ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ – บทที่ 40 ออโรร่าน้อยกับลูกแมวน้อย

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

“มาถึงแล้วสินะ…. ไม่อยากเข้าไปเลย”

ผมมองอาคารที่อยู่ข้างหน้าก็ได้แต่เหงื่อตก ในอกมันเต้นรัว ๆ ความกลัวที่ไม่ได้สัมผัสมานานได้หวนคืนมาอีกครั้ง

นี่ต้องกลับมาอีกแล้วเหรอเนี่ย อยากจะบ้าตาย เจ้าชาร์ลนะ เจ้าชาร์ล ที่หนีดี ๆ มีตั้งหลายที่ไม่ไป ทำไมต้องมาที่นี่ด้วย!

ครืนนนนน

ดูนั่นสิ ดูไอ้บรรยากาศแปลก ๆ ที่ปกคลุมคฤหาสน์ผีสิงนั่นสิ แค่มองก็ขนลุกไปทั่วร่างแล้วเนี่ย แถมยิ่งพอคิดถึงสภาพของเจ้าของบ้านแล้ว….

ภาพ! ขอวาดภาพ!

อึยยย แค่คิดก็สยองแล้ว ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเจ้าพวกบ้านั่นมันรู้ว่าผมกลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้งจะเป็นยังไง

เมื่อคราวก่อนรอดมาได้เพราะใช้สารพัดข้ออ้างจนเจ้าพวกนั้นยอมปล่อย ซึ่งดันซวยมีข้อตกลงว่ากลับมาคราวหน้าผมจะให้พวกมันวาดรูปแน่ ๆ

เพราะข้อตกลงอันนั้น ทำให้ผมพยายามอยู่ห่างจากที่นี่มากที่สุด แต่ไม่นึกเลยว่าแรงปรารถนาของเจ้าพวกผีบ้านั่นมันจะรุนแรงขนาดชักนำเจ้าชาร์ลให้หลงผิดคิดมาที่นี่ได้

ซวยยิ่งกว่าซวย

เลือกถอยหลังก็มีโอกาสที่บ้านเมืองจะล่มจมเพราะความเป็นมาโซของเจ้าชาย ก้าวไปข้างหน้าก็มีสิทธิ์ชีวิตล่มจมจากการถูกจับใส่ชุดแปลก ๆ ไปแต่งให้เจ้าพวกผีบ้าพวกนั้นวาดรูป

จะเลือกทางไหนก็มีแต่กองเขร้รออยู่ทั้งนั้นเลยนี่นา!

แค่คิดผมก็อยากกุมขมับ ทำไมหนอ ทำไมชีวิตออโรร่าน้อยคนนี้ถึงต้องมาซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยอีกได้ทุกวันแบบนี้กัน

ได้แต่บ่นอย่างเดียว แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะงั้นคงเหลือเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นแล้วสินะ…..

ผมเงยหน้าจ้องเจ้าบ้านสยองขวัญตรงหน้า พยายามสูดลมหายใจเข้าออก พยายามทำให้หัวของตัวเองสงบพร้อมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่พึงมี

เอาไง เอากันน่า

เมื่อรู้สึกได้ว่าไม่มีตัวเลือกอื่น ผมจึงก้าวขาเดินไปแบบสั่น ๆ ในใจก็ได้แต่ท่องสวดคาถาไล่ผีสารพัดภาษาไปแบบไม่คิดถึงแม้จะรู้ว่าต่อหน้าเจ้าพวกผีหมีแล้วมันจะไร้ประโยชน์ก็เถอะแต่แบบนี้มันอุ่นใจกว่านี่นา

เอาน่า ออโรร่ามองในแง่ดีเข้าไว้สิ ป่านนี้เจ้าพวกนั้นคงตกใจที่มีใครบุกเข้ามาในบ้านจนลืมสังเกตว่าเราโผล่มาในบ้านผีสิงนี้แล้วล่ะ

ผมค่อย ๆ ยื่นหน้าแอบชำเรืองมองทางเข้า เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่แม้แต่ผีเฝ้าหน้าบ้านก็ยังไม่มีทำให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ก็ได้ครู่เดียวเมื่อเห็นว่าประตูที่ควรปิดดันถูกเปิดอยู่ซะนี่

ประตูเปิดคาไว้แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าทั้งชาร์ลทั้งนักฆ่าคงวิ่งกันวุ่นวายข้างในกันหมด แถมคงวุ่นวายนรกแตกยิ่งกว่าเก่าเมื่อบวกเจ้าพวกผีสติแตกพวกนั้นเข้าไปอีก

ถ้างั้นเพื่อความปลอดภัยทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ผมคงต้องเข้าไปแบบระมัดระวังตัวขึ้นอีก เพราะงั้นงานนี้ต้องใช้เวทเข้าช่วย…… ว่าแต่มีเวทอะไรบ้างล่ะที่น่าใช้ตอนนี้ พระเจ้าเอ๋ยช่วยคิดมาสักบททีสิ!

“พระเจ้าที่ข้าเคารพเหนือสิ่งใด โปรดประทานแสงอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มาบดบังตัวตนแห่งข้าจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงด้วยเถิด”

แค่ขอก็จัดมาเลยวุ้ย!

ขอไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ ปากของผมก็พูดเอ่ยบทสวดขึ้นมาแบบไม่ทันรู้ตัว ทันใดนั้นแสงสว่างสีขาวอ่อน ๆ ได้ปรากฏขึ้นมาครอบทั่วร่างของผมเอาไว้ พวกมันให้ความรู้สึกอุ่น ๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะจางหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน

แค่เนี่ย?

ไอ้เรานึกว่าจะมีอะไรออกมาให้ตื่นตาตื่นใจ สุดท้ายก็แค่แสงหลอกเด็กให้ผมดีใจเล่นนี่หว่า เอาคำสรรเสริญของผมเมื่อครู่นี้คืนมาเลยนะเจ้าบ้า! ไอ้เราก็อุตส่าห์เชื่อใจ ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่เป็นพระเจ้าทั้งทีช่วยทำมันให้อลังหน่อยสิ

“ได้ข่าวว่าจะลักลอบไปแบบไม่ให้มีใครรู้ตัวไม่ใช่เหรอ แล้วจะเอาพลังเวอร์วังไปทำเพื่อ?”

เสียงนุ่ม ๆ อันแสนคุ้นเคยได้ดังขึ้นมาภายในจิตของผม ทำเอาผมถึงกับชะงักก่อนร้องออกมาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

“เอ่อ นั่นสินะ ไอ้เรามาแบบลับ ๆ นี่หว่า”

แต่เอาจริง ๆ ขึ้นชื่อว่าเวทจากพระเจ้าที่ออกมาจากนักบุญทั้งที ไอ้ผมก็แอบหวังให้มันเวอร์วังอลังการอยู่เหมือนกันนะ แต่เอาเหอะ ก็อย่างที่เจ้าพระเจ้านั่นบอก มาแบบลับ ๆ เวทมันก็ต้องไม่สะดุดตามาก เพราะงั้นครั้งนี้จะยอมปล่อยผ่านไม่บ่นเพิ่มสักคำก็แล้วกัน…..

มันจะง่ายแบบนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?

“ว่าแต่ไหน ๆ ก็ลอบเร้นทั้งที ไม่ลองมีอะไรตื่นเต้นๆ อย่างลิมิตเวลาหน่อยล่ะ”

นั่นไง ว่าละ เจ้าบ้านี่มันต้องหาไรบ้า ๆ มาแกล้งผมจริง ๆ ด้วย แล้วนี่อะไร ภารกิจลอบเร้นเลยต้องมีลิมิตเวลาเวทซ่อนตัวเรอะ มิทราบไปติดเอามาจากเกมไหนมิทราบครับคุณท่าน เป็นพระเจ้าทั้งทีก็แถมโปร แถมแพคเกจน่ารัก ๆ อย่างไม่มีลิมิตหน่อยสิ!

“พลังที่จะเข้ามาช่วยเหลือให้แด่เหล่าชีวิตของผู้ที่ตนสร้างของพระเจ้าทั้งมวลล้วนมีจำกัด ดังนั้นพลังที่มอบให้เจ้าเพื่อตอบสนองขอวิงวอนของเจ้าย่อมมีเงื่อนไข หาได้เป็นประสงค์ของตัวข้าไม่”

ได้ยินแล้วอยากมองบน!

ไม่ต้องมาใช้ความพูดสวยหรูแบบคำพร่ำคำสอนของพวกนักบวชในวิหารเลยนะเว้ย มันใช่ไม่ได้ผลกับออโรร่าน้อยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนักไม่ได้หรอกน่า

ขีดจำกัดในการยุ่งกับชีวิตที่ตนสร้างเรอะ แล้วไอ้ที่ยุ่งกับทุกสัดส่วนในการใช้ชีวิตของผมนี่มิทราบว่าขีดจำกัดของมันอยู่ตรงไหนไม่ทราบ ถ้าบอกว่าขีดจำกัดคือกำแพงล่ะก็ ไอ้พลังที่นายใช้กับผมอยู่มันก็เหมือนสนามกีฬาที่ไม่มีงบสร้างกำแพงนั่นล่ะ โคตรไร้ขีดจำกัด

ตูม

จู่ ๆ อากาศยามเช้าอันแสนสงบกลับถูกแทนที่ด้วยสายลมอันบ้าคลั่ง แต่ก็ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะสายลมอันเกรี้ยวกราดได้พุ่งเข้าไปกระจุกตัวรวมกันก่อนจะพุ่งทะลวงอัดบานประตูที่ปิดอยู่จนกระเด็นพังเข้าไปในบ้าน

“นักบุญแห่งข้าเอ๋ย สายลมแห่งการเริ่มต้นได้ไหลเวียนเบิกเส้นทางให้แก่เจ้า นับเป็นนิมิตหมายอันดีในการเริ่มต้นภารกิจครั้งใหม่ของเจ้าเสียจริง เช่นนั้นเมื่อเทพแห่งสายลมเป็นใจให้เจ้าเช่นนี้ข้าคงไม่ต้องออกแรงอันใดอีก ขอตัว”

นิมิตรหมายอันดีบ้านเตี่ยเอ็งดิ ได้ข่าวเมื่อกี้บอกเป็นภารกิจลอบเร้นอยู่หยก ๆ แต่เอ็งเล่นเปิดทางเข้าซะอลังการปานเปิดงานงิ้วเนี่ยนะ? ถามจริง เอาส่วนไหนของร่างกายคิดไม่ทราบ

แล้วไอ้ตัวละครปริศนาที่จู่ ๆ มันโผล่มาอย่างเทพสายลมมันเป็นใครไม่ทราบ อย่ามาสร้างตัวละครแพะรับบาปขึ้นมาแถสดแถเปื่อยจะได้ไหม นี่อายุปูนไหนแล้วถามจริง!

แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงไปจริง ๆ แล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงตอบสนองใด ๆ ดังกลับมาให้ผมได้ยินอีก หรืออีกอย่าง ป่านนี้พระเจ้าคงนอนสบายใจเปิดดูทีวีนั่งมองดูผมที่กำลังนั่งเอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างชอบใจอยู่แน่ ๆ

นี่มาช่วยหรือมาป่วนกันเนี่ย จะบ้าตาย แบบนี้พวกนักฆ่าของเจ้าตัวร้ายเกรดบีมันได้รู้หมดสิว่ามีแปลก ๆ เกิดขึ้นหน้าบ้าน

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”

นั่น! ไม่ทันขาดคำ มันยกคนมาเป็นโขยงเลยเห็นไหมไอ้พระเจ้าบ้าเอ้ย เล่นอะไรไม่รู้จักเวลาล่ำเวลาเลยบ้าเอ้ย!

“การกระทำของพระองค์ช่างเหมาะทั้งกาลและเวลา เหล่าอารักษ์ที่พระองค์ท่านนำพานั้นทำให้ข้าสุขใจยิ่งนัก”

สุขใจกับผีเด้ โอ้ยเบื่อไอ้คำสาปบ้า ๆ นี่จริงเว้ย หลุดความคิดทีไรปากพาจลทุกทีเถอะให้ตายสิ!

“นั่นใครน่ะ!”

อ้าวเฮ้ยนึกว่าเวทจะกันเสียงได้ นี่สรุปพรางตัวได้แค่การมองเห็นเรอะ ให้ตายสิคุณภาพระดับตลาดล่างจริง ๆ !

หลังจากเสียงกระแทกเท้าดังมาตามเสียงตะโกน เหล่านักฆ่าชุดดำจำนวนมากได้โผล่ออกมาจากประตูที่ถูกเปิดอยู่ พวกเขากวาดตาไปทั่วพยายามหาที่มาของเสียงทำเอาผมเกือบจะกระโดดตัวหลบไปข้างกำแพงแบบหนังสายลับ

ลืมไป เราล่องหนอยู่นี่หว่าเพราะงั้นต่อให้เต้นต่อหน้าเจ้าพวกบ้านี่ก็คงไม่มีทางเห็นแน่ ๆ

ตึก ตึก

นักฆ่าคนหนึ่งเดินออกมาจากตรงบริเวณประตู เขาหันมาทางที่ผมอยู่ก่อนเดินเข้าใกล้ผมเรื่อย ๆ ทำเอาหัวใจผมเต้นตึก ๆ เหงื่อแตกทั่วตัวหายใจหอยแรงจนเกือบบหอบหืดขึ้น

เฮ้ย ไม่เห็นแล้วทำไมเดินมาทางนี้เล่า! หรือว่าเจ้าพระเจ้านั่นมันจะตั๋วผมกันฟะ ไม่ได้การแล้ว ถ้านักฆ่ามันเห็นผมแบบนี้มันต้องคิดว่าผมมาขัดขวางมันแน่ ๆ

งานนี้ไม่วายผมต้องโดนมันไล่ปาดคอแน่นอน!

ต้องหาทางแก้สถานการณ์!

ว่าแล้วไม่รู้มีอะไรมาดลใจคล้ายอยากลองของ ผมยกมือทั้งสองข้างพร้อมชูสองนิ้วขึ้นมาก่อนจะเขย่าโยกหัวไปมาอย่างสนุกพร้อมกับร้องเสียงแหลมเล็ก ๆ

“เมี้ยว~ เมี้ยว~”

…….

นี่ตูทำบ้าอะไรไปเนี่ยยยย ร้องเสียงแมวไปเพื่อ! ออโรร่านี่ทำบ้าอะไรไปเนี่ย ถึงออโรร่าน้อยจะน่ารักแต่ใช่ว่าความน่ารักมันจะสะกดศัตรูได้นะ!

 

ไม่ใช่ในหนังนะเว้ยที่ตัวร้ายมันจะไร้สมองโง่เชื่อมุกไร้สาระแบบนี้ได้นะ รู้ไหม นี่มันนักฆ่าที่เจ้าบารอนบ้านั่นส่งมาเลยนะเว้ย ไม่มีทางต๊อกต๋อยไร้สมองแบบพวกยมทูตกลุ่มก่อนอยู่แล้วน่า!

อีกดูหนังหน้าอีกฝ่ายหน่อยสิ หน้าโหดขนาดโจรป่ายังเรียกลูกพี่แบบนี้ ไม่ว่ายังไงความน่ารักสดใสที่เธอทำไปมันต้องไม่ได้ผลอยู่แล้ว ถ้ามันจับเด็กน้อยน่ารักอย่างออโรร่าไปได้ ต้องเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามจนความน่ารักของออโรร่าน้อยต้องพังพินาศแน่นอน!

จะทำยังไงดี ทำยังไงดี…

ซวยแล้ว ซวยแล้ว ต้องรีบหนี!

“แมวน้อยอยู่ไหนน่ะ แมวน้อยยยย”

ไหงมันใสงี้ฟะ! ไหงนักฆ่าที่ตามมาไล่เจี๋ยนองค์ชายมันใสน่ารักมุ้งมิ้งงี้ฟะ! พวกแกเป็นนักฆ่านะเฟ้ย นักฆ่า ช่วยทำตัวให้สมเป็นนักฆ่าหน่อยเซ่

แล้วหน้านั่นมันอะไรกัน ช่วยอย่าเอาหน้าที่โหดประดุจโจรป่ามาทำหน้าตาน่ารักเหมือนพวกตัวการ์ตูนช่วงเก้าโมงเช้าจะได้ไหม! มันสยองอะ!

“เจ้าบ้าอยู่ ๆ วิ่งพรวดออกไปแบบนั้นทำเอาตกใจหมด พวกข้าล่ะนึกว่ามีศัตรูบุกมาหา”

“ก็เห็นลมมันแรงดีเลยคิดว่าเหมาะแก่เป็นฉากให้ดูดยาสูบน่ะ”

นี่เอ็งวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านเพื่อสูบยาเนี่ยนะ จะรักมะเร็งปอดเกินไปไหมคุณพี่ แล้วไอ้ที่บอกว่าลมดีเหมาะแก่การสูบนั่นมันอะไร บ้านพี่เขาสูบยากันกลางพายุเรอะ นี่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหนังสมัยปี 90 เหรอไง

แต่จะว่าไปพูดถึงยาสูบ จากเท่าที่เคยอ่านมาในหนังสือ เหมือนมันจะเพิ่งนิยมมาในช่วงไม่ถึงห้าสิบปีที่ผ่านมานี่เอง จำได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากดินแดนเล็กๆ ทางฟากตะวันตกจากนั้นก็ไปนิยมมากกันในพวกขุนนางของจักรวรรดิจนสุดท้ายก็ไหลมาถึงอาณาจักรตะวันออกอย่างราสเวนน่า

ก็นะ มันเล่นผ่านมากว่า 50 ปี ทำให้เริ่มมีคนพยายามผลิตตามจนไม่ใช่แค่ในกลุ่มชนชั้นสองที่ใช้กัน แม้กระทั่งชนชั้นกลางก็ยังเริ่มหาซื้อกันได้แม้ว่าจะต้องเจียดเงินเดือนกว่าครึ้งเพื่อไปถวายอุปกรณ์สร้างมะเร็งปอดพวกนี้ก็ตาม

อะไรมันจะติดกันได้ปานนั้น

ผมได้แต่เหงื่อตกเมื่อคิดถึงความบ้ายาสูบของคนพวกนี้ แต่ก็นะอย่างน้อยก็พอทำให้ผมโล่งใจได้ว่าพวกมันยังไม่เห็นตัวของผม…

แล้วเมื่อกี้ผมจะไปเต้นท่าแมวไปทำเพื่อ?

คิดได้อย่างงี้ หน้าของผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขนาดที่ว่าถ้าเอาหม้อน้ำมาวางน้ำร้อนคงเดือดขนาดทำไข่ต้มสุกจนแข็งปีกเป็นหินได้

นี่ผมทำตัวเองล้วน ๆ เลยนี่หว่า แล้วอะไรมันบ้ามันมาดลใจให้ผมเต้นท่าแมวบ้า ๆ ที่เห็นในเพลงเปิดอนิเมะได้ฟะ คิดว่าถ้าศัตรูเห็นมันจะใจอ่อนแล้วยอมคิดว่าเป็นสาวน้อยสดใสที่ผ่านทางมาหรือไงกัน

“สูบบุหรี่มันไม่ได้ต่อสุขภาพนะสหาย ข้าว่าเรารีบทำภารกิจแล้วกลับไปหาลูกหาเมียเถอะน่า”

ลูกพี่ เจ้าหมอนี่มันต้องเป็นลูกพี่ประจำกลุ่มอย่างแน่นอน ดูสิมีการพูดสั่งสอนลูกน้องด้วย ช่างเป็นลูกพี่ที่ดีอะไรเช่นนี้

คนที่ผมเรียกว่าลูกพี่เขาพูดไปพลางเอาหลังพิงกับผนังก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วคว้าของบางสิ่งขึ้นมา

ลักษณะของมันเป็นกล่องบรรจุม้วนกระดาษสีน้ำตาลที่ถูกพันม้วนจนเป็นแท่งคล้ายลูกรัคบี้เรียงกันห้ามวนอย่างสวยงาม

ชายลูกพี่หยิบแม่งกระดาษสีน้ำตาลหนึ่งม้วนขึ้นมาก่อนจะแสดงความสามารถพิเศษของตัวเองด้วยการจุดไฟในมือออกมา ก่อนจะเอาแท่งกระดาษสีน้ำตาลในมืออีกข้างไปรนไว้กับเปลวเพลิง

….

เดี๋ยวนะ เดี๋ยว นี่คุณพี่กำลังจะทำอะไรไม่ทราบไอ้แท่งสีน้ำตาลที่อยู่ในมือของคุณลูกพี่นั่นมันอะไร ซิการ์ใช่ไหม ใช่แน่ ๆ มันต้องใช่แน่ ๆ

ลูกพี่หยิบซิการ์ที่ถูกจุดจนควันลอยโขมงเอาเข้าไปคาบไว้ที่ปากของเขาก่อนจะพิงตัวเองกับกำแพงด้านหลังคล้ายพวกหัวหน้ามาเฟียในหนังยุคเก่า พร้อมทั้งดูดควันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาด้วยมาดสุดคูล

ใช่มาดสุดคูล แต่มันจะคูลกว่านี้ถ้าคำพูดของพี่แกมันไม่สวนทางกับการกระทำของตัวเองแบบหน้ามือกับหลังเท้าแบบนี้

เมื่อกี้เพิ่งว่าลูกน้องไปเองไม่ใช่เหรอ พี่เพิ่งสอนลูกน้องของตัวเองไปไม่ใช่เหรอไงแล้วทำไมคุณพี่ถึงเล่นสูดอะไรที่มันเป็นขั้นสุดของแหล่งมะเร็งปอดแบบซิการ์ได้ล่ะโว้ย

“อย่างที่ลูกพี่พูด ข้าควรเลิกได้แล้วสินะ นี่ก็เพื่อลูกเมียของข้า”

ก่อนพูดถึงลูกเมียตัวเองช่วยพูดถึงลูกพี่ของคุณท่านที่กำลังดูดควันปูด ๆ ก่อนเถอะ สภาพแบบนั้นไม่นานทั้งปอดตั้งเต็มไปด้วยก้อนเนื้อไม่พึงประสงค์แน่ ๆ

“นั่นล่ะถูกต้องแล้วล่ะ ข้าน่ะไร้ลูกไร้เมีย มีแค่ตัวคนเดียวดังนั้นถึงจะสูบเจ้ายาสูบจากจักรวรรดินี่ไปก็คงไม่เป็นไรแต่เจ้าน่ะ ยังมีคนที่อยู่ข้างหลังอยู่ จงจำไว้เสมอก่อนจะหยิบพวกนั้นขึ้นมาซะ”

นั่นมันใช่เหตุผลไหมพวก? ต้องหัวกลับขนาดไหนกันถึงคิดเหตุผลบ้า ๆ อะไรแบบนี้ออกมาได้ แล้วก็นะคุณลูกพี่ อย่าคิดว่าทำท่าเท่เสียงหล่อแล้วมันจะกลบตรรกะวิบัติของลูกพี่ได้นะ

“สมเป็นหัวหน้า!”

แล้วแกจะไปเห็นดีเห็นงามกับมันทำไมล่ะเว้ย แกควรเป็นลูกน้องที่ดีต่อต้านความคิดเพี้ยน ๆ ของลูกพี่แกสิไม่ใช่เข้าร่วม

โอ้ย ซวย ซวยจริง ๆ นี่ทำไมผมต้องมาเจอพวกผู้ใหญ่หัวสมองไม่เต็มบาทตั้งแต่เช้าแบบนี้เนี่ย

แล้วนี่มันอะไร แค่คนบ้าสองคนอยากมาอู้งานสูบบุหรี่แต่บทพูดเท่ปานอย่างกับฉากจบของหนัง ไม่รู้หรือไงว่าถ้าพูดบทเท่ ๆ พวกนี้แล้วมันเท่ากับอะไรน่ะ….

ปักเดธแฟล็คตัวเองไงเล่า!

ใช่แล้ว ไอ้พวกมาพูดฉากสั่งสอนคนอื่นกับพวกมาพูดถึงลูกถึงเมียระหว่างมาในสถานที่อันตราย ๆ น่ะส่วนใหญ่มันไม่ค่อยรอดสักรายแถมมองรอบ ๆ แล้วที่นี่มันก็ไม่ใช่สถานที่น่ารัก ๆ อย่างสวนดอกไม้ที่ไหนแต่เป็นบ้านผีสิงนะรู้ไหม บ้านผีสิง

รวมทั้งหมดที่พูดมาแล้วพวกนายเล่นทำมันครบทุกองค์ประกอบของตัวละครปักธงตายให้ตัวเองเลย เพราะงั้นแล้ว….สู่สุขตินะพวก

“ใครมันมาสูบบุหรี่หน้าบ้านของนายท่าน!!!!”

เสียงโหยหวนอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นมาจากทั่วทิศทั่วทาง เสียงอันแสนเย็นเหยียบปนความน่าหวาดหวั่นทำเอาผมตัวสั่นทุกครั้งที่ได้ยิน เสียงของพวกมันดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนผมเผลอก้มตัวหมอบลงกับพื้นด้วยความสั่นกลัว

ฮรือออ ใครก็ได้เอาไอ้พวกผีนี่ออกไปที ตูกลัววววว

“เสียงใครน่ะ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น”

พวกนักฆ่าร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ดันมีเสียงสุดสยองรอบดังขึ้นพร้อมกับมีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตมาปรากฏณ์ตรงหน้าตัวเอง

ไม้กวาดลอยได้!

“ไม้กวาดลอยได้! นี่ใครเล่นบ้าอะไรกันเนี่ย หรือว่าพวกองครักษ์? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ทำตัวให้สมเป็นลูกผู้ชายหน่อยเซ่!”

นักฆ่าอย่างพวกเอ็งที่ยกโขยงมารุมฆ่าเด็กคนเดียวมีสิทธิ์พูดด้วยเรอะ!

คุณนักฆ่าหน้าโหดได้เป่าปากเป็นสัญญาณ ไม่ทันไรคนนับสิบก็วิ่งทะยานตัวเองออกมาจากประตูราวกับวาร์ปมาโดยในมือของพวกเขานั้นติดอาวุธครบมือไม่ว่าจะเป็นดาบธนู มีด….ว่าแต่มันพกธนูมาบ้านผีสิงทำไมฟะ

“ดูท่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมางานอันแสนสำคัญของของนายท่านเราเข้าแล้วสิ ให้ตายสิ งานใหญ่ย่อมมีสิ่งขัดขวาง มันก็เรื่องธรรมดาล่ะนะ”

คุณลูกพี่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงและมาดสุดคูลของหัวหน้ามาเฟียไม่เปลี่ยนขณะเดียวกันก็พ่นควันออกมาหลังพูดจบ

“เอาล่ะมาจัดการกันเถอะ ลูกแมวน้อยที่จะมาขัดขวางเส้นทางของนายท่านของพวกเราน่ะ”

ตุบ

ซิการ์ในมือของลูกพี่ได้ถูกโยนออกไปเป็นสัญญาณสั่งบุกโจมตี เมื่อยาสูบสีน้ำตาลขนาดใหญ่กระทบกับพื้นเหล่านักฆ่าจำนวนมากก็พุ่งตัวทะยานเข้าใส่ศัตรู อาวุธหลากหลายได้ถูกชักออกมาเพื่อต่อกรกับศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน…….ไม้กวาดลอยได้

ใช่ ถ้ามองในมุมมองของผมก็จะเห็นเหล่าผีจำนวนมากยกไม้กวาดนับสิบตนเตรียมยกขึ้นมาตีพวกนักฆ่าที่มาสูบบุหรี่ที่สนามหน้าบ้านของนายตนซึ่งถึงอาวุธจะดูแปลกไปบ้างแต่ภาพมันก็ดูดีอยู่หรอกคล้ายพวกหนักปราบผี ทว่าเมื่อมองในมุมของคนธรรมดาแล้วจะเห็นเป็นภาพคนชุดดำนับสิบวิ่งเข้าใส่ไม้กวาดที่ลอยกลางอากาศด้วยอาวุธครบมือ

อ้ากกกกก ไม่ไหว ไม่ไหวนี่มันหนักเกินกว่าสมองของผมจะรับได้แล้ว คุณลูกพี่ ทำไมสมองของคุณลูกพี่มันถึงไม่ดีแบบความคูลของคุณพี่เลยครับ นี่พี่คิดบ้าอะไรถึงเล่นยกพวกมาเป็นโขยง ถือดาบถือมีดมาตีกับไม้กวาดบินได้เนี่ย!

กิ้ง กึ้ง

เสียงดาบปะทะเข้ากับไม้กวาดดึงอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าของพวกนักฆ่าทุกคนต่างจริงจังและกดดันเมื่อทุกครั้งที่พวกเขาทุ่มแนงฟันเข้าใส่ไม้กวาดที่ควรจะถูกดาบเหล็กกล้าตัดได้อย่างง่ายดายแต่กลับเป็นว่ามันเหมือนกับพวกเขาเอาดาบไปฟันกับแท่งเหล็กหนาทำเอาเหมือนดาบที่พวกเขาพกมากลายเป็นของเล่นเด็กประถมซะอย่างงั้น

“หึ ร้ายกาจมากนักนะ นี่จะต้องเป็นฝีมือของนักเวทชั้นสูงที่พวกมันส่งมาแน่นอน ทว่าด้วยจิตวิญญาณแห่งความภักดีของพวกเราแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว!”

ถ้างั้นก็ส่งคนไปล่านักเวทเซ่ ไม่ใช่มาไล่ฟันกับไม้กวาดผีแบบนี้ไอ้พวกบ้า นี่มันลูกน้องของเจ้าบารอนจอมเจ้าเล่ห์จริงเหรอ ทำไมสติพวกมันไม่เต็มแบบนี้

การต่อสู้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถของวิญญาณที่ควงไม้กวาดตบพวกนักฆ่าไปมาราวกับเป็นนักรบชั้นสูงทำให้นักฆ่าแต่ละคนต่างล้มกองลงไปกับพื้นสภาพดูไม่จืด

“ออกไป….ออกไปจากสนามหน้าบ้านของนายท่าน ไอ้พวกสูบบุหรี่ไม่รู้กาลเทศะ”

พวกผียังคงร้องโหยหวนออกมาพร้อมทั้งยังไม่หยุดกวัดแกว่งไม้กวาดในมือของตัวเอง ท่วงจังหวะของมันช่างดูงดงามและเข้มแข็งในยามตอนปะดาบกับพวกนักฆ่าแต่ตอนนี้ท่าดาบของพวกผีกลับเปลี่ยนไปเป็นแบบเรียบง่าย….ท่าตีแมลงสาบ

“ออกไป ออกไป ออกไป!”

“โอ้ย โอ้ย ไอ้ไม้กวาดพวกนี้มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก พวกเราสู้ไม่ได้เลยครับหัวหน้า จะทำอย่างไรดี”

นักฆ่าเบอร์หนึ่งตะโกนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพลางยกมือป้องกันไม้กวาดที่ถูกฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องจนทำเอาแขนของพวกเขาแดงแจ๋ประดุจเด็กถูกไม้เรียวตีตอนลืมส่งการบ้าน

“เหมือนพวกเราจะแพ้สินะ ฟุวว”

ลูกพี่ถึงจะถูกรุมตีด้วยไม้กวาดแต่ก็ไม่วายยังบ้าแสดงความคูลของตัวเองออกมาด้วยการหยิบซิกการ์ที่เขาโยนลงพื้นไปมาสูบใหม่ก่อนจะนั่งชันเข่าแบบไม่เกรงกลัวท่าฟาดแมลงสาบของพวกผี

ยัง ยังไม่เลิก คุณพี่จะคีปคูลไปถึงไหนไม่ทราบ แล้วก็นะ ไอ้การเก็บบุหรี่ตกพื้นมาสูบน่ะมันไม่ได้ทำให้ดูดีมาเลยนะ….ไม่ใช่สิ นี่เอาจริงใช่ไหม นี่พวกนายแพ้ไม้กวาดบินได้จริง ๆ เหรอ!

“เอาล่ะสงสัยพวกเราต้องถอยกันแล้วล่ะ”

อยู่ ๆ ลูกพี่ก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมา… ถอยอย่างงั้นเหรอ ได้ยินก็น้ำตาปริ่มแล้ว นี่แสดงว่าผมไม่ต้องเข้าไปในบ้านผีสิงนี่แล้วใช่ไหม ขอบคุณมากพวกผีทั้งหลาย ขอบคุณมากลูกี่

“จะดีเหรอครับ”

“หึ ถึงเราจะต้องถอยอย่างน่าเสียดาย แต่พวกของเรากว่าครึ่งก็ยังอยู่ข้างใน เพราะงั้นอย่าได้กังวลใจไป แค่นี้ก็ถ่วงเวลาให้สหายของเรามากพอแล้ว พวกเราทำหน้าที่ของพวกเราได้ดีแล้วล่ะ”

อย่ามาแหลนะเว้ย ทั้งหมดมันก็เกิดเพราะพวกแกสูบบุหรี่กันจนผีเจ้าบ้านเขาออกมาไล่เฉย ๆ แค่นั้นเองนะ อย่าพูดยกตัวเองเป็นสปาร์ตาร์หยุดทัพเปอร์เซียจะได้ไหม แล้วอีกอย่าง นี่พวกแกเพิ่งแพ้ไม้กวาดไปเองนะ!

ว่าแต่ยังเหลือพวกมันอีกครึ่งเลยเหรอ……นี่ถามจริง แน่ใจนะว่ามาฆ่าเด็กคนเดียวน่ะ นี่ยกแทบจะถึงครึ่งร้อยแล้วนะ มันจะเล่นใหญ่ไปหน่อยมั้ง

“แด่นายท่าน พวกเราถอย”

สิ้นคำพูดของลูกพี่พวกนักฆ่าทุกคนก็เปิดเกียร์หมาวิ่งเผ่นกันแนบทว่าพวกผีก็ไม่วายเอาไม้กวาดไล่ตบพวกนักฆ่าจนพวกนั้นออกไปจากอาณาเขตบ้านถึงค่อยหยุดมือของตัวเองแล้วไม่ไล่เก็บเศษบุหรี่ที่ตกอยู่

“ฮือออ นายท่านต้องว่าพวกเราแน่…..ที่ปล่อยให้มีคนมาสูบบุหรี่ในสนามหน้าบ้านแบบนี้”

เอ่อ ผมว่านั่นน่าจะเรื่องเล็กนะ ถ้ามองกันตามความจริง เจ้านายของพวกแกน่าจะโมโหที่พวกแกปล่อยให้พวกนักฆ่าวิ่งเข้าออกบ้านซะเหมือนสนามเด็กเล่นแบบนี้

ว่าแต่นี่ผมมาเสียเวลานั่งดูอะไรอยู่เนี่ย เด็กอนุบาลตีกันเหรอ โคตรจะบั่นถอนปัญญาเลยฉากเมื่อกี้..

เอาเถอะ ถึงยังไงก็นับว่าเป็นโชคดีของเราละกันที่พวกผีมันเคลียทางเข้าให้เข้าไปง่าย ๆ แถมยังลดจำนวนศัตรูกว่าครึ่งไปให้อีก ก็ต้องขอบคุณนายหน้าโหดกับลูกพี่ล่ะนะที่มาดูดยาสูบกันแบบนี้ ทำงานง่ายขึ้นเยอะ

เห้อ แต่พอคิดแล้วก็ปวดหัว ไม่ว่าจะผีหรือจะคน ทำไมมันมีแต่พวกไม่เต็มวิ่งขวักไขว่กันทั่วไปหมด หรือว่าบ้านหลังนี้มันมีพลังในการดูดสติปัญญาคนกันแน่ ยิ่งอยู่นานยิ่งเพี้ยน…..คำสาปหมีเรอะ!

แต่มองในแง่ดิ พวกผีตอนนี้เหมือนจะยังไม่เห็นตัวผมเหมือนกัน แสดงว่าเวทของพระเจ้ายังใช้ได้จริง เพราะถ้ามันของปลอมรับรองว่าเจ้าผีลูกน้องพวกนี้ต้องไปรายงานหัวหน้ามันทันทีที่เห็นผมแล้วผมจะได้ซวยเพราะพวกบ้าสองตัววิ่งมาพร้อมชุดคอสตูมแปลก ๆ กับอุปกรณ์วาดรูปแน่

ผมค่อย ๆ เดินมาที่หน้าประตูที่บัดนี้เปิดโล่งทั้งยังเมื่อมองผ่านก็ไม่เห็นใครอยู่ข้างใน แสดงให้เห็นว่าพวกที่เฝ้าข้างนอกอยู่โดนผีเก็บเรียบไปหมดแล้ว

ผมค่อย ๆ สูดลมหายใจเพื่อรวบรวมกำลังใจของตัวเองจากนั้นก็กำหมัดแน่นและก้าวเข้าไปข้างในบ้านที่ผมไม่คิดอยากจะกลับมาเหยียบเป็นครั้งที่สอง

ออโรร่าสู้ตายค่ะ!

 

———————————–

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

Status: Ongoing
ตายไปต่างโลกไม่พอ ดันโดนเสกให้เกิดเป็นสาวน้อยน่ารักอีก หนักกว่านั้นไอ้พระเจ้าเฮงซวยดันสาปให้ทุกคำพูดที่จะด่ามันกลายเป็นสรรเสริญมัน เลยทำเอาชาวบ้านเข้าใจผิดว่าผมเป็นนักบุญซะงั้น เรื่องราวของสาวน้อยออโรร่าที่ถูกพระเจ้าให้พร(?) ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใดก็ออกมาเป็นคำสรรเสริญพระเจ้าที่ออกมาจากจิตใจอันแน่วแน่ซึ่งแม้แต่เหล่าคนบาปทั้งหลายก้ยังต้องซึ้งในความศรัทธาของนาง (เรอะ) เอาล่ะ เรื่องราวน่ารักสดใสปนกาวเป็นถังขอเปิดอ้อมอกต้อนรับทุกท่านให้สูดกาวไปร่วมกันกับเหล่าตัวละครทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าเมามาจากไหนกันเถอะ! ที่จริงเป็นเรื่องที่ลงในเด็กดีนานแล้วแต่มารีไรท์เพื่อแก้คำต่าง ๆ ครับ ส่วนตอนล่าสุดก็อัพเดทเรื่อย ๆ ในเด็กดี จะพยายามแก้ตอนเก่าให้ทันตอนใหม่ครับผม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท