทพสายลมอีกครั้ง มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาจริง ๆ ”
“เขาหายไปหลายปี ทุกวัน..ฉันเองก็หวังว่าเขาจะกลับมา สุดท้ายเขาก็กลับมาจริง ๆ ”
“ฉันเป็นคนเมืองไซเป่ย ฉันยังนึกภาพความยิ่งใหญ่ของเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้ากองทัพสัตว์อสูรเมื่อสามปีก่อนได้อยู่เลย”
“คนแบบนั้น ฉันไม่อาจจะลืมได้ทั้งชีวิต เป็นเขานี่เองที่ช่วยเมืองไซเป่ยของเรา”
“เทพสายลมยิ่งใหญ่ที่สุด ! ”
“เทพสายลม ยิ่งใหญ่ที่สุด ! ”
….
คนส่วนมากต่างก็ตื่นเต้นกับการกลับมาของเทพสายลม
หวังเย่าเกิดความร้อนรนขึ้นมาในใจ เขาเองก็อยากเป็นแบบนั้น เขาเองก็อยากจะยืนต่อหน้าฝูงสัตว์อสูรเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนเช่นกัน และเขาก็อยากให้ทุกคนชื่นชมเขาอย่างเทพสายลม
ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนจะยกย่องเขาแบบเทพสายลมรึเปล่า….
“แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ…”
“ฉันจะช่วยมนุษย์และโลกนี้ได้รึเปล่า…”
หวังเย่าพึมพำออกมาก่อนจะส่ายหัวและสลัดความคิดนี้ออกไป คิดมากไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันยังเป็นเรื่องไกลตัวเขา มันเหมือนเส้นทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างแรกเขาต้องขึ้นไปถึงระดับ S ให้ได้ก่อน
มีแค่ขึ้นเป็นระดับ S เท่านั้นที่เส้นทางของเขาจะเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ
…
หลังจากนั้นสักพักหวังเย่าก็ส่งข้อความหาจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมย เวลาที่เหลือเขาก็แค่นอนเล่นในห้องและรอการประมูลเริ่มขึ้นอีก
ฟางอี้ไม่ได้มารบกวนเวลาพักของเขา
สิ่งนี้มันทำให้หวังเย่าแปลกใจ เพราะเธอน่ะชอบทำตัวมีปัญหาตลอด หรือว่าเธอไม่คิดจะหาเรื่องอะไรเขาแล้ว ?
ถ้าเป็นแบบนั้นหวังเย่าก็คงโล่งอก
ท้ายที่สุดแล้ว หวังเย่าก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นคิดยังไงกับฟางอี้
แต่ที่แน่ ๆ ก็คือเขาไม่ได้เกลียดเธอ แต่นอกจากนั้นเขาก็ไม่รู้หัวใจตัวเอง เขาจึงทำได้แต่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาตามความรู้สึกของเขา
และเหตุผลที่ฟางอี้ไม่ได้มาหาเรื่องหวังเย่าก็เพราะที่บนชั้นสามกลับมีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
เขาก็คือเจ้าเมือง และคือคนที่เธอเรียกว่าพ่อนั้นเอง
และที่ชั้นสามก็ยังมีคนอื่นปรากฏตัวขึ้นมาด้วย คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโต
ฟางฉิงหัวนั่งอยู่บนโซฟาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะยักคิ้ว
เขาแอบยิ้มมุมปากออกมาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ก็พอได้ข่าวมาบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าหอสมบัติสวรรค์จะเชิญเทพสายลมมาจริง ๆ ”
ฟางอี้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ใจจริงเธอไม่อยากจะตอบเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อที่เธอที่เคารพ แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่ค่อยจะชอบพ่อเท่าไหร่หากดูจากเรื่องแย่ ๆ ที่เขาเคยทำ
“พูดไปแล้วฉันเหมือนจะเคยทำตัวแย่ ๆ กับเขามาก่อน ไม่รู้ว่าเขาจะเอามาใส่ใจบ้างรึเปล่า” ฟางฉิงหัวจิบชาแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟางอี้ก็ตัวสั่นพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
“ไอ้บ้านั่น ! หนูบอกเลย ต่อให้ตายหนูก็ไม่มีวันตกลง ! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นฮีโร่ที่น่าเคารพก็ตาม !” ฟางอี้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจโดยไม่สนฟางฉิงหัวที่นั่งอยู่แม้แต่น้อย
“หนูชื่นชมเขา ! แต่หนูไม่คิดจะคุยกับเขาในเรื่องนี้ ! ผู้หญิงทุกคนก็มีสิทธิ์เลือก ! ” ฟางอี้เหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“พ่อรู้ พ่อแค่ล้อเล่น พ่อไม่คิดว่าเขาจะจริงจังในเรื่องนี้” เมื่อเห็นลูกสาวโกรธ ฟางฉิงหัวก็เริ่มที่จะอ่อนลงมาบ้าง
นอกจากนี้สิ่งที่ฟางอี้ไม่รู้ก็คือ ฟางฉิงหัวรู้นิสัยฟางอี้ดี ถึงแม้ว่าเธอจะเสแสร้งต่อหน้าเขา แต่ก็ไม่อาจรอดสายตาของเขาไปได้ เพราะว่าเธอคือลูกสาวของเขา
ฟางฉิงหัวเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปที่ชั้นสองและยิ้มออกมา “ลูกก็มีคนในใจแล้วสินะ ? ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟางอี้ที่โกรธอยู่ก็หน้าแดงขึ้นมา
“เป็นไปได้ยังไง….ที่คนอย่างหนูจะชอบใคร…” ฟางอี้เถียงออกมา
“มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะชอบไอ้คนหน้าไม่อายนั่น…ฉันไม่มีทางชอบเขา ! ” ฟางอี้คิดในใจพร้อมคิ้วที่ขมวด เธอเริ่มขยี้เสื้อไปมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำจนต้องรีบก้มหน้าลง
“ดูเหมือนว่าพ่อจะพูดถูกสินะ ลูกมีคนในใจอยู่แล้ว” ฟางฉิงหัวหันกลับมามองฟางอี้ด้วยท่าทีเป็นกันเอง
“หนูมีคนที่ชอบแล้วมันยังไงล่ะ ! ” สุดท้ายฟางอี้ก็ทนสายตาของพ่อตัวเองไม่ไหว เธอเงยหน้าขึ้นมามองโดยไม่คิดจะหลบสายตา แต่หน้าของเธอก็ยังคงแดงอยู่ดี
“ไม่มีอะไร พ่อแค่อยากบอกว่าถ้าชอบใครก็ไล่ตามไป เราจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง นี่คือความสุขในชีวิตลูก พ่อจะไม่ยุ่ง” ฟางฉิงหัวพูดจบก็เดินกลับไปที่หน้าต่างพร้อมถือแก้วชา
“ถึงพ่อไม่บอก หนูก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว” ฟางอี้รู้สึกว่าตอนนี้พ่อของเธอไม่ได้เคร่งครัดแบบเดิมกับเธออีกแล้ว
“แล้วเรื่องที่พ่อทำเมื่อหลายปีก่อนล่ะ” ฟางอี้กลับไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับกินของหวาน
“หวังว่าเขาจะไม่คิดใส่ใจกับเรื่องในอดีตรึว่ามีใครอยู่แล้ว ไม่งั้นหากเขาทำมันจริง ๆ พ่อคงเป็นเจ้าเมืองต่อไปไม่ได้…” ฟางฉิงหัวจิบชาและพึมพำออกมาเบา ๆ
….
ไม่นานเวลาก็ผ่านไปครบ 30 นาที การประมูลในส่วนหลังก็กลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง