ตอนที่ 354 : เทพมังกร
ตอนที่หวังเย่ายังคิดว่ามิตินี้มีอยู่จริงรึไม่นั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา
“กรร ! ”
เสียงคำรามนี้มันฟังดูน่าตกใจจนทำให้พื้นดินสั่นไหว หวังเย่ารับรู้ได้ว่าธาตุไฟในมิติถึงกับสั่นพ้องตามไปด้วย มันราวกับไหลไปรวมในทิศทางหนึ่ง
เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็อยากจะไปสำรวจที่นั่น ยังไงซะเขาก็เป็นแค่ร่างจิต เขาไม่จำเป็นต้องลนลานแม้แต่น้อย
เนื่องจากร่างจิตนี้ไม่ได้มีตัวตนรวมถึงมือและเท้า หวังเย่าจึงไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นยังไงแต่แค่คิดก็ทำให้ฉากรอบตัวเขาเปลี่ยนไป สุดท้ายตอนที่หวังเย่าได้สติกลับมา เขาก็รู้ตัวว่าเขาได้มาอยู่ในอีกที่แล้ว
มันยังอยู่ในโลกเดิม ท้องฟ้าที่นี่ดูหม่นหมองลงแต่บางครั้งก็สะท้อนแสงสีแดงออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้หวังเย่ากังวลเลยแม้แต่น้อย เขาเหมือนกับคนนอก เหมือนไม่ได้อยู่ในโลกนี้ด้วย ธาตุไฟที่ทรงพลังนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาเลย
หวังเย่าไม่ได้สนใจธาตุไฟเหล่านี้ ในสายตาของเขากลับมองไปที่ร่างขนาดใหญ่บนท้องฟ้าแทน
นี่คือมังกรที่ตัวยาวกว่า 1,000 ฟุต
ผิวของมันเป็นสีแดงราวกับแร่ไฟ มันดูน่าตกใจจริง ๆ
มันแผ่พลังอันแข็งแกร่งราวกับจะฉีกมิติออกได้ ตอนที่ปีกของมันสะบัดก็ทำให้เกิดพายุขึ้นมาซึ่งทำให้พลังธาตุนั้นปั่นป่วน
มังกรนี้ราวกับเป็นศูนย์กลางของโลกนี้ ธาตุไฟได้ไปรวมตัวรอบตัวมันพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นจนเหมือนจะทำลายโลกนี้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเทพมังกร
หวังเย่าไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
ความแข็งแกร่งนี้เหนือกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ มันอาจจะถึงระดับเทพเลยก็ว่าได้…
รึอาจจะเหนือกว่านั้น…
เพราะหวังเย่าไม่เคยเห็นสัตว์อสูรระดับเทพมาก่อนจึงไม่อาจจะบอกถึงความแข็งแกร่งของเทพมังกรนี้ได้ แต่ที่แน่ ๆ มันเหนือกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน เขาเคยเห็นกิเลนไฟที่อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อนแล้ว
เมื่อเทียบกับกิเลนไฟแล้ว มันด้อยกว่าเทพมังกรตรงหน้าของเขาในตอนนี้อย่างแน่นอน
“กรร ! ”
มังกรได้คำรามออกมาอีกครั้งพร้อมกับพลังที่ปะทุออกมาโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพัก
ตอนนี้หวังเย่าพบว่าสายตาของมังกรนั้นยังจับจ้องไปที่ท้องฟ้าอยู่
มันราวกับพบสิ่งที่มันไม่รู้จักเข้า
ตอนนั้นเองท้องฟ้ากลับมืดลงพร้อมกับฝนที่เทลงมา แต่ทว่าสีของฝนนั้นกลับเป็นสีดำ
ตอนที่ฝนหยดลงไปที่พื้นดิน ฝนกลับกัดพื้นดินจนทำให้เกิดหลุมขึ้นมา
เมื่อเห็นแบบนี้เขาจึงพอเดาออกว่าฝนนี่เกิดขึ้นจากฝีมือของเทพมังกรอย่างแน่นนอน
กรร !
เสียงคำรามที่ต่างจากเดิมดังขึ้นพร้อมกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
คลื่นพลังธาตุอันน่ากลัวได้ก่อตัวเป็นพายุและด้านบนท้องฟ้านั้นไม่ใช่ดวงอาทิตย์สีแดงแต่กลับเป็นสีดำ
สีของมันดำเกินจะหยั่งถึง มันราวกับหลุมดำที่จะกลืนกินทุกอย่างบนโลก
คลื่นปีศาจได้แผ่ออกมาจากหลุมดำนั้นและเข้าสู่โลกใบนี้
ธาตุไฟได้อ่อนแอลงไปทันทีภายใต้คลื่นปีศาจนี้แต่พลังธาตุไฟรอบตัวเทพมังกรนั้นยังคงอยู่
หลุมดำนี้ราวกับศัตรูของเทพมังกร
คลื่นปีศาจในตอนนี้คล้ายกับคลื่นพลังของซากปีศาจในต้นไม้กินเลือดที่หวังเย่าเคยสัมผัสได้ในมิติดวงจันทร์
มันราวกับว่าเป็นปีศาจตัวเดียวกัน
ทั้งสองเกี่ยวข้องกันยังไงนั้นหวังเย่ายังไม่ทันได้คิดหาเหตุผล เพราะตอนนี้เทพมังกรได้เริ่มโจมตีแล้ว
เทพมังกรได้ยกกรงเล็บขึ้นฉีกมิติออกแล้วโจมตีเข้าใส่หลุมดำ
ท้องฟ้าอันมืดมิดได้เกิดรอยแตกขึ้นมายาวไปหลายสิบกิโลเมตร
มันเพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าพลังของกรงเล็บนี้น่ากลัวแค่ไหน แต่ถึงการโจมตีนี้จะดูรุนแรง แต่ไม่นานท้องฟ้าอันมืดมิดก็กลับฟื้นตัวขึ้นมาเป็นปกติ
เมื่อเห็นว่าการโจมตีทั่วไปไม่อาจจะส่งผลได้ เทพมังกรจึงอ้าปากออกมา พลังธาตุไฟได้รวมตัวกันที่ปากของมัน สุดท้ายมันก็ดูราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กที่พุ่งออกไปจากปากเทพมังกร
เทพมังกรได้ยิงลำแสงเข้าใส่ท้องฟ้าอันมืดมิดทันที
ตูม !
ลำแสงนี้ได้พุ่งทะลุทุกอย่างเข้าสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด
ไม่ว่าลำแสงนี้จะผ่านไปที่ไหนก็ทำให้มิติแตกออก หากข้างบนนั้นมีเมืองแห่งดวงดาวอยู่จริง เมื่อได้รับการโจมตีแบบนี้เข้า เมืองคงพังราบเป็นหน้ากลอง บางทีเมืองทั้งเมืองอาจจะหายไปจากโลกนี้เลยก็ได้
นี่คือสิ่งที่หวังเย่าคิด
ตูม !
ลำแสงได้เข้าปะทะกับท้องฟ้าก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นมา
พลังได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางจนทำให้โลกนี้สั่นไหวไปตาม
ลำแสงนี้ได้ทำลายท้องฟ้ามืดมิดจนทำให้พายุบนท้องฟ้านั้นสั่นไหว สุดท้ายมันก็เผยให้เห็นส่วนหนึ่งของด้านในท้องฟ้าอันมืดมิดนั้น
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง หวังเย่าก็ตัวแข็งทื่อไปทันที
“นี่มัน…ไม่ใช่ว่า….”