โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 89

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บท6ตอนที่6

 

 

มีการศึกษาอันหลากหลายทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนที่อยู่ที่สถาบันกลอวรัมในเมืองอาร์คมิล

 

 

สถาบันวิจัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยติดอยู่กับฝั่งตะวันตกของสถาบันโซลมินาติและอยู่ฝั่งตรงข้ามของสถาบันอีคอร์ส ซึ่งเป็นสถาบันในเครืองของโซลมินาติ

 

 

ในส่วนหนึ่งของสถาบันนั้นมีเจ้าหน้าที่ทอร์เกรนและทอมนักศึกษาของสถาบันโซลมินาติ กำลังยุ่งกับการย้านฐาน

 

 

ระหว่างการประชุมทั้งสองยังคงเป็นนักเรียนของสถาบัน ทอมนั้นเก่งวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ในคลาสการเล่นแร่แปรธาตุเขามักจะมาปรึกษาทอร์เกรนอยู่เสมอ

 

 

เดิมทีก็เป็นคนเงียบๆ ทอมที่เข้ามาคุยกับทอร์เกรนขณะที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนบทสนทนา ทอมก็มาเยี่ยมทอร์เกรนเป็นครั้งคราวและระหว่างนั้นเองทั้งสองคนก็คุยกับถูกคอจนทอมได้มาเป็นผู้ช่วยของทอร์เกรน

 

 

คราวนี้สิ่งที่เขาและทอร์เกรนกำลังทำคือการผลิตวงเวทย์ที่ใช้สำหรับการทดลอง

 

 

วงเวทย์ถูกวาดขึ้นใจกลางห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่รอบรับทั้งห้องเรียนได้ มีหินเวทย์ถูกวางไว้อยู่ 8 ก้อน อยู่ตรงกลางวงเวทย์

 

 

นอกจากนี้เส้นมากมายถูกวาดออกมาด้วยสีต่างๆจากวงเวทย์และขยายไปยังลูกบอลคริสตัลที่วางอยู่ห่างไกล

 

 

 

「อาจารย์ เจ้านี่ใช่รึเปล่าครับ?」

 

「อ่า ฝากด้วยนะ」

 

ทอมวาดวงเวทย์ขึ้นบนหินเวทย์ที่วางรอบตัว มิมูรุเองก็มองโดยบันทึกผลการทดลองไปด้วย

 

「นี่ทอมจะใช้มันทำอะไรงั้นเหรอ?」

 

「อืม เจ้านี่น่ะเหรอ จะเป็นสิ่งที่ใช้ในการรักษาความเสถียรของพลังเวทย์ที่ไหลอยู่ในวงเวทย์น่ะ」

 

「งั้นเหรอออออ~」

 

มิมุรุตอบโดยไม่ใส่ใจ แต่ก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอ คนรักของเธอกำลังหมกมุ่นอยู่กับงานตรงหน้า

 

 

ทอมนั้นขี้อายและเงียบอยู่เสมอ แต่ว่ายามเขาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก็มักจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา

 

 

“ช่วยไม่ได้นะ” เธอก็ได้แต่พูดแบบนั้น

 

 

ทอมรีบวาดวงเวทย์โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามิมุรุนั้นแนะนำให้เธอมาที่นี่

 

 

หินเวทย์ที่วางไว้รอบๆนั้นเสริมพลังเวทย์ที่ไม่เพียงพอ วงเวทย์นั้นใหญ่และซับซ้อนอย่างมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน มันเป็นเรื่องยากที่จะเปิดใช้ด้วยพลังเวทย์ของคนๆเดียว

 

 

การเตรียมวงเวทย์ขนาดใหญ่ ไม่ต้องสงสัยว่าการทดลองเองก็ใหญ่เช่นกัน

 

 

 

「อาจารย์ วงเวทย์นี่ใช้ทำอะไรเหรอ?」

 

「อืมก็ไม่อยากจะปิดบังกับคนที่มาช่วยหรอกนะแต่ว่า……」

 

ทอมถามทอร์เกรนเกี่ยวกับวงเวทย์นี่ แต่ว่าเขาก็อ้ำๆอึ้งๆ

 

 

มันไม่สมเหตุสมผลแม้ว่านักเรียนจะมีความสามารถมากขนาดไหน ดังนั้นเลยไม่สามารถบอกเรื่องงานวิจัยได้ แน่นอนจำนวนคนที่เข้าสถาบันนี้ได้ก็มีการจำกัดไว้ด้วย

 

 

ไม่ว่าอนาคตจะสดใสเพียงใด ก็ไม่สามารถพูดเนื้อหาการวิจัยให้ทอมฟังได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

 

ทอมเองก็ควรจะเป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ขอบเขตการวิจัยนั้นค่อนข้างจำกัด ยิ่งกว่านั้นยังมีมิมูรุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวิจัยอีก

 

 

เหตุผลก็คือมิมูรุนั้นตัวติดกับทอมไม่ปล่อยเลย และขณะที่แสดงรอยยิ้มอันขมขื่นอยู่นั่นเอง

 

 

อันที่จริง เหตุผลเดียวที่เธอมาที่นี่เพราะความตั้งใจดีของทอร์เกรน

 

 

 

「ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆนะครับ」

 

「ไม่หรอกจะสงสัยก็ไม่แปลกเลย」

 

ทอมคิดว่ามันไม่ดีที่จะรบกวน แต่ว่าทอร์เกรนเองก็ถอยห่างออกไป

 

 

ทอร์เกรนขอโทษทอม พูดตามตรง ทอมเป็นคนที่มาช่วยด้วยตัวเอง ก็ไม่ผิดหรอก

 

 

วงเวทย์ที่วาดอยู่บนพื้นมันยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ได้วาดส่วนสำคัญ แต่ดูเหมือนว่าจะมีการรบกวนจากวัตถุที่วางอยู่ตรงกลางมุมมองของทอม

 

 

แม้ว่าของแบบนี้จะหาดูได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่หาได้เฉพาะในโลกของการเล่นแร่แปรธาตุ มันคือการจัดเรียงใหม่และสร้างคุณสมบัติของวัตถุและกอง

กำลังต่างๆ ไม่ต้องสงสัยเลยกุญแจสำคัญคือหินเวทย์ที่วางอยู่ข้างๆรอบๆนี้ และตรงกลาง

 

 

 

「อืมไม่รู้สิ……」

 

มิมูรุที่มองดูก็งง เดิมทีเธอเองก็ไม่ได้เก่งด้านเวทย์อยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่ามีอะไรขัดขวางการทำงาน

 

「มิมูรุอย่าจับต้องสิ่งรอบตัวนะ」

 

「อืม~ทำไม่ได้สิน้า~」

 

「แม้จะพูดแบบนั้น แต่ก็เคยทำของผมตกด้วยเพราะงั้นระวังหน่อยก็ดี……」

 

「ค่าาาาาาาา……」

 

ในเวลานั้นเองสิ่งที่มิมูรุทำตกก็คือผงหินเวทย์กับหางของจิ้งจกไฟ

 

 

หากหินเวทย์แตก พลังเวทย์ที่กักเก็บจะกระจัดกระจาย แต่ด้วยกระบวนการพิเศษ มันสามารถกลายเป็นผงได้ในขณะที่ยังคงกักเก็บพลังเวทย์เอาไว้

 

 

และถ้าใช้สีย้อมเพื่อวาดวงเวทย์ มันก็จะปรับปรุงการเดินพลังเวทย์และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยปฏิกิริยาเวทย์ที่เพิ่มขึ้น พลังเวทย์โดยรอบก็ถูกจัดการได้ดีมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถปลดปล่อยพลังเวทย์ได้ในเวลาอันสั้น

 

 

หางของจิ้งจกไฟก็เป็นหางขอสัตว์อสูรตามชื่อ และมันผลิตเปลวไฟเพื่อตอบสนองต่อพลังเวทย์

 

 

อีกอย่างผงหินเวทย์ก็ทำให้มันเกิดปฏิกิริยาต่อกันและผลคือ ไม่ต้องพูดดดดดดด

 

 

โชคดีที่เวลานั้นมันไม่ทำงาน ไม่งั้นคงเกิดภัยพิบัติ

 

 

มิมูรุเองก็หน้าซีดและในขณะนั้นเองมือของเธอก็ชนเข้ากับบางสิ่ง

 

 

มิมูรุหยิบมันขึ้นมาและพบว่ามันเหมือนภาพในกรอบรูป

 

 

เป็นภาพของเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังยิ้ม

 

「เอ๋……?」

 

เมื่อมิมูรุเห็นเช่นนั้นก็สงสัยว่าเป็นใคร ทอร์เกรนก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา และประตูห้องปฏิบัติการก็เปิดออกและมีคนเข้ามา

 

「คุณทอร์เกรนเกี่ยวกับการทดลองนี่ อืมพวกเธอ」

 

「แย่แล้วววววว……」

 

เป็นจิฮัดเองที่เข้ามาในห้องดูเหมือนว่าทอร์เกรนมีบางอย่างจะต้องทำ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นทอมและมิมูรุก็เหลือบมองทันที

 

「คุณทอร์เกรน ทำไมถึงพานักเรียนมาที่นี่……」

 

「เอ่อ อาจารย์จิฮัด ผมเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ทอร์เกรน……」

 

จิฮัดได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ หากคิดตามปกติไม่น่าจะมีนักเรียนคนไหนมาช่วยงานวิจัยได้

 

「แต่ว่าเธอคนนั้น ไม่ใช่ไม่ใช่เหรอไง? ทอร์เกรน……」

 

จิฮัดจ้องมองไปทางมิมูรุ เธอก็เบือนหน้าหนี อันที่จริงคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่อนุญาติให้เข้ามาที่นี่จากนั้นทอร์เกรนก็ได้แต่ก้มหัวขอร้อง

 

「ขอโทษครับ……」

 

「พวกเธอเองก็ด้วย บางสิ่งบางอย่างมันก็รับมือได้ยากในสถาบันวิจัยแห่งนี้ ยิ่งเป็นผู้ช่วยยิ่งต้องระวังเลย」

 

แต่ว่าเธอไม่ใช่ผู้ช่วยแต่เป็นคนรักของทอมต่างหาก แต่อย่างที่จิฮัดพูดไม่ควรจะตัวติดกัน

และถ้ามีอะไรผิดพลาดทอร์เกรนต้องรับผิดชอบสถานเดียว

ทอมขอโทษและโค้งคำนับ มิมูรุเองก็หดหู่

 

「ทอร์เกรน คือว่าเรื่องนั้น……」

 

จากนั้นก็เข้าสู่ประเด็นหลัก อย่างไรก็ตาม อาจจะเพราะกังวลพวกเด็กๆที่ยังอยู่ในห้องเขาจึงหันไปมองทอร์เกรน

 

「ทอม วันนี้พอแค่นี้」

 

ทอร์เกรนที่เข้าใจถึงเป้าหมายของจิฮัดก็บอกให้ทอมกลับบ้านไป

 

「เข้าใจแล้ว กลับกันเถอะมิมูรุ」

 

「อ่า ขอโทษนะคะ」

 

ทั้งสองรีบเก็บสัมภาระและรีบออกจากห้องทดลองไป

 

 

หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ทอร์เกรนก็โค้งคำนับจิฮัดอีกครั้ง

 

「คุณจิฮัด ผมขอโทษ」

 

「ไม่หรอก สิ่งสำคัญคือพวกนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ แถมข้าเองก็ไม่ใช่ผู้จัดการที่นี่ตั้งแต่แรก ดังนั้นก็ช่วยระมัดระวังด้วย หากเกิดอะไรขึ้นต้องรับผิดชอบนะ」

 

ทอร์เกรนพยักหน้าต่อคำพูดของจิฮัด

 

 

จิฮัดเป็นห่วงพวกเขา

 

 

พวกเขายังเป็นนักเรียนที่มีอนาคตสดใส ไม่อยากจะพรากสิ่งสำคัญไป

 

「แต่ว่าก็ไม่ได้บอกว่าพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องซะทีเดียว……」

 

「อ้อ เห็นรายงานแล้วล่ะเป็นสัตว์อสูรสินะ……」

 

จิฮัดเห็นด้วยกับคำพูดของทอร์เกรน

 

 

ทอร์เกรนที่เห็นสถานการณ์เองก็ตกใจเช่นกัน

 

「กลับมาที่เรื่องหลัก แล้วการทดลองนั่นจะเสร็จเมื่อไร?」

 

「ด้วยความช่วยเหลือของทอม งานยากๆก็เสร็จไปหมดแล้ว หลังจากนั้นหากทำใจกลางให้สมบูรณ์ก็พร้อมทุกเมื่อ……」

 

เขารายงานเช่นนั้นกับจิฮัดที่ดูสับสน

 

 

อย่างนั้นเหรอ จิฮัดพึมพำ หลับตาคิดชั่วครู่และบรรยากาศอันหนักอึ้งแสนกดดันก็ปรากฏขึ้น

 

 

ในที่สุดจิฮัดก็ถอนหายใจและพูด

 

「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นเริ่มการทดลองในคืนนี้กันเลย」

 

จิฮัดพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่เนื้อหาของคำพูดมันไม่ธรรมดา

 

◆◇◆

โนโซมุเข้าไปในป่าลึกแต่ไอริสเองก็รู้ตำแหน่งที่หมายปลายทางเลยนำหน้าโนโซมุไป

 

 

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะยังอยู่บนท้องฟ้า แต่ก็ยังมืดหน่อยๆ แสงอาทิตย์ยังคงสาดส่องลงมาจากยอดไม้ และแสงแดดจากใบไม้ที่โปร่งแสงก็ส่องลงมายังผืนป่า

 

 

นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงนกร้องผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้ แม้ว่าจะเป็นป่าที่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ แต่นกและสัตว์ขนาดเล็กดูเหมือนจะสนุกกับการใช้ชีวิต

โนโซมุและเพื่อนๆเข้ามาอย่างระมัดระวังบริเวณโดยรอบ

 

 

เมื่อโนโซมุมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว ไอริสที่อยู่ด้านหน้าก็หันกลับมามอง

 

「โนโซมุ….โอเคไหม?」

 

「เอ๋?」

 

「เอ่อ ก็คือว่าเมื่อเช้านี้ก็โดนหนักเลยนี่……」

 

ไอริสมองหน้าโนโซมุเธอเข้าใจดีว่าโนโซมุโดนเทียแมตหลอกหลอน

 

「อา ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็เหนื่อยเล็กน้อยเพราะมีคนจ้องมองเยอะนี่หละ แต่ว่าทางด้านร่างกายผมไม่มีปัญหาใดๆและไม่มีอาการอะไรแล้วครับ」

 

「ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……」

 

ไอริสแค่กังวลว่าโนโซมุจะเก็บเรื่องต่างๆไว้ในใจคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน

 

 

อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ของลิซ่าและเคน หรือเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาดี

 

 

มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกหลังจากที่เขาอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้ไอริสฟัง แต่เธอก็ยังกังวล

 

 

ไอริสจ้องมองไปที่ตาของโนโซมุ

 

 

ความงดงามชวนให้นึกถึงประติมากรรมของช่างฝีมือกำลังเข้ามาในสายตา ราวกับเธอกำลังจ้องมองลึกไปยังจิตใจของเขา

 

 

ผิวสวยงามราวหิมะ ดวงตาสีดำเหมือนออบซิเดียนกำลังสั่นเทาด้วยความกังวล

 

「…ไม่เป็นไรจริงๆแน่นะคะ?」

 

เสียงของไอริสถามราวกับยืนยันโนโซมุพยักหน้าช้าๆเพื่อทำให้ใจตัวเองสงบลง

 

「ไม่เป็นไรจริงๆครับ ถ้าอันตรายเมื่อไรจะบอกทันที」

 

「ก็ดีแล้วล่ะคะ ปรึกษาพวกเราบ้างอย่าเก็บมันไว้คนเดียว」

 

ไอริสพูดแบบนั้น โนโซมุไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มเจื้อนๆ

 

「อ่า เมื่อเช้าไม่เห็นโซเมียเลย เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ปกติมาด้วยกันนี่……」

 

「อ่าเรื่องนั้นเหรอคะ โซเมียไปสถาบันแต่เช้า เพราะช่วงนี้เธอดูเหมือนจะตั้งใจเรียนเป็นพิเศษเลยล่ะ」

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โนโซมุก็ประทับใจ

 

 

โซเมียมีอายุเพียง 11 ปี มันคงจะดีไม่น้อยที่เธอตั้งใจแบบนี้และมีหลายๆอย่างให้เธอทำ

 

 

เด็กสาวที่สดใสราวกับดวงอาทิตย์ โนโซมุประทับใจกับการที่เธอจริงจังกับพี่สาวของเธอ ก็มีช่วงหนึ่งที่เห็นทะเลาะกันแต่ดูจะไม่เป็นไรแล้ว

 

 

 

「งั้นเหรอ โซเมียเองก็มีสิ่งที่ต้องทำ……」

 

ไอริสยิ้มขณะมองโนโซมุ

 

 

โนโซมุไม่เข้าใจว่าเธอยิ้มอะไร

 

「พูดถึงเรื่องนั้น โนโซมุ เห็นว่าพวกเธอเองก็เคยไปพัวผันกับผู้ชายแปลกหน้าในกิลด์เมื่อไม่นานมานี้」

 

ในเวลานั้นฟีโอก็พูด

 

「อ่า เอลเดอร์นักเรียนชายสินะ?」

 

「ใช่ๆ เหมือนจะเป็นหนึ่งในคนที่มีความสามารถมากที่สุดในปี 1 เลยล่ะ และมีข่าวลือว่าเจ้าหญิงผมทมิฬถูกสารภาพรักด้วย」

 

「เอ๋……」

 

โนโซมุเหลือบมองไอริส ด้วยสายตาเหม่อลอย แทนทีจะแสดงสีหน้ากังวลเรื่องโนโซมุ เธอกลับมีใบหน้านิ่งเฉย

 

 

จากคำกล่าวของฟีโอดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความสามารถสูงพอตัว

 

 

ดูเหมือนว่าพ่อของหมอนั่นจะรับราชการทหารและวิชาดาบก็เรียนมาจากพ่อ และดูเหมือนจะถนัดด้านการใช้ดาบและโล่

 

 

ดูเหมือนว่าเขากำลังตกหลุมรักไอริสตั้งแต่วันแรกและสารภาพรัก แต่โดนปฏิเสธ

 

 

อย่างไรก็ตาม ยังไงเขาก็ยังไม่ยอมแพ้

 

 

 

「เอ่อนิ่งเกินไปแล้วปะ」

 

「ไม่หรอก แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ……」

 

「อย่างน้อยตอนนั้นก็ต้องบอกว่า “มายุ่งอะไรกับผู้หญิงของผม……”」

 

「ฟีโอสรุปจะช่วยหรือมาขวางกันแน่?」

 

ฟีโอยิ้มและหันไปโอบไหล่โนโซมุ แต่ว่าเธอก็ไม่ปล่อย

 

 

เมื่อเขาหันไปหาเธอก็เห็นว่าไอริสกำลังโกรธจัดเลย

 

 

ทันใดนั้นเธอก็จู่โจมฟีโอด้วยความรวดเร็วจนฟีโอถึงกับกรีดร้อง

 

 

โนโซมุที่เห็นแรงอาฆาตนั่นก็ไม่สามารถหยุดสถานการณ์ตรงหน้าได้ มันทำให้เขานึกถึงชิโนะที่ถือดาบและยิ้มอย่างเย็นชา

 

 

แน่นอนว่าฟีโอก็พยายามป้องกันตัวเอง

 

「เอ่อ ก็มาช่วยไงงงงงง! นี่ไง ถนนตรงนี้!」

 

ฟีโอรีบหยิบบางอย่างออกจากอกของเขา ก็มีเหล็กที่ผูกติดกันสามอัน

 

「เอ่อนั่นมัน……」

 

「มีดปาสำหรับโนโซมุไง โนโซมุต้องระวังเรื่องไอเทมสิ้นเปลืองด้วยนะ อะแบ่งให้สามอัน」

 

ฟีโอเอามีดสั้นมาให้โนโซมุ ที่มีขนาดเล็กพกพาได้สะดวกแต่มีจำนวนไม่มาก

 

 

เมื่อโนโซมุเอามันมา เขาก็หยิบมันออกมาอันหนึ่ง

 

「นี่มันดูเหมาะกว่าที่คิดซะอีกนะ……」

 

「แน่นอน ข้าน้อยเลือกเองเลยนะ」

 

โนโซมุประทับใจกับการเลือกของฟีโอที่เลือกมีดสั้นได้เหมาะมือกับเขา

 

 

โนโซมุเองคิดว่าวิชาดาบของเขาไม่สามารถใช้สู้กับคนจริงๆได้ ดังนั้นเขาเลยอยากหาอาวุธอื่นทดแทน

 

 

ฟีโอเองก็เป็นเซียนด้านการใช้มีดขว้างเลยล่ะ แต่เขายังไม่ถึงขั้นนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถขว้างได้อย่างแม่นยำ แต่ว่าถ้ามีช่องว่างก็พอปาโดนบ้าง

 

 

แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันไม่ค่อยดีเลยที่เขาต้องมาเรียนสิ่งอื่นๆ แต่ว่าจะว่ายังไงดีล่ะ เขาเองก็ต้องพัฒนาตัวเอง

 

 

เขาตื่นเต้นที่จะคุยกับฟีโอ แต่แล้วไอริสก็ยังคงจ้องมองไปที่ฟีโอ

 

「ดูเหมือนว่าจะมาช่วยจริงๆสินะ แต่ถ้าคราวหน้ายังปากไม่ดีอีกแม่จะเย็บปากให้เลยนะ?」

 

「งับ เสด็จแม่ ข้าน้อยจะไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว……」

 

ไอริสนั้นชักดาบออกมาจากฝักแล้วจ้องมองฟีโอ

 

 

ฟีโอที่ได้เห็นบรรยากาศเช่นนั้นก็กลัวเป็นเจ้าเข้า

 

 

โนโซมุยิ้มเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของสองคนนี้และเอามีดขว้างคาดเอวไว้

 

「อีกอย่าง ดูเหมือนฟีโอก็เข้าใจแล้ว ดังนั้นระวังตัวด้วยเป้าหมายอยู่ด้านหน้า」

 

ตามคำอธิบายของไอริส คำขอนี้มีไว้ปราบพวกออร์คที่เพิ่งตั้งรกรากอยู่ในป่า หรือขับไล่มันเข้าป่าไป

 

 

คำขอนั้นปกติก็โดนพวกนักล่าในป่านี้ทำอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าจะมีฝูงออร์คที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเข้ามาใกล้เมืองและตั้งรกราก

 

 

ออร์คเป็นสัตว์อสูรที่มีแรงค์ C  โดยพื้นฐานตัวใหญ่กว่ามนุษย์และใช้กระบอง

 

 

แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่มีพละกำลังมาก แต่พลังของมันก็ไม่เท่าไซคลอปส์และไซคลอปส์เองก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นกับโนโซมุที่เคยต่อสู้กับโอเกอร์

 

「ไอริส ออร์คตั้งฐานอยู่แถวนี้เหรอครับ?」

 

「อื้อ มันเคยเป็นหมู่บ้านก็อบลินน่ะ แต่ตอนนี้กลายเป็นรังของพวกมันไปแล้ว」

 

ไอริสตอบคำถามของโนโซมุขณะชี้ไปยังส่วนลึกของป่า

 

「อืม ก็อบลินกลายเป็นอาหารเย็นอันน่าสงสารของออร์คเหรอ……」

 

แม้ว่าจะมีก็อบลินจำนวนมาก แต่ภัยคุกคามของมันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนัก หากมีออร์คจำนวนพอเหมาะก็สู้กันได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรแล้ว อันที่จริงมันไม่แปลกหรอกที่ก็อบลินจะโดนยึดฐานได้ง่ายๆ (TN: แปลกสิ ก็อบลินสเลเยอร์ไง)

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสส่ายหัวให้กับคำพูดของฟีโอ

 

「ไม่หรอก ตามที่นักล่าบอก ก๊อบลินนั้นแตกพ่ายก่อนที่พวกออร์คจะมาถึง เห็นได้ชัดว่าพวกออร์คนั้นตั้งรกรากอยู่ในที่ว่างเปล่า」

 

「อืมมมมมมม?」

 

การตั้งถิ่นฐานของก็อบลินที่เพิ่งถูกกำจัดไป มีบางอย่างคิดอยู่ในใจของโนโซมุ

 

「ดูเหมือนว่าทางนายพรานหมู่บ้านเองก็กังวลเพราะไม่เห็นพวกก็อบลิน แต่สถานที่นั่นเละมากๆเลย」

 

「มีสัตว์อสูรทรงพลังงั้นเหรอ ไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ?」

 

「ก็ลองถามทางกิลด์ดูแล้ว แต่พอตรวจสอบก็ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรเลย หากดูจากสถานที่แล้วพวกออร์คที่ยังอยู่ อย่างน้อยเจ้านั่นก็น่าจะอยู่ห่างจากที่นี่」

 

แน่นอนหากมีสัตว์อสูรทรงพลังอยู่พวกออร์คไม่รอดแน่

 

 

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่นักล่าได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่มีพยานดังกล่าว

 

「เอ่อ มันก็อันตรายอยู่หรอกแต่ก็ขอให้โนโซมุที่คุ้นเคยกับป่าตามมาด้วยไง」

 

อย่างไรก็ตามข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่ใช่ทุกอย่าง อาจจะมีเรื่องที่ยังไม่รู้อยู่มาก

 

 

แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอน แต่ไอริสก็คิดหวังพึ่งโนโซมุมากที่สุด

 

 

ไอริสเหลือบมองโนโซมุท่ามกลางป่าสลัว พร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ

 

 

 

「…………」

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุนั้นดูเงียบผิดปกติ เขาเอามือปิดปากและราวกับพึมพำอะไรสักอย่าง

 

「เอ่อ ไม่มีทาง」

 

「โนโซมุ เป็นอะไรไป?」

 

「ไม่สิ เพราะแบบนั้นอาจเป็นเหตุผลที่พวกออร์คมาตั้งรกรากใกล้เมืองแบบนี้……」

 

ไอริสมองไปยังโนโซมุที่มีท่าทางแปลกๆ ฟีโอเองก็เช่นกัน

 

 

สิ่งที่เข้ามาในหัวโนโซมุคือฉากหนีตายกับสัตว์อสูรสีดำในตอนนั้นที่เขาใช้ประโยชน์จากกับดักและหมู่บ้านก็อบลิน

 

 

 

「……เอ่อ」

 

โนโซมุในที่สุดก็รู้ตัวว่าทำไมคำขอถึงได้ถูกส่งไปยังกิลด์และทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น

 

 

เมื่อเขาสงบสติได้ก็พยายามตัดเรื่องไร้สาระออกไป แต่แล้วเขาก็เห็นอะไรแปลกๆ ผิดปกติ

 

 

 

「โนโซมุ?」

 

「เอ่อ นั่นมัน……」

 

ไอริสและฟีโอจ้องมองไปยังจุดที่โนโซมุชี้ไป

 

 

เหนือสายตาของทั้งสามคน มันเป็นภาพของขาสองข้างยื่นออกมาจากพุ่มไม้

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้นั่นกำลังทำอะไรบางอย่าง ขาทั้งสองข้างนั่นเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง ดวงตาของโนโซมุจ้องมองไปยังภาพแปลกประหลาดนั่น

 

 

 

「นั่นมัน แปลกๆแล้วนะ……」

 

โนโซมุได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

 

 

ขณะสงสัยว่าคนๆนั้นมาทำอะไร โนโซมุก็เดินเข้าไปใกล้ๆตรงพุ่มไม้และเรียก

 

「……กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?」

 

「ชู่ววววววววววววว!」

 

จากนั้นชายคนนั้นก็ประหลาดใจกับเสียงของโนโซมุ ชายชราผมขาวคนหนึ่งก็กระโดดออกจากพุ่มไม้

 

 

โนโซมุเองก็ตื่นเต้นเกินกว่าที่จะถอยหลัง

 

「เจ้าหนุ่ม ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!」

 

「ฝั่งนี้ต่างหากที่ต้องถาม มาทำอะไรที่นี่ตาแก่」

 

ชายชราเข้าป่ามาคนเดียว ดูยังไงก็น่าสงสัย

 

「แล้วเรื่องอะไรของแกล่ะเจ้าหนุ่ม? ทำไมต้องบอกเจ้าด้วยหืม?……」

 

「แล้วสรุปมาทำอะไรตาแก่?」

 

「ก็ทำของสำคัญหายน่ะสิ เลยกำลังตามหาอยู่เนี่ย!」

 

ซอนเน่ยิ้มทันทีเมื่อเห็นไอริส ตามปกติหมอนี่จะเปลี่ยนผันแบบ 180 องศาขึ้นอยู่กับเพศตรงข้าม

 

 

โนโซมุเริ่มปวดหัวมากกว่าเดิมเพราะตาแก่นี่กลับมีตัณหาขึ้นมาอีกแล้วสิ

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ที่จะพูดไปมากกว่านี้ ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว จึงถามออกไป

 

 

 

「แล้วมันสำคัญขนาดไหนล่ะ」

 

「เอ่อ ตอนแรกก็เป็นของสั่งทำน่ะ แต่ระหว่างทางไปเมืองก็โดนพวกก็อบลินโจมตีและโดนปล้นสะดมเข้า」

 

ก็อบลิน โนโซมุคิดว่าน่าจะเป็นพวกก็อบลินหนีออกจากบ้านเนี่ยล่ะ

 

 

ก็อบลินบางครั้งก็ขโมยพวกปศุสัตว์โดยใช้ประโยชน์จากร่างกายเล็กๆของพวกมัน

 

 

พวกมันตัวเดียวไม่ได้มีพลังมากนักแต่หากรวมพลังกันเป็นกลุ่มก้อน เรียกได้เลยว่าก็เก่งในระดับหนึ่งและมันจะคอยล่าผู้อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ

 

 

อาจเป็นไปได้ว่าพวกพ่อค้านั้นไม่ได้จ้างคนคุ้มกันหรือมีกองคาราวาน

 

 

 

「อย่างไรก็ตาม ตาแก่นี่มันก็อันตรายนะเข้ามาในป่าคนเดียวแบบนี้」

 

「เหหหหหหหหห~เป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยเหรอเนี่ย แม่หนูใจดีผิดคาดกับเจ้าหนุ่มนั่นเลยนะ」

 

ในคำพูดของซอนเน่ทำให้โนโซมุขมวดคิ้ว

เขาเอื้อมมือไปจับดาบอย่างรวดเร็ว และปล่อยมือออกเพราะบอกตัวเองว่า ใจเย็นไว้

 

「ถ้างั้น ตาแก่ซอนเน่ไม่ส่งคำขอไปที่กิลด์ล่ะ?」

 

「ก็ทำไปแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ก็เลยต้องออกมาหาเองเนี่ยล่ะ」

 

「ไร้เหตุผลจริงๆนะ……」

 

แสดงว่ามันต้องเป็นของสำคัญมากที่ขนาดเจ้าตัวยังปล่อยทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้  โนโซมุและไอริสต่างถอนหายใจออกมา

 

 

โนโซมุนั้นยักไหล่และไอริสก็เอามือแนบหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า และฟีโอที่กำลังคุยกับซอนเน่ก็หันมาหาพวกโนโซมุ

 

 

 

「แล้วจะทำยังไงล่ะ?」

 

「ก็พวกออร์คอยู่ปลายทางของเราแล้ว ทิ้งรังของมันไว้ก็อันตรายด้วยสิคะ」

 

ฟีโอพูดว่าจะทำยังไง ไอริสยังบอกว่าจุดหมายของเราอยู่ด้านหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่งจะมาจัดการเมื่อไรก็ได้

บอกตามตรงที่นี่มันไม่ใช่ที่ชายแก่จะมาเดินเล่นคนเดียวได้

 

「อืม……มันเป็นปีศาจมากตัณหาซะด้วยสิและไม่มีความ “ยับยั้งชั่งใจ”และ”การชั่งน้ำหนัก”กับเจ้าหมูตอนพวกนั้น แต่ว่าพอมาคิดถึงตาแก่แล้วที่ก็อันตรายพอๆกันนี่ก็เพราะงั้นปล่อยมันเป็นอาหารของเจ้าหมูพวกนั้นก็ดี……」

 

「นี่แก……」

 

โนโซมุคิดว่าปล่อยตาแก่ไว้ก็อันตราย อย่างไรก็ตามโนโซมุคิดว่าปล่อยตาแก่ให้เป็นอาหารของพวกออร์คก็ดี ทำให้ซอนเน่ถึงกับขมวดคิ้ว

 

 

โนโซมุยักไหล่กับการเอาคืนตาแก่ พอดูแล้วก็พอๆกัน

 

「อย่างที่ไอริสพูด ปล่อยมันไว้แบบนี้ไม่ได้ไม่งั้นมันอันตรายมาก」

 

「อืม อย่างน้อยก็กลับเข้าเมืองสักรอบ」

 

ถึงกระนั้นก็เถอะตาแก่ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป

 

 

ในท้ายที่สุดแล้ว พวกโนโซมุก็คิดว่าปล่อยตาแก่ไว้ใกล้ๆกับพวกสัตว์อสูรไม่ได้

 

 

ดังนั้นเลยตัดสินใจเข้าเมืองพร้อมกับซอนเน่ อย่างไรก็ตามซอนเน่ยังคงไม่พอใจเพราะหาของไม่เจอ

 

 

 

「แต่ว่า ข้ากำลังหาบางอย่างอยู่นะ……」

 

「เอ่อ ระหว่างที่พวกเราทำคำขอจะช่วยหาให้เอง ดังนั้นวันนี้กลับกันก่อน」

 

「เอ๊ะ งั้นเหรอ? ถ้างั้นรบกวนด้วยแล้วกัน แล้วก็? ถ้างั้นก็พาแม่สาวน้อยตรงนั้นไปที่เมืองด้วยสินะ? อ่า แม่หนูๆขอบคุณที่พาไปส่งเมืองถ้างั้นมาเดทกันเถอะ……」

 

ไม่ทันใดนั้นซอนเน่ก็รุกเข้าใส่ไอริสเพราะเห็นว่าจะมีคนช่วยหาของให้แล้ว

 

「ขอโทษด้วยนะคะ แต่ว่าดิฉันมีนัดแล้วค่ะ」

 

อย่างไรก็ตามไอริสปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย แล้วโนโซมุเองก็กุมขมับ

 

「หนอยยยยยยยยยยยย…….แกอีกแล้วเหรอออออ……」

 

ซอนเน่จ้องมองมาที่โนโซมุซึ่งเจ้าหญิงผมทมิฬลากตัวเอาไว้ และจากนั้นภาพในวันวานก็ผุดขึ้นมา

ขณะมองตาแก่แบบนั้น ซอนเน่ก็จ้องมาด้วยสายตาอาฆาตแค้น

 

「ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราจำเป็นต้องมาคอยเฝ้าตาแก่จริงๆเหรอเนี่ย……」

 

อนึ่งแล้ว สำหรับโนโซมุ ตาแก่นี่จะยังไงก็ช่างเถอะ

 

 

เพราะเป็นตัวตนที่ไร้เหตุผลและชอบลวนลามหญิงสาวไปทั่ว ทำแสร้งเป็นดูดวงและชอบแตะอั๋งสาวๆ แถมไล่จีบสาวๆไปทั่ว น่าจับส่งพวกทหารซะ

 

 

ด้วยเหตุนี้เองโนโซมุก็กลับเมืองและหันหลังให้กับเป้าหมาย

 

 

 

「เอ๋?」

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุรู้สึกแปลกๆ เพราะเสียงในป่ามันแปลกไป เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันแสนกดดันอย่างน่าประหลาด และฟีโอเองก็รู้สึกได้เช่นกัน

 

「นี่มัน……」

 

ไอริสเองก็รู้สึกไม่สบายใจและหยิบดาบออกจากเอว

 

 

ในป่าที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน โนโซมุและเพื่อนๆต่างเค้นสมาธิจนถึงขีดสุดเพื่อฟังสิ่งรอบข้าง

 

 

จ้องมองโดยรอบ บรรยากาศที่ชวนอึดอัดและได้ยิงเสียงกิ่งก้านปลิวไสวไปตามสายลม

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!」

 

ในความเงียบนั้น ได้ยินเสียงคนกรีดร้องมาจากระยะไกล

 

「อืม ! ตาแก่ !  อยู่ตรงนี้แหละอย่าขยับไปไหนเชียวนะ!」

 

วินาทีถัดมาพวกโนโซมุก็รีบมุ่งตรงไปยังที่ตรงนั้น

 

 

โนโซมุวิ่งผ่านแมกไม้และวิ่งเต็มกำลัง

 

 

จากส่วนลึกของป่าทึบ ได้ยินเสียงการต่อสู้ผสมกับเสียงพุ่มไม้

 

 

เสียงกระทบกันของโลหะ เสียงเวทย์ระเบิด และเสียงคำรามของสัตว์อสูร

 

 

ในที่สุด แสงของดวงอาทิตย์ที่เล็ดลอดเข้ามาในสายตาของพวกโนโซมุก็เริ่มจะได้ยินเสียงเหล่านั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

「เร็วเข้าสิ……」

 

「เข้าใจแล้ว……….แต่ว่า……」

 

ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังร่ายเวทย์อยู่แต่ว่าก็ฟังไม่ได้ใจความ

 

 

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ค่อนข้างแย่เลยทีเดียว หากฟังจากเนื้อหาที่ได้ยิน

 

 

เมื่อโนโซมุหันไปมองทั้งสอง ทั้งสองก็พยักหน้าราวกับรับรู้

 

 

พวกเขาเข้าใกล้สถานที่ต่อสู้ทีอยู่ไม่ไกลมากนัก ตอนนี้คิดว่าต้องรีบไปให้ทันเวลาที่สุดจากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้ามากขึ้นไปอีก

 

 

ไอริสเองก็ใช้ความสามารถปรับใช้ทันที และฟีโอก็ใช้ยันต์เพื่อเปิดใช้งานเวทย์อย่างรวดเร็ว

 

 

ทั้งสามคนเสริมพลังกายและวิ่งตรงไป

 

 

โนโซมุนั้นช้ากว่าเพื่อนๆเพราะพันธนาการ แต่เขาก็ส่งสัญญาณมือให้กับทั้งสอง

 

 

ไอริสและฟีโอพุ่งไปด้านหน้าจากนั้นก็เห็นภาพตรงหน้าจึงรีบวิ่งไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น

 

 

ไอริสและฟีโอนำหน้าไป เมื่อคิดว่าเห็นแสงลอดผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ ก็เห็นแสงส่องมาตรงหน้าครู่หนึ่ง

 

 

สิ่งที่เห็นก็คือภาพพวกรุ่นน้องที่เห็นกันก่อนหน้านี้ถูกพวกออร์คต้อนจนมุม

 

 

เอลเดอร์ที่พยายามจีบไอริส ออกมายืนด้านหน้าพวกออร์คและข้างหลังมีนักเรียนหญิงอยู่

 

 

เด็กผู้ชายที่ถือหอกกำลังโดนรักษาอยู่ แต่ว่าก็ไม่มีสมาธิกับการรักษาเพราะว่าพวกออร์คเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

 

 

ดาบและโล่ที่ถืออยู่ในมือนั้นสั่นสะท้าน อาจเป็นเพราะว่าเอลเดอร์เองก็โดนแรงกดดันมหาศาล

 

 

ออร์คที่อยู่ตรงหน้าฟาดไม้กระบอง

 

 

เอลเดอร์ยกโล่ขึ้นและตั้งรับไม้กระบองนั่น แต่ว่าก็ไม่สามารถต้านทานแรงได้จนทรุดลงกับพื้น

 

 

ออร์คพยายามบดขยี้เอลเดอร์ทั้งๆแบบนั้น ใบหน้าของเอลเดอร์บิดเบี้ยวด้วยความกลัวและก่อนที่แรงกดดันนั่นจะทะลุผ่านโล่

 

 

 

「ฟีโอคุง!」

 

「เข้าใจแล้ว!」

 

ไอริสดึงดาบออกมาอีกครั้งและฟีโอก็หยิบยันต์ออกมาจากอก

 

 

ความมืดและสายฟ้านั้นปรากฏขึ้นมา แม้ว่าจะได้ความช่วยเหลือจากความสามารถของตนเอง แต่ว่าการที่สามารถสร้างพลังเวทย์ขึ้นมาได้ในทันใดก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา

 

 

ความมืดนั้นหดตัวลงกลายเป็นกระสุนเวทย์ และเข้าหาออร์คพร้อมกับเสียงที่ทะลุเนื้อของพวกมัน

 

 

การปรากฏตัวของผู้ท้าทายคนใหม่ที่เข้ามา ทำให้พวกออร์คหันเข้ามาจ้องพวกไอริส แต่สุดท้ายพวกมันก็ต้องตกใจกับเวทย์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆและพยายามจะหลบมัน

 

 

ออร์คหลายตัวยืนอยู่ด้านหน้าไอริส แต่เวทย์ของไอริสก็เข้าโจมตีพวกมัน

 

 

กระสุนเวทย์ระเบิดออกและสายฟ้าก็เผาไหม้ร่างกายพวกมัน

 

 

อย่างไรก็ตามพลังชีวิตของออร์คมันก็มีมากมาย กระสุนเวทย์แม้จะทำลายเนื้อบางส่วนของร่างกายไปและสายฟ้าที่เผาไหม้ผิวหนัง แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส

 

 

อย่างไรก็ตามเวทย์นั้นใช้เพื่อดึงดูดความสนใจจากพวกออร์คเท่านั้นเอง

 

 

ด้วยเหตุนั้นการต่อสู้ก็กลายมาเป็นว่าพวกออร์คมารุมฝั่งนี้แทนที่จะไปหาพวกรุ่นน้อง

 

 

 

「กร๊ากกกกกก!」

 

พวกออร์คหันมาหาไอริสและมันก็ค่อยๆลดพลังที่กระแทกอัดลงที่โล่น้อยลง

 

 

ในช่องว่างที่เปิดขึ้นเอลเดอร์นั้นทุ่มแรงกายดันโล่สวนกลับไปทันที

 

「ย๊ากกกกกกก!」

 

เอลเดอร์ฟันพวกออร์คด้วยดาบขณะกรีดร้องออกมา

 

 

พวกออร์คนั้นไม่พอใจกับการโต้กลับอย่างดุเดือดของเหยื่อที่น่าจะกลายเป็นอาหารของพวกมัน สุดท้ายพวกมันก็กลายมาเป็นฝ่ายตั้งรับแทน

 

 

ในช่องว่างนั้นเองนักเรียนถือหอกก็ได้รับการรักษา

 

 

ขณะที่มองไปทางด้านข้างของรุ่นน้องที่กำลังใช้เวทย์ฟื้นฟู ฟีโอและไอริสยังคงรับมือกับการโจมตีของออร์คที่เหลือและโต้กลับอย่างแม่นยำ

 

 

ตอนนี้มีเพียงออร์คตัวเดียวที่ต่อสู้กับรุ่นน้อง ที่เหลือก็เข้ามากดดันพวกไอริสและฟีโอและพยายามผลักพวกเธอออกไป

 

 

ไอริสและฟีโอยังใช้ดาบฝันผ่านท้องของออร์คและไม้กระบองทุบพวกนั้นเพื่อลดจำนวนพวกมันลง

 

「อิโซเคะะะะะะะ!」

 

「บุกี้!」

 

ดาบของเอลเดอร์ตัดเนื้อของออร์คเข้าไปลึกมาก ออร์คที่เป็นคู่ต่อสู้ก็คุกเข่าลงในทันใด

 

 

ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาแล้ว ณ จุดนั้นเองไอริสและเพื่อนๆคิดแบบนั้น แต่ว่าก็มีเงาหลายเงาปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้

 

 

 

「เอ๋!」

 

ไอริสตกใจ

 

 

เพราะว่ามันมีออร์คมาเพิ่มนั่นเอง

 

「บรูววววววววววววววววววกี้้!」

 

ออร์คที่ปรากฏตัวกรีดร้องด้วยความโกรธเพราะเห็นเพื่อนร่วมเผ่าต้องมาตาย

 

「อึก!!」

 

เอลเดอร์ตัวทรุดลงในทันทีเพราะเสียงคำรามของออร์ค

 

 

วินาทีถัดมาออร์คที่ล้มลงก็เหวี่ยงไม้กระบองลงมา

 

 

กระบองนั้นกระแทกโดนดาบของเอลเดอร์จนซัดปลิวไปไกล

 

 

 

「อั่ก!」

 

เอลเดอร์ที่พยายามบล็อคการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดแต่ว่าก็ล้มก้นจ้ำเบ้า

 

 

จากนั้นเองใบหน้าของออร์คที่ดูโกรธจัดก็จ้องมองมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

ความโกรธที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยเหยื่อตัวน้อยๆนั้นทำให้ปรากฏออร่าออกมา

 

「ฮึก!」

 

「แย่แล้วสิ!」

 

「อึก ! เอลเดอร์คุง หนีไปเร็วเข้า!!」

 

ไอริสพูดแบบนั้น แต่ว่าหมอนั่นก็กลัวจนตัวสั่น

 

 

แม้ว่าพยายามยิงกระสุนเวทย์เพื่อสนับสนุนให้หมอนั่นหนีออกมา แต่ออร์คนั่นก็ไม่สนใจและเขวี้ยงไม้กระบองมาทางไอริส

 

 

ไอริสนั้นพลาดการยิงใส่ออร์คเพราะไม้กระบองที่ขว้างมาบังทัศนวิสัย

 

 

 

「บ้าเอ้ย!」

 

แม้ว่าจะดูผิดหวังแต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้อีก

 

 

อย่างไรก็ตามพวกออร์คอาจจะเข้าใจเจตนาของเธอ พวกออร์คที่เข้ามาเสริมก็เริ่มเข้าโจมตีพวกฟีโอและไอริสอีกครั้ง

 

 

ไอริสและฟีโอนั้นต้องรับมือกับออร์คจำนวนมากและไม่สามารถช่วยรุ่นน้องได้

 

 

เอลเดอร์นั้นกลัวจนตัวสั่นจนไม่มีแรงจะวิ่งหนีหรือตอบโต้อะไรอีกต่อไป

 

 

ความกลัวที่ปกคลุมจิตใจมันผูกมัดร่างกายและจิตวิญญาณทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้

 

 

ออร์คเบิกตากว้างและฟาดไม้กระบองออกมาด้วยความเกลียดชัง

 

 

ด้วยความเร็วในการฟาดของมันในตอนนี้จะทำให้ศัตรูตายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวิ

 

 

ไปช่วยไม่ทันแล้ว

 

 

ไอริสนั้นดูเศร้าเป็นอย่างมาก

 

 

อย่างไรก็ตามนั้นก็มีเงาหนึ่งโผล่ออกมาจากส่วนลึกของพุ่มไม้เข้ามาในดวงตาของเธอ

 

 

เมื่อเห็นเขาคนนั้นเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก

 

 

วินาทีถัดมาแขนของออร์คที่จะฟาดลงมาที่เอลเดอร์ก็โบยบินไปในอากาศ

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท