บทที่ 720 แดนเซียนแดนมรณา สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงมาถึง!
ความรู้สึกอันคุ้นเคย ผู้ที่เคยรู้จักกัน ผู้ใดกันนะ?
กระโปรงสีขาวแห่งความตายขบคิด แม้มันเป็นเพียงอาภรณ์ชิ้นหนึ่ง กระนั้นก็มิใช่อาภรณ์ธรรมดา มันถือเป็นภาพสะท้อนบางอย่าง สืบทอดเจตนารมณ์ของร่างจริงไว้
ทว่าต่อมา มันหยุดการขบคิดนี้ และเหินเข้าไปในส่วนลึกของอาณาจักรแห่งนี้
อย่างไรมันก็มิใช่ร่างจริง เป็นเพียงภาพสะท้อนบางอย่าง แม้ว่าศึกนี้มันไม่ถูกกำจัดจนราบคาบ กระนั้นก็สร้างความเสียหายให้มันไม่น้อย มันต้องพักฟื้นเสียก่อน
มิฉะนั้น มันยากจะรักษาภาพสะท้อนเช่นนี้ให้คงอยู่ได้อีก
สุดท้าย มันหายไปจากสายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
นี่มันไปแล้ว หรือยังอยู่ในส่วนลึกของอาณาจักรพวกเขากันแน่?
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเกิดข้อข้องใจเช่นนี้ พวกมันไม่รู้ว่าตกลงกระโปรงสีขาวแห่งความตายได้ตายไปแล้วหรือไม่!
แต่พวกมันต่างภาวนาให้กระโปรงสีขาวแห่งความตายสิ้นไปจากดินแดนของพวกเขา
ความรู้สึกที่ถูกความมืดมิดปกคลุมก่อนหน้านี้พวกเขาจำมาถึงป่านนี้ พวกเขาไม่อยากเผชิญกับความมืดมิดเช่นนี้อีกแล้ว และยิ่งไม่อยากใช้ชีวิตในความมืดมิดเช่นนี้ตลอดไป!
ผู้เป็นนิรันดร์ทอดมองเข้าไปในส่วนลึก พวกเขามีพลังลึกล้ำ อยู่ในขอบเขตนิรันดร์ กาลเวลาไม่อาจทิ้งร่องรอย ไม่อยู่ในวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย กระนั้นพวกเขาก็ยังมองไม่ออก ไม่รู้ว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายนั้นไปแล้วหรืออยู่ต่อ
จิตใจพวกเขาหนักอึ้งเป็นอย่างมาก กระทั่งท่านผู้นั้นยังไม่สามารถกำจัดกระโปรงสีขาวแห่งความตายจนสิ้นซาก เบื้องหลังของกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนี้ต้องน่าพรั่นพรึงปานใด?!
ม่านแห่งความมืดมิดได้เปิดออกแล้ว และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ถึงคราวยุคสมัยแห่งความมืดมิดมาเยือนจริง ๆ ท่านผู้นั้นจะต้านทานได้ไหวหรือ?
พวกเขานั้นไม่ได้แน่นอน ห่างกันไกลโข ความหวังทั้งหมดอยู่กับท่านผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาทำได้เพียงหวังพึ่งท่านผู้นั้น!
“ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บตระกูลเทียนไว้อีกแล้ว!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนหนึ่งยิ้มเย็น แววตาเปล่งประกายเย็นยะเยือก
เขาจำต้นหลิวได้เช่นกัน เป็นจ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์ มีศักยภาพสูง หากไม่มีอุบัติเหตุอันใด วันหน้ามีโอกาสร่วมขบวนพวกเขา เป็นร่างนิรันดร์ได้แน่
เขาจำต้นหลิวได้
ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอก ทุกสิ่งทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน
แต่บัดนี้ พวกเขาจำต้องยื่นมือเข้าไปแล้ว
เผ่าหลิวสวรรค์ของต้นหลิวถูกตระกูลเทียนวางอุบายให้ร้าย จนต้นหลิวถูกทอดทิ้งไว้ข้างนอก ทั้งเผ่าหลิวสวรรค์เกือบถูกล้างบาง เหลือสมาชิกอยู่เพียงส่วนหนึ่งที่หนีอุตลุดไปทั่วด้วยลมหายใจรวยริน
เห็นได้ชัดว่า ต้นหลิวกับท่านผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกันลึกซึ้ง ผู้เป็นนิรันดร์ตนนี้จึงตัดสินใจกำราบตระกูลเทียน ปกป้องสมาชิกที่เหลือของเผ่าหลิวสวรรค์ไว้
“อย่าได้วู่วาม!”
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีตนหนึ่งเอ่ยปาก “หากว่ากระโปรงตัวนั้นถูกทำลายจนราบคาบ พวกเราย่อมไม่เถียง ยินดีกำราบทั้งตระกูลเทียนลง แต่กระโปรงตัวนั้นมิได้ถูกทำลายจนราบคาบ และไม่แน่ว่ายังอยู่ในส่วนลึกหรือไม่…”
นางกลัวว่าหากกำราบตระกูลเทียน ปกป้องสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์ที่เหลือจะเป็นการทำให้กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นพิโรธ
ถึงอย่างไร กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นก็เป็นปรปักษ์กับท่านผู้นั้น…
“นี่เจ้าตั้งใจจะยอมจำนนต่อความมืดมิดหรือ?!”
ผู้เป็นนิรันดร์ที่ปริปากก่อนหน้านี้ตวาดใส่ผู้เป็นนิรันดร์สตรีอย่างกราดเกรี้ยว
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีหมายความว่าอย่างไรกัน
กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นตัวแทนของความมืดมิด ท่านผู้นั้นคือความหวังสูงสุดในการต่อกรกับความมืดมิด พวกเขาไม่ล้างแค้นแทนต้นหลิวผู้ติดตามข้างกายท่านผู้นั้นด้วยการกำราบตระกูลเทียนแล้วอย่างไรต่อ เข้าเป็นพรรคพวกกับความมืดมิดหรือไร?!
“บรรพจารย์โม่อย่าเพิ่งเดือดดาล”
ผู้เป็นนิรันดร์สตรีกล่าว “พวกเราย่อมไม่ยอมจำนนต่อความมืดมิด แต่พวกเรากระทำการรุนแรงไปก็ไม่ดี รอเสียหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถิด!”
“คอยดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด!”
“เวลานี้ไม่เหมาะจะทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นพากันกล่าว
ข้อกังวลของผู้เป็นนิรันดร์สตรีใช่ว่าไร้เหตุผล กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นเป็นอย่างไรมาอย่างไรยังไม่ทราบ สถานการณ์ในยามนี้ไม่เหมาะให้ทำการใด ๆ จริง ๆ มิฉะนั้น คงเกิดเรื่องได้ง่ายยิ่ง!
ผู้ฝึกตนมากมายปานนี้ออกเสียงแล้ว บรรพจารย์โม่ได้จำต้องยอม
กระนั้นเขายังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ทว่าสมาชิกที่เหลือของเผ่าหลิวสวรรค์เกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด!”
“เรื่องนั้นแน่นอน!”
“ผู้ใดก็ห้ามแผ้วพานพวกเขา!”
ผู้เป็นนิรันดร์ตนอื่นพยักหน้าตามพลางกล่าว
ขณะเดียวกัน ทุ่งร้างบางแห่งในอาณาจักรนี้
“ท่านจ้าว ท่านได้ยินเสียงร้องเรียกของพวกเราแล้วหรือ”
ต้นหลิวแก่ต้นหนึ่งซึ่งมีใบไม้แห้งเหลือง ลำต้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากมีดดาบและขวาน เห็นแล้วชวนให้สะเทือนขวัญ!
รอบตัวของมันมีต้นหลิวน้อยใหญ่สิบกว่าต้นตั้งอยู่ เป็นสมาชิกเผ่าหลิวสวรรค์กันทั้งสิ้น สถานการณ์ของพวกมันล้วนอเนจอนาถ มิมีต้นใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์!
เผ่าหลิวสวรรค์อันใหญ่หลวง เป็นถึงหนึ่งในมหาเผ่า บัดนี้กลับเหลือสมาชิกอยู่เพียงเท่านี้ ช่างเป็นภาพที่น่าสลดอย่างยิ่ง!
“ท่านจ้าว ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านยังไม่ตาย! พวกเราจะรอท่านกลับมาอยู่ที่นี่ต่อไป!”
ต้นหลิวแก่เอ่ยเสียงร่ำไห้
ตระกูลเทียนวางอุบายทำร้ายท่านจ้าวของพวกมัน ทั้งยังประกาศว่าท่านจ้าวของพวกมันตายไปแล้ว ทว่ามันมิเคยเชื่อ มันเชื่อว่าท่านจ้าวของพวกมันยังมีชีวิตเรื่อยมา และมันคอยร้องเรียกท่านจ้าวของมันอยู่ตลอด ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่มันคิดนั้นไม่ผิด ท่านจ้าวของพวกมันยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย! เมื่อครู่ยังปรากฏกายออกมาแล้วด้วย!
มันสัมผัสได้ว่าท่านจ้าวของพวกมันประสบปัญหาใหญ่จนบัดนี้ยังไม่ฟื้นตัว แต่มันไม่รู้สึกกังวล ช้าเร็วท่านจ้าวของพวกมันก็ต้องหวนคืนอย่างมีเกียรติ!
พวกมันเห็นศึกนั้นกันถ้วนหน้า ท่านจ้าวของมันได้ติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น มีอันใดที่มันต้องกังวลอีก?
ท่านจ้าวของพวกมันจักต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกแน่!
“ตระกูลเทียน พวกเจ้ารอก่อนเถิด! ถึงครานั้น ทุกอย่างต้องถูกสะสาง!”
มันเอ่ยเสียงเคียดแค้น หนี้แค้นนี้ใหญ่หลวงนัก พวกมันจักสะสางกับตระกูลเทียนให้รู้เรื่อง!
อีกด้าน ภายในดินแดนตระกูลเทียน
“จบแล้ว จบแล้ว!”
ผู้นำตระกูลเทียนเหงื่อเย็นไหลโซมกาย เหตุใดเขาถึงนึกไม่ถึงว่าต้นหลิวยังไม่ตาย ซ้ำยังได้ติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น!
สำหรับพวกเขา ไม่มีเรื่องใดเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว!
ยามนี้ที่ต้นหลิวยังไม่กลับมาคิดบัญชีกับพวกเขานั่นเพราะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ต้นหลิวฟื้นตัวได้อย่างสิ้นเชิง จดจำเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตได้ พวกเขาหรือจะมีจุดจบที่ดี?
“เพราะเจ้าเพียงผู้เดียว ครานั้นเจ้าเอ่ยว่าอย่างไรมันต้องตายแน่แล้ว ไม่ต้องไปไล่ฆ่าอีก ผลสุดท้ายเล่า บัดนี้พวกเราต้องมาตายกันหมด!”
เขามองผู้อาวุโสท่านหนึ่งด้วยความโกรธเกรี้ยว ต่อว่าเสียงดัง
“ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ! มันถูกพิษร้ายแรง ซ้ำยังถูกพวกเราทำร้ายถึงแก่นพลังจนบาดเจ็บสาหัส มันอยู่ในสถานการณ์ที่ตายแน่แล้ว!”
ผู้อาวุโสท่านนั้นเอ่ยเสียงร่ำไห้
“สวะ สวะ! สวะกันทั้งหมด!”
ผู้นำตระกูลเทียนเดือดดาล สถานการณ์ตระกูลเทียนของพวกเขาในตอนนี้เป็นเฉกเช่นที่เขาว่าไว้ก่อนหน้า พวกเขาทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
ต้นหลิวติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น มิใช่ผู้ที่พวกเขาต่อกรด้วยได้เลย นอกจากรอความตาย พวกเขาก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก ไม่มีหนทางอันใด
“ไม่!”
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ไม่ยอมรอความตายอยู่เช่นนี้ เขาเอ่ย “ข้าจะไปยังส่วนลึก!”
“ส่วนลึก!”
ผู้อาวุโสตระกูลเทียนตกตะลึง กระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นหายไปในส่วนลึก ผู้นำตระกูลคิดจะไปทำอันใดที่ส่วนลึกกัน?!
คงมิใช่ว่าอยากเข้าเป็นพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตายกระมัง!
“ใช่แล้ว ที่นั่นเป็นทางออกเดียวของเรา! หวังว่าอาภรณ์ตัวนั้นยังไม่ไปไหน อยู่ในส่วนลึกนั่น!”
ผู้นำตระกูลเทียนกล่าว
หากไม่เข้าเป็นพรรคพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตาย พวกเขาก็จะเหลืออยู่ทางเลือกเดียวคือความตาย
แม้ว่าการสมัครเป็นพรรคพวกของกระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ไม่แน่ว่าจะได้อยู่ต่อ กระนั้นก็พอมีความหวังบ้างไม่มากก็น้อย!
“เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด และห้ามปุบปับกระทำการใดด้วย สิ่งมีชีวิตที่จับตามองส่วนลึกอยู่มีมากเกินไป!”
ผู้นำตระกูลเทียนใจเย็นอย่างมาก มิได้ลงมือทันใด
เขารู้ดีว่า หากเขามุ่งหน้าไปยังส่วนลึกในตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ และอาจเจอกับการกีดขวางจากตระกูลอื่น
กระโปรงสีขาวแห่งความตายเป็นตัวแทนของความมืดมิด ตระกูลอื่นไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาเข้าเป็นพรรคพวก!
เรื่องนี้ยังต้องหารือกันอีกยาว!
…
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ภายในอวกาศ ร่างจำนวนมากเหินเข้ามาจากฟากฟ้า พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปที่แดนบรรพโกลาหล บัดนี้ต่างอยู่นอกอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลแล้ว
อาณาจักรนี้มีพลังคอยคุ้มกัน อยู่ในสถานะปิดสนิท แต่สำหรับเจ้าของร่างเหล่านี้ พลังคุ้มกันเช่นนี้เสมือนของตั้งวาง ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อพวกเขา พวกเขาเข้าไปในอาณาจักรนี้ได้สบาย
พวกเขามาจากแดนเซียน พลังกล้าแกร่ง กำลังรบเหนือกว่าขอบเขตเซียนไปไกลนัก
ยอดฝีมือจากแดนมรณาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
พวกเขามองอาณาจักรนี้ด้วยความทอดถอนใจ
พวกเขาคือเซียนอย่างแท้จริง แตกต่างจากเจ้าพวกที่มาจากแดนเซียน ทว่าพวกเขาถูกภพเซียนทอดทิ้ง จำต้องอยู่ที่นี่
ต่อมา พวกเขาก่อตั้งแดนมรณา หมายจะบุกเข้าไปในภพเซียน เพื่อแก้แค้นเรื่องในอดีต
พวกเขาบงการอาณาจักรเทียนหยวน สั่งให้อาณาจักรเทียนหยวนยกทัพจู่โจมอาณาจักรแห่งนี้ หมายจะให้อาณาจักรเทียนหยวนล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ให้หมด ใช้โลหิตของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ปลุกชีพเซียนที่ตายในอาณาจักรนี้!
อดีตของอาณาจักรแห่งนี้ไม่ธรรมดา รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด สายเลือดของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นยังคงน่าทึ่ง หากมิใช่ว่าสิ่งแวดล้อมในอาณาจักรย่ำแย่เกินไป สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นย่อมประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่!
หากจะล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นให้หมด จนโลหิตของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นปกคลุมแดนดินทุกระเบียดนิ้ว เหล่าเซียนที่ตายไปต้องถูกปลุกขึ้นมาได้แน่นอน
อนิจจา พวกเขาได้พบกับจักรพรรดินี ได้พบกับ…ท่านผู้นั้น!
ท่านผู้นั้นถล่มแดนมรณาของพวกเขาจนแทบแหลกลาญ พวกเขาไม่เคยพบเจอตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงเยี่ยงนั้นมาก่อน จนพวกเขาไม่มีความคิดเช่นนี้อีก
พวกเขาในตอนนี้ เพียงต้องการอยู่รอในแดนบรรพโกลาหลอย่างเงียบเชียบ แล้วค่อยเข้าไปแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงในนั้น มิกล้าคิดเพ้อถึงสิ่งอื่นใดอีก
พวกเขารู้ว่าท่านผู้นั้นมาจากอาณาจักรนี้ หลังพวกเขาเข้ามาในอาณาจักรนี้แล้วสงบเสงี่ยมเป็นที่สุด มิกล้าโหวกเหวกแม้แต่น้อย ตั้งพักแรมในสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความสงบ
ต่อมา สิ่งมีชีวิตอื่นทยอยเข้ามาในอาณาจักรนี้ พวกเขาต่างทำตัวราบเรียบ ขอบเขตพลังต่างเหนือขอบเขตเซียนขึ้นไป
และหลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตถูกกีดขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขามาจากอาณาจักรต่าง ๆ พลังคุ้มกันในอาณาจักรนั้นแทบไม่อาจทะลวงได้เลยสำหรับพวกเขา ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเก้าตอนบนก็เช่นกัน ไม่สามารถเข้าไปได้เลย
พลังคุ้มกันของอาณาจักรนี้ทรงพลังอย่างยิ่งยวด กำลังรบที่ยังไม่ถึงขอบเขตเซียนไม่อาจเข้าไปได้ง่าย ๆ
ทันทีที่เมิ่งจีบรรลุขอบเขตสูงขึ้น จักมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังคุ้มกันของอาณาจักรนี้ พลังคุ้มกันอาณาจักรนี้แข็งแกร่งทนทานกว่าเก่ามากนัก
คล้อยตามกาลเวลาที่ล่วงเลย สิ่งมีชีวิตที่เข้ามารวมตัวกัน ณ ที่นี้ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาต่างมองอาณาจักรแห่งนี้แล้วทอดถอนใจ
แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่อาจฝ่าเข้าไปได้
ต่อให้ทุกสิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ผนึกกำลังก็มิได้ พลังคุ้มกันที่ไหลเวียนอยู่ในอาณาจักรนี้เหนือกว่าพลังในใต้หล้าอย่างเห็นได้ชัด เป็นพลังเหนือระดับเซียนขึ้นไปแล้ว
นี่มิใช่พลังที่พวกเขาทะลวงได้
“อาณาจักรนี้เป็นเพียงอาณาจักรระดับล่างมิใช่หรือ เหตุใดถึงมีพลังคุ้มกันน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!”
“หรือเพราะแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏขึ้นในอาณาจักรนี้ ถึงได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของอาณาจักรนี้ไป”
สิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้
พลังคุ้มกันของที่นี่ดุดันยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบนเสียอีก หรือพวกเขาต้องกลับไปทั้งอย่างนี้หรือ
“ถ้าอยากเข้าไป จะไปยากอันใด”
เวลานั้น เสียงหัวเราะร่วนเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้น เด็กหนุ่มผู้มีประกายแวววาวรอบตัวมาถึงที่นี่
เขามีรูปร่างสูงใหญ่องอาจ บุคลิกไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่ามิใช่พวกดาษดื่น ความมั่นใจเปี่ยมล้นอยู่ทั่วกาย
“สมาชิกตระกูลข้าเข้าไปได้นานแล้ว ข้านั้นมีธุระอื่นต้องจัดการ ถึงเพิ่งมาถึงเอาป่านนี้”
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่กลับเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเจ้า”
เขาหัวเราะ หันมองสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งปวง “ข้าพาพวกเจ้าเข้าไปได้ แต่มีเงื่อนไข พวกเจ้าต้องทำให้ข้ามีความสุขก่อน”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “ข้าชอบดูสุนัขกัดกัน พวกเจ้าแสดงให้ข้าดูหน่อยเถิด สุนัขตัวไหนกัดได้ดี ข้าจะพาสุนัขตัวนั้นเข้าไป”
หลังเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกไป สิ่งมีชีวิตในที่นี้สีหน้าเปลี่ยนไปกันทั้งหมด
เด็กหนุ่มเห็นพวกเขาเป็นสุนัขหรือ!