โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 91

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่8

 

 

หลังจากรักษาเด็กผู้หญิงที่บาดเจ็บแล้ว ไอริสและคนอื่นๆก็ได้พักผ่อนขณะรอพวกโนโซมุไปเรียกคนมาช่วย

 

 

การรักษากระดูกซี่โครงที่หักได้สิ้นสุดลงแล้วและตอนนี้ก็ลุกขึ้นได้แล้ว

 

「แผลไม่เป็นไรแล้วนะ? แต่ว่ามาทำให้ผู้หญิงได้แผลแบบนี้มันไม่น่ารักเลยนะ ถ้ายังเจ็บแผลอยู่เดี๋ยวพี่จะรักษาให้นะ……」

 

ซอนเน่ยังคงมาหลีหญิงไม่เปลี่ยนไปเลยและร้องเรียกเด็กปี 1

 

 

เขาใช้มือข้างหนึ่งทาบอกตัวเองและก้มตัวราวกับสุภาพบุรุษ แต่หางตาและจมูกนั่นแสดงออกให้เห็นถึงความหื่นกามเลยทีเดียว  

 

「เอ่อ….คือว่า」

 

「คนนี้คือใคร?」

 

นักเรียนหญิงที่โดนเรียกก็สัมผัสได้กับบรรยากาศแปลกๆของซอนเน่และตกใจกลัวอย่างสมบูรณ์ พวกเธอต่างเกาะแขนไอริสไม่ปล่อย

 

「ตาแก่เอ๋ย แม้ว่าบาดแผลของพวกเธอจะหายแล้ว แต่ก็ยังมีแผลฟกช้ำอยู่นะ ถ้าไม่เลิกหลีสาวแบบนี้ สักวันได้โดนพระเจ้าลงโทษแน่ค่ะ」  

 

「ไม่เป็นไร ! ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น ถ้าจะให้พูดจะทำให้รู้สึกดีมากกว่านะ……」

 

 ฟุบฟุบ! จากนั้นตาแก่ก็กำลังสูดอากาศและแสร้งทำเอามือทั้งสองข้างมาถือกัน นอกจากนี้ ยังยิ้มและหน้าแดงแบบนั้น

 

 

พวกรุ่นน้องเองก็หนาวไปยันกระดูกสันหลังและร้องด้วยความหวาดกลัว

 

「แก่แล้ว ยังทำตัวแบบนี้อีกเหรอคะ……」

 

ไอริสยิ้มให้กับตาแก่ตรงหน้าพร้อมกับสร้างความมั่นใจกับรุ่นน้อง อย่างไรก็ตามเธอจัดการซอนเน่ด้วยการกระแทกเข้าไป” ตรงนั้น” อย่างแรง

 

「อะเฮือก จะเงียบแล้วก็ด้าย……」

 

ซอนเน่ที่โดนไอริสชักดาบออกมาและก็ต้องถอยออกไปพร้อมกับท่าทางเจ็บปวด

เอลเดอร์ที่เห็นภาพตรงหน้าก็เรียกไอริสขณะสับสน

 

「เอ่อ คือ รุ่นพี่ไอริสดิน่า ผู้ชายคนนี้คือ?」

 

「อาา เป็นตาแก่หมอดูในย่านการค้า ดูเหมือนว่าจะมาหาอะไรบางอย่าง ดังนั้นดูเหมือนจะเข้ามาในป่าเพื่อตามหาของบางสิ่ง….ไม่ว่ายังไงก็ดู….น่าสงสัยใช่ไหม?」

 

ถ้าคิดให้ดีไอริสเองก็ไม่ได้เจอตาแก่นี่บ่อยๆ

 

 

แถมยังทำบรรยากาศเดทแรกของเธอเสียหมดเพราะเข้ามาลวนลามเธอขณะที่เดทกับโนโซมุ แถมยังจับมือน้องสาวเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก……。

 

「ชิ……」

 

ไอริสขมวดคิ้ว

 

 

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์จนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย ความจริงแล้วควรลากตัวไปให้พวกทหารด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสต้องเผชิญกับสายตาแบบนี้มาตลอดในแวดวงของสังคมชั้นสูง

 

 

เธอได้เห็นคนมากมายที่เข้าหาเธอด้วยความเสน่หา และความปรารถนาทางด้านร่างกายของเธอทั้งยังคำพูดแทะโลมต่างๆมากมาย

 

 

เมื่อเทียบกับพวกนั้นแล้วตาแก่ตรงหน้าก็ดูธรรมดา

 

 

อาจเป็นเพราะเขาแสดงเจตนาที่แท้จริงออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ตาแก่นี่ดูจริงใจกว่าพวกนั้น

 

 

สำหรับไอริสแล้ว ไม่อยากให้โนโซมุกลายเป็นคนแบบตาแก่อย่างซอนเน่ แต่ว่าตาแก่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

 

「หืมมมม แล้วจะทำยังไงดีล่ะแม่ทูนหัวของข้าเอ๋ย……」

 

「ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าเข้าใจผิดน่ะ ฉันไม่รู้จักอะไรกับคนแบบนี้หรอกค่ะ」

 

ไอริสตัดสินใจถอดถอนซอนเน่จากการ “ไม่ใช่คนอันตราย”และพูดต่อว่าซอนเน่

 

 

อย่างไรก็ตามไอริสจ้องมองไปที่ซอนเน่ที่ดูจะไม่ฟังใคร การเพ่งมองของเธอนั้นจ้องไปยัง “ส่วนนั้น”ของซอนเน่อีกรอบพร้อมกับปล่อยจิตสังหาร

 

「ข้าเป็นตาแก่หมอดู ต้องขอบคุณแม่สาวน้อยตรงนั้นที่มาช่วยข้าหลงป่า」

 

ซอนเน่ที่กำลังสูดอากาศหายใจและกรีดร้อง รีบพูดออกมาอยู่ภายใต้แรงกดดันของไอริสและรีบเอาหน้าผากแนบพื้นราวกับว่าอ้อนวอนขอการให้อภัย

 

「อะฮึก…เป็นตาแก่ที่แปลกจริงๆ……」

 

พวกเอลเดอร์เองก็ตกตะลึงเมื่อเห็นฉากที่เหมือนกับมุขตลกตรงหน้า

 

 

พวกเอลเดอร์นั้นดูไม่ดีนักเพราะพึ่งผ่านความเป็นความตายมา แต่ขณะที่มองดูการพูดคุยของไอริสและซอนเน่ พวกเขาก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

 

「อา นั่น…. ขอบคุณมากเลยนะรุ่นพี่ไอริสดิน่า」

 

「ขอบคุณที่มาช่วยนะคะ」

 

รุ่นน้องโค้งคำนับให้กับไอริส เธอส่ายหัวและตอบบอกว่าไม่ต้องกังวล

 

「ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ ต้องขอบคุณพวกโนโซมุและพวกเขา เขาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นและได้ยินเสียงร้องเรียกของพวกเธอและไปขอความช่วยเหลือมาที่นี่」

 

「อ่า ครับ/ค่ะ……」

 

ทันทีที่ได้ยินชื่อของโนโซมุ ไอริสก็ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับพวกนั้นที่แสดงท่าทีหวาดกลัว

 

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น เอลเดอร์ที่นั่งอยู่หน้าไอริสก็พูดออกมา

 

「อ่า คือ….รุ่นพี่ไอริสดิน่า」

 

「หืม ? มีอะไรงั้นเหรอคะ?」

 

「คือว่าพวกรุ่นพี่โนโซมุ……?」

 

「อ่า พวกเขากำลังเฝ้าดูบริเวณรอบให้และฟีโอน่าจะกางบาเรียป้องกันไว้ให้และพวกโนโซมุเองก็ส่งการแจ้งเตือนและตรวจสอบหาสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เพราะความสามารถในการตรวจจับของเขานั้นเทียบเท่ากับสัตว์ประหลาดเลย」

 

「อย่างงั้นเหรอครับ……」

 

เมื่อได้ยินว่ามีความสามารถตรวจจับพวกสัตว์อสูรเหมือนกับพวกสัตว์ประหลาด ก็รู้สึกได้ว่าเหงื่อไหลพรากออกมาจากหน้าของเอลเดอร์ ซึ่งมันค่อนข้างน่าทึ่งมาก

 

 

มันอาจจะยังสับสนอยู่เพราะรูปลักษณ์ของโนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งเขาเคยได้ยินที่สถาบันมันต่างไปโดยสิ้นเชิง

 

「เอ่อ….สรุปรุ่นพี่โนโซมุเป็นใครกันแน่ครับ? ต่างจากข่าวลือที่ได้ยินโดยสิ้นเชิงเลย……」

 

นักเรียนชายข้างเอลเดอร์ก็ถามไอริสเช่นเดียวกัน

 

 

แน่นอนว่าตัวตนของโนโซมุที่ไอริสสัมผัสได้ก็ต่างไปจากข่าวลือจริงๆนั่นแหละ

 

「เป็นใครงั้นเหรอ」

 

เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของโซเมียที่ช่วยชีวิตเธอไว้ และไม่ว่าตอบแทนยังไงก็ไม่มีวันทดแทนได้?

 

 

เป็นเด็กผู้ชายที่เธอออกเดทด้วยครั้งแรก?

 

「นะนั่นสินะคะ……」

 

พอถูกถามอีกครั้งว่าเขาเป็นใครและเป็นคนยังไง ไอริสก็ได้แต่คิดคำตอบชั่วครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี มีหลายอย่างที่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ง่ายๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะตอบ ซอนเน่ ที่ไม่ได้รู้เนื้อหาของข่าวลือก็ถามออกมา

 

「ข่าวลือ ? ข่าวลืออะไรงั้นรึ?」

 

「เอ่อ…เป็นผู้ชายชาติชั่วที่นอกใจเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองที่คอยสนับสนุนตัวเขาที่ไม่ได้เก่งด้านไหนเลยสักด้านแม้แต่น้อย……」

 

「…………」

 

รุ่นน้องตอบคำถามของซอนเน่ และเนื้อหาของข่าวลือก็ถูกปล่อยออกไป แต่ว่าแววตาของไอริสที่ได้ยินเรื่องแบบนั้น ก็รู้สึกขุ่นเคืองกับมันจริงๆ

 

「ขอโทษนะคะ」

 

「……ไม่หรอก ฉันเองก็ไม่ควรจะโกรธพวกเธอเช่นกัน」

 

พวกเธอต่างรู้สึกเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้นและพวกเธอก็ได้ขอโทษไอริส

 

「อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องปรุงแต่งขึ้นมา หากดูจากภาพก่อนหน้านี้เขาดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยใช่ไหมล่ะ」

 

พวกเอลเดอร์พยักหน้าช้าๆต่อคำพูดของไอริส

 

 

หากเขาเป็นคนทรยศต่อคนรักเหมือนดั่งที่ข่าวลือว่า เขาก็คงไม่เข้ามาช่วยรุ่นน้องในสถานการณ์แบบนี้

 

「อืม จริงอยู่ว่าข่าวลือนั่นจะเป็นเรื่องโคมลอยและงี่เง่ามาก เขาดูไม่เหมือนคนที่ทำแบบนั้นแน่ๆ……」

 

ซอนเน่ที่ได้ยินคำพูดของไอริสก็ลูบเคราของเขาราวกับคิดอยู่ เสียงนั้นเหมือนปกติ แต่คิ้วนั้นก็เลิกขึ้นเล็กน้อยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากปกติ

 

「ตาแก่?」

 

เมื่อไอริสหันไปจ้องมองซอนเน่ที่ท่าทีแปลกไป เอลเดอร์เองก็ดูท่าทางสันสนเช่นกัน จากนั้นก็ยังเหลือบมองเธอราวกับมีบางอย่างอยากจะถามต่อ

 

「แล้วมีอะไรอยากจะรู้อีกไหม?」

 

เอลเดอร์เบิกตากว้างกับคำพูดของไอริส

 

 

แม้ว่าตอนแรกจะเลิ่กลั่กแต่ตอนนี้เขาก็ตัดสินใจได้และเผชิญหน้ากับไอริสพร้อมกับถามออกไป

 

「เอ่อคือว่า….ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมรุ่นพี่โนโซมุถึงเข้ามาช่วยผม….ทั้งๆที่ผมพูดเรื่องแย่ๆใส่เขา……」

 

เขาคงจะรู้สึกผิดที่แสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อโนโซมุ

 

 

เอลเดอร์นั้นมองต่ำลงและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

「แน่นอนว่าท่าทางของเธอก็ไม่ใช่การทำตัวที่ดีเลยและฉันเองก็โกรธมากๆและถึงแม้ว่าเขาจะไม่แสดงมันออกมาเขาเองก็คงคิดแบบนั้นในใจเช่นกัน」

 

「นั่นสินะครับ……」

 

เอลเดอร์นั้นมีสีหน้ามืดมนบนคำพูดต่อว่าอันแสนรุนแรงของไอริส เขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำลงไปในเมืองไม่ใช่เรื่องดี

 

 

เขาปฏิบัติต่อคนๆนั้นไม่ดีเพียงเพราะได้ยินข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับตัวเขา

 

 

ในเวลานั้นข่าวลือเป็นสิ่งเดียวที่เอลเดอร์ใช้ตัดสินใจโนโซมุ

 

 

เป็นความจริงที่ผู้คนตัดสินผู้คนๆอื่นด้วยข้อมูลอันน้อยนิด แต่เพียงเพราะแค่นั้นทำให้ไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้หรอก

 

 

เอลเดอร์ที่สังเกตเห็นก็กัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเสียใจ

 

「แต่ดูเหมือนว่าโนโซมุเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นมากนักหรอก แต่ว่าสำหรับฉันเองไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้เลยนะการที่เธอดูถูกเขาเช่นนี้ แต่ว่าเหตุผลในการช่วยนั้นฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัด ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วว่าจะทำยังไง?」

 

「ผมเหรอครับ?」

 

「คิดยังไงล่ะตอนที่ได้เห็นโนโซมุ?」

 

「……พูดตามตรงอธิบายไม่ถูกครับ แค่เห็นการเคลื่อนไหวที่เข้าใจยากก็ไม่รูจะพูดอะไรออกมา แม้ว่าจะโดนพันธนาการความสามารถเอาไว้แต่ก็ทำได้ถึงขนาดนั้น……」

 

เอลเดอร์จับภาพการต่อสู้ของโนโซมุที่สู้กับพวกออร์คได้เป็นอย่างดี

 

 

โนโซมุรีบวิ่งเข้าไปในฝูงออร์คเพื่อช่วยพวกเขา

 

 

การเคลื่อนไหวไม่ได้เร็วมากมาย แต่ว่าดาบที่อยู่ในมือเขามันเหมือนกับเร็วดุจแสง

 

 

ท่วงท่าการฟันดาบนั้นงดงามเกินไปจนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

 

ร่างของโนโซมุนั้นสร้างความประทับใจให้กับเอลเดอร์อย่างมาก นอกจากนี้คำพูดของโนโซมุยังติดหู

 

“ไอริสดิน่าและคนอื่นๆ เองเดี๋ยวก็จัดการเสร็จในไม่ช้า เพราะงั้นอดทนจนถึงตอนนั้นได้ไหม”

 

พวกเขานั้นได้รับการดูแลทั้งๆที่ทำตัวแย่ๆใส่เขาคนนั้น ดังนั้นเขาคิดว่าต้องพูดอะไรกับเขาสักคำ

 

 

ความรู้สึกผิดนั้นเพิ่มขึ้นในใจของเอลเดอร์

 

 

ต่อหน้าไอริสที่เห็นเช่นนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

「แล้วอยากจะพูดอะไรล่ะ เสียใจกับสิ่งที่ทำมาจนถึงตอนนี้ใช่ไหม? ถ้างั้นก็หาทางจัดการกับความรู้สึกผิดนั่นด้วยการลองพูดคุยกับเขาหน่อยไหมล่ะ」

 

อย่างที่ไอริสบอก การพูดคุยเป็นสิ่งจำเป็น

 

 

อดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากต้องการลบล้างความผิดบาปก็คือตอนนี้

 

「แต่ว่าผมควรจะทำยังไงดี……」

 

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกิดขึ้นในส่วนลึกจิตใจของเขา

 

 

ไม่แปลกใจที่เขาจะกังวลเพราะเมื่อตระหนักถึงความผิดพลาดที่ตัวเองทำลงไป ทำให้คนๆหนึ่งต้องเผชิญกับ อารมณ์ด้านลบ อย่างรุนแรง เช่นว่า ทำไมตัวเองผิดและต้องระงับความโกรธที่ถูกต่อว่า

 

 

และเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะเข้าหาโนโซมุยังไงก็เลยทุกข์จนถึงตอนนี้

 

「……ก็อย่างที่เห็นมีบางสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถยอมรับได้ แม้ว่าจะมีหลายสาเหตุ แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกผิดบาปที่ก่อขึ้นในตัวเจ้านั้น มันคงเป็นความรู้สึกสมเพช ละอายใจ และสำนึกผิดในสิ่งเหล่านั้น แน่นอนว่ามันเองก็มีเรื่องของศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่ข้าเองก็เข้าใจดี แต่ว่าทำผิดก็ต้องยอมรับผิด」

 

เมื่อไอริสพยายามจะพูด ซอนเน่ก็เปิดปากพูด

 

「อย่างไรก็ตาม ก้าวแรกคือกุญแจสำคัญสำหรับทุกสิ่ง และในกรณีความสัมพันธ์ด้วยกันของมนุษย์แล้วนั้น หากยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อเช่นนี้สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการไม่ลงมือทำอะไรเลยนะ」

 

อย่างที่ซอนเน่บอกมีคนมากมายที่พลาดโอกาสที่จะขอโทษและจากลากันด้วยความสัมพันธ์อันขมขื่น อนาคตอาจเปลี่ยนไปได้หากแสดงความกล้าที่มากพอ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะไปถึงขั้นนั้น

 

「แน่นอนว่าจำเป็นต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความรู้สึกในตอนนี้ ต้องไตร่ตรองถึงการกระทำของตัวเจ้าเองในตอนนี้และเรื่องในอนาคต มิฉะนั้น หากพลาดพลั้งแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาสได้กลับตัวอีก」

 

「…………」

 

อย่างไรก็ตามความกล้าที่สร้างขึ้นมาเองก็ต้องมีการเตรียมใจเช่นกัน

 

 

แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของเธอจะเหมือนเดิม แต่ไอริสเองก็ตกใจกับท่าทางของซอนเน่ที่ต่างไปจากปกติ

 

 

ในเวลาเดียวกันพวกโนโซมุก็กลับมา

 

 

 

「เอาล่ะเตรียมใจพร้อมแล้วรึยัง……」

 

คำพูดเช่นนั้นหายไปในป่าที่มืดสลัว

 

 

โนโซมุก็คงจะเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยน

 

 

ภาพลักษณ์ของโนโซมุที่ได้ยินจากปากของไอริสนั้นต่างจากข่าวลือลิบลับ

 

 

ความโกรธที่ก่อตัวขึ้น เสียใจจนถึงขั้นลืมตัวตนของตัวเอง เสียใจที่ไม่สามารถทำตามสัญญากับเพื่อนวัยเด็กได้อย่างจริงจัง และความเศร้าที่ไม่สามารถเดินทางร่วมกับเพื่อนสมัยเด็กได้อีกแล้ว ซึ่งตัวโนโซมุเองก็มีรอยยิ้มซับซ้อนบนใบหน้า

แต่ว่าควรจะทำยังไงกับความรู้สึกเหล่านี้ดี

 

 

ซึ่งมันจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์เฉกเช่นเพื่อนสมัยเด็กของเขารึเปล่า……。

 

「แต่ว่าฉัน……」

 

ตอนนี้ตัวเธอเองก็ยังไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้

 

 

แต่เธอสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดหากถึงเวลา

 

 

ขณะที่เธอรู้สึกเจ็บหน้าอกราวกับทุกข์ทรมานที่เห็นเขาต้องเจ็บปวดไอริสก็จ้องมองโนโซมุ

 

 

◆◇◆

 

 

หลังจากการรักษาเสร็จสิ้น โนโซมุและเพื่อนๆก็กลับมาหาพวกไอริสและก็เดินผ่านป่าเพื่อไปยังเป้าหมายพร้อมกับพวกเอลเดอร์และซอนเน่

 

 

ปลายทางคือรังของพวกออร์ค

 

 

หลังจากดูแลพวกรุ่นน้องและพักสั้นๆ หลังจากปรึกษาว่าจะทำยังไงดี ก็ตัดสินใจที่จะกลับเมืองไปรอบหนึ่ง แต่ว่าซอนเน่บอกว่าจะอยู่ที่นี่

 

 

ตามที่เขาพูด มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากและไม่สามารถหันหลังกลับได้

 

 

ไอริสและคนอื่นๆพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ว่าก็ไม่ได้ผลเลย เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็ช่วยไม่ได้

 

 

ไอริสเองนั้นค่อนข้างไม่พอใจแต่โนโซมุก็พูดว่า「พูดอะไรไปตาแก่ก็คงไม่ฟังแล้วล่ะครับ ต่อให้โดนลากกลับยังไงก็ไม่กลับหรอก」เขาพูดเช่นนั้น เพราะตาแก่ตรงหน้าก็คล้ายกับชิโนะอาจารย์ของเขานั่นเอง

 

 

ไอริสและฟีโอที่ได้ยินเช่นนั้นก็แบบถอนหายใจและปล่อยให้ตาแก่อยู่คนเดียวไม่ได้สุดท้ายก็ต้องมาด้วยกันยกแก๊งค์

 

 

แม้ว่าบาดแผลที่ได้รับจากการสู้กับพวกออร์คจะถูกปิดไปแล้ว แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับพวกรุ่นน้องอยู่ดี

 

 

แต่ในขณะเดียวกัน ก็กังวลที่จะปล่อยให้พวกรุ่นน้องกลับบ้านไปด้วยตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากพบเจอสัตว์อสูรตัวอื่นระหว่างกลับบ้าน

 

 

ด้วยเหตุนี้เองพวกซอนเน่และเอลเดอร์ก็ได้เข้าร่วมและไอริสและฟีโอก็คอยปกป้องพวกนั้น และโนโซมุก็พาไปยังรังของออร์ค

 

 

เหตุผลที่โนโซมุเป็นผู้นำเพราะเขาคุ้นเคยกับป่า และเนื่องจากไอริสและฟีโอใช้เวทย์ได้จึงสามารถใช้บาเรียป้องกันพวกซอนเน่และเอลเดอร์ได้

 

 

ไอริสและคนอื่นๆก็เดินมาพร้อมกับระวังรอบข้าง อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินเรื่องราวของโนโซมุ ความกังวลก็จบลงด้วยความเศร้าเสียใจ

 

 

เมื่อโนโซมุพามาถึงรังของพวกออร์ค รังนั้นเรียกได้ว่าเละทีเดียว

 

「ไม่มีพวกออร์คอยู่เลย」

 

「นั่นสินะ แม้หลังจะมีร่องรอยการหลบหนีอยู่บ้างและเอาชนะพวกสัตว์อสูรตัวอิ่น แต่ว่านั่นน่าจะเป็นทั้งหมดแล้วล่ะ」

 

เห็ได้ชัดว่าทำคำขอแล้วเสร็จก่อนที่จะรู้ตัว กระดูกของสัตว์ต่างๆนั้นกระจัดกระจายไปโดยรอบ และก็มีเต้นท์ของพวกก็อบลินที่พลังทลาย ในเงามืด เห็นพวกก็อบลินที่เน่าเปื่อยและกลายเป็นโครงกระดูกด้วย

 

「ซากศพพวกก็อบลินยังอยู่เลย และพวกซากปรักหักพังของเต็นท์เองก็ด้วย มันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนพวกออร์คจะเข้ามาตั้งรกราก」

 

「โนโซมุรู้เรื่องที่พวกก็อบลินอาศัยอยู่ที่นี่รึเปล่า?」

 

ฟีโอถามแบบนั้น

 

「อืม รู้สิ ก็เคยมาหาอาหารเย็นแถวนี้มาก่อน……」

 

โนโซมุไม่ได้เล่าเรื่องสัตว์อสูรสีดำเพราะมีพวกเอลเดอร์อยู่ เขาพูดถึงเรื่องที่เขามาก่อนหน้านั้นแทน ในเวลาเดียวกันก็คิดเรื่องไม่จำเป็นขึ้นมา

 

 

อาจารย์สั่งให้ผมไปหาเครื่องเคียงสำหรับมื้อเย็น แต่ฉากที่ผมกำลังจะเสิร์ฟบางอย่างเป็นเครื่องเคียงก็ผุดขึ้นมาในใจ

 

 

เพราะตอนนั้นโดนก็อบลินจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตาม

 

 

ขณะที่ได้ยินพวกมันคำรามและพุ่งเข้ามาด้วยความหิวโหยนั่นเอง ผมก็เกือบกลายเป็นอาหารค่ำของพวกมันแทน

 

 

จำนวนศัตรูมันเยอะมาก และกับดักก็ไม่พอใช้ กว่าจะหนีและปิดเกมได้ก็ใช้เวลากว่าชั่วโมงหนึ่ง

 

 

และเมื่อกลับมาที่กระท่อมด้วยความโล่งอกก็มีใบหน้าของอาจารย์ที่กำลังโกรธจัด

 

 

โนโซมุในตอนนั้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ขณะที่ตาลอยแบบนั้น

 

「โนโซมุ โนโซมุ ! กลับกันได้แล้วค่ะ!」

 

ไอริสคว้าไหล่โนโซมุและเขย่าด้วยความสิ้นหวัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมกลับมาที่โลกความเป็นจริง

 

 

ในตอนนี้ได้แต่ต้องฝากโนโซมุไว้กับไอริสและฟีโอก็มองไปรอบๆ

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีเครื่องมือของพวกออร์คกระจัดกระจายไปทั่ว

 

「นี่ตาแก่บางทีอาจจะมีสิ่งที่ตาแก่มองหาอยู่ก็ได้แล้วหาอะไรอยู่ล่ะ……」

 

「เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ! ทางนี้ไง!」

 

ในขณะนั้นที่ฟีโอถาม ตาแก่ก็รีบวิ่งมา

 

「แฮ่กๆ……!」

 

ฟีโอวิ่งไล่ตามตาแก่ไปอย่างเร่งรีบไอริสและโนโซมุที่ไม่ได้สติก็เริ่มไล่ตามซอนเน่

 

「ตรงนี้แหละ!」

 

ซอนเน่ที่วิ่งมาในทันใดก็มาถึงกองเศษหินที่สูงกว่าร่างคน ท่ามกลางซากปรักหักปักนั้นมีภาพวาดที่วาดด้วยแปรงอย่างละเอียดอ่อนและเห็นเครื่องสำอางราคาแพงสำหรับพวกขุนนาง

 

 

อย่างไรก็ตามของเหล่านี้มันไร้ค่าสำหรับพวกก็อบลินและออร์ค

 

 

ช่างฝีมือจำนวนมากต่างรังสรรค์ผลงานออกมา บรรดาขุนนางและพ่อค้าต่างค้นหาโลหะล้ำค่าและเหรียญทองเพื่อคว้าสิ่งนี้มาให้ได้

 

 

ภาพวาดนั้นถูกฉีกขาดอย่างไร้ความปราณี และโถกระเบื้องสีขาวก็แตกเป็นเสี่ยงๆ มูลค่าของแพงอิ่นๆก็กองเป็นขยะเหมือนกัน

 

 

เสียงกรีดร้องของตาแก่ดังขึ้นกับกองเศษหินตรงหน้า พวกโนโซมุเองก็รู้สึกแปลกๆ

 

「อยู่ไหนฟะเนี่ยยยยยยยยยยยยย!」

 

ซอนเน่พยายามหาของที่ต้องการอย่างสุดชีวิต ขุดกองหินที่ทับถมกันและมือของเขาก็ดำปี๋เลย

 

 

ถึงกระนั้นซอนเน่ยังคงตามหาอย่างสิ้นหวัง

 

 

งานศิลปะและเครื่องประดับราคาแพงแต่เดิมถูกขุดขึ้นมาทีละชิ้นด้วยมือของซอนเน่และโบยบินไปในอากาศ

 

 

ท่าทางของตาแก่ในตอนนี้ต่างจากปกติ ราวกับว่ามันเป็นของสำคัญจริงๆ ไอริสและโนโซมุที่เห็นผลงานล้ำค่าโยนทิ้งอย่างไร้ค่าก็ตกตะลึง

 

 

 

「อยู่ไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!」

 

ซอนเน่ยกลังไม้ขนาดใหญ่ได้โดยง่าย ซึ่งต่างจากภาพลักษณ์ของตัวเขาเองโดยสิ้นเชิง และโยนกล่องนั่นทิ้งไปทั้งๆแบบนั้น เอ่อไม่ใช่ว่ามันมีของหนักๆอยู่เหรอ? กล่องไม้ตกลงพื้นและแตกกระจาย

 

 

โนโซมุและคนอื่นๆต่างหลีกเลี่ยงคราบสกปรกที่ปลิวมาและเห็นซอนเน่ที่กำลังตาค้างมองภาพตรงหน้า

 

 

 

「 โอวโอวโอวโอวโอวโอวโอ้ว……」

 

เสียงคร่ำครวญราวกับพบบางสิ่งที่กำลังตามหา

 

 

ตอนแรกก็สงสัยว่ามองหาอะไรและโนโซมุก็มองตามไป

 

「นี่คือ…เอ๊ะ?」

 

โนโซมุตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าเพราะมันมีกระดาษเกือบร้อยแผ่นที่เปื้อนดินอยู่

 

 

อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษ……。

 

「นี่ตาแก่กำลังมองหาชุนกะ(หนังสือโป๊)งั้นเหรอ!」

 

บนกระดาษเกือบร้อยแผ่นนั่นมีร่างของหญิงสาวที่ถูกวาดอยู่ในสภาพโป๊เปลือย

 

 

ตั้งแต่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปจนยังมนุษย์ลูกครึ่งต่างๆเช่นพวก ซัคคิวบัสเอย ผู้หญิงที่ดูดีมีอายุกำลังแสดงความเร่าร้อน

 

 

ผู้หญิงที่แสดงเรือนร่างอันเปลือยเปล่า แต่น่าเสียดายที่ว่าเปื้อนดินโคลนไปหมดจนสีซีด

 

 

 

「โอ้ววววววววววว……。วิกเลย์ มาเรีย! ซากินิ! เหยาหยาง! ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้……」

 

ซอนเน่กรีดร้องซึ่งดูเหมือนจะเป็นรายชื่อของหญิงสาวในหนังสือนั่น

 

 

โนโซมุเอามือก่ายหน้าผากและแหงนหน้ามองท้องฟ้า ทำไมต้องลำบากมาที่นี่ด้วย? ตาแก่นี่เสี่ยงตายเพราะของแค่นี้เนี่ยนะ

 

 

ไอริสและเอลเดอร์ที่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์จากด้านหลัง โนโซมุเองก็จ้องมองเหมือนกัน

 

 

 

「เอ๋……!」

 

「เอ่อ ตรงนั้นมัน……」

 

ใบหน้าของเอลเดอร์ที่เห็นภาพอันแสนเซ็กซี่ของหญิงสาวในสภาพเปลือยเปล่าที่อยู่บนกระดาษในมือของพวกเขา ใบหน้าก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด พวกเขาเองก็ยังคงสดใหม่กับเรื่องแบบนี้ เมื่อมองแวบแรกดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงจะดุเดือนมากจนเอลเดอร์นั้นอายเลยทีเดียว

 

 

ในทางกลับกันโนโซมุเองก็มีสีหน้าเขินอายเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ว่าเขาเองก็เหงื่อไหลมากขึ้นเพราะว่าภาพของเหล่าสาวงามมากเหลือเปิดเผยส่วนต่างๆอย่างไม่ลังเล

 

「มันควรจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่กับข้าตลอดไป…ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้~!」

 

 ตาแก่นี่หัวไปกระแทกอะไรมารึเปล่าเนี่ย……。

 

 

โนโซมุเองก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับการที่ต้องมาตามหาอะไรแบบนี้ของซอนเน่

 

「ไอริสกลับกันเถอะครับ?」

 

「อืม นั่นสินะไม่เห็นพวกออร์คด้วย สงสัยคำขอน่าจะเสร็จแล้วนะคะ?」

 

ไอริสตอบต่อโนโซมุที่มีท่าทางอ่อนเพลีย

 

 

เมื่อโนโซมุจ้องมองไปที่ไอริส เธอเองก็ทึ่งกับตัวซอนเน่เหมือนกัน และเธอก็หันหลังกลับและเอามือปิดปาก ดูไม่เหมือนโนโซมุแต่เธอเองก็แก้มแดงเช่นกัน

 

「อย่างที่คิดตาแก่นั่นคิดแต่เรื่องแบบนั้น……」

 

「เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกเราก็เคลียร์รังออรค์เสร็จแล้วด้วยนี่ครับ」

 

เป็นความจริงที่มีหลายอย่างชวนปวดหัว แต่ก็อย่างที่พูดนี่คงเรียกได้ว่าเป็นเรื่องคลายเครียดละมั้ง

 

「อืม นั่นสินะ อีกอย่างทำไมถึงเบือนหน้าหนีผมตลอดเวลาเลยล่ะ?」

 

「มะมะมะมะมะมะมะไม่มีอะไรหรอกนะคะ……」

 

โนโซมุเอียงคอให้กับคำพูดของไอริส

 

「เอ่อ รุ่นพี่โนโซมุคุง กับรุ่นพี่ไอริสดิน่าซัง คือว่าคนๆนั้น?」

 

เมื่อได้ยินเสียงของเอลเดอร์ โนโซมุก็หันไปมองซอนเน่

 

「ฮึก ฮึก ฮึก……」

 

ตาแก่กำลังขุดหลุมขณะที่น้ำตานองหน้าโนโซมุที่เห็นเช่นนั้น ซอนเน่ก็เอาเศษซากที่เคยเป็นสิ่งของที่ต้องการฝังลงดินและทำเหมือนกับเป็นป้ายหลุมศพ และเขียนชื่อของผู้หญิงที่อยู่ในหนังสือทุกคนบนกระดาษแผ่นหนึ่ง

 

「แล้วจะทำมันเพื่อ? นั่นมันเหมือนกับป้ายหลุมศพ……」

 

ขณะที่โนโซมุจ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ 30% และอีก 70% คือความผิดหวัง ซอนเน่หยิบดอกไม้ที่บานอยู่รอบๆขึ้นมาและนำไปวางตรงหลุมคอลเลคชั่นที่ล่วงลับไปแล้ว

 

 

คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ของสะสมถูกทำลาย น้ำมูก น้ำตานี่ไหลนองหน้าเลยทีเดียว และเขาก็แหงนมองฟ้าราวกับว่าได้เห็นจุดจบของโลก

 

 

ฉากนั้นราวกับภาพวาด แต่ว่านายแบบกับเป็นตาแก่หื่นกามที่กำลังนึกถึงภาพของหนังสือโป๊ที่สลายหายไป

 

「จะทำยังไงดี……」

 

โนโซมุและไอริสนั้นมีคำตอบเพียงหนึ่งเดียว แม้ว่าจะสับสนกับพวกเอลเดอร์อยู่ก็ตาม

 

「「ปล่อยตาแก่นั่นไว้เถอะครับ/ค่ะ」」

 

เมินกันโดยสมบูรณ์แบบ

 

 

อีกอย่างที่น่าชอกช้ำใจกว่านั้นก็คือคำขอที่พวกเอลเดอร์รับมาดันเป็นคำขอของตาแก่ซอนเน่เสียด้วย

 

จากผู้แต่ง Cadet

 

เป็นยังไงบ้างครับ ตอนแรกก็วางแผนจะให้มีบทพูดคุยเยอะกว่านี้อยู่หรอก แต่เนื่องด้วยจำนวนตัวละครและสถานการณ์ตรงหน้าของพวกเขา ก็เลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจนได้ครับ ตอนแรกก็อยากจะจบเรื่องของพวกเอลเดอร์เลย แต่ว่าเรื่องนี้เองก็มีความเกี่ยวโยงกันอยู่ครับในหลายๆความหมาย……………

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท