โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 27

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่3ตอนที่4

 

 

(ทะทุกคนหายไปไหนกันหมดแล้วเนี่ยーーーーー!!)

 

 

ฉันกังวลมากเลยล่ะตอนนี้ได้แต่ตะโกนก้องในใจว่า “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยเถอะค่า”

 

 

(ทะทำไมจู่ๆก็มาอยู่กับมาร์สองต่อสองแล้วคะเนี่ยーーーーーー! ที่เหลือหายหัวไปไหนกันหมดก่อนที่ฉันจะรู้ตัวอีก!ทำไมกันล่ะ! ทำไมทำกันแบบนี้!!)

 

 

ฉันไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี!! ในใจได้แต่ตะโกนก้องแต่ในความเป็นจริงฉันพูดอะไรไม่ออกสักคำเลย

 

 

「เอะโนโซมุหายไปไหนแล้ว เอ่อหายตัวไปตอนไหนแล้วละเนี่ย?」

 

 

「นะ นั่นสินะคะ…………」

 

 

ฉันตอบด้วยท่าทางกังวล จนเสียงสั่นเครือ

 

 

(นะนี่ จะคุยอะไรกันดีละ! ……ฉะฉันไม่ค่อยได้คุยกับพวกผู้ชายซะด้วยสิ ทำตัวยังไงดี……。ไอจัง! ช่วยฉันด้วยーーーーーー!!)

 

 

 

ฉันทำท่าพยายามขอร้องความช่วยเหลือแต่ว่าที่แถวนั้นไม่มีไอจังและคนอื่นๆอยู่เลยเหลือเพียงแค่ฉันกับมาร์คุง ตอนแรกที่ออกมาเที่ยวกับไอจังและโซเมียจัง ฉันก็เคยโดนพวกผู้ชายมาสารภาพรักด้วยล่ะ แต่ว่านะ แต่ว่า ฉันไม่เคยออกเดทกับผู้ชายสักหน่อย

 

 

「อยู่ข้างๆข้าไว้นะ ถนนแถวนี้มันค่อนข้างซับซ้อนถ้าเผลอหลงกันละก็หาตัวกันยากอีก…ถ้าเกิดมันช่วยไม่ได้จริงๆก็คงต้องหยุดเที่ยวแล้วเดินกลับบ้านข้าละนะ」

 

 

「อะ อืม รบกวนด้วยนะคะ…………」

 

 

เมื่อพูดยังงั้นมาร์ก็เดินนำหน้าไปและฉันก็เดินตามเขา

 

 

「……………………」

 

 

「……………………」

 

 

พวกเราเดินกันเงียบๆสักพัก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีทำได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะความอายที่ผุดขึ้นมา

 

 

ตอนเจอกับเขาครั้งแรกฉันกลัวเขามาก หากไม่มีไอจังอยู่ด้วยในตอนนั้นตัวฉันคงทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้วล่ะ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยล่ะ

 

 

ครั้งต่อไปที่ได้พบกับเขาก็คืองานเลี้ยงของโซเมีย ตัวฉันทำได้แค่กลัวตอนที่เห็นพวกเขายืนอยู่หน้าบ้านแต่หลังจากเห็นเขาทะเลาะกับน้องสาวของตัวเองแล้วนั้น

 

 

พวกเขาทั้งสองทะเลาะกันโดยไม่สนใจรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นฝูงชนก็มุงดูทั้งสองคนทะเลาะกันโนโซมุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองคนนั้นเลย

 

 

เมื่อฉันเห็นภาพเช่นนั้นความตึงเครียดที่ฉันเคยมีมาตลอดก็พลันหลุดลอยหายไป

 

 

◇◆◇

 

 

และแล้วเหตุการณ์นั่นก็เกิดขึ้น

 

เพื่อช่วยโซเมียที่จะโดนช่วงชิงวิญญาณไปฉันจึงใช้เวทย์พันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อผนึกยมฑูตตนนั้นไว้ แต่รูกาโต้ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้นเขากระหน่ำยิงกระสุนเวทย์ใส่ฉัน

 

ตอนนั้นเองมาร์คุงก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยื่นมือมาช่วยฉันคนนี้

 

“……ข้าเองก็กลัว แต่ว่าเธอมุ่งเน้นไปที่การคงสภาพเวทย์ไว้ซะ ข้าจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเวทย์ของหมอนั่นเอง。”

 

มาร์หันหลังให้กับฉันแล้วเข้าเผชิญหน้ากับรูกาโต้

 

ก่อนหน้านั้นเขาที่มองฉันด้วยสายตาเหมือนโกรธอะไรสักอย่าง แต่ว่าตอนที่เขามาช่วยฉันความรู้สึกของพวกเราเป็นเหมือนหนึ่งเดียวกัน

 

 

「…………เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?」

 

「อะ เอ่อ! ไม่มีอะไรคะ!」

 

「……งั้นเหรอ……」

 

 

บางทีเพราะสังเกตเห็นฉันหยุดไปชั่วครู่มาร์จึงหันมามองและถามฉัน ฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก ฉันตอบเขาไปด้วยความประหม่า ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกรอบ

 

 

 

「……………………ตอนนั้นน่ะแย่มากเลยละนะตัวข้า……」

 

「…………เอ๊ะ……」

 

「ก็แบบว่า…………ตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรก ข้าก็ดันทำตัวแบบนั้นใส่…………เรื่องในตอนนั้นต้องขอโทษด้วยนะ……」

 

เขาเกาแก้มและขอโทษฉันออกมากับเรื่องที่พบกันครั้งแรก บางทีเขาคงกังวลกับท่าทางของฉัน เขาเลิกจ้องมาทางนี้เล็กน้อยราวกับว่าสถานการณ์มันชวนอึดอัดใจ

 

「มะไม่เป็นไรหรอกคะ ตัวฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว! และตอนนั้นเองมาร์คุงก็ช่วยฉันไว้ด้วย…………」

 

ต่างจากไอจังที่ดูมั่นใจในทุกเรื่อง เขาเองก็มีช่วงเวลาที่ไม่อยากให้ใครเห็นเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นตัวฉันเองก็ได้เห็นด้านนั้นของเขา

 

 และดูเหมือนมาร์จะกังวลอย่างมากที่ไม่ได้ขอโทษฉันมาโดยตลอด ส่วนทางตัวฉันเองก็กังวลที่ไม่ได้ขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการเสียที…………。

 

ตัวฉันที่มักจะไม่มีความกล้าและเอาแต่หลบอยู่หลังไอจัง แม้แต่ในช่วงพักกลางวันฉันก็ไม่สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองได้เลยและฉันเองก็เอาแต่ตามไอจังอยู่เสมอ

 

 

แต่ตอนนี้ตัวฉันดึงเอาความกล้าทั้งหมดออกมาพูดขอบคุณเขา หัวใจที่เต้นแรง แต่ถึงยังงั้นฉันก็ยังเผชิญหน้ากับเขา

 

 

 

「อืมมม ก็ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณมาร์คุงเลยล่ะคะ….ตอนนั้นฉันคิดว่าเกือบจะช่วยโซเมียจังไว้ไม่ได้แล้วต้องขอบคุณมาร์ที่ยื่นมือเข้ามาปกป้องฉันเอาไว้จริงๆนะคะ。」

 

「อะโอ้…………」

 

มาร์คุงทำท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ฉันกังวลจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย เสียงของเขาที่พูดออกมาจากใจจริงดูเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆนั้น แต่ว่าฉันเองก็ใจเต้นจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

 

「ก็เพราะแบบนั้นไง…………ขอบคุณมากเลยนะคะ…………」

 

 

ในที่สุดฉันก็สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองจากใจจริงได้แล้ว

◇◆◇

ทิม่าเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูด “ขอบคุณนะคะ”กับข้า หลังจากได้ยินเช่นนั้นก็เห็นสีหน้าของเธอที่ดูท่าทางเต็มไปด้วยความกล้า เป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ ตัวข้าที่เห็นเช่นนั้นก็เผลอยิ้มออกมา

 

 ………………ข้าไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่ตอนนี้ใบหน้าของข้าร้อนผ่าวเอามากๆ

 

「………………」

 

ข้าพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าเสียงนั่นก็ไม่ออกมาเลย ราวกับปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ

 

「…………มาร์คุง?」

 

 บางทีเพราะเห็นว่าข้าท่าทีแปลกไปทิม่าเลยเรียกข้าเช่นนั้นพร้อมกับเริ่มแสดงใบหน้ามืดมน ไม่ดีแล้วหากไม่พูดอะไรไปละก็!!

 

「อะ อ่า นั่นสินะ………………」

 

(ไอบ้าเอ้ย!แกทำอะไรลงไป!!นั่นไม่ใช่การตอบคำถามสักนิด!!ทำไมต้องลงอีหรอบนี้ด้วยฟะ!)

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างทิม่ายิ้มออกมาอย่างมีความสุขมันเป็นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ ตัวข้าที่กำลังหาคำแก้ตัวก็ชะงักไปเลย

 

เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นรอยยิ้มของเธอจนทำให้ใจละลายแบบนี้

 

(……………………………………………)

 

 

คราวนี้ตัวข้าได้แต่หยุดคิด หัวใจที่กำลังเต้นรัวและร้อนผ่าว ในเวลาเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อและรู้สึกเหมือนกับว่าหายใจไม่ออก ตัวข้าเองก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังให้กับทิม่า ตรงกันข้ามกับการกระทำของข้า ข้ากังวลกับผู้ชายตรงหน้าเสียมากกว่า

 

 

 

「?เป็นอะไรไปงั้นเหรอ??」

 

「……ปะเปล่าไม่มีอะไร…………รีบๆไปกันเถอะ」

 

「อะอ๊าาาาาาา……」

 

 

เมื่อข้ารีบเดินออกมาทิม่าเองก็รีบตามมาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกน่ารังเกียจทางด้านหลังนี่มันอะไรกัน

 

 

พวกเราเดินกันอย่างเงียบๆอีกครั้งแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนรอบนี้ทิม่าเดินอยู่ข้างๆข้า

 

 

◇◆◇

“ขอบคุณนะ”

 

คำๆนี้นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยิน

 

 

ตั้งแต่เด็ก ตัวข้าที่แข็งแกร่งและมักจะตบตีกับผู้อื่นอยู่เสมอทำให้เด็กวัยเดียวกันต้องร่ำไห้ และเมื่อโตขึ้นมาก็มีแต่พวกน่ารำคาญมาล้อมรอบไปหมด มีอะไรก็ไม่ชอบพูดออกมาตรงๆ ทำเป็นอ้อมค้อม

 

 

เกลียดคนที่มาขัดขาตัวเอง ไม่ชอบคนที่ทำอะไรด้วยตัวของตัวเอง เกลียดคนไม่เอาไหนและซุกตัวอยู่แต่ใต้เงามืด คนพวกนั้นเป็นประเภทที่ข้าเกลียดอย่างมาก

 

 

ดังนั้นข้าจึงพยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูก แต่ถึงยังงั้นยามเห็นคนไม่เอาไหนก็พาหงุดหงิดเสียทุกที ข้ารู้ว่าตัวเองสร้างความรำคาญให้อิน่าและเดลมากมายขนาดไหนแต่ว่าตัวข้าที่เห็นความอ่อนแอของพวกนั้นยอมรับไม่ได้หรอก

 

 

บางทีเพราะข้าอาจจะแสดงออกมากเกินไป ทำให้ตัวข้าที่ควรจะอยู่ในห้องที่สูงกว่านี้กลับมาอยู่ห้องบ๊วยสุด แต่ถึงยังงั้นตัวข้าก็ยอมรับมันไม่ได้ตัวตนที่อ่อนแอ

 

 

 ทำไมน่ะเหรอ? ตอนแรกข้าก็เกลียดทิม่าเหมือนกับคนอื่นๆที่ชอบทำตัวอ่อนแอ แต่การที่ข้าได้เห็นเธอพูดว่า “ขอบคุณนะ” ออกมาจากใจจริง ตัวเธอที่แสดงความกล้าออกมาให้เห็นทำเหมือนข้าเป็นคนโง่ไปเลย

 

 

 ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันมีบางอย่าง…………………。

 

ข้าจ้องมองผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างๆข้าโดยไม่ให้เธอสังเกตเห็น ผมหน้าม้าที่บดบังใบหน้าของเธอ ทำให้ตัวข้าไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเธอได้

ต้นคอสีขาวที่สามารถมองเห็นได้จากปลายผม ใบหน้าเล็กและดวงตาโตรูปร่างที่ได้รูปงดงาม

ความรู้สึกที่เหมือนกับฟ้าผ่าแล่นไปทั่วร่างนั่นหายไป ตอนนี้หัวใจของข้าเต้นรัวและแรงขึ้นไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร

 

(อะไรกันนะ ความรู้สึกเช่นนี้………………)

 

 

「ยะยังไงก็เถอะ มีพี่น้องบ้างรึเปล่า?」

 

ยังไงก็ตามเขาเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้และเริ่มพูดคุยกับเธอ

 

「อะ อืม ฉันมีน้องชายหนึ่งคนคะ……」

 

ทิม่าเองก็ได้ยินเรื่องราวที่เป็นความลับของข้า ใบหน้านั่นก็เริ่มย้อมเป็นสีแดงและการเคลื่อนไหวก็ดูแปลกๆ

 

「งั้นเหรอ」

 

ข้ารู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยกับเธอ หัวใจข้าเต้นรัวไม่หยุด ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด

 

 

พวกเราเดินไปที่ถนนหลักและมุ่งหน้าไปด้วยกันสองคน ถึงยังงั้นหัวใจของข้าก็ยังไม่หยุดเต้นแรง

 

 

◇◆◇

ถนนสายหลักของย่านการค้าเมืองอาร์คาซัม นี่เป็นถนนที่ไปยังสถาบันโซลมินาติซึ่งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่คึกคัก

 

ขณะที่สาวน้อยทั้งสองกำลังเดินชมแผงลอยโซเมียกับอิน่าจังนั่นเอง พวกเธอพูดคุยกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในย่านแถวนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าจะสนิทกับคนแถวนี้เป็นพิเศษ

 

「สวัสดีจ้ะเอนะจังวันนี้วันหยุดยังงั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นก็ขอให้สนุกกับวันหยุดนะ」「อิน่าจังวันนี้มีเนื้อดีๆมาด้วยล่ะ แต่ว่ามีนิดเดียวนะ」「ว่าไง อิน่าเครื่องรางของมาร์ทำงานอย่างหนักเลยใช่มะ ถ้างั้นจะให้นี่นะ ต่อไปก็ช่วยสนับสนุนกันต่อด้วยละ!」

 

ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกับอิน่าและให้สิ่งของต่างๆกับเธอ พวกเธอทั้งสองตอนนี้มีของอยู่เต็มมือไปหมดแล้ว

 

 

「อูววววว~~~。น่าตกใจเลยนะคะเนี่ย หนูได้มาเยอะเลยละคะ……」

 

「พี่ชายของฉันมักจะอาละวาดไปทั่วเพราะฉะนั้นฉันเลยต้องเป็นสื่อกลางมาคอยขอโทษอยู่เรื่อยเลยละคะทำให้ค่อนข้างสนิทกับคนแถวนี้…………」

 

 

ดูเหมือนว่าอิน่าจะมาคอยหยุดมาร์ที่อาละวาดไปทั่วบ่อยๆ อิน่าเองก็ยังช่วยคนในย่านการค้าเหมือนกันเป็นการตอบแทนด้วย

 

「มาร์อาละวาดหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ? นี่ตัวตนของเขายั่งรากลึกไปขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…………」

 

「อืมโซเมียจังไม่เคยเห็นพี่ชายของฉันอาละวาดนี่น่ะ….ก็ปกติเวลามาซื้อของทีไรหรือขายของอยู่ก็ชอบไปต่อยคนแถวนี้ไปทั่วเลย ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยทำไมถึงกลายเป็นคนก้าวร้าวเช่นนี้………หวังว่าจะไม่ทำอะไรแย่ๆกับทิม่าซังนะคะ。」

 

อิน่ากังวลเกี่ยวกับทิม่าจัง เพราะรู้พฤติกรรมของพี่ชายเธอดี แต่ว่าโซเมียดูท่าจะไม่กังวล

 

「อืม แต่ว่าหนูไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ลงหรอกนะคะ ทิม่าซังก็น่าเป็นห่วงตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิคะ」

 

「ก็ถูกนะแต่ว่า…………」

 

อิน่ารู้ว่ามาร์เองก็ห่วงทิม่าเหมือนกันแต่ถึงยังงั้นก็ยังกังวล

 

ในเวลานั้นฝูงคนจำนวนมากก็วิ่งหือเข้ามาจนทำให้พวกเราต้องอพยพไปด้านข้าง

 

「อะไรกันละนั่น!!」

「อุหวาหวาาาาา~~~~~!」

 

ผู้คนแตกตื่นราวกับเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

 

 

「ขอโทษนะ ได้โปรดหลบด้วยเถอะ!!」「ย๊ากกกกกกกก!」「อะโอ้!ร้านชั้น!!」

 

 

คลื่นพายุลูกใหญ่พัดผ่านถนนสายหลักเสียจนทุกอย่างปลิวกระจายไปหมดเลย

 

 

เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นก็รู้สึกว่าร้านค้าที่เคยตั้งอยู่และแผงลอยหายไปหมดเลย

 

 

◇◆◇

มาร์และทิม่ามาถึงถนนสายหลักแล้วด้วยการวิ่งตามมถนนใยแมงมุม

 

 

มีเพียงศูนย์กลางการค้าของเมืองนี้และร้านค้าแผงลอยที่มีชีวิตชีวามากมาย ความพลุกพล่านของผู้คนทำให้ทิม่าตื่นเต้น

 

「เอ่อ สุดยอดไปเลยนะคะ…………」

 

「ในขณะที่พวกเรากำลังมุ่งหน้ากลับ “เรือนร่างของโค” พวกโนโซมุกับคนอื่นๆก็น่าจะเป็นตัวเด่นพอสมควรคิดว่าน่าจะมีคนพบเห็นบ้างละนะ」

 

เมื่อมาร์เดินไปข้างหน้าก็เข้าไปหาพนักงานร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ

 

 

「มะมาร์…………。ขะขอโทษนะแต่ว่าวันนี้ร้านปิดแล้ว!!」

 

 

มาร์ยังไม่ทันพูดอะไร แต่ฝั่งโน้นชิ่งปิดร้านก่อนแล้ว ร้านอื่นๆที่ได้ยินก็ต่างพากันปิดร้านกันจนหมด

 

 

「ขอโทษด้วยนะ! วันนี้ร้านปิดแล้วเพราะฉะนั้นแยกย้ายได้แล้ว!!」

 

 

ทุกคนต่างรีบปิดร้านทันทีแม้จะมีสินค้ามากมายวางอยู่บนแผงลอยก็ตาม

 

 

「เห้ย นี่มันมีรูที่ก้นหม้อด้วย ขายของมีตำหนิได้ยังไงหะ!! เพราะฉะนั้นขอปิดร้านก่อนละโว้ย!」

 

เจ้าของร้านอุปกรณ์เองก็เอากับเขาด้วยทุกๆคนต่างรีบปิดร้านกันหมดเลย ทั้งๆที่หม้อนั่นยังทำไม่เสร็จแท้ๆ

 

 

「อ๊ากกกกกกกกก! ปวดท้องเหลือเกิน! ดูเหมือนว่าวันนี้จะขายของเน่า……เพราะงั้นจะปิดร้านละเว้ย!!」

 

เจ้าของร้านเนื้อเองก็ร่วมด้วย ทั้งๆที่ดูยังไงก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วไหงพูดจาให้ร้ายกับร้านตัวเองแบบนั้นวะนั่น

 

พฤติกรรมแปลกๆของผู้คนรอบๆไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้เท่านั้น…………。

 

 

「อ่าาา! ข้าจำได้ว่ามีธุระต้องทำ! รีบกลับบ้านดีกว่า!!」「เออ นั่นสินะวันนี้งานแต่งงานของพี่สาวข้านี่หว่า ต้องรีบกลับบ้าน!!」「เอ่อลืมไปข้ามีเดทนี่หว่า!」「ยายข้ากำลังจะตายแล้ว!ขอตัวก่อนนะ!!」

 

 

ลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของก็เอากับเขาด้วยวุ้ย ทิม่านั้นยืนนิ่งไปแล้ว ผู้คนตรงหน้าหายไปราวกับคลื่นที่ถูกซัดออกจากฝั่งและมันจะไม่กลับมาอีก

 

มาร์เดินไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง

 

「อาาาาาาาาา!มะไม่ คือว่าวันนี้ข้ามีธุระ!「เออเหมือนกัน!!」」

 

พวกนั้นพยายามรีบเก็บสินค้าทันที แต่ในทางกลับกันมาร์ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็รีบเข้าไปหาราวกับไม่ปล่อยให้หนี

 

「……นี่「คะคะคะคะคะคครับ!ขอโทษนะ!ขอโทษจริงๆครับ!!เพราะฉะนั้นอย่าพังร้านเลยนะ!!」……ฟังที่ข้าจะพูดหน่อยสิเห้ย……」

 

มาร์ที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างโดนเสียงของเจ้าของร้านที่ท่าทางสิ้นหวังกลบจนหมด

 

 

ในเวลานั้นเองก็มีเสียงหนึ่งเข้ามา

 

 

◇◆◇

 

「พี่ชายคิดจะทำอะไรกันแน่คะ」

 

 

「เอ่อ?อยู่ๆร้านทุกร้านก็ปิดไปหมดเลย เกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน?」

 

เป็นอิน่าและโซเมียที่เดินมาหาพร้อมกับขนมเต็มมือ เจ้าของร้านที่เห็นอิน่าก็เหมือนกับมีพระผู้ช่วยมาโปรด แตกต่างจากท่าทีก่อนหน้านี้ลิบลับ

 

「…………จะขอถามอีกครั้ง พี่ชายทำอะไรลงไปคะ?!」

 

「เอ่อ….อย่าทำอะไรพี่ชายคนนี้เลยนะ………ข้าแค่กำลังตามหาพวกเธออยู่ก็เลยจะมาถามเจ้าของร้านแถวนี้ว่าเห็นพวกเธอบ้างไหม……」

 

อิน่านั้นถามมาร์ด้วยความกดดัน มาร์เองก็พูดความจริงออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว วันนี้เขาดูเงียบและเชื่อฟังแบบแปลกๆ ปกติเขาจะชอบแหย่ฉันอยู่เสมอ

 

อิน่าจ้องไปทางมาร์ด้วยท่าทางสงสัย

 

(พี่ชายแตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัดเลยแหะ)

 

 

「…………พี่ชายเป็นอะไรไปเนี่ย? ทำตัวแปลกๆนะเราน่ะ?」

 

「มันแปลกมากเลยรึไงที่ข้าพูดความจริงเนี่ย…………」

 

มาร์ที่โดนน้องสาวบอกว่าแปลกก็ตอบกลับไปเช่นนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าเองก็ถอดใจเช่นกัน

 

「นี่พี่ชายไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ ว่าการกระทำของพี่น่ะมันปลูกฝังความกลัวให้คนทั่วย่านการค้าไปหมดแล้วนะคะ พี่ชายจำได้หรือเปล่าคะว่าพี่น่ะถล่มร้านค้าไปกี่ร้านกันแน่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่พวกเขาจะตอบสนองแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ?」

 

「……………………」

 

มาร์ไม่ได่สามารถพูดอะไรได้เลย

 

「………………แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่คิดจะทำแบบนั้นแล้วนะ……」

 

มาร์พูดเช่นนั้นด้วยท่าทีเหงาหงอย ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเริ่มใจเย็นลงแล้ว พูดตามตรงเลยนะเห็นแบบนี้เล่นเอาเพลีย

 

「…………แต่ว่าวันนี้พี่ชายดูเชื่องเป็นพิเศษเลยนะคะ……」

 

อิน่าพึมพำเช่นนั้นไม่ให้ใครได้ยิน เธอเองก็จ้องไปทางมทิม่า ที่ดูกังวลกับท่าทางของพวกเรา โซเมียที่ทำท่าทางภูมิใจราวกับจะบอกว่า “เป็นไงละผลลัพธ์ที่หนูสร้างขึ้น”

 

「อืม อะไรกันละ?」

 

「อะเอ่อ นี่ก็เย็นแล้วนะ ได้เวลาที่จะต้องไปช่วยงานที่ร้านแล้ว……」

 

มาร์มองไปทางอิน่าด้วยท่าทางสับสนแต่อิน่าส่ายหัวและบอกว่าถึงเวลากลับไปทำงานแล้ว ท้องฟ้าเองก็ถูกย้อมเป็นสีแดง

 

「นั่นสินะ แล้วโนโซมุกับไอริสล่ะ「อะพี่สาวคะ!!」「ดะเดี๋ยวก่อนสิโซเมียจัง!!」……อืมดูเหมือนว่าจะเจออีกสองคนแล้วนะ」

 

เมื่อเห็นเช่นนั้นก็พบกับโนโซมุและไอริสกำลังอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของถนน

 

มาร์โล่งอกที่เห็นทุกคนปลอดภัยดี ทิม่าเองก็ยิ้มให้กับโซเมีย มาร์และทิม่าสบตากันชั่วขณะ และเธอก็หันกลับมามองอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้ มาร์เองก็ยิ้มตอบ

 

 

โซเมียที่วิ่งไปหาพี่สาวของเธอและอิน่า มาร์และทิม่าก็กำลังตามโซเมียไปพวกเราสามคนมองกันอีกครั้งและยิ้มให้กันจากนั้นก็เดินไปหาพวกโนโซมุ

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท