โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” – ตอนที่ 125

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7ตอนที่9

เมืองอเนโมไมรอส(アネモミロス)สว่างไสวด้วยดวงอาทิตย์ที่ขึ้นจากท้องฟ้า เมืองนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองการค้าที่นำพาไปสู่อาร์คาซัม

เมืองนี้ซึ่งเดิมเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดเล็ก กลายเป็นจุดถ่ายทอดเสบียงสำหรับการก่อสร้างเมืองอาร์คาซัม

เมืองนี้ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกึ่งมนุษย์และเผ่าพันธุ์ต่างๆเข้าๆออกๆ เหมือนอาร์คาซัมเวอร์ชั่นย่อส่วน

กลุ่มรถม้าเข้าแถวและผ่านถนนสายกลางที่วิ่งผ่านเมือง

รถที่ดูหรูหราแถมยังมีสีขาวผุดผ่อง เมื่อมองไปที่ด้านหน้าและด้านหลังของรถม้าซึ่งถูกปกป้องโดยอัศวินที่สวมชุดเกราะบุคคลที่อยู่บนรถม้าจะต้องมีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง

รถม้าวิ่งต่อไปตามเส้นทางหลวงไปยังเมืองอาร์คาซัม ทำให้ดวงตาของผู้คนที่สัญจรลุกวาว

 

「ท่านอาจารย์ อีกไม่นานเราจะถึงอาร์คาซัมแล้ว」

 

เมดวัยกลางคนในชุดที่ดูหลวมๆ พูดเช่นนั้น

เจ้านายของเธอนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถม้า พยักหน้าให้กับคำพูดของสาวใช้และจ้องมองไปที่อัศวินที่คอยคุ้มกันนอกหน้าต่าง

เสื้อคลุมและอุปกรณ์ที่สวมใส่บอกได้ทันทีว่าเป็นขุนนางชั้นสูง

ใบหน้าที่สมส่วนราวกับถูกแกะสลักซึ่งบ่งบอกถึงความมีอายุ ผมและเคราสีทองที่เล็มมาอย่างประณีต

ชื่อของขุนนางนี่คื อ วิคเตอร์・บาเรน・ฟรานซิสヴィクトル・バーレンツ・フランシルト。

เขาเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคนปัจจุบัน

 

「อืมใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ดูเหมือนว่าจะมาทันเวลานะ

 เมื่อไปถึงเมืองอาร์คาซัมให้ใช้สิ่งนี้เพื่อให้นายท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มที่」

 

ขณะพูดอย่างนั้น ขุนนางก็หยิบกระเป๋าใบเล็กๆออกจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้เมดที่อยู่ข้างหน้า

เมดคนนั้นได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากเจ้านาย

รู้สึกได้ถึงน้ำหนักเล็กน้อยแต่ว่ามันน่าจะเป็นเหรียญทองคำ

 

「เป็นการบังคับที่ให้เปลี่ยนม้าอยู่หลายครั้ง ดังนั้น ให้พวกทหารมีความสุข เดิมทีน่าจะไปถึงเร็วกว่านี้ได้อีกสองสามวัน……」

 

สายตาของเมดหันไปทางรถม้าที่ตามมาด้านหลัง

ต่อหน้าต่อตาระหว่างทางที่ไปสถานที่นี้ อาจารย์ที่อยู่ข้างหน้าต้องทิ้งกองงานเป็นพะเนินและข้ามเขตแดนมา

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสองคันที่บรรทุกสัมภาระได้ ตู้โดยสารขนาดใหญ่จำนวนหกตู้ที่ลากโดยม้าสองตัวนั้นบรรทุกจนเต็มหมด

ถึงกระนั้น ก็ยังคงให้ได้พัก

ตามจริงแล้วอาจารย์ของมีนาพยายามซื้อของจำนวนมากกว่าปกติาสองเท่าโดยซ่อนจากเธอ

เขาเป็นเจ้านายที่มีความยุติธรรมและทำทุกอย่างด้วยดี และมีนาเองก็ภูมิใจที่ได้รับใช้เขา

อันที่จริงประมาณปีละสองครั้ง ที่จะทำนิสัยแบบนี้จนเป็นเรื่องเอะอะใหญ่โต

โชคดีที่ไม่กี่ปีมานี้ สาเหตุไม่ได้อยู่เคียงข้างนายของเธอทำให้ไม่ได้เห็นนิสัยแย่ๆนั่น

 

「มีนา บ่นอะไรรึเปล่า?」

 

「เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ….อย่างไรก็ตามท่านจิฮัดก็ประสบปัญหาเช่นกัน……」

 

ขุนนางคนนั้นยังคงสงสัยกับเมดที่บ่นพึมพำเรื่องเก่าก่อน

อย่างไรก็ตาม เมดที่ชื่อมีนาก็หันไปหาเจ้านายของเธอทันทีและแสดงท่าทีไม่พอใจ

 

「ตามจดมหมายที่ท่านจิฮัดส่งมา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ซึ่งปัญหาใหญ่แน่นอน แต่ถึงขนาดที่กับนายท่านได้ไปร่วมงาน…」

 

「อย่างไรก็ตาม จดหมายปิดผนึกอย่างแน่นหนาส่งตรงถึงชั้น ก็ได้แต่สงสัยว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหยั่งรากลึกหรือว่ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นงั้นเหรอ……」

 

เมดตรงหน้าไม่รู้เนื้อหาของจดหมายที่ได้รับ

นายท่านบอกว่าเป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถาบัน แต่เนื้อหาที่เขียนจริงๆนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะพูดออกมาได้

อันที่จริงด้วยเหตุผลนั้น ขุนนางผู้นี้ก็แอบทำงานหลายอย่าง แม้แต่กับเมดที่ไว้ใจ

ในขณะที่ลูบเคราของเขา วิคเตอร์มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายเพื่อไม่ให้มีนาฟุ่งซ้าน

 

「จู่ๆชายชราคนนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้านายท่าน และจู่ๆก็ยื่นจดหมายมาที่ฉัน ทัศนคตินั่นไม่เคารพนายท่านเลยแม้แต่น้อย」

 

「ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักหรอก แต่ว่าตราประทับของท่านจิฮัดนั้นมีอย่างแน่นหนา และมีรอยนิ้วมือรวมถึงอื่นๆที่ถูกหลักตามกฏ

 ไม่ว่ายังไง ก็ขอถือใช้โอกาสนี้แวะเวียนมาเยี่ยมลูกสาวด้วย」

 

เขานึกถึงชายชราผมขาวที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์

ทันใดนั้น ชายชราก็โผล่เข้ามาในห้องทำงานของนายท่านและยื่นจดหมายที่หยิบออกมาจากกระเป๋าด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย

จดหมายนั้นอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนักเรียนในสถาบัน การที่อบิสหนีรอดไปได้และเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

ด้วยเหตุนี้ขุนนางผู้นี้จึงรีบเตรียมการมาที่อาร์คาซัมโดยทันที

 

「ตั้งแต่สัญญาลับกับครอบครัวได้ถูกเปิดเผย นายท่านก็ไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย หวังว่าจะชอบมันนะคะ」

 

「อาา……」

 

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนวิคเตอร์ตกใจมากเมื่ออ่านจดหมายที่ลูกสาวคนโตส่งมาให้ ราวกับโดนฟ้าผ่า

ประโยคนั้นเป็ฯนข้อตกลงลับที่ตระกูลฟรานซิสได้ทำไว้กับตระกูลวาร์เซียร์ต

พ่อบ้านรูกาโต้ของทางตระกูลนั้นได้โผล่มาในวันเกิดของลูกสาวคนที่สอง จากนั้นก็ได้ต่อสู้กับเหล่าลูกสาวกับเพื่อนๆของเธอ จนสามารถขับไล่รูกาโต้ไปได้

เมื่อรู้ความจริงนี้ วิคเตอร์ก็รีบตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและพบว่าสัญญานั่นคือของจริง

วิคเตอร์ใช้ผู้ส่งสารไปหาตระกูลวาร์เซียร์ตทันทีและเจรจากัน

ยังคงเจรจากันต่อไปในขณะที่ปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าตระกูล และยังคงทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อนและผ่านมาอีกวันก็สรุปข้อตกลงกันได้

 

「อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของเธอ แต่ก็ยังน่าแปลกใจที่ลูกสาวจะสามารถต่อกรกับแรงค์ S ได้」

 

「ตามคำบอกเล่าของไอริสดิน่า นักเรียนหลายๆคนก็ดูมีความสามารถทีเดียว ทุกคนสมควรที่จะได้รับแรงค์ A และมีบางคนที่มีทักษะไปถึงแรงค์ S เมื่อเห็นประโยคนี้ก็รู้สึกตกใจอย่างมากว่ามีเด็กที่เก่งกาจในชั้นปี 3 ด้วย」

 

ลูกสาวของวิคเตอร์นั้นถูกทรมานให้อยู่ในสังคมชนชั้นสูงมาตั้งแต่เด็ก

เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น การสูญเสียแม่ของพวกเธอไป ทำให้ต้องได้รับความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยว

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเหตุผลว่าลูกสาวของเขาน่าจะมีสายตาเฉียบแหลมเพราะมีเพื่อนที่มีอนาคตสดใส

 

「นายท่านเกี่ยวกับภรรยาของนายท่าน……」

 

「อย่าพูดเลย ชั้นไม่มีสิทธิ์จะพูดถึงด้วยซ้ำ….ลูกสาวของชั้นไม่มีความผิดที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แค่ชั้นคนเดียวก็เพียงพอแล้ว」

 

อุปกรณ์เวทย์ที่ถูกส่งมอบให้ตระกูลฟรานซิสเมื่อทำข้อตกลงกับตระกูลวาร์เซียร์ต นั่นก็คือแม่ของเธอ ฟิลาน่า(フィラーナ) ฟรานซิส ที่เป็นผู้ปลูกฝัง “เตาหลอมวิญญาณ”ลงไว้ในร่างของโซเมีย ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครอบครัว

โซเมียเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่บอบบาง เพื่อช่วยเธอฟิลาน่าได้เสียสละดวงจิตของเธอและหลอมรวมจิตวิญญาณนั่นเข้ากับเตาหลอมเพื่อมอบชีวิตให้แก่โซเมีย

เตาหลอมวิญญาณเป็นอุปกรณ์เวทย์ที่จะให้พลังมหาศาลเมื่อสังเวยวิญญาณให้

ฟิลาน่าใช้ดวงจิตของตัวเองเป็นเครื่องสังเวย ดึงพลังของเตาหลอมวิญญาณออกมาและหลอมรวมจิตวิญญาณของเธอเข้ากับโซเมียเพื่อช่วยชีวิตเธอ

เวทย์ที่เกี่ยวข้องกับเวทย์วิญญาณหรือภูติเป็นเวทย์ที่ยากมาก อัตราความสำเร็จนั้นเทียบเท่ากับเม็ดทราย

ถึงกระนั้น เวทย์นั่นก็ประสบความสำเร็จเพื่อแลกชีวิตของฟิลาน่า ราวกับว่าความปรารถนาอันแรงกล้าของฟิลาน่าที่ต้องการให้ลูกสาวเธอมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ส่งผลให้สูกสาวคนที่สองเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์พร้อม

ทั้งไอริสดิน่าและโซมิเลียน่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นเพราะว่าถ้าวิคเตอร์บอกพวกเธอไป อาจจะไปทำร้ายจิตใจของพวกเธอได้

 

「รู้สึกลำบากใจจริงๆที่บรรพบุรุษบังคับจัดการผิดพลาดเช่นนี้ และทำให้ลูกหลานของตัวเองต้องมาตาย แต่ตอนนี้ก็พูดเป็นเรื่องของคนอื่นไม่ได้……」

 

ชั้นเองก็ทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาว เป็นผลให้ลูกสาวต้องทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น

ขุนนางคนนั้นไหล่ตกและถอนหายใจราวกับว่ามันช่วยไม่ได้

 

「……ถ้างั้นก็ระวังเรื่องจิตใจด้วยค่ะ」

 

「โชคดีที่การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี จริงอยู่ว่าเราเสียเปรียบเยอะ แต่เพื่อลูกสาวแล้ว ฟิลาน่าคงจะยกโทษให้ชั้น……」

 

「นายท่าน……」

 

ชายผู้นั้นมองออกนอกหน้าต่างรถม้าขณะนึกถึงรอยยิ้มของภรรยาผู้ล่วงลับ

ถนนที่มีชีวิตชีวาของอนีโมไมรอส เรียงรายไปด้วยแผงขายของหลากหลาย

นอกจากนี้อีกด้านหนึ่งของถนนที่ตัดผ่านป่าทึบ มีทิวทัศน์เมืองเล็กๆที่ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด จุดหมายปลายทางก็คือสถาบันที่อาร์คาซัม

 

「ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลา……」

 

เสียงพึมพำเล็กๆจางหายไปในสายลมฤดูร้อน

ป่าไม้ที่ทอดยาวไปถึงขอบฟ้า นอกจากนั้นกำแพงชั้นนอกขนาดใหญ่ของเมืองอาร์คาซัมก็ปรากฏให้เห็น

◆◇◆

รัฐสภาของเมืองอาร์คาซัมประกอบด้วยสมาชิกที่ส่งมาจากประเทศต่างๆ และถึงแม้เจตนาของประเทศอื่นๆจะปะปนกันไป แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอุปสรรคต่องานดำเนินสภา

เทคโนโลยีใหม่ๆและทรัพยากรมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยสินค้าและทรัพยากรมนุษย์ที่นำเข้าแต่ประเทศนำเข้าผลกำไรให้กับประเทศโดยไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุผลดังกล่าวความซบเซาของการดำเนินงานของเมืองนี้มีแต่จะเสียเปรียบเท่านั้น

จำนวนพายที่สามารถแบ่งได้นั้นก็มีจำกัด ดังนั้นพวกนั้นก็เลยพยายามจะหาพายให้ได้มากที่สุด

ประธาน ไฮเบ๋า โฟก้า เป็นหัวหน้าของจิฮัดซึ่งเปรียบเสมือนเสือดาว

เมื่อเร็วๆนี้เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ทำให้ความตึงเครียดเบาบางลงบ้างแล้ว

คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นหัวหอกก็คือหญิงสาวสุดสวยที่กำลังกล่าวทุนทรพจน์บนเวทีนี้

 

「สวัสดีค่ะทุกคน ข้อบอกพร่องในระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองอาร์คาซัม ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลยค่ะ」

 

เสียงอันแสนเย้ายวนดังขึ้นในรัฐสภา

 

「ใช่เลย การตอบสนองของทางสถาบันนั้นล่าช้าเกินไป」

 

「ตามที่คาดไว้สำหรับท่านวีรบุรุษแล้ว นั่นคือความขายหน้าที่ไม่อาจมองข้ามได้รึเปล่านะ? ถ้าเป็นกรณีนี้คงต้องทบทวนบทบาทหน้าที่ของท่านจิฮัดเสียแล้ว……」

 

หลังจากคำพูดของเม็กเลีย สมาชิกสภานิติบัญญัติที่เห็นด้วยกับเธอ ก็กล่าวโทษ

สมาชิกสภาที่ติตดามเม็กเลียด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์หวังจะได้รับความรับผิดชอบจากพวกจิฮัดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงนั่นถูกขัดโดยสมาชิกสภาอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา

 

「อย่างไรก็ตาม หากท่านจิฮัดโดนโค่นล้มเสียแต่ตอนนี้ ก็ยังมีช่องว่างของการรักษาการณ์สถาบันที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมา

นอกจากนี้ยังมีการตักเตือนและลงโทษกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมแล้ว รวมถึงท่านจิฮัดด้วย นี่ควรเป็นจุดสิ้นสุดของความรับผิดชอบที่ท่านจิฮัดได้รับ」

 

「ถูกต้อง ทำดีก็ต้องได้รางวัลทำผิดก็ต้องลงโทษนั่นคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับองค์กร แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหมกหมุ่นกับเรื่องเหล่านั้นมากจนเกินไป」

 

「สาเหตุของความเีสยหายที่เพิ่มขึ้นในเหตุการณ์นี้คือคนวงในที่เข้าไปเป็นกลุ่มของแสงดาว อย่างที่ทราบ มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกในเมืองนี้」

 

「แล้วคิดจะทำยังไงกับพวกเขาล่ะ?」

 

ฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่ได้ลงรอยกับเม็กเลีย ตักเตือนพวกที่พยายามให้จิฮัดรับผิดชอบ

 

「นอกจากนี้ ต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอบิสที่ถูกผนึกเอาไว้ที่อยู่ชั้นล่างสุดของสถาบันกลอวรัม」

 

「ปัจจุบัน สถาบันกลอวรัมได้ทำการค้นคว้าและวิจัยนักเรียนที่โดนปิดผนึกเพราะโดนอบิสสิงสู่……」

 

「สัตว์ประหลาดที่ปกคลุมไปด้วยความลึกลับจนถึงปัจจุบัน ความสำคัญในการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อนมันโดดเด่นมาก สำหรับความรับผิดชอบของจิฮัด ขอให้มันจบลงตรงนี้」

 

ตามความเป็นจริงแล้ว ความสำคัญของเมืองนี้พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เก็บตัวอย่างจากอบิส

นอกจากนี้ ด้วยความที่ว่าอบิสใช้คนๆนั้นเป็นกาฝากและคอยปกป้องร่างนั้นไว้ เป็นลักษณะใหม่ที่ปรากฏให้เห็น ซึ่งแต่ละประเทศก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการวิจัยมัน

 

「ไม่สิ ! ก่อนอื่นความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันต้องชัดเจนกว่านี้ ด้วยเหตุนั้นก่อนอื่นเลย……」

 

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เรียกร้องให้จิฮัดรับโทษก็มีแต่จะแข็งข้อ

พวกเขาต่างสบถและถุยน้ำลายใส่สมาชิกสภาที่พยายามปล่อยวางเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม มันถูกขัดจังหวะกระทันหัน

 

「ขออนุญาติ」

 

ประตูอาคารรัฐสภาเปิดออกอย่างกระทันหัน จิฮัดเองที่เข้ามาขัดจังหวะการพูดคุย

การปรากฏตัวของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดกับชุดเกราะที่ดูหนักแน่น

สมาชิกสภาเงียบลงเนื่องจากความตึงเครียดนั่น

ในความเงียบเช่นนี้ ประธานไฮเบ๋า ก็ได้ถามจิฮัด

 

「ท่านจิฮัด ท่านเข้ามาที่ประชุมด้วยเหตุอันใด?」

 

「ขอโทษด้วยที่เข้ามาขัดการประชุมอย่างกระทันหัน อันที่จริงมีบางอย่างที่ต้องการอยากให้ทุกคนได้ยิน……」

 

เป็นเพราะเพิ่งคุยเรื่องอบิสงั้นเหรอ? สมาชิกรัฐสภาต่างเชื่อมโยงข่าวต่างๆที่ดำเนินต่อไปและการแสดงออกก็ดูเกรี้ยวกราด

 

「เป็นไปได้ไหมที่ว่าอบิสจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง?」

 

「ไม่ ไม่ คราวนี้เป็นข่าวดี อันที่จริงเมื่อวันก่อน เราได้ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับผู้ที่ดำเนินกิจกรรมข่าวกรองในอาร์คาซัมและกังขังพวกนั้นไว้บางส่วนแล้ว」

 

สมาชิกของสภาต่างประหลาดใจกับคำพูดของจิฮัด ซึ่งสงบลงความตึงเครียดที่ได้รับการปลดปล่อยออกมาจนถึงขณะนี้และคลายการแสดงท่าทางของเขา

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สายลับแต่ละประเทศที่แทรกแซงอาร์คาซัมทำให้ปวดหัว

 

「โอ้ แล้วจับหนูได้กี่ตัว?」

 

「อย่าว่าแต่อาหารที่เหลือไว้เลย ไม่อยากให้พวกเจ้าของบ้านมาไล่กัด เป็นการดีด้วยที่จะต้องแจ้งให้ทราบกับความเสี่ยงพวกนี้」

 

สมาชิกสภาคงพยายามผลักความรับผิดชอบให้จิฮัด ตอนนี้จิฮัดก็พูดพร้อมกับยิ้ม

สมาชิกสภาบางคนขมวดคิ้วราวกับว่าสะดุ้งต่อสีหน้าของจิฮัด แม้ว่าจะพยายามทักท้วง

ในทางกลับกัน สมาชิกสภาที่เพ่งมองกำลังสูดลมหายใจเข้า  

 

「ดังนั้นแล้ว ท่านจิฮัดจับได้กี่คน?」

 

「อืมก็ประมาณ 250 คน」

 

「หา!」

 

「หะ!?」

 

ครู่หนึ่งทุกคนต่างเบิกตากว้างและกลืนน้ำลายด้วยความประหลาดใจ

มีมากเกินไป

สมาชิกสภาต่างคิดว่าจิฮัดจับได้เพียงไม่กี่คน อย่างมากก็แค่ 12 คน ดังนั้นทุกคนจึงใช้เวลาสองสามวินาทีทำความเข้าใจ

 

「250 คนเหรอ?」

 

「ใช่และด้วยเหตุนี้กองกำลังภายนอกเกือบทั้งหมดที่ทำงานในเมืองนี้จึงถูกกำจัดออกไป

 ในอนาคตกล่าวได้ว่าแทบไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดเบือนจากเบื้องหลังเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าพวกเราจะคอยระวังอย่างดี……」

 

จิฮัดเริ่มรายงานรายละเอียดก่อนหน้านี้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปล่อยให้สมาชิกสภาที่ตกตะลึงด้านข้าง

หน่วยข่าวกรองจากประเทศอื่นทำการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ในเหตุการณ์ครั้งก่อน การทรยศภายในกลุ่มแสงดาว

มันไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงทบทวนตัวตนของทุกคนที่เกี่ยวข้องในสถาบันโซลมินาติ รวมถึงกลุ่มแสงดาว และในขณะเดียวกันก็วางแผนและดำเนินการกวาดล้างสำหรับหน่วยข่าวกรองที่เข้ามาในอาร์คาซัม

ผลที่ได้คือจำนวนที่จิฮัดกล่าวถึงก่อนหน้านี้

ตัวเลขนั้นใกล้เคียงกับจำนวนของหน่วยข่าวกรองที่สงสัยว่าจะซ่อนตัวอยู่ในอาร์คาซัม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในการปฏิบัติการครั้งเดียว จิฮัดและกลุ่มแสงดาวได้ขจัดความกังวลภายนอกส่วนใหญ่ที่แฝงตัวอยู่ในอาร์คาซัม

เม็กเลียยิ้มจางๆกับข้อเท็จจริงนั่นและมีแววตากระตุกเล็กน้อย

แม้ว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่ทราบแต่เบื้องหลังผลลัพธ์นี้คือข้อมูลโดยละเอียดของตัวแทนแต่ละประเทศที่ซอนเน่นำมาให้จิฮัด

ข้อมูลนี้เป็นหนึ่งในค่าตอบแทนที่จิฮัดร้องขอจากซอนเน่เพื่อร่วมมือกับโนโซมุ

 

「เข้าใจแล้ว ทำได้ดีมาก ท่านจิฮัด」

 

「อืม ขอขอบคุณ」

 

สมาชิกสภาที่พยายามกล่าวโทษจิฮัดก็ต่างเหงื่อตก

ในทางกลับกัน สมาชิกคนอื่นๆของสภารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งจนเกินความผิดหวัง และทำได้เพียงถอนหายใจ

จิฮัดที่ละสายตาจาความกลัวที่พุ่งมาที่เขาและโค้งคำนับ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนในที่นี้เข้าใจดีว่ามันเป็นเพียงแค่พิธีการ

 

「ขอขอบคุณ อันที่จริงยังมีข้อกังวลอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ จึงอยากขอให้บุคคลหนึ่งเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้」

 

ใครกัน? ขณะที่เพิกเฉยต่อสมาชิกสภาที่กำลังงงงวย ประธษนกล่าวอนุญาติและอนุญาติให้นำเข้าสู่รัญสภาในฐานะแขก

เมื่อได้รับคำสั่งจากจิฮัด ตำรวจทหารก็เปิด

 

「ขออนุญาติ」

 

「เฮ้ย แก……!」

 

โดยได้รับแจ้งจากจิฮัด คนที่ก้าวเข้ามาในอาคารรัฐสภาคือวิคเตอร์ หัวหน้าคนปัจจุบันของตระกูลฟรานซิส ซึ่งเป็นขุนนางผู้หล่อเหลา

สมาชิกสภาผู้แทนทุกคนต่างเบกตากว้าง

วิคเตอร์เหลือบมองคนที่นั่งในรัฐสภาและยิ้ม

10 ปีที่แล้วหนึ่งคนที่ใช้มาตราการตอบโต้ระหว่างการบุกรุกครั้งใหญ่และทำงานอย่างหนักในการส่งประเทศเพื่อกองทัพของเขาเอง

การตอบสนองอย่างรวดเร็วนั่นทำให้กลายเป็นผู้บุกเบิกในการหยุดการรุกรานของสัตว์อสูรและด้วยเหตุนี้อิทธิพลของฟอร์ซิน่าในทวีปจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีพระคุณต่อแต่ละประเทศและเช่นเดียวกับจิฮัด เป็นคนที่มีชื่อเสียง

ต่อหน้าขุนนางที่แท้จริง สมาชิกสภาต่างโดนครอบงำ

 

「โอ้ มันก็ผ่านมานานแล้วนะครับท่านทาร์โด ลูกสาวที่อยู่ในสถาบันเป็นอย่างไรบ้าง?」

 

「อ่า เอ่อ สบายดีนะ ฮาฮาฮา……」

สมาชิกสภาที่เคยประณามจิฮัดอย่างรุนแรงจนถึงตอนนี้เงียบกริบ

 

วิคเตอร์โค้งคำนับสมาชิกสภาที่อยู่รอบตัวเขา

 

「ท่านประธานและสมาชิกสภา ข้าพเจ้าได้รับข้อความจากเหนือหัวแล้ว

 ถ้างั้นก็อยากจะพูดมันที่นี่เลย คงได้สินะครับ?」

 

คำพูดจากกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่า สมาชิกสภาทุกคนต่างกลั้นหายใจ

ประธานยังอนุญาติให้วิคเตอร์เข้าร่วมการประชุมอย่างสุภาพ

 

「ถ้างั้น ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักเกี่ยวกับอบิส

 ข้าพเจ้าเสียใจอย่างยิ่งกับผู้ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

“อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้ และมันก็จบโดยความเศร้าโศก” เชื่อว่าท่านประธานและสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับทางสถาบันรวมถึงท่านจิฮัด จะทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะสถานการณ์นี้」

 

หลังจากที่วิคเตอร์อ่านข้อความทั้งหมดจากกษัตริย์แล้ว เขาก็เดินไปที่ที่นั่งของประธานและยื่นจดหมายให้ จากนั้นหลังจากโค้งคำนับอีกครั้งแล้วก็กลับไปที่ด้านข้างของจิฮัด

ฉากนั้นเงียบ

 

「นี่คือจดหมายจากกษัตริย์ของเรา」

 

 สมาชิกสภาที่ประณามเมื่อครู่ไม่มีคำพูดใๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกสภาของประเทศที่ถูกโจมตีโดยอบิสต่างมองวิคเตอร์ด้วยความเคารพและไว้วางใจ

สำหรับพวกเขาวิคเตอร์ผู้ซึ่งส่งกองทัพไปอย่างรวดเร็วและกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่า เป็นผู้มีพระคุณที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้

ทั่วทั้งสภาต่างมีบรรยากาศที่อบอุ่น แน่นอนไม่มีใครกล้าประจานจิฮัด

แม้แต่เม็กเลียที่ยุยงคนอื่นๆก็พูดอะไรไม่ออก

เจ้านายของเม็กเลียยังเป็นข้าราชบริพารของกษัตริย์แห่งฟอร์ซิน่าด้วย แน่นอน ไม่มีทางที่จะขัดคำพูดของคนๆนั้นได้

เนื้อหาของจดหมายส่วนตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะคุกคามความเป็นอิสระของอาร์คาซัม และมีความสุภาพอย่างเคร่งครัดและเขาก็พูดว่า “จากนี้ไปควรให้ความร่วมมือ”

ไม่ใช่คำสั่งหรือคำขอ ไม่มีแม้แต่คำขอ มันเป็นแค่คำทักทาย

อย่างไรก็ตาม หากคำพูดเหล่านั้นเป็นจากราชาของประเทศแม้แต่ในทวีปและหากบุคคลที่นำคำพูดเหล่านั้นมาเป็นหัวหน้าตระกูลฟรานซ

เม็กเลียยังตัดสินใจว่าเรื่องนี้คงปั่นกระแสต่อไปไม่ได้แล้ว และก้มหน้าลง

ฝ่ายประณามพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้นก็ไม่มีการประท้วงอะไรในอาคารรัฐสภาและการดำเนินก็ดำเนินไปอย่างเงียบๆและเราก็สามารถถึงจุดสิ้นสุดได้

◆◇◆

หลังจากที่สมาชิกสภาออกไป จิฮัดเชิญไฮเป๋าและวิคเตอร์ไปที่สำนักงาน

 

「ท่านวิคเตอร์ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องในครั้งนี้」

 

「ไม่หรอก ทั้งนี้อาจารย์ของชั้นและชั้นไม่ต้องการให้สถาบันนี้ไม่เสถียร ในกรณีนี้ ปัญหาต่างๆปรากฏขึ้นและมันอาจจะถูกประณาม แต่สมมติว่า ในแง่หนึ่ง พบว่ามีการปรับปรุงเพราะสิ่งสำคัญคือต่อจากนี้ไป」

 

ไฮเบ๋าพยักหน้าเล็กน้อยตามคำพูดของวิคเตอร์

อันที่จริงกษัตริย์ฟอร์ซิน่ายังกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย แม้ว่า อบิส จะปรากฏขึ้นแต่อาร์คาซัมที่ทำให้สับสนไม่ดีจะทำให้เกิดข้อเสียเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์ฟอร์ซิน่าจึงเขียนจดหมายโดยใช้อำนาจของเขา

เพื่อขอบคุณวิคเตอร์และเจ้านายของเขา จิฮัดและไฮเป๋าโค้งคำนับอีกครั้ง

ที่สำคัญอย่าทิ้งปัญหาไว้อย่างที่เป็นอยู่

ฝ่ายสภาหลายคนยังคงประณามจิฮัด

10 ปีที่สถาบันโซลมินาติถูกสร้างขึ้นเพื่อศึกษาความน่ากลัวของอบิส จนป่านนี้ก็ได้เติบโตเพียงพอแล้ว แต่ต่อจากนี้ไปจะพบปัญหาต่างๆ

นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการคนที่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเปลี่ยนแปลงได้

ในแง่นั้นจิฮัดเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เขามีความตระหนักในตนเองในฐานะอัศวินและไม่เคยเมินเฉยต่อความผิดพลาดของเขาเอง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสมาชิกที่ตะโกนใส่รัฐสภาก่อนหน้านี้

เขาเอาจริงเอาจังกับการละเว้นแก่ทุกคน เขาฟื้นสภาพได้อย่างรวดเร็วและจับสายลับของแต่ละประเทศที่ซ่อนตัวในอาร์คาซัม

พวกเรายังคงคาดหวังในอนาคต แม้แต่วิคเตอร์ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกจิฮัดตกอับอยู่ที่นี่ได้

และวิคเตอร์ยังคงมีบางสิ่งที่จะยืนยัน

 

「ดังนั้นท่านจิฮัด เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ดี แต่จดหมายที่ได้รับบอกว่ามีคนอื่นที่อยากให้เห็น……」

 

อันที่จริงในจดหมายที่จิฮัดส่งถึงวิคเตอร์ผ่านซอนเน่มีเขียนไว้ว่ามีคนที่เขาต้องการพบด้วยตัวเอง

บุคคลนี้เป็นนักดาบที่เก่งกาจและเป็นนักเรียนที่มีแนวโน้มดี แต่ดูเหมือนจะติดสถานการณ์พิเศษบางอย่าง

และเหนือสิ่งอื่นใด ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักเรียนชายที่รู้จักกับลูกสาวเขาดี

จดหมายไม่มีข้อมูลรายละเอียดอื่นใด วิคเตอร์จึงมาด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาเดียวกันนี้เขียนขึ้นในจดหมายจากลูกสาวของเขาและในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับความสนใจอย่างมาก

 

「ปรมาจารย์ด้านดาบหมายถึงนักเรียนที่เคยแลกดาบกับคุณที่ลานประลองงั้นเหรอ แน่นอนว่าประหลาดใจกับทักษะดาบที่ยอดเยี่ยมของเขา แต่คิดว่าคงมีอย่างอื่นอีกใช่ไหม?」

 

ไฮเป๋าแสดงความสนใจ เช่นเดียวกับวิคเตอร์

ราวกับว่าอ่านเจตนาของทั้งสอง จิฮัดพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว

หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่รอบๆและไม่มีวี่แววของจิฮัด  เขาจึงรีบเอาหน้าเข้าใกล้วิคเตอร์

 

「อืม ข้าคิดว่าน่าจะสามารถแสดงให้เห็นได้ในตอนเย็น ทั้งคู่ช่วยมาที่สำนักงานโดยไม่บอกเรื่องนี้กับใครได้ไหม?」

 

จิฮัดที่สร้างพยายามคุยกันแบบเงียบๆโดยไม่ให้ใครรู้

วิคเตอร์และไฮเบ๋าขมวดคิ้วด้วยความระแวดระวังที่น่ากลัวนั้น

 

「…เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้งั้นเหรอ?」

 

จิฮัดเห็นด้วยกับคำพูดพึมพำของวิคเตอร์

เมื่อมาถึงจุดนี้ทั้งสองก็เชื่อว่าสถานการณ์เร่งด่วนกว่าที่คิดไว้

 

「ไม่เป็นไร เมื่อนั้นจะมาที่สำนักงาน」

 

วิคเตอร์และไฮเบ๋าลงมืออย่างรวดเร็วหลังจากถูกโน้มน้าวใจ

ทั้งสองตอบสั้นๆต่อจิฮัดและจากไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณดูสถานะของจิฮัด จินตนาการได้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่ลับอย่างยิ่ง

คิดว่าอาจจำเป็นต้องปลอมตัว วิคเตอร์จึงมุ่งหน้าไปหามีนา ซึ่งรออยู่หน้าประตูหลักของสถาบัน

ปลายทางคือที่อยู่อาศัยของตระกูลฟรานซิสในอาร์คาซัม

มีหลายสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นต้องเตรียมการต่างๆจนกว่าจะถึงนัดหมาย

 

「อยากเห็นหน้าลูกสาวเร็วๆจัง……」

 

แม้ว่าจะมาจนถึงอาร์คาซัมแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นลูกสาวของเขาเลย

วิคเตอร์ถอนหายใจอย่างเสียใจในขณะที่ใบหน้าที่สง่างามของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ

 

◆◇◆

เม็กเลียที่กลับมาที่ห้องของเธอ มองไปข้างนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

รายงานที่เราได้รับจากจิฮัด เป็นความจริงที่ว่าไม่สามารถติดต่อกับสายลับภายใต้คำสั่งของเธอได้และคิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

 

「แล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?」

 

ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความมืดของห้องราวกับจะตอบคำถามของเม็กเลีย

เดิมทีชายคนนี้เป็นหนึ่งในสายลับที่เม็กเลียใช้สืบเรื่องราวในเมืองนี้และเป็นคนทำหน้าที่คอยบริการข้อมูล

เขาก้มศีรษะลงด้วยความอัปยศและพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

 

「ขอโทษด้วยนะครับ อยู่ดีๆที่ซ่อนของเราก็โดนทำลาย ไม่มีทางทำได้ง่ายๆเลยแท้ๆ……」

 

สายตาที่เฉียบคมของเม็กเลียจ้องไปที่ชายคนนั้นรายงาน

เสียงที่สั่นเครือของเขาจำความหวาดกลัวเมื่อรู้สึกทำงานล้มเหลวจนน่าอาย

ในทางกลับกันเม็กเลียมองไปทางเขาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็หมดความสนใจและครุ่นคิด

 

「โดนซะแล้วสินะ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำลายกองกำลังนี้ได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะประเมินต่ำไป……」

 

「……ถ้างั้นอยากจะได้แบบไหน?」

 

ลูกน้องคนนั้นพูดกับเม็กเลียด้วยท่าทีอับอาย

เม็กเลียยักไหล่ราวกับว่าช่วยไม่ได้และหายใจออกอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนอารมณ์

 

「เดิมทีก็ไม่คิดว่าจะลดจำนวนของท่านจิฮัดลงได้อีกจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าเราจะอยู่ต่อหน้าคู่ต่อสู้ เราก็ไร้ซึ่งทางต่อสู้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นต่อ」

 

เม็กเลียไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะสามารถทำลายกลุ่มจิฮัดได้

มันคงจะดีกว่าถ้าเราสามารถรักษาพลังของเราไว้และลดพลังของคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ราคาที่เธอจ่ายไปในครั้งนี้ก็ถือว่ามากพอสมควร

พวกเขาสูญเสียเบี้ยของตัวเองเกือบทั้งหมดและกำลังต่อสู้ทั้งหมดที่ควรได้รับการดูแลก็ถูกบดขยี้

เห็นได้ชัดว่าเธอมีความเสียหายมากกว่า และตามจริงแล้วเธอไม่สามารถลงมือได้อย่างเต็มที่

ในทางกลับกันแม้ว่าพวกเขาจะพยายามเข้าไปแทรกแซงจากภายในเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ค่ายจิฮัดได้เสริมความแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างสมบูรณ์ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายจากภายใน

 

「แต่ว่าก็ไม่อยากอยู่เฉยๆเลยนะ」

 

เม็กเลียพูดคนเดียวและโยนเอกสารวางบนโต๊ะ

 

「นี่คือ……」

 

ลูกน้องหยิบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะ

“มันเป็นรายการที่ถูกคัดกรองมาแล้วใช่ไหม?” มันมีข้อมูลพื้นฐานเช่นเกรด ชื่อ และนักเรียนของสถาบันโซลมินาติ

 

「เป็นรายงานของนักเรียนที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกน่าสนใจ」

 

「…………」

 

ลูกน้องจ้องมองเอกสารที่ส่งมาให้เขาอย่างเงียบๆ

ชื่อ ลักษณะ เกรด ที่มา และอีกมากมาย เขาต่างจดจ่อกับข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

 

「รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนคนนี้ นักเรียนทั้งสองที่มีอนาคตสดใส เอาทุกอย่างมาให้ฉัน」

 

「……ฮ่ะ」

 

หลังจากได้รับคำสั่งก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

 

「……หมอนี่เองก็อาจจะใช้ได้ไม่นานควรจะมีตัวสำรองไว้ดีไหม」

 

เม็กเลียพูดคนเดียว

เธอมุ่งหน้าไปที่หน้าต่างห้องและยกมือขวาขึ้นเบาๆ

เธอกำมือแน่นแล้วเปิดออก

ในเวลาต่อมาขนนกสีดำก็กระพือปีกดังก้อง

นกสีดำตัวเล็กๆปรากฏขึ้นในมือของเธอ

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์อันน่าเกลียด ดวงตาสีแดงเพลิงที่เหมือนแร่อนินทรีย์ของเธอทำให้รู้สึกประทับใจราวกับตุ๊กตา

เม็กเลียหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆจากกระเป๋าแล้วม้วนไว้กับขาของนก

 

「“อีกาแห่งความตาย”รบกวนฝากสิ่งนี้ไปด้วย」

 

เมื่อบอกอีกาตัวเล็กที่เกาะอยู่บนมือของเธอ เม็กเลียเปิดหน้าต่างและปล่อยอีกาสีดำสู่ท้องฟ้า

อีกาสีดำตัวเล็กกระพือปีกเล็กๆของมันและหายไปในท้องฟ้าอันสดใส

 

「สิ่งมีชีวิตที่สามารถจัดการอบิสได้ ยังไงก็ต้องทำให้แน่ใจ……」

 

หลังจากเห็นอีกาบินไปแล้วเม็กเลียก็กลับไปที่ห้องของเธอที่มีแสงสลัว

รอยยิ้มอันน่าสยดสยองผุดขึ้นจากริมฝีปากของเธอ

 

กลับบ้านมาดึกแปลเสร็จก็ช้า ตอนก็ยาว

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Status: Ongoing
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท