โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 48

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่4ตอนที่18

 

 

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…………หนีรอดไหมเนี่ย?」

 

 

โนโซมุหนีจากมันได้เพราะใช้ฝูงก็อบลินเป็นเหยื่อ และในที่สุดก็ได้พักหายใจหายคอกัน หลังจากยืนยันแล้วว่ามันไม่ตามมา

 

 

「สำหรับตอนนี้คงไม่เป็นไรสักพัก……แต่ระวังตัวไว้จะดีกว่านะ?」

 

 

เนื่องจากมันมีพลังที่ไม่รู้จักมากมายปะปนกันอยู่ จึงเป็นการดีกว่าที่จะคอยดูท่าทางและหลบหนีก่อนในตอนนี้

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โนโซมุจึงตัดสินใจที่จะไปที่กระท่อมของชิโนะ

 

 

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมิดยามราตรีเข้าปกคลุม โนโซมุเองก็เดินไปโดยใช้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาตามทาง

 

 

◇◆◇

 

 

ซีน่าและเพื่อนๆน่าจะไปถึงกระท่อมของชิโนะแล้ว และน่าจะได้เริ่มการรักษาทอมเบื้องต้นแล้วล่ะ

 

 

ล้างแผล เย็บแผลด้วยด้าย ทายาและพันผ้าพันแผล

 

 

ทอมยังคงหอบหายใจรุนแรง มีเหงื่อจำนวนมากออกที่หน้าผาก

 

 

「………………」

 

 

ในทางกลับกันซีน่าเองก็ร่ายเวทย์รักษาให้กับทอม เธอเองก็กังวลเกี่ยวกับโนโซมุที่ต้องไปเป็นตัวล่อให้กับตัวเธอ จนเธอรู้สึกผิดและทำให้เธอไม่สามารถจดจ่อกับการร่ายเวทย์ตรงหน้าได้เลย ทำให้เวทย์มันไม่ค่อยคงที่

 

 

「……ซีน่า ตั้งสมาธิหน่อยสิ……」

 

 

「เอ๊ะ!ฉันขอโทษ……」

 

 

ซีน่าถูกรบเร้าให้มีสมาธิกับการใช้เวทย์รักษา เสียงของมิมุรุค่อนข้างแข็งกระด้างและเย็นชากว่าปกติ บางทีเพราะโกรธที่เห็นคนรักของตัวเองต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็มีสิ่งที่สูญเสียไปไม่ได้เช่นกัน

 

 

ในที่สุดสีหน้าของทอมก็ทุเลาลง

 

 

「……ตอนนี้ก็น่าจะโอเครแล้วละนะ…………」

 

 

「อืม……」

 

 

แม้ว่าจะรักษาเสร็จแล้ว ทอมได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดออกมาก จนเขาหลับไป

 

 

เมื่อรักษาทอมเสร็จสิ้น ทั้งสองก็นั่งลงเพื่อพักผ่อนและคุยกันเงียบๆ

 

 

ซีน่าได้แต่ก้มมองพื้น ไหล่ตก บางทีเพราะเธอกังวลกับความผิดพลาดที่เธอทำลงไป ทำได้แต่กำมือแน่นและคุกเข่าลง

 

 

มิมุรุเองก็กระสับกระส่ายเพราะเป็นห่วงทอมเป็นอย่างมาก

 

 

ในห้องมีบรรยากาศอันแสนน่าอึดอัดใจ แต่ไม่มีอะไรที่ช่วยบรรเทาบรรยากาศตรงหน้าเลย มีแต่ความเงียบที่ยังคงปกคลุม

 

 

「……นี่ ซีน่า ทำไมตอนนั้นถึงไม่ยอมหนี?」

 

 

「……เอ๊ะ?」

 

 

ในที่สุดมิมุรุก็เป็นคนทำลายความเงียบและถามซีน่าเกี่ยวกับการกระทำของเธอ

 

 

「ยังไงก็ตาม สัตว์อสูรตัวนั้นมันแปลก และเธอไม่คิดบ้างเหรอว่ามันยากเกินไปที่พวกเราจะรับมือ เธอคิดบ้าอะไรของเธออยู่?」

 

 

「นะนั่นสินะ……」

 

 

มิมุรุถามซีน่าด้วยน้ำเสียงจริงจังและยังกล่าวว่าเธอ

 

 

สายตาของมิมุรุตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธและซีน่าเองก็จ้องมองเธอ

 

 

「ถ้าตอนนั้นเธอไม่ทำตัวบ้าๆและหนีไปแล้วละก็ โนโซมุคุงก็ไม่จำเป็นต้องสละตัวเอง ทอมเองก็ไม่ต้องเจ็บตัวเพราะเธอ!」

 

 

「…………」

 

 

ซีน่าไม่สามารถตอบโต้อะไรเธอได้แม้แต่นิดเดียว

 

 

สิ่งที่มิมุรุพูดมันคือความจริงทุกอย่าง หากเธอไม่ทำตัวบ้าบิ่นแบบนั้น

 

 

ฉันรอดมาได้และมันเองก็ยังอยู่ในป่า ความปลอดภัยในตอนนี้เป็นสิ่งชั่วคราว สัตว์อสูรสีดำนั่นไม่ใช่อสูรตัวเดียวภายในป่า

 

 

นอกจากซีน่าจะไม่หนีแล้ว มันก็ทำให้เริ่มเกิดความแตกแยกระหว่างพวกเธอเอง

 

 

อย่างไรก็ตามมิมุรุยังคงกล่าวว่าซีน่าไม่หยุด เพราะเธอเป็นคนทำให้ทอมต้องบาดเจ็บสาหัสและสร้างแผลทางใจให้กับเธอ ในขณะนี้ที่รอดมาได้ก็ทำให้ความเครียดของมิมุรุระบายออกมาเป็นความโกรธกับการกระทำอันบ้าบิ่นของซีน่า

 

 

เสียงของมิมุรุที่พยายามกล่าวว่าซีน่าดังขึ้นเรื่อยๆ

 

 

「นี่……พูดอะไรบ้างสิยัยบ้า!!」

 

 

มิมุรุคว้าคอเสื้อของซีน่าแต่ซีน่าก็หลับตาแน่น ขบริมฝีปากและไม่พูดอะไร

 

 

ถึงกระนั้นความอดทนของมิมุรุก็มาถึงขีดจำกัด

 

 

เธอยกมือขึ้นแล้วพยายามจะตบซีน่า อย่างไรก็ตามตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากประตูของกระท่อม

 

 

ความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

 

ซีน่ายกคันธนูขึ้นและมิมุรุเองก็ดึงมีดสั้นออกมา

 

 

ทั้งสองนึกภาพของสัตว์อสูรสีดำตัวนั้น

 

 

ตอนนี้ทอมขยับตัวไม่ได้และโนโซมุเองก็ไม่อยู่แล้ว เป็นที่ชัดเจนเลยว่าเขาน่าจะโดนสัตว์อสูรสีดำนั่นฆ่าตายเป็นที่เรียบร้อย

 

 

มิมุรุถือมีดสั้นและวิ่งไปที่หน้าประตู และซีน่าเองก็ดึงคันธนูไว้แน่นพร้อมยิงทุกเมื่อ

 

 

เมื่อประตูเปิดออกก็มีบางอย่างโผล่มาเป็นร่างของมนุษย์คนหนึ่งที่เปื้อนโคลนไปทั้งตัว

 

 

「! มิมุรุ!!「เอ๊ะ?」」

 

 

ซีน่าเรียกมิมุรุและพยายามยิงลูกธนูออกไป ดูเหมือนว่าคนๆนั้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่มิมุรุไม่ได้ยินเสียงของซีน่าและเข้าโจมตี

 

 

「หวาาาาาาาาาาา!!」

 

 

เสียงกรีดร้องดึงขึ้นจากฝั่งนั้นเขาหลบลูกธนูที่ถูกยิงออกไปและกันการโจมตีมีดสั้นของมิมุรุ

 

 

「ย๊ากกกห์!!」

 

 

「ดะเดี๋ยวก่อนสิ……」

 

 

เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่พวกเธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย และมนุษย์คนนั้นก็เอาแท่งไม้เล็กๆเบี่ยงการโจมตีของมิมุรุ

 

 

มิมุรุตกใจที่การโจมตีของเธอโดนปัดออกไป แต่เธอก็รีบกลับมาตั้งท่าและพยายามฟันต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตามทั้งสองก็ได้ยินเสียงอันแสนคุ้นเคย

 

 

「รอก่อนสิ! ทั้งสองคน!!」

 

 

เสียงนั่นหยุดการเคลื่อนไหวของทั้งสอง

 

 

ถ้าสังเกตดีๆร่างของชายคนนั้นที่เต็มไปด้วยโคลนคือคนที่ทั้งสองรู้จักดี

 

 

「「โนโซมุคุง?」」

 

 

「อืม ผมเองครับ!แล้วทำไมถึงต้องมาโจมตีพวกเดียวกันด้วยครับเนี่ย!!」

 

 

โนโซมุที่กลายเป็นเหยื่อล่อสัตว์อสูรสีดำให้สามคนหนีไปได้ เขาควรจะวิ่งหนีและกรีดร้องอย่างสิ้นหวังอยู่ภายในป่านั่นแต่ว่ากลับรอดมาได้

 

 

◇◆◇

 

 

「อ่า เอ่อ ขอโทษด้วยนะโนโซมุคุง」

 

「อือ……ขอโทษด้วยนะ……」

 

「……น่า ไม่เป็นไรหรอก……」

 

 

มิมุรุและซีน่าต่างก้มหน้าขอโทษเขา มันช่างดูห่างไกลเหลือเกินสำหรับคำพูดที่พูดกับคนที่ช่วยชีวิตพวกเธอไว้ พวกเธอเล็งอาวุธไปที่เขา ดังนั้นจึงได้แต่หดหู่

 

 

โนโซมุเองก็โกรธในตอนแรก แต่เมื่อดูจากสภาพเขาแล้วก็ไม่แปลกหรอกที่จะโดนโจมตี

 

 

โนโซมุล้างโคลนออกจากร่างกายและเอาเสื้อผ้าไปผิงไฟ

 

 

มิมุรุถามโนโซมุอีกครั้ง

 

 

「……เน่ โนโซมุคุง? ทำไมสภาพถึงเละเทะแบบนั้นล่ะ?」

 

「อาาาา เพื่อป้องกันการไล่ตามของสัตว์อสูรตัวนั้นเลยเอาโคลนท่าตัวเพื่อดับกลิ่นครับ」

 

 

ในบรรดาสัตว์อสูรในป่า ยังมีสัตว์อสูรจำนวนมากที่ตามกลิ่นของเหยื่อ

 

 

เพื่อจะหนีจากการไล่ล่าของพวกมันเลยต้องลงแม่น้ำเพื่อล้างตัวและทาโคลนไว้ทั่วร่างเพื่อไม่ให้มีกลิ่นตัว

 

 

「……แล้วบาดแผลของทอมเป็นยังไงบ้างครับ?」

 

「……รักษาแผลเสร็จแล้วล่ะ ตอนนี้ทอมกำลังหลับอยู่ ฉันว่ารีบพาเขาเข้าเมืองดีกว่านะ……」

 

「…………」

 

「??」

 

 

โนโซมุมองไปทางซีน่า แต่เธอยังคงนิ่งเฉย ขณะที่มิมุรุตอบคำถามของโนโซมุ มิมุรุไม่แม้แต่จะมองซีน่าเลยแม้แต่น้อย

 

 

「เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?」

 

「……หมายความว่ายังไง?」

 

「เพราะงี้ไงถึงไม่อยาก「ฉันจะไปเฝ้าด้านนอก เพราะงั้นเรียกนะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น……」อ่า……」

 

 

โนโซมุพยายามถามทั้งสองคน แต่ซีน่าไม่ตอบโนโซมุและเธอก็ออกไปด้านนอก

 

 

「……เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?」

 

「……ไม่รู้สิ ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างคาใจซีน่าอยู่……」

 

 

มิมุรุหันหน้าหนีใส่ซีน่าราวกับว่าไม่อยากจะสบตากัน

 

 

โนโซมุถอนหายใจเสียงดัง หยิบหม้อใบใหญ่ออกจากครัว ต้มมันด้วยไฟและเริ่มทำซุปแบบง่ายๆ

 

 

「……?ทำอะไรน่ะ?」

 

「ก็กำลังทำอาหารไงครับ สถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่กินละก็ ร่างกายจะไม่มีแรงเอานะ……」

 

 

โนโซมุเตรียมอาหารง่ายๆใช้มีดขูดเนื้อแห้งและเอาน้ำซุปใส่และใส่มันฝรั่งที่ถูกเก็บไว้ในกระท่อม

 

 

เมื่อมันเดือดก็ตรวจสอบรสชาติ เติมเกลือลงไปเพื่อให้ได้รสแล้วเทลงในชาม

 

 

「……เอ่อก็ไม่รับประกันว่าจะอร่อยเท่าไรนักหรอกครับ แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้ เหลือส่วนของทอมไว้ให้แล้วด้วย ถ้าทอมตื่นก็ให้เขากินซะจะได้มีแรง」

 

 

มิมุรุรับภาชนะมา และเธอก็มองดูด้วยใบหน้าอันแสนซับซ้อน

 

 

「……ไม่เป็นไรงั้นเหรอ?」

 

「อ่าไม่เป็นไรหรอกครับ! ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เชิญทานได้เลย」

 

 

มิมุรุที่กำลังมึนงงอยู่ก็ยิ้มออกมาทันที แต่ก็คิดว่าเธอเองก็รุนแรงเกินไปหน่อยนะ

 

 

โนโซมุพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนนั้นทอมก็ครางออกมา

 

 

「ดูเหมือนว่าทอมจะตื่นแล้ว ฉันจะเอาอาหารมาให้ทอมเอง โนโซมุเองก็เอาอาหารไปให้ซีน่าสิ。……ถ้าไม่งั้นเธอไม่มีแรงช่วยพวกเราสู้แน่ๆ……」

 

 

เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลยนะ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังคงห่วงกัน

 

 

เมื่อผมเห็นเช่นนั้นก็พูดอะไรไม่ออก

 

 

「……เข้าใจแล้ว」

 

 

ท้ายที่สุดแล้วโนโซมุก็ถือซุปออกไปให้ซีน่า

 

 

◇◆◇

 

 

ฉันนั่งอยู่บนหลังคาของกระท่อมโดยนั่งกอดเข่าอยู่

 

 

เธอที่ทำได้แต่ดู และทำอะไรไม่ได้เลย

 

 

ความเสียใจทุกสิ่งทุกอย่างไหลผ่านเข้ามาในหัวของฉัน

 

ตอนที่บ้านเกิดของฉัน ป่าฟอสซิลตกอยู่ในการรุกรานครั้งใหญ่ มันเป็นสัตว์อสูรสีดำตัวนี้ที่ปรากฏขึ้นและทำลายบ้านเกิดของฉัน

 

 

ลักษณะที่ปรากฏแม้จะแตกต่างจากตอนที่ปรากฏที่ป่าฟอสซิล แต่ฉันก็จำได้แม่นถึงออร่าที่มันปลดปล่อยออกมา และตะกอนสีดำที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของมัน

 

 

สัญญาณแห่งความตายเยือนใกล้เข้ามาเข้ามาบีบรัดร่างกายเหมือนดั่งโซ่เหล็ก ตอนนั้นฉันคิดว่าจะต้องตายเสียแล้ว

 

 

พ่อแม่และพี่สาวของฉันเป็นคนที่สละชีวิตตัวเองเพื่อให้ฉันรอดมาได้(TN:ตอนแรกเรียกน้องสาว)

 

 

「ซีน่าหนีไปซะ」

 

 

ขณะที่พ่อและแม่กำลังต่อสู้ พวกเขาบอกให้ฉันหนีไป

 

 

ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาพูดอะไร แต่เมื่อได้ยินคำๆนั้นฉันก็เข้าใจว่ามันเป็นอะไรที่บ้าบิ่นและเป็นเหมือนคำร้องขอสุดท้าย

 

“ต่อให้สู้ไปยังไงก็ไม่ชนะ เพราะฉะนั้นหนีไปด้วยกันเถอะ”

 

ฉันไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรสีดำตัวนั้นได้ ไม่ว่าจะทำยังไง พ่อแม่และพี่สาวของฉันกำลังต่อสู้ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ แต่พี่สาวไม่ฟังคำพูดของฉันเลย

 

 

พ่อและแม่ต่างสู้ไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ถึงยังงั้นก็เอาชนะมันไม่ได้

 

 

พ่อและแม่ถูกฆ่าตาย และถึงคราวของฉันกับพี่สาว หมอนั่นมันมีร่างกายที่ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดของพ่อและแม่ฉันกำลังมองมาทางนี้

 

「หนีไปซะสิ! ซีน่า!!」

 

ฉันรู้สึกปวดใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ และพี่สาวเองก็ขับไสไล่ส่งฉัน

 

 

「เอาล่ะ ซีน่า พี่จะพูดอีกครั้ง หนีไปซะและอย่าหันกลับมามองเด็ดขาด วิ่งตรงไปซะ เพราะงั้นเดี๋ยวพี่จะตามไป。」

 

 

พี่สาวพูดเช่นนั้น แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถึงกระนั้นพี่สาวก็ฝืนยิ้มและบอกไม่ต้องห่วง

 

 

「แต่ว่า……」

 

 

นอกจากนั้นฉันยังไม่สามารถตัดสินใจได้ สัตว์อสูรสีดำมันก็โจมตีพี่สาวฉัน

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!」

 

 

พี่สาวฉันสร้างบาเรียเวทย์ขึ้นมาเพื่อยื้อเวลา แต่บาเรียนั่นแตกออกอย่างรวดเร็ว

 

 

ฉันยังตัดใจไม่ได้สักที จะหนีไปคนเดียวหรือสู้ร่วมกับพี่สาว

 

 

เป็นเสียงของพี่สาวเองที่ทำให้ฉันต้องก้าวเดินต่อไป

 

 

「หนีไปซะยัยโง่! ซีน่า!!」

 

 

พี่สาวต่อว่าฉันอย่างอ่อนโยน พี่สาวไม่เคยขึ้นเสียงใส่ฉันมาก่อน ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นฉันก็หันหลังและวิ่งออกไป

 

 

「อุก โอวววววววววววววววว……」

 

 

ฉันแค่วิ่งต่อไปพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกที่ไหลออกมา ทิ้งครอบครัวแสนสำคัญไว้เบื้องหลัง

 

 

◇◆◇

 

 

จากนั้นฉันก็ท่องไปทั่วทั้งทวีปร่วมกับสหายที่รอดตายมาได้

 

 

เหตุผลที่ทำเช่นนั้นเพราะฉันไม่มีที่พักพิงให้อาศัยอยู่แล้ว  

 

 

ในเวลานั้นทุกๆประเทศต่างถูกการรุกรานครั้งใหญ่โถมอย่างหนักและไม่สามารถรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศได้เลย บางประเทศที่ไม่ได้โดนลุกลานก็รับผู้ลี้ภัยมาจนเกินพิกัด

 

 

ถึงอย่างงั้นพวกเราก็ได้แต่เร่ร่อนไปทั่วและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต่อสู้กับความอดอยาก

 

 

 

เมื่อฉันโตขึ้นก็ตัดสินใจเข้าสมัครที่สถาบันโซลมินาติ

 

 

ตอนนั้นฉันทำอะไรไม่ได้เลย เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองที่อ่อนแอในอดีตและเพื่อทวงบ้านเกิดกลับคืนมา

 

 

และฉันก็พยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนแม้จะไม่ได้เกรดที่ดีที่สุดก็ตาม และตัวฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผอ.จิฮัดเลยด้วย

 

 

ถึงอย่างนั้นฉันก็คิดว่าตัวเองสลัดความอ่อนแอออกไปได้แล้วหากฝึกฝนอย่างเข้มงวดต่อไป..

 

 

 

แขนที่กอดเข่านั้นถูกบีบให้แน่นยิ่งขึ้น

 

 

เนื่องจากสถานการณ์อันแสนเลวร้าย ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย

 

 

แม้แต่ความรู้สึกอันแสนหดหู่ ความเศร้าเสียใจและความโกรธที่มีต่อตัวเองมันยังคงวนเวียนอยู่ในอกคู่นี้

 

 

 ยังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันอยากจะอยู่ตัวคนเดียว……

 

 

「หวาาา ไปอยู่ไหนกันนะมองไม่เห็นเลยแหะ ไปไหนกันแน่นะ อยู่ไหนกันแน่」

 

 

ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงของผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุด

 

 

◇◆◇

 

 

「เอ่อคือ……」

 

「ทอม?ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?」

 

「มิมุรุ……กำลังดูแลเขาอยู่……」

 

「ค่อยโล่งใจหน่อย……」

 

 

 ดูเหมือนว่าทอมจะค่อนข้างโอเคขึ้นแล้ว……。ในตอนนี้เองก็มีเสียงแห่งความโล่งอกออกมาจากปากของฉันในสถานการณ์แสนเลวร้ายเช่นนี้

 

 

 

「ลุกไหวไหม?พอดีว่ามีซุปน่ะ…ว่าจะเอามาให้ทาน?」

 

「……อืมเดี๋ยวจะไปกินนะ คิดว่ายังไงก็ต้องกินแหละ……」

 

 

ฉันพยุงทอมที่กำลังลุกขึ้นและปล่อยให้เขานั่ง

 

 

 หลังจากที่ร่างกายของทอมบาดเจ็บเขาดูตัวเบาขึ้นเยอะมาก……。

 

 

ทอมเป็นคนตัวเล็กและถูกรังแกมาโดยตลอด

 

 

ตอนแรกฉันเองก็เป็นหัวโจ๊ก และตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นคนรักกับเขาเลยด้วยซ้ำ

 

 

แต่เมื่อฉันโตขึ้น ตัวฉันที่มีความรู้สึกต่อทอมก็เปลี่ยนไป

 

 

ทอมยังคงเป็นคนที่บอบบางและตัวเล็กเหมือนเคย แต่ว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมากๆและมักศึกษาสิ่งต่างๆ ทำสิ่งประดิษฐ์มากมายและก่อนที่จะรู้ตัวฉันก็เริ่มหลงใหลเขาแล้ว

 

 

ทันทีก่อนที่จะเข้าเรียนฉันสารภาพรักกับเขาทันทีเพราะกังวลเรื่องของเขามาก

 

 

ฉันอายมากจนหน้าแดงแจ๋เลยล่ะ และพยายามจะหนีไปจากตรงนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกันและรู้ตัวเองแล้วว่าชอบใคร

 

 

「ร้อนนนนน!」

 

「อะ ขอโทษทีนะ!」

 

 

 ทอมที่มีอาการบาดเจ็บที่แขนขวา ฉันเลยต้องป้อนเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะร้อนเกินไปหน่อย……。

 

 

「ฟู่ ฟู่ー……」

 

 

ทอมถามคำถามกับฉันในขณะที่รอให้ซุปเย็นลง

 

 

「……นี่ มิมุรุไม่เป็นไรใช่ไหม?」

 

「……หมายความว่าไง?」

 

「ก็เธอทะเลาะกับซีน่าไม่ใช่เหรอ?」

 

「……รู้ด้วยยังงั้นเหรอ?」

 

「อืม เพราะว่ามิมุรุที่อยู่ตรงหน้าฉันกำลังทำสีหน้าเศร้าสร้อยยังไงล่ะ」

 

 

หลายๆคนก็บอกว่าฉันไม่เหมาะที่จะเจรจากับคนอื่นเพราะสีหน้าที่อ่านง่ายมาก

 

 

「……ฉันไม่สามารถยกโทษให้ซีน่าได้เลย」

 

「……เพราะอะไรกันล่ะ」

 

 

ฉันพบซีน่าหลังจากเข้าเรียนได้ไม่นาน เธอเป็นคนที่นั่งถัดจากฉัน

 

 

ในเวลานั้นซีน่าเป็นคนที่ดูใจเย็นและเย็นชาอย่างมากและมีใบหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา

 

 

ตัวเธอเองมั่นฝึกซ้อมและพยายามก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ไม่แปลกเลยว่าเธอจะล้มเมื่อไรก็ได้

 

 

「……นี่ อย่าฝืนตัวเองมากนักสิ?」

 

 

ฉันพูดอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเพราะห่วงเธอ ฉันแค่ไม่สบายใจ

 

 

「……อย่ามายุ่งกับฉันดีกว่าน่า」

 

 

ซีน่าหันมามองฉัน ไม่นานเธอก็เลิกจ้องและกลับไปนั่งเรียนต่อโดยไม่สนใจอะไร

 

 

ฉันไม่ชอบท่าทางแบบนั้นเลย ฉันจึงขมวดคิ้วและหยิบหนังสือที่เธออ่าน

 

 

เมื่อฉันคิดเกี่ยวกับตอนนั้นดูเหมือนการแกล้งกันแบบเด็กๆยังไงไม่รู้ ซีน่าน่ะยังเด็กกว่าฉันมากในตอนนั้น

 

 

ซีน่าพยายามร่ายเวทย์บังคับให้ฉันคืนหนังสือให้เธอ

 

 

ฉันถูกพัดปลิวไปและซีน่าก็หยิบหนังสือที่เธออ่านมาอ่านต่อ

 

 

อย่างที่คาดเลย ฉันเองก็หมดความอดทนเช่นกัน เลยพุ่งเข้าใส่เธอและพวกเราก็สู้กัน หลังจากนั้นพวกเราก็โดนอาจารย์เทศนายาวเลย

 

 

แล้วเราก็ปะทะกันบ่อยมากขึ้น

 

 

พวกเราแข่งกันตอบคำถามของอาจารย์แต่ซีน่าเองมักจะเหนือกว่าอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ฉันตอบถูกซีน่าจะหันมามองฉันและส่งเสียงดัง ชิ

 

 

ฉันฝึกเรื่อยมาเพื่อจะได้เอามาใช้แข่งกับเธอ แต่ผลลัพธ์ที่ซีน่าได้นั้นตัวเธอเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาก ซีน่าเองที่แพ้ฉันก็ได้แต่โบกมือและบอกว่าไว้เจอในคาบเรียนเถอะยะ

 

 

 

เรามักจะทะเลาะกันอยู่เสมอ แต่เมื่อทอมเข้ามาร่วมด้วยแล้วเขาก็เป็นคนที่คอยหยุดเรื่องราวของพวกเราเอาไว้ จนพวกเราเริ่มพูดคุยแบบคนปกติได้

 

 

ก่อนที่จะรู้ตัว ก็เริ่มทานข้าวกลางวันด้วยกันกลับบ้านด้วยกัน และออกผจญภัยด้วยกัน

 

ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน ฉันคิดว่าเธอคงไม่มีเรื่องอะไรมาปิดบังฉัน

 

 

ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอดีตของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ฉันพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

แต่ซีน่าไม่เคยจะบอกอะไรฉันเลย

 

 

ฉันโกรธซีน่าที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนทอมได้รับบาดเจ็บ และที่สำคัญที่สุดแม้ว่าฉันจะต้องเจ็บปวดก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่เคยคิดจะเล่าเรื่องราวให้ฉันฟังแม้แต่น้อย

 

 

 

 

「เพราะแบบนั้นแหละ ซีน่าไม่ยอมพูดอะไรเลย พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยไง……」

 

「มิมุรุ……」

 

ทอมเงียบไปชั่วครู่กับคำพูดของมิมุรุที่พูดด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

 

 

พวกเราทำอะไรไม่ได้ และต้องผิดหวังกับตัวเองฝึกหนักมาเพื่ออะไรกัน สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

พวกเขาเองก็ตระหนักได้ดีถึงความไม่รู้เช่นนี้

 

 

◇◆◇

 

 

「มาทำอะไรกันในสถานที่แบบนี้ละครับ……」

 

「ก็เปล่านี่……」

 

 

โนโซมุถามซีน่า ซีน่าตอบกลับว่าไม่มีอะไรพร้อมกับหันหน้าหนี

 

「……ไม่คิดจะกินอะไรหน่อยเหรอ? ผมทำซุปง่ายๆมาให้น่ะ……」

 

「…………」

 

โนโซมุนั่งข้างๆซีน่าห่างออกไปเล็กน้อยและยื่นซุปให้เธอ แต่ซีน่าไม่ได้มองที่ชามด้วยซ้ำ

 

 

「…………」

「…………」

 

ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

(อีดอัดจังแหะ……)

 

โนโซมุบ่นเช่นนั้นและแทบจะหายใจไม่ออก เพราะบรรยากาศอันน่าอึดอัดที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง

 

 

เขาไม่รู้เรื่องราวของซีน่าเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรสีดำนั่น แต่ไม่รู้ว่าเธอมีแผลใจอะไรในอดีต

 

 

 ดังนั้นโนโซมุเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นการกระทำของเขาเลยอยากจะให้เธอพูดอะไรบางอย่าง……。

 

 

「อะเอ่อคือว่า「นี่ ฉันขอถามอะไรนายหน่อยได้ไหม……」อะอืม?」

 

「ทำไมนายถึงคิดจะสละตัวเองล่ะ?」

 

「เอ๊ะ?」

 

ผมตกใจเล็กน้อยที่เธอถามเช่นนั้น  

 

「เพราะว่า……มันไม่มีทางเลือกยังไงล่ะ……」

 

โนโซมุจึงอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

 

「ในเวลานั้น ทั้งมิมุรุและเธอต่างอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ ทั้งคู่เองก็มีอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย อารมณ์ยังคงแปรปรวน จากการที่ทอมได้รับบาดเจ็บ และเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีสัตว์อสูรสีดำนั่นพร้อมกับคนเจ็บได้ ดังนั้นเลยต้องมีตัวล่อเพื่อคอยซื้อเวลาให้คนอื่นๆหนีไป และตอนนั้นตัวผมเองก็เหมาะที่สุดแล้วในสถานการณ์เช่นนั้น……」

 

มันเป็นวิธีคิดที่แย่มาก และเธอคิดว่ามันแย่ที่สุดด้วย

 

 

เธออารมณ์เสียก็จริง ที่รู้ว่าทอมได้รับบาดเจ็บจากความผิดพลาดของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจ

 

 

แต่ตอนนั้นเธอคิดลบมากเกินไปเพราะความผิดพลาดของตัวเธอเอง

 

 

เธอที่คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ แม้แต่ในอดีตก็ทำอะไรไม่ได้ เธอสูญเสียครอบครัวและคราวนี้เกือบจะเสียเพื่อนไปแล้ว เธอตกอยู่ในภวังค์ที่ว่าจิตใจอาจจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

 

 

◇◆◇

 

 

「ไม่มีทางเลือกงั้นเหรอ!? มันจะดีกว่านะถ้าทิ้งฉันเอาไว้!! เพราะฉันเป็นตัวต้นเหตุ มันจะดีกว่าที่ทิ้งฉันเป็นเหยื่อล่อ!!」

 

 

ทันใดนั้นโนโซมุก็โกรธที่เธอคิดกับตัวเองเช่นนั้น

 

「นายก็เป็นแค่เด็กห้อง 10!? ยังไงนายก็หนีมันไม่พ้นหรอก!! ฉันรู้ว่าฉันกำลังจะตาย แต่ทำไมนายต้องทำแบบนั้นด้วยฉันไม่เข้าใจ!!」

 

「นี่ใจเย็นก่อน!」

 

ซีน่าคว้าคอเสื้อของโนโซมุเธอเงยหน้าและจ้องมองโนโซมุใบหน้าใกล้กันเสียจนหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว

 

 

โนโซมุพยายามสะบัดมือของเธอออก แต่เมื่อสังเกตแววตาของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ถูก

 

「ใช่แล้ว! นายน่ะแตกต่างจากฉันๆนะที่ไม่สามารถทำอะไรได้! ว่ากันว่าอ่อนที่สุดแต่ว่ากลับแกร่งที่สุดไง!! แต่สัตว์อสูรสีดำนั่นมันอันตรายมาก ทำไมถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อคนอื่นด้วยเล่า แบบนั้นมันก็เหมือนกับพี่สาวของฉันเลยไม่ใช่หรือไงกัน!」

 

 

สิ่งที่เธอพูดมันดูย้อนแย้งในตัวมันเอง

 

 

ตัวเธอเองก็เห็นโนโซมุที่สู้รบมาบ้างและทำแผนที่ป่าอย่างละเอียดยิบ นอกจากนี้การที่รอดจากสัตว์อสูรมาได้ ก็รู้แล้วว่าความสามารถของเขาต่างจากในข่าวลือลิบลับ

 

 

อย่างไรก็ตามเธอได้ เธอนั้นเศร้าใจอย่างมากที่พี่สาวของเธอสละชีวิตตัวเองเพื่อให้เธอรอดมาได้ มันซ้อนทับกับโนโซมุตรงหน้า

 

 

ถึงแม้ว่าจะเจ็บใจ แต่นั่นก็เป็นพี่สาวที่เธอรัก

 

 

เมื่อเห็นจุดจบของพี่สาวของเธอจากการที่เป็นตัวล่อแล้ว เธอเองก็เห็นภาพพี่สาวของเธอซ้อนทับกับตัวของโนโซมุ เธอรู้ว่าการตัดสินใจของโนโซมุนั้นถูกต้อง แต่ว่าถึงยังงั้นในด้านอารมณ์ของฉันมันยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้

 

 

「………………」

 

โนโซมุเองก็ค่อนข้างจะใจเต้นรัวเพราะซีน่าที่คว้าตัวเขาเอาไว้แน่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เธอพบเจอมา

 

 

เอลฟ์สาวสวยสีส่องสว่างท่ามกลางแสงจันทร์ แขนขาอันเรียวงาม ผมสีน้ำเงินยาวสลวย น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากใบหน้าของเธอและแสงจันทร์ที่กระทบกับน้ำตาเหล่านั้น มันเป็นภาพที่สวยงามเหมือนดั่งในเทพนิยาย

 

 

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเธอที่เธอเก็บกดมาจนถึงตอนนี้มันทำให้โนโซมุกระจ่างแล้ว

 

「ทำไมล่ะ ทำไมกัน……」

 

เธอก้มหน้าลงและพึมพำทั้งน้ำตา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังพูดอยู่กับใคร

 

 

◇◆◇

 

 

「……ขอโทษนะที่พูดอะไรแปลกๆออกไปเยอะเลย……」

 

「อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ……」

 

เธอยังคงร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้เธอสงบจิตใจได้แล้วและทั้งสองก็นั่งข้างๆกันโดยเว้นระยะเล็กน้อย

 

 

ทั้งสองเผชิญหน้ากันแม้ว่าจะพยายามจะพูดคุยกันแต่บรรยากาศมันอึดอัดจนชวนพูดไม่ออก

 

 

「……ขอบคุณนะที่ยอมฟังคำพูดเห็นแก่ตัวของฉันคนนี้……」

 

「เอ๊ะ?」

 

โนโซมุอายอยู่ครู่หนึ่งกับคำพูดอันแสนกระทันหันของเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอขอบคุณผมทำไม

 

 

โนโซมุไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟัง เธอเองก็ไม่ได้เล่าอดีตมากมายให้โนโซมุฟัง

 

 

โนโซมุรู้ว่าซีน่ามีบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เธอกำลังทุกข์ทรมานกับมัน แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอ

 

 

ผมควรจะทำยังไง นี่คือสิ่งที่โนโซมุอยากรู้ในตอนนี้

 

 

「นอกจากนี้……ตัวผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ……」

 

「ไม่จริงสักหน่อย? นายเป็นคนช่วยให้พวกเราหนีออกมา นอกจากนี้ยังช่วยดูแลเขาและทำอาหารให้ แถมยังฟังคำบ่นของฉันโดยไม่พูดอะไรอีก」

 

「……」

 

 

หน้าเธอยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

 

 

แต่โนโซมุรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น

 

 

เธอมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มนั่นเหมือนกับรอยยิ้มที่โนโซมุซึ่งใส่หน้ากากเพื่อปิดบังจากไอริส มันเหมือนกันเลยล่ะ

 

 

รอยยิ้มจอมปลอมที่เธอยิ้มออกมาทำให้โนโซมุกังวลออกมาเล็กน้อย เขาไม่สามารถทำอะไรได้

 

 

「เข้าใจแล้ว เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนั้น「ขอบคุณมากนะ และก็……ขอโทษด้วย ฉันทำเรื่องเลวร้ายมากมายลงไปกับนายเยอะเลย」」

 

 

เมื่อคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะพูด โนโซมุพยายามกระชับเรื่องราว แต่เธอเองก็ตัดบทสนทนาของเขา พูดทั้งรอยยิ้มที่กำลังร่ำไห้บนใบหน้าของเธอ

 

 

「เดี๋ยวกลับมานะ ขอบคุณสำหรับอาหาร……」

 

 

เธอพูดเช่นนั้นก่อนที่โนโซมุจะพูดอะไร เธอลงไปพร้อมกับถือซุปเย็นๆนั่น

 

 

「อะ!!」

 

 

โนโซมุกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มจอมปลอมของเธอ โนโซมุก็นึกถึงคนๆหนึ่ง

 

 

ผมไม่เคยบอกไอริสเลยว่าตัวเองเป็นดราก้อนสเลเยอร์

 

 

ซีน่าเองก็ไม่สามารถหนีจากอดีตของตัวเองได้

 

 

ต่างคนต่างมีปัญหาที่ไม่อยากจะพูดถึง แม้อยากจะพูดก็พูดออกมาไม่ได้ ความรู้สึกมันเหมือนตกลงไปในก้นบึ้งของขุมนรก แต่ถึงแม้จะเหมือนกันแค่ไหนแต่ความลังเลและความสับสนของทั้งสองนั้นต่างกัน

 

 

 

ทั้งสองต่างมีเรื่องที่ปกปิดซึ่งกันและกัน

 

 

ผมพยายามอดทนในสิ่งที่กุมเอาไว้ด้วยตัวคนเดียว และเนื่องจากผมแบกรับมันไว้คนเดียว ผมจึงมองข้ามไปว่าจริงๆแล้วไม่ใช่แค่ผมที่ยึดถือมันไว้คนเดียว

 

ลางสังหรณ์ของโนโซมุมาถึงจุดที่แย่ที่สุด

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น โนโซมุและเพื่อนๆก็พบว่าซีน่าไม่อยู่แล้วและมีข้อความของเธอทิ้งไว้ว่า “ปล่อยที่เหลือให้ฉันเอง ฝากคนอื่นด้วย”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท