ตอนที่ 358 : ระดับ S
“ฉันคือคนจากโลกอนาคตงั้นหรือ ? ” หวังเย่าพึมพำขึ้นมา
เมื่อคิดถึงความสามารถที่ทำลายล้างโลกได้ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหนทางขึ้นมา
ช่องว่างมันต่างกันเกินไป
แม้ว่าเขาจะมีระบบอยู่ด้วย แม้ว่าเขาจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่มันต้องใช้เวลาในการเติบโต หากอีกฝ่ายตื่นขึ้นมา งั้นโลกนี้ก็คงไม่อาจจะต้านทานได้แน่
หวังว่าปิศาจนั่นจะยังไม่สนใจโลกของเขา นี่คือสิ่งที่หวังเย่าได้แต่ภาวนา
โลกของเทพมังกรที่ดูแข็งแกร่งกลับพังทลายได้อย่างง่ายดาย….
หวังเย่าอดคิดไม่ได้ว่าหากปีศาจนั่นไม่สนใจโลกนี้ล่ะ…
แม้ว่าจะเป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่หากมันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ ?
แต่ไม่มีใครรับรองได้…
เมื่อคิดได้แบบนั้น หวังเย่าก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
แม้ว่ามันจะไม่เป็นตามที่เขาหวัง แต่เขาก็คิดที่จะสู้ แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นปีศาจนั่น แต่เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ
มันยังมีเวลาอยู่ หากเขาพยายามพร้อมกับมีระบบคอยช่วย เขาก็ต้องทำได้
นี่ไม่ใช่การหลงตัวเอง แต่เป็นเพราะความมั่นใจที่มีให้กับระบบ
เมื่อระบบช่วยเขาจากอีกฝ่ายได้ งั้นก็หมายความว่าระบบมีความสามารถเทียบเท่ารึไม่ก็เหนือกว่า
แม้ว่าตอนนี้ระบบจะหลับใหลอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ที่หวังเย่าทำได้ตอนนี้ก็แค่เชื่อมั่นในระบบเท่านั้น
เมื่อระบบช่วยพัฒนาสัตว์อสูรให้ขึ้นไปถึงระดับเหนือเทพได้ งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวปีศาจนั่น
เมื่อคิดได้แบบนั้น หวังเย่าก็อดหัวเราะไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นความหวังไกลตัว แต่เขาเชื่อว่ามันก็น่าจะเป็นจริงได้หากเขามีเวลามากพอ
เวลาและความพยายาม สองข้อนี้คือสิ่งที่หวังเย่าให้ความสำคัญที่สุด
หวังเย่าส่ายหน้า ตอนนี้เขาจะจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนั้นให้ดี ถ้าไม่มีระบบมาช่วย เขาคงไม่มีทางรอดมาได้
“หวังว่าระบบจะไม่หลับไปนานเกินไป” หวังเย่าพึมพำออกมาแต่ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่าร่างกายนั้นต่างไปจากเดิม
ก่อนหน้านี้เขายังอยู่ในช่วงตกใจอยู่ เมื่อเรียกสติกลับมาได้ เขาก็เพิ่งรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองได้พัฒนาไปอีกระดับ ตอนนี้แม้ว่าจะยืนนิ่ง ๆ ให้คนอื่นรุมอัด แต่เขาก็จะไม่เป็นอะไร
แค่กำหมัดก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาล หากเขาต่อยออกไป งั้นห้องนี้อาจจะถูกทำลายเลยก็ได้
เลือดที่เสียไปกับการฟักอสูรมิติได้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว ตอนนี้มันยกระดับขึ้นไปอีก จนบริสุทธิ์กว่าเดิม
ผิวของเขาเปล่งปลั่งกว่าเดิมด้วย ถึงจะดูบอบบางแต่กลับแข็งราวกับเหล็ก หวังเย่ารู้สึกว่าร่างกายของเขาตอนนี้เรียกได้ว่าร่างมังกรก็ยังได้
การพัฒนานี้คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ยิ่งกว่านั้นแค่หลับตา เขาก็รับรู้ได้ถึงทักษะ 2 อย่างที่ปรากฏขึ้นมาในหัว เขาสามารถใช้มันออกมาได้อย่างง่ายดาย
ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อขึ้นมาถึงระดับ S ได้ เมื่อขึ้นมาถึงระดับนี้แล้ว หวังเย่าถึงเข้าใจจริง ๆ ว่านักรบระดับ S นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ระดับ A กับระดับ S ไม่อาจจะเอามาเทียบกันได้เลย
“ดูเหมือนว่าเลือดมังกรจะให้ทักษะทั้งสองกับฉัน” หวังเย่าพูดจบก็อดนึกถึงสิ่งที่เขาเห็นในโลกอื่นไม่ได้
ต้องบอกว่าโลกที่เขาเดินทางไปนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเลือดหัวใจมังกรและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโสมคน
เขาแค่คิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงได้ไปปรากฏตัวที่นั่น
หวังเย่าขมวดคิ้วอยู่นานก่อนจะสลัดความคิดนี้ออกจากหัว ตอนนี้เขาได้แต่กดความสงสัยของตัวเองเอาไว้และเดินออกจากห้องไป
เมื่อออกมาด้านนอก หวังเย่าก็ถอดเสื้อออกเพราะเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัวที่ทำให้เขาอึดอัด ตอนนี้เขาอยากกลับไปอาบน้ำ
“หัวหน้า สุดท้ายนายก็ออกมาแล้ว” หลงปู้หยู๋โผล่มาตรงหน้าหวังเย่าและพูดขึ้นมา
“หัวหน้า…นายทำได้งั้นหรือ ? ” หลงปู้หยู๋เข้ามาดูหวังเย่าใกล้ ๆ พร้อมกับเบิกตากว้าง
“ใช่ ฉันอยู่ระดับ S แล้ว” หวังเย่าพยักหน้า เขาไม่คิดจะปิดบัง
“อะไรนะ ? นายทะลวงผ่านได้สำเร็จ สุดท้ายเราก็มียอดฝีมือจริง ๆ อยู่ด้วยแล้ว”
ตอนที่หวังเย่าพูดจบ หลงปู้หยู๋ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาก็มีคนจำนวนมากแห่กันเข้ามา
ลัวจ้าวฮว่า, พี่หลง, เจ้าเขียวและคนอื่น ๆ พากันเข้ามารุมล้อมหวังเย่าเอาไว้
“พอแล้ว ฉันไม่ใช่แพนด้าสักหน่อย ฉันแค่ทะลวงผ่านมาระดับ S ได้ พวกนายไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ไม่ใช่รึไง ? ” หวังเย่าบอกกับทุกคน
“แค่ทะลวงผ่านงั้นหรือ…”
ลัวจ้าวฮว่าและคนอื่น ๆ แทบกระอักเลือดออกมา
ในสายตาของหวังเย่า การทะลวงผ่านขึ้นมาระดับ S นั้นเป็นเรื่องง่ายรึไง ?
งั้นมันคงน่าอับอายสำหรับคนที่อยู่ระดับ B รึ C
บอกได้ว่าคำพูดของหวังเย่า ทำให้พวกเขาสะเทือนใจอย่างมาก
แม้แต่หลงปู้หยู๋ก็ยังปากกระตุกไปตาม
“ใช่ ก็ง่าย ๆ ” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยท่าทีสบายใจ
ยังไงซะเขาก็ฝึกฝนร่างกายมานาน ตอนนี้เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกดีกับมัน ไม่งั้นแล้วเขาคงเป็นบ้าตาย
“หัวหน้า อย่าพูดแบบนั้นถ้ายังมองว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่”
“อาเย่า ฉันอดชื่นชมนายไม่ได้จริง ๆ ”
“หัวหน้าเหมือน…จะไม่ดีใจเลยนะ”