บทที่ 722 พวกเจ้าสองตระกูลหมดสิทธิ์!
ให้พวกเขากัดกันเป็นสุนัข?
สือเฟิงหมายความว่าอย่างไรกัน?!
ใบหน้าของเริ่นลู่และอวี๋ฮวนเย็นเยียบมืดหม่น สือเฟิงต้องการจะออกหน้าเพื่อมดที่แสนต่ำต้อยเหล่านี้หรือ?
“สหาย เจ้ามาจากตระกูลใดกัน?”
เริ่นลู่เกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น จึงเก็บใบหน้าเย็นชากลับไป แย้มรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมเอ่ยถามสือเฟิง ต้องการจะทราบภูมิหลังของอีกฝ่าย
เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังเซียนบนร่างของสือเฟิง นี่จะต้องเป็นผู้ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากเซียนอย่างแน่นอน เขาจึงเข้าใจว่าคนผู้นี้เองก็มาจากแดนเซียนเช่นกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีกองกำลังน่ากลัวอยู่เบื้องหลังเขา
หากไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว ตัวเขาจะยอมอดทนข่มกลั้นได้อย่างไร สือเฟิงจะต้องถูกทุบตีให้กลายเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน
ต่อหน้าพลังที่เหนือเซียนขึ้นไปแล้ว เขามีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ความเป็นไปได้ที่หมื่นอาณาจักรจะสามารถให้กำเนิดพลังที่เหนือกว่าเซียนแทบจะไม่มีอยู่เลย ดังนั้นจึงมีโอกาสอย่างมากที่สือเฟิงจะมาจากแดนเซียนเช่นเดียวกับเขา
“ข้ามาจากอาณาจักรแห่งนี้!”
สือเฟิงกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ เขามีความภูมิใจในอาณาจักรแห่งนี้อย่างมาก!
“อาณาจักรแห่งนี้?”
เริ่นลู่มองไปทางด้านหลังของสือเฟิง ก่อนจะเข้าใจความหมายของคำพูดสือเฟิงในทันที
“เล่นบ้าอันใด! ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเป็นสหายร่วมแดนเซียนเสียอีก!”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ความกังวลและหวาดเกรงก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น
“ที่แท้ก็เป็นพวกชนพื้นเมือง!”
อวี๋ฮวนเองก็หัวเราะออกมา แววตาที่จับจ้องมาเปี่ยมไปด้วยความดุร้าย
เนื่องจากเป็นชาวพื้นเมือง แม้สังหารไปก็ไม่เป็นอันใด ไม่ต้องพะวงกับผลที่จะตามมา
“เช่นนั้นพวกเรามาเพิ่ม ‘สุนัข‘ ตัวหนึ่งกันเถิด”
เริ่นลู่หันไปทางอวี๋ฮวนพร้อมชี้ไปทางประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง “น้องอวี๋ เจ้าเลือกก่อนเลย ‘สุนัข‘ สองตัวนี้ เจ้าเลือกตัวไหน?”
เขาเองก็กลับมาไร้ความกังวล ด้วยขั้นเซียนสมบูรณ์ของเขาย่อมสามารถจัดการกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงได้อย่างแน่นอน
สือเฟิงมีพลังเพียงแค่ขั้นเซียนเท่านั้น!
“บังอาจ!”
สือเฟิงตะคอกออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ลงมือในทันที ร่างกายของเขาเปล่งประกายราวกับอัญมณี พุ่งตรงใส่เริ่นลู่โดยพลัน!
“เจ้าสิบังอาจ! เป็นเพียงแค่ขั้นเซียนตัวจ้อย กลับหาญกล้าลงมือกับข้าผู้เป็นเซียนสมบูรณ์?!”
แสงเซียนลอยเวียนรอบเริ่นลู่ เขาตรงไปทางสือเฟิงหมายสังหารในทันที
“ตะโกนโหวกเหวกอันใด? มาจากภพเซียนเทียมจอมขี้ขโมย ทั้งยังเป็นเซียนสมบูรณ์? เจ้าคู่ควรกับสิ่งใดกัน! กระทั่งคำว่าเซียนยังถูกคนอย่างเจ้าทำให้แปดเปื้อนเสียแล้ว!”
สือเฟิงชกมัดอันดุร้ายอย่างถึงที่สุดออกไป เข้าต่อสู้กับเริ่นลู่อย่างดุเดือด
เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับแดนเซียน สถานที่แห่งนั้นยังคงมีความแตกต่างกับภพเซียนเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้ พลังการต่อสู้นั้น ‘ปลอม’ เป็นอย่างยิ่ง!
“เป็นเพียงภพเซียนเทียมยังกล้าเอ็ดตะโรกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้? จำเอาไว้ให้ดี เมื่อมาถึงถิ่นของพวกเรา พวกเจ้าทุกคนก็ต้องสงบเสงี่ยมซื่อตรง!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็พุ่งตัวออกจากจุดที่ยืนอยู่ตรงเข้าใส่อวี๋ฮวน
“เจ้ากล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ?!”
อวี๋ฮวนเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา คนผู้นี้ไม่ใช่แม้กระทั่งเทียนตี้ เป็นเพียงแค่กึ่งเทียนตี้ผู้หนึ่ง แต่กลับกล้ามาต่อกรกับเซียนเช่นเขาอย่างนั้นหรือ?
นี่กำลังคิดสิ่งใดอยู่กัน!
หากอยากตายก็ไม่ควรรนหาที่ตายด้วยวิธีนี้!
“ข้าจะเป่าหัวสุนัขของเจ้าทิ้งเสีย!”
เขายิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็พุ่งตรงไปด้านห้นา
ทว่าเพียงแค่พริบตาเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ต้องจางหาย ความแข็งแกร่งของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอยู่ไกลจากที่เขาคิดจินตนาการเป็นอย่างมาก!
ฝ่ามือของเขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนปะทะเข้าหากัน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายปลิวกระเด็นออกไปในพริบตา อีกทั้งแขนของเขายังได้รับบาดเจ็บ กระดูกทุกท่อนล้วนหักหมด!
“ประมาท ต้องเป็นเพราะข้าประมาท! คอยดูเสีย ครั้งนี้ข้าจะเป่าหัวสุนัขของเจ้า!”
เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาจนแสงเซียนพวยพุ่งไปบนนภา ครั้งนี้เขาเก็บท่าทางดูหมิ่นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทั้งหมด ถือว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเป็นคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง ไม่ประมาทอีกต่อไป
พลังขั้นเซียนม้วนเชี่ยวกรากราวสายน้ำ เขาสำแดงมหาวิชาสังหารระดับเซียนออกมา ครั้งนี้เขาต้องการจะเป่าหัวสุนัขของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเหิงจริง ๆ!
ทว่าเพียงพริบตาต่อมา เขาก็ต้องตกตะลึง นี่มันอันใดกัน เขาสับสนไม่อาจเข้าใจได้เลย!
ร่างเนื้อนี่แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
เขาเห็นว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสามารถต้านทานมหาวิชาสังหารของเขาได้อย่างปลอดภัย กระทั่งรอยขีดข่วนสักนิดยังไม่มี!
เสียงกระแทกดังขึ้น เขาถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเหิงพุ่งเข้าใส่ ร่างกายครึ่งหนึ่งถึงกับแหลกลาญ ก้อนเนื้อและหยาดเลือดปลิวกระเซ็นไปทั่ว!
กายเนื้อของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนำหน้าไปก่อนทุกสิ่ง แม้ว่าขอบเขตของเขาจะอยู่เพียงแค่กึ่งเทียนตี้ แต่กายเนื้อของเขานั้นเหนือกว่าขั้นเซียนอย่างแน่นอน
อีกทั้งในแดนเซียนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสสารหรือพลังก็ล้วนไม่อาจเทียบได้กับภพเซียนที่แท้จริง พลังของอวี๋ฮวนแม้อยู่ขั้นเซียน แต่ปริมาณคุณภาพก็ไม่ได้สูงอันใดนัก
ส่วนพลังในร่างกายของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนนั้นหาได้ธรรมดาไม่ เขาได้กินของอร่อยจำนวนมากจากคุณชาย พลังที่อยู่ในอาหารรสเลิศเหล่านั้นพิเศษและเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งภพเซียนที่แท้จริงก็ยังไม่อาจเทียบได้
ด้วยกายเนื้อและพลังภายในร่างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า อวี๋ฮวนจะเป็นคู่ต่อกรกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเหิงได้อย่างไร? ไม่มีทาง!
“พี่เริ่นช่วยข้าด้วย!”
อวี๋ฮวนตะโกน เขาตระหนักได้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน จึงต้องการให้เริ่นลู่มาช่วยเขา
ตามความคิดของเขาแล้ว เริ่นลู่จะต้องจัดการสือเฟิงได้อย่างง่ายดายแน่นอน
เริ่นลู่นั้นต่างจากเขา อีกฝ่ายมีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่อนุชนของแดนเซียน ไร้พ่ายอย่างสมบูรณ์ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน การที่สือเฟิงจะเอาชนะเริ่นลู่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
“ข้านับถือเจ้าเสียจริง ดวงตามืดบอดถึงเพียงนี้ก็ยังสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นเซียนได้ เจ้ารีบควักลูกตาของตนเองทิ้งไปเสียเถิด เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ในเมื่อเจ้าไม่อาจใช้มันมองสิ่งใดได้ออก!”
เริ่นลู่ตะโกนด่าครั้งแล้วครั้งเล่า
อวี๋ฮวนยังจะพูดจาไร้สาระด้วยการเรียกให้เขาไปช่วย เพียงแค่ลืมตามองสถานการณ์ก็ทำไม่เป็นหรือ?
เขายังจะไปช่วยได้อีกหรือ?!
เทียบกับอวี๋ฮวนแล้ว เขายังน่าสังเวชเสียยิ่งกว่า!
“???”
ใบหน้าอวี๋ฮวนตกตะลึง เหตุใดอยู่ดี ๆ เริ่นลู่จึงด่าทอเขา?
เขาเบนสายตาไปมองทางเริ่นลู่ ก่อนเบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมา!
สือเฟิงดุร้ายเกินไปแล้ว แม้เป็นเริ่นลู่ที่อยู่ในขั้นเซียนสมบูรณ์ทั้งยังไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นเดียวกัน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าสือเฟิงก็เป็นได้เพียงแค่เด็กน้อย เพียงครู่เดียวก็ถูกสือเฟิงจัดการลง ไม่มีความสามารถจะต่อสู้กลับแม้แต่น้อย!
ไม่แปลกใจเลยที่เริ่นลู่จะสบถด่าเขาเช่นนั้น
จะไม่สบถด่าเขาได้อย่างไรกัน!
สภาพของเริ่นลู่ย่ำแย่กว่าเขาเป็นอย่างมาก ถูกสือเฟิงจบเข้าอย่างแรงจนใบหน้าบวมเสียยิ่งกว่าหัวหมู!
มีคำกล่าวว่าตีคนอย่าตีหน้า ทว่าสือเฟิงกลับตั้งใจตีแต่ใบหน้าของเริ่นลู่ ทั้งยังใส่แรงลงไปมากด้วย สิ่งนี้ไม่นับว่าเป็นอันตรายรุนแรงแต่อย่างใด ทว่านับเป็นการสบประมาทอย่างร้ายแรง!
“อ๊ากกก! ข้าจะทุ่มสุดชีวิตเพื่อสู้กับเจ้า!”
เมื่อถูกสือเฟิงกระตุ้นอย่างหนัก ทั้งหัวใจ ตับ และปอดของเริ่นลู่ก็ราวกับใกล้จะระเบิดออกมา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่อาจอดทนได้เสียยิ่งกว่าการสังหารเขาโดยตรง!
เขาไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว ระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านพลิกคว่ำห้วงอากาศไปมา!
“ทุ่มสุดชีวิต? เจ้าเอาสิ่งใดมาทุ่มสุดชีวิต? เจ้าก็เป็นเพียงแค่เซียนจอมปลอมที่หลอกลวงทั้งตนเองและผู้อื่น!”
ใบหน้าของสือเฟิงเย็นชา ก่อนจะตบหน้าเริ่นลู่ไปอีกหน พลังที่ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งถูกทำลายสิ้นไปในทันที จากนั้นเขาก็ตบหน้าเริ่นลู่ซ้ำอีกหน
“อ๊ากกก ข้าขอร้องเจ้าแล้ว ปล่อยข้าไปเถิด!”
เริ่นลู่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ขอร้องให้สือเฟิงปล่อยเขาไป
สือเฟิงไม่ได้สนใจคำอ้อนวอนของเริ่นลู่แต่อย่างใด ยังคงตบใบหน้าของเริ่นลู่ กับคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่เช่นนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน
“เจ้าทำเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับการรนหาที่ตาย! ยอดฝีมือตระกูลของข้าอยู่ด้านในอาณาจักรแห่งนี้ หากเจ้าสังหารข้า ยอดฝีมือในตระกูลจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน!”
เริ่นลู่คำรามออกมา “ตระกูลของข้าเป็นหนึ่งในสิบตระกูลแข็งแกร่งของแดนเซียน ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถต่อกรได้ เจ้าอย่าได้คิดทำเรื่องแตกหักเช่นนี้!”
“โอ้? สิบตระกูลแข็งแกร่งสุดของแดนเซียนอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนนั้นเอง สือเฟิงก็หยุดมือลง ไม่ได้ตบเริ่นลู่อีก
เมื่อเริ่นลู่เห็นสือเฟิงหยุดมือก็ชะงักไปชั่วครู่ ไม่คาดคิดว่าคำพูดของเขาจะสามารถหยุดยั้งสือเฟิงเอาไว้ได้!
เขาเห็นว่าสือเฟิงลงมืออย่างดุเดือดถึงเพียงนี้ ก็ไม่คิดว่าจะสามารถถูกตนข่มขู่ได้ ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้สือเฟิงหยุดได้สำเร็จเสียอย่างนั้น
แม้ไม่คาดคิด แต่ก็เกิดขึ้นจริงแล้ว!
ดูเหมือนว่าสือเฟิงจะไม่ได้แข็งกร้าวอันใดถึงเพียงนั้น!
คิดดูแล้ว แม้ว่าสือเฟิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด สุดท้ายก็เป็นเพียงชาวพื้นเมือง ไม่มีเบื้องหลังให้พึ่งพิง จะกล้าต่อกรกับสิบอันดับแรกแห่งแดนเซียนได้อย่างไร
“เพ้ย หยุดมือเจ้าเสีย! ตระกูลอวี๋ของข้าแม้จะไม่เป็นหนึ่งในสิบอันดับของแดนเซียน แต่ก็ไม่เกินห้าสิบอันดับแดนเซียน! หากเจ้ายังกล้าลงมือกับข้าอีก ตระกูลอวี๋ของข้าจะต้องจัดการเจ้าอย่างแน่นอน!”
อวี๋ฮวนที่เห็นว่าคำพูดของเริ่นลู่ได้ผล เขาจึงรีบเอ่ยกับประมุขศักดิ์สิทธิ์แดนเหิงเทียน
“หนึ่งในห้าสิบตระกูลแข็งแก่รงอันใดไร้สาระ! ต่อให้ตระกูลอวี๋ของเจ้าอยู่ในห้าอันดับแรกก็ไม่ได้ผล!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเหยียดยิ้ม ก่อนจะเตะเข้าไปยังใบหน้าของอวี๋ฮวน ทำให้ทั่วทั้งใบหน้าของอวี๋ฮวนเละเทะ!
‘ไม่นะ เหตุให้ข้าทำจึงไม่ได้ผลกัน?!’
อวี๋ฮวนร่ำไห้ภายในใจ ห้าสิบอันดับแรกก็นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน นี่เป็นการจัดอันดับจากทั่วทั้งแดนเซียนเชียว!
นอกจากนี้แล้ว แม้คำว่าห้าสิบจะดูไม่สูงนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่กึ่งเทียนตี้ผู้หนึ่งจะต่อกรได้!
เหตุใดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจึงไม่รู้จักคำว่ากลัว!
“อืม ผู้ที่รู้จักสถานการณ์คือผู้ฉลาด วางใจได้ ข้าจะไม่ถือสาเอาความ ทุกคนเพียงแค่ยิ้มต่อกันปล่อยวางบุญคุณความแค้น!”
เริ่นลู่แย้มยิ้มเอ่ยกับสือเฟิง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะยิ้มเสร็จ สือเฟิงก็ตบหน้าเขาอีกครั้ง
เขาตกตะลึงทันที
เหตุใดสือเฟิงจึงตบหน้าเขาอีกแล้ว?!
เขาเองก็ไม่ได้พูดสิ่งใดที่ดูไม่ดีด้วย!
“ยิ้มต่อกันปล่อยวางบุญคุณความแค้น ผู้ใดกันจะยิ้มกับเจ้าแล้วปล่อยวางบุญคุณความแค้น!”
สือเฟิงยิ้มเย็นชา “วันนี้เจ้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไป อีกทั้งตระกูลเจ้าเองก็หมดสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อไปในอาณาจักรแห่งนี้”
“ยังมีตระกูลของเจ้าด้วย!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหันไปหาอวี๋ฮวน “เจ้าเองก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อ ตระกูลของเจ้าเองก็หมดสิทธิ์จะอยู่ต่อในอาณาจักรแห่งนี้!”
“พูดจาละเมอเพ้อพกอันใด?!”
เริ่นลู่ตวาดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน? เพียงแค่ชาวพื้นเมืองคนหนึ่ง เอาความหาญกล้าจากที่ใดมาเอ่ยวาจาเหล่านี้! เจ้าสามารถสยบข้าได้ แต่ก็ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดต่อหน้าตระกูลของข้า! เจ้าพึ่งพาสิ่งใดกันมาขับไล่ตระกูลของข้า!”
“และก็เจ้า! ยังไม่แม้กระทั่งบรรลุเป็นเซียน เอาความหาญกล้าจากที่ใดมาบังอาจพูดเรื่องเหล่านี้!”
อวี๋ฮวนตะโกนใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอย่างเกลียดชังไม่พอใจ
ตอนนั้นเองเสียงเพียะก็ดังขึ้น เป็นสือเฟิงที่ลงมือตบเริ่นลู่จนกระเด็นออกไป
“อาศัยสิ่งใด? ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าอาศัยสิ่งใด! เพราะพวกข้าเป็นสิ่งมีชีวิตของอาณาจักรแห่งนี้ ส่วนพวกเจ้าที่เป็นเพียงคนนอกย่อมต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเราอย่างไม่มีข้อยกเว้น!”
สือเฟิงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นเขาก็หยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อหาผู้เฒ่าเมิ่งจี
“หนึ่งในสิบตระกูลแข็งแกร่งของแดนเซียน ตระกูลเริ่น และหนึ่งในห้าสิบตระกูลแข็งแกร่งของแดนเซียน ตระกูลอวี๋ ต้องรบกวนผู้เฒ่าเมิ่งแล้ว พวกเขาทั้งสองตระกูลล้วนไม่มีสิทธิ์จะอยู่ต่อในอาณาจักรของพวกเรา”
เขาเอ่ยกับผู้เฒ่าเมิ่งจี
“ไม่มีปัญหา”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีตอบกลับ
พวกเขาต่างลงมือเฝ้าระวังอยู่ภายในอาณาจักรด้วยตนเอง เตรียมการป้องกันการเข้ามาอย่างวุ่นวายของแดนเซียนและแดนมรณา
หากเป็นก่อนหน้านี้ ถ้ามีผู้ที่พลังมากกว่าเซียนเข้าสู่อาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาก็คงไม่อาจสัมผัสได้
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ขอบเขตการบ่มเพาะของพวกเขาทุกคนล้วนได้รับการปรับปรุงอย่างมาก พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงผู้ที่มีพลังเหนือระดับเซียนเข้ามาในอาณาจักรแห่งนี้ตั้งแต่แรก
“เสแสร้งอันใดกัน? เพียงแค่ยกมือขึ้นยอดฝีมือจากตระกูลข้าสามารถจัดการชาวพื้นเมืองอย่างพวกเจ้าได้!”
เริ่นลู่คำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว