บทที่ 721 พวกเจ้าสองคนมากัดกันเป็นสุนัขเสีย!
รูปลักษณ์เด็กหนุ่มดูแล้วหล่อเหลาสง่างาม ท่วงท่าไม่ธรรมดา แต่ที่ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นคาดไม่ถึงก็คือจิตใจของเด็กหนุ่มนั้นน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง ดูแคลนพวกเขาเป็นเพียงแค่สุนัข!
“คนหนุ่มสาวไม่ควรทำตัวเกินเลยถึงเพียงนี้ สงวนท่าทีเอาไว้ วันข้างหน้าจะได้พานพบกันดี ๆ!”
ยอดฝีมือผู้หนึ่งก้าวออกมา เขามาจากเก้าอาณาจักรตอนบน แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เป็นถึงตี้จวินผู้หนึ่ง!
“ทำตัวเกินเลย?”
ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ ทว่ายังคงไม่มีความโกรธ ท่าทางสง่าลุ่มลึกเช่นเดิม
แต่คำพูดของเขานั้นช่างชวนให้คนกรุ่นโกรธอย่างถึงที่สุด
“สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยเช่นพวกเจ้า ต่อหน้าข้าแล้วก็เป็นได้เพียงมดปลวก ข้าเรียกพวกเจ้าว่าเป็นสุนัขก็นับว่าเป็นการยกย่องพวกเจ้าแล้ว”
เขาไม่แยแส ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่ยังอยู่ในขอบเขตการฝึกฝนของโลกมนุษย์ เขามีอันใดให้ต้องกลัวกัน? พลังของเขานั้นก้าวข้ามไปยังขอบเขตเซียนนานแล้ว
เขามาจากแดนเซียน พลังการต่อสู้นั้นอยู่ในระดับเซียนสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตในหมื่นอาณาจักรล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมดแสนเปราะบางในสายตาของเขา
“เป็น…เจ้านี่เอง!”
ในตอนนั้นเอง สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งพลันมองมาที่เด็กหนุ่มด้วยแววตาหวาดกลัว “เจ้า…เจ้าคือผู้ที่สังหารสิ่งมีชีวิตบนนาวาสมุทรไปหลายลำ!”
จนกระทั่งถึงตอนนี้เขายังไม่อาจลืมเลือนสิ่งที่ตนได้เห็นไปเมื่อยามนั้น
ยามนั้นตอนเขาเดินทางผ่านไป ได้เห็นกับตาว่าเด็กหนุ่มกำลังสังหารล้างสิ่งมีชีวิตบนนาวาสมุทรหลายลำ เด็กหนุ่มผู้นี้นับได้ว่าเป็นปีศาจในหมู่ปีศาจ เขาไม่ได้สังหารสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนนาวาสมุทรโดยตรง แต่ลงมือทรมานสิ่งมีชีวิตบนนาวาสมุทรทุกวิธีจนสิ้นชีพลง
อ้วก!
เมื่อนึกถึงภาพที่ได้เห็นมา สิ่งมีชีวิตตนนั้นก็อาเจียนออกมาทันที
เด็กหนุ่มโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ วิธีการทรมานผู้คนนั้นเลวร้ายจนเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้
“หืม ดูเหมือนเจ้าจะเคยเห็นข้ามาก่อนนะ”
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังอาเจียนก็หัวเราะออกมาทันที “เหตุใดยามนั้นข้าจึงไม่สังเกตเห็นว่ามีผู้ชมอยู่กันนะ? หากข้ารู้ว่ามีผู้ชมอยู่ละก็ คงจะทำสิ่งที่ดีกว่านี้ออกมาให้ชม”
“เจ้า…!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นถลึงตาจ้องไปทางเด็กหนุ่ม “ไม่มีความเป็นมนุษย์สักนิดเลยหรือ!”
“ความเป็นมนุษย์? ข้ายังต้องการสิ่งนั้นไปเพื่ออันใด? ข้าเป็นเซียนแล้ว ทั้งยังเป็นเซียนสมบูรณ์!”
เด็กหนุ่มนามเริ่นลู่เอ่ยอย่างไม่แยแส
เขาไม่ถือว่าตัวเองเป็นเผ่ามนุษย์ตั้งนานแล้ว แต่นับว่าตัวเองเป็นเผ่าเซียน เป็นเซียนที่อยู่เหนือเผ่ามนุษย์!
“วิถีสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม เหตุใดคนชั่วช้าสามานย์อย่างเจ้าจึงได้ทรงพลังมากเพียงนี้?! ทุกท่านดูเถิดว่าเขาทำสิ่งใดลงไป!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น จากนั้นก็แสดงสิ่งที่เขาได้พบเห็นทั้งหมดให้สิ่งมีชีวิตจากหมื่นอาณาจักรได้ดู
ฉากทัศน์ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า เริ่นลู่อยู่ด้านในภาพนั้น กำลังใช้พลังรวบรวมนาวาสมุทรหลายลำเอาไว้ จากนั้นก็นำผู้ฝึกเหล่านั้นมาเป็นของเล่น
เขาทำให้ผู้ฝึกตนเหล่านั้นสังหารกันเอง โดยไม่ให้ใช้อาวุธหรือวิชาใด ๆ ทำได้แต่เพียงกัดกัน กัดจนกระทั่งไม่เหลือเนื้อติดกระดูกเลยถึงหยุด
ผู้ฝึกตนหญิงนั้นน่าเวทนาเสียยิ่งกว่า ต้องเผชิญความอัปยศอดสู ถูกเล่นด้วยอย่างป่าเถื่อน ไม่มีศักดิ์ศรีใด ๆ ทั้งสิ้น
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากหมื่นอาณาจักรได้เห็นเช่นนี้แล้ว ต่างก็เห็นพ้องกันว่าเริ่นลู่ผู้นี้เป็นได้เพียงแค่เดรัจฉาน เลือดเย็น ที่ทั้งโหดเหี้ยมและอำมหิต
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!”
เริ่นลู่ได้เห็นตนเองด้านในภาพนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่มีความละอาย ยังถึงกับหัวเราะตบมือยกใหญ่
“นี่คือพี่เริ่นอย่างนั้นหรือ? ช่างรู้จักวิธีเล่นเหลือเกิน! น้องชายผู้นี้ขอคารวะ!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีหนึ่งร่างทะยานออกมาร่อนลงด้านข้างเริ่นลู่
เขามีนามว่าอวี๋ฮวน มาจากแดนเซียนเช่นเดียวกัน ดูยังเยาว์วัยเป็นอย่างมาก ขอบเขตเองก็ไม่สูงเท่าเริ่นลู่ ทว่าก็อยู่เหนือขอบเขตเซียนเช่นเดียวกัน
เมื่ออยู่ในแดนเซียน พวกเขาต่างได้รับการขนานนามว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์ บุคลิกเองก็ไม่เลวเลย
แต่หลังออกจากแดนเซียนแล้ว กมลสันดานอันเป็นธาตุแท้ก็เผยออกมา
สิ่งที่เรียกว่าบุคลิกดี ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งปั้นแต่งขึ้นมา พวกเขาไม่กล้าทำตัวเช่นนี้ในแดนเซียน อย่างไรเสียแดนเซียนก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือจำนวนมาก สามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาอยู่ภายนอก พวกเขาไม่จำเป็นต้องข่มธาตุแท้เอาไว้อีกต่อไป ต่อให้ก่อเรื่องแค่ไหนก็ไม่มีอันใดเกิดขึ้น สำหรับเขาแล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านนอกแดนเซียนล้วนอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาสามารถกำหนดชี้ชะตาได้โดยไม่ต้องกังวลกับผลร้ายที่จะตามมาแต่อย่างใด
นอกจากเริ่นลู่และอวี๋ฮวนแล้ว เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ที่มาจากแดนเซียนเองก็ไม่ต่างกัน มีผู้คนจำนวนมากในแดนเซียนที่เหมือนกับเริ่นลู่และอวี๋ฮวน
ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตของหมื่นอาณาจักรถูกพวกคนเช่นเริ่นลู่และอวี๋ฮวนที่มาจากแดนเซียนสังหารไปมากน้อยเพียงใด!
“ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน”
เริ่นลู่ยิ้ม “ไม่รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลจะปรากฏออกมาจริงเมื่อใดกันแน่ พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเข้าไป ยังคงสามารถเล่นสนุกด้านนอกได้”
“ใช่แล้ว ยอดฝีมือของตระกูลพวกเราต่างก็ไปยังแนวหน้าแล้ว พวกเราจะไปช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน!”
อวี๋ฮวนตอบกลับ
พวกเขาต่างก็เป็นอนุชน ไม่ใช่กองกำลังหลัก จะไปก่อนไปหลังก็ไม่มีความแตกต่างอันใดมากนัก
“เช่นนั้นพวกเราทั้งสองคนมาเล่นกันดีหรือไม่?”
เริ่นลู่หันไปทางอวี๋ฮวนแล้วเอ่ยออกมา “พวกเราสองคนต่างก็เลือก ‘สุนัข’ ออกมา จากนั้นก็ให้พวกมันกัดกันตัวเปล่า แล้วดูเสียว่าผู้ใดเป็นผู้ที่เลือก ‘สุนัข‘ ได้เก่งกว่ากัน!”
“ตกลง!”
ดวงตาของอวี๋ฮวนเปล่งประกาย เห็นชอบเป็นอย่างยิ่งกับเริ่นลู่
“พวกเจ้า!”
“ฆ่าพวกเขาเสีย!”
สิ่งมีชีวิตจากหมื่นอาณาจักรอดบันดาลโทสะไม่ได้ แม้พวกเขาจะไม่รู้จักกัน แต่ในตอนนี้กลับพร้อมใจกันต้องการสังหารเริ่นลู่และอวี๋ฮวน!
“ตกลง ‘สุนัข‘ เหล่านี้ล้วนไม่เลวเลย พวกเรามาเลือกกันเถิด!”
เริ่นลู่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่แยแสการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาของสิ่งมีชีวิตจากหมื่นอาณาจักรเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เขายื่นมืออกมาหนึ่งข้า แสงเซียนก็เปล่งประกาย สยบสิ่งมีชีวิตหมื่นอาณาจักรทั้งหมด
“พี่เริ่นยังคงแข็งแกร่งยิ่ง!” อวี๋ฮวนยิ้มร่า
“ไม่ต้องเยินยอหรอก พวกเราเลือก ‘สุนัข’ คนละสิบตัวมาแข่งกัน” เริ่นลู่กล่าว
“ตกลง”
อวี้ฮวนพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเลือก‘สุนัข’
สิ่งมีชีวิตจากหมื่นอาณาจักรโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้ พวกเขาต่างถูกกำราบกักขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถกระดิกตัวได้แม้แต่น้อย
สุดท้าย เริ่นลู่และอวี๋ฮวนก็เลือกสิ่งมีชีวิตออกมายี่สิบตน
“หากกัดเนื้ออีกฝ่ายไม่หมดก็ห้ามหยุด!”
“แสดงความสามารถออกมาเสีย!”
เริ่นลู่และอวี๋ฮวนต่างเอ่ยสั่งสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเลือกออกมา
เสียงของพวกเขาแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ทำให้แววตาของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงในบัดดล หลงเหลือเพียงแค่สัญชาติญาณสัตว์ป่า อ้าปากแยกเขี้ยวใส่กัน
“หยุด!”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนเย็นชาดังมาจากภายในอาณาจักร ตามด้วยร่างสองร่างที่พุ่งออกมา
สองร่างนี้ หนึ่งคือชายวัยกลายคน ส่วนอีกหนึ่งคือเด็กหนุ่ม
พวกเขาคือประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง!
พวกเขาในตอนนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้นกลายเป็นกึ่งเทียนตี้ ส่วนสือเฟิงนั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่า บรรลุกลายเป็นเซียนผู้หนึ่งเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแล้ว ขอบเขตของเขานับว่าต่ำต้อยห่างไกลเป็นอย่างมาก ทว่าร่างกายของเขานั้นพิเศษยิ่ง เป็นกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องอันเป็นหนึ่งในกายาที่แข็งแกร่งที่สุด!
กายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่อง หากได้รับการชักนำเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้วจะสามารถเจิดจรัสรุ่งโรจน์ได้อย่างไร้ขอบเขต!
เพราะคุณชายได้ชักนำสือเฟิง หนทางของเขาจึงเจิดจรัสเสียยิ่งกว่าเดิม การบรรลุถึงขอบเขตเซียนในตอนนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความรุ่งโรจน์ ใช้เวลาอีกเพียงไม่นาน สือเฟิงก็จะยิ่งเปล่งประกายมากกว่านี้อย่างแน่นอน!
ฉากที่พวกเขาได้เห็นหลังจากเพิ่งออกมา ทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
เริ่นลู่และอวี๋ฮวนนั้นเป็นคนเลวทรามอย่างแท้จริง จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย!
“มีเรื่องอันใดกันหรือสหาย? หรือว่าสหายเองก็ต้องการจะเข้าร่วมด้วย?”
เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าเย็นเยียบของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง เริ่นลู่ก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน เขาแย้มยิ้มออกมาแล้วเอ่ยถามกับทั้งสองคน
“เข้าร่วม?”
สือเฟิงแย้มยิ้มเย็นชา “ใช่ พวกเราต้องการเข้าร่วม! ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองกัดกันเป็นสุนัข”
หลังจากได้ยินคำพูดของสือเฟิงแล้ว ใบหน้าของเริ่นลู่และอวี๋ฮวนก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
นี่คือมาเพื่อหาเรื่องอย่างนั้นหรือ?!