ตอนที่ 24 เหตุผลที่ใจเต้น
ฟอร์เรส บาร์บาเรี่ยนนั้นมีความสูงประมาณสามเมตร
รูปร่างของพวกมันคล้ายกับมนุษย์แต่มีสี่แขนแตะตาเดียว
ผิวของพวกมันเป็นสีเขียวและแน่นอน พวกมันไม่ใส่เสื้อผ้า
และมักจะออกล่ากันเป็นคู่
พวกมันยังถูกเรียกว่า ผู้พิทักษ์ป่า ไม่ก็ ยักษ์เขียว ชื่อโคตรสิ้นคิด
แต่พวกมันนั้นอันตรายมาก
พวกมันนั้นมีแรงเยอะถึงขนาดที่สามารถฉีกร่างคนได้สบาย แถมยังมีสี่แขนอีก
การที่จะจัดการมันได้นั้น ขั้นต่ำต้องมีคนถือโล่สองคนคอยตรึงมันไว้
นั่นคือข้อมูลจากในหนังสือในห้องอ้างอิง
ยังไงก็ตาม ปาร์ตี้ของพอลล่านั้นมีแค่เพียเป็นตัวชน
เธอยั้ยใช้ดาบใหญ่ที่ไม่เหมาะกับการสู้แบบตั้งรับ
เพียนั้นป้องกันกระบองของมันได้แต่ก็ถูกฟาดด้วยแขนข้างที่เหลือจนปลิวออกไป
“เพีย?!”
“พอลล่า ไปรักษาเธอเร็วเข้า!” พริสซิลเลียร้อง
“เข้าใจแล้ว”
พอลล่าวิ่งไปที่เพียและเริ่มร่ายเวทย์ ในขณะเดียวกันนั้น
พริสซิลล่าก็คอยดึงดูดความสนใจของมันไปด้วย
เพื่อทำให้พวกมันหันไปสนใจเธอแทน
“อึก”
พริสซิลล่ายิงธนูออกไปใส่หลังของพวกมัน
โดนเข้าจังๆแต่ว่าแทบจะไม่ระคายพวกมันเลย พวกมันนั้นมีหนังที่ทนทานมาก
ต้องเป็นดาบที่คมมากถึงจะสามารถสร้างความเสียหายให้พวกมันได้
“เพีย พอลล่า วิ่ง!”
เธอเตือนช้าเกินไป
พอลล่านั้นกำลังหันหลังและตั้งใจร่ายเวทย์รักษาอยู่ส่วนเพียก็บาดเจ็บเกินไป
ฟอรเรสบาร์บาเรี่ยนอยู่ข้างหลังพวกเธอทั้งสองคนและเหวี่ยงกระบองของพวกมันล
งมา
“พอลล่า…หนี…ไป” เพียพูดทั้งน้ำตา
ถ้าพอลล่าไม่หนีไป เธอได้ตายไปพร้อมกันทั้งคู่แน่ๆ และพอลล่าก็เข้าใจเรื่องนั้นดี
แต่เธอก็ไม่ยอมหยุดการรักษา
“…….”
“เธอบอกว่าจะคอบปกป้องฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้น
ฉันก็จะปกป้องเธอเหมือนกันนะ” คำพูดนี้นั้นถูกเขียนอยู่บนหน้าของพอลล่า
และเธอยิ้มขึ้นมานิดหน่อย
“ไม่…..เธอ…ต้อง…หนีไป..นะ..พอลล่า”เพียพยายามขอร้องเธอ
พอลล่าส่ายหัว กระบองของมอนเตอร์ถูกฟาดลงมาทางเธอ
“….หา?”
แต่การโจมตีก็ไม่มาถึงเธอ กระบองของเจ้ามอนสเตอร์นั้นกระดอนไปข้างหลัง
“…ได้ไงกัน?”
ในขณะที่เพียกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผลของการรักษาก็แสดงออกมา
เวทย์นี้นั้นเป็นการสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา โดยแลกกับการภาวนาแด่พระเจ้า
แต่มันก็มีจุดอ่อนอยู่นั่นก็คือ
ระหว่างที่ใช้เวทย์นั้นตัวผู้ใช้จะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย แต่ในทางกลับกันนั้น
ผลของมันนั้นสุดยอดมาก
เพียรู้สึกได้ว่าซี่โครงที่หักค่อยๆเชื่อมกัน ในขณะที่เวทย์กำลังทำหน้าที่ของมัน
พอลล่าเองก็ทำหน้าที่ภาวนาของเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้เธอมีสิ่งที่สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นี่พวกเธอเกือบไปเฝ้ายมบาลกันอีกแล้วนะ
นี่อยากตายกันขนาดนั้นเลยรึไงเนี่ยหา”
เด็กหนุ่มผมดำยืนอยู่ตรงนั้น ใช่แล้ว ฮิคารุนั่นเอง
เรามาย้อนกลับไปกันสักหน่อย
ฮิคารุรีบทิ้งกระสอบใส่กระต่ายเขาแดงไว้กับลาเวียและพุ่งออกไปทันที
เขาจะใช้อำพรางหมู่เพื่อที่ทั้งคู่จะเข้าไปใกล้ๆก็ได้ แต่ว่า
การที่จะฆ่าฟอร์เรสบาร์บาเรี่ยนในทีเดียวนั้น เขาต้องใช้กาสรกระโดด ดังนั้น
ถ้าเขาไปคนเดียวมันจะเร็วกว่า หลังจากวันฮิตคิล โซลแรงค์ของฮิคารุก็เพิ่มขึ้น
“ท่านฮิคารุ….!”
พอลล่าที่กำลังอ่อนแรงจากการใช้เวทย์รักษา แสดงท่าทีดีใจออกมา
เธอพยายามจะยืนขึ้นแต่ก็ล้มกลับลงไป
“พอลล่า! อย่าฝืนตัวเองนักสิ”
“ฉันต้องพูดคำนั้นกับเธอต่างหากเล่า เพีย”
“อึก…ขอโทษที”
พริสซิลล่ารีบวิ่งมาพยุงพอลล่าขึ้นมา ในขณเดียวกัน ลาเวียก็มาอยู่ข้างๆฮิคารุแล้ว
พร้อมกับหอบหนักเพราะเพิ่งลากกระสอบมาด้วย
“อ๊ะขอโทษทีนะที่ต้องให้เธอวิ่งมาตรงนี้เองน่ะ”
“ฮิคารุ คนพวกนี้เป็นเพื่อนนายเหรอ”
“น่าจะเรียกว่าคนรู้จักมากกว่าน่ะ”
“หืมมม….”
ลาเวียมองไปที่หน้าอกของพริสซิลล่า แล้วขมวดคิ้ว แต่ฮิคารุก็ไม่ได้รู้ตัว
“เพีย พอลล่า ยืนไหวมั้ย กลับไปที่พอนไหวรึเปล่า”
“อ๊ะ ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ได้คุณช่วยไว้อีกแล้ว”
“พวกเธอนี่น้า ทำอีท่าไหนถึงไปเขอกับพวกฟอเรสบาร์—–”
แล้วฮิคารุก็หยุดพูดกลางคัน เดี๋ยวสิ แปลกๆแฮะ
ฟอร์เรสบาร์บาเรียนอยู่ใกล้เมืองงั้นเหรอ พวกเด็กสาวก็คิดเช่นกัน
“พวกเราออกมาล่าพวกมอนตัวเล็กๆเพื่อหาเงินน่ะ
ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอมันตัวนึงแถวนี้”
“มันตัวนึงเหรอ แล้วคู่ของมันล่ะ”
“ถ้าพวกมันอยู่เป็นคู่พวกเราคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอกค่ะ”
“พวกเธอไม่ได้จัดการมันไปสินะหืมม”
ฮิคารุเอามือมาจับที่คางและคิด
….อ๊ะ
แล้วฮิคารุก็นึกออก เขาเคนจัดการมันไปตัวนึงก่อนหน้านี้
พอมองย้อนกลับไปเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก
ตัวนั้นคงจะเป็นคู่หูของตัวนี้
แล้ว ฟอร์เรสบาร์บาเรี่ยนตัวนี้คงจะคิดว่ามนุษย์เป็นคนที่ฆ่าคู่ของมัน
มันจึงออกมาแก้แค้น
เดี๋ยวสิ แปลว่าพวกเธอโดนโจมตีเพราะเราน่ะสิ
ฮิคารุเหงื่อตก
“เป็นอะไรไปเหรอ” ลาเวียถามออกมา
“มะ ไม่มีอะไรหรอก”
ฮิคารุพยายามทำตัวให้ใจเย็นลงมา บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้
แต่ว่าความรู้สึกผิดก็ยังคงอยู่
“ท่านฮิคารุคะ ได้โปรดรับวัตถุดิบจากมอนสเตอร์ตัวนี้ไปด้วยเถอะค่ะ”
“มะ ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเธอเป็นคนสู้กับมันไม่ใช่เหรอ”
“แต่ท่านฮิคารุเป็นคนจัดการมันนะคะ”
“นั่นมันก็จริงนะ…..แต่ว่าไม่เอา จบแค่นี้พอ”
“…เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมดูร้อนรนจัง”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
ในขณะที่กำลังพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่รับข้อเสนอของพอลล่านั้น
ฮิคารุก็เหลือบไปเห็นกระสอบที่ลาเวียเพิ่งลากมา
“พวกเราได้เหยื่อมาแล้วน่ะ ขนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แล้วอีกอย่างฟอร์เรสบาร์บาเรี่ยนตัวนี้มันมีความเสียหายอยู่
จะให้จ้างคนมาขนไปมันไม่คุ้มน่ะ”
“ถ้างั้นจะให้เราขอบคุณแบบไหนล่ะ”
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องตอบแทนหรอก เอาล่ะ กลับเมืองกันเถอะนะ
ถ้าพวกเธออยากเก็บวัตถุดิบของมันก็เอาไปได้เลย ขอแค่อย่างเดียว
อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ มันจะดึงปัญหาเข้ามาเปล่าๆน่ะ”
ทีแรกพวเธอก็ไม่ได้เต็มใจรับนัก แต่ก็ยอมแพ้ไปเมื่อได้ยินที่ฮิคารุพูด
หนังของฟอเรส บาร์บาเรี่ยน นั้นค่อนข้างทนและย้อมง่าย ราคามาตรฐานก็อยู่ที่
50,000 กิลลัน แต่มาตรฐานนั่นแปลว่า ต้องเป็นหนังที่ไม่มีรอย
แต่หนังของตัวนี้นสั้นค่อนข้างที่จะมีรอยเสียหายจากการต่อสู้เยอะ
ทำให้จะราคาตรกไปอยู่ประมาณ 10,000 กิลลัน
พริสซิลล่าที่เป็นคนสบายๆ เริ่มแล่หนังของมัน
“….ม่านฮิคารุคะ”
“หืมม?”
“นี่ใครเหรอคะ?”
“อ๊ะ หมอนี่ชื่อเรนคลอว์น่ะ เป็น….เอ่อเพื่อนน่ะ”
ฮิคารุแนะนำลาเวียให้พวกเธอรู้จัก (ในฐานะเรนคลอว์)
เธอรู้สึกอายนิดหน่อยที่ถูกเรียกว่าเพื่อนจึงเอาหมวกมาปิดตาตัวเอง
“คะคู่ขา….เด็กผู้ชายน่ารักเป็นคู่ขาเหรอคะ!!!!?”
พอลล่าอึ้งไปเลย
เมืองนั้นอยู่ใกล้ๆ พวกฮิคารุเลยขอตัวกลับก่อน
กว่าที่พริสซิลล่าจะชำแหละเสร็จก็เย็นแล้ว
“รีบไปกันเถอะ เพียวิ่งไหวมั้ย”
“พอไหวอยู่ นี่พริสซิลล่า”
“………”
“เป็นอะไรน่ะ ทำไมถึงเหม่ออยู่ล่ะ”
“ไม่ได้เหม่อนะ”
พริสซิลล่ามองไปที่ศพของฟอเรสบาร์บาเรี่ยน ที่ต้นคอมีรอยแทงของฮิคารุอยู่
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“เปล่า กลับกันเถอะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็”
แล้วทั้งสามหน่อก็กลับเข้าเมือง
ทันที่ที่ทั้งคู่ถึงเมือง ลาเวียและฮิคารุก็ตรงไปที่กิลด์
“..ฮิคารุ”
“ว่าไง?”
“คนที่ชื่อพอลล่านั่นใครอ่ะ”
“หืมม..เป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ที่ใช้เวทย์รักษาได้น่ะ มั้งนะ”
“คนคนนั้นน่ะ นายคุ้นเคยกับเธอใช่มั้ย”
“ก็ใช่นะ มีอะไรขัดใจงั้นเหรอ”
เดี๋ยวนะ หรือว่าลาเวียจะโดนรู้ตัวจริงแล้วน่ะ และฮิคารุก็เริ่มกังวล
“ฮิคารุ…”
“ครับ….?”
“….เรารู้สึกอะไรได้น่ะ”
“หา?”
อึก
“เราว่าคนคนนั้นชอบนายล่ะ”
“…เดี๋ยวนะ?”
“เรารู้นะ สัญชาตญาณของผู้หญิงน่ะไม่เคยพลาดหรอกนะ”
ฮิคารุทรุดลงกับพื้นในท่า orz ด้วยความรู้สึกหมดแรง
“ฉันก็แค่เห็นว่าเธอเป็นคนดีเท่านั้นล่ะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว”
“จริงอะ….”
“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันมองเธอคนเดียวนะ”
ลาเวียหน้าแดง
“อูวว…ไม่ยุติธรรมเลยอ้ะ”
“แล้วเธอกังวลเรื่องอะไรล่ะ คิดว่าฉันจะหันไปสนใจพอลล่าเหรอ ไม่เป็นไรน่า
ฉันไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก”
“ไม่อะ เราว่านายจะต้องเนื้อหอมแน่ๆเลย เพราะนายน่ะเท่จะตายไป”
“ไม่อะไม่มีทาง อ๊ะ”
ตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นมีแต่คนบอกว่าเราเป็นพวกขี้เต๊ะบ้างล่ะ ไม่ก็ไอ้กร๊วกบ้างล่ะ
ไม่เคยมีใครบอกว่าเราเท่มาก่อนเลย
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ รุ่นพี่ฮาซึกิเคยบอกว่าเราเท่ครั้งนึงนี่นา
แต่คงจะหยอกเล่นมากกว่าล่ะทั้งนะ
“เราแค่รู้จักกันเท่านั้นล่ะน่า แต่ฉันเคยช่วยเธอครั้งนึง เธอเลยเชิดชูฉันล่ะมั้งนะ”
น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าทฤษฎีสะพานแขวนนั่นแหละ
“ถ้าอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นไรหรอกนะ”
“ดีใจที่เธอเข้าใจนะ ไปที่กิลด์กันเถอะ เอ้า”
“เราจะจูงมือกันเหรอ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ต้องซ่อนตัวในเมืองเหรอ”
“ฉันแค่อยากจูงมือเธอน่ะ”
“…อูวว…ไม่แฟร์เลยอ้ะ….”
ลาเวียจูงมือเขาด้วยหน้าอันแดงก่ำ
“แต่นี่จะไม่เหมือนว่าผู้ชายสองคนจูงมือกันเหรอ”
“….ก็จริงนะ แถวนี้ไม่มีคนเยอะงั้นก็ช่อนตัวละกัน”
สุดท้ายฮิคารุก็ใช้อำพรางหมู่ ลาเวียเข้าไปใกล้ฮิคารุจนกระทั่งไหล่ชิดกัน
“….เธอสิที่ไม่แฟร์น่ะ”
“เมื่อกี้พูดอะไรรึเปล่า”
“เปล่าน่ะ”
ตอนที่ทั้งคู่ไปถึงกิลด์ กิลด์ก็ได้เวลาปิดแล้ว
พวกนักผจญภัยนั้นออกไปกันหมดแล้วเหลือแต่กลอเรียที่อยู่ที่เคาท์เตอร์
ดูเหมือนว่า ออโรร่าจะอยู่กะเช้าถึงเที่ยง จิลจะอยู่กะสายจนถึงบ่าย
ส่วนกลอเรียจะอยู่ช่วงเย็นจนถึงพระอาทิตย์ตก
ที่เป็นแบบนี้เพราะกลอเรียนั้นสามารถไล่พวกนักผจญภัยไปได้ดีกว่าทั้งสองคน
“กิลด์นักผจญภัยเป็นแบบนี้เองเหรอ”
ตอนที่ฮิคารุกับลาเวียเข้าไปข้างในก็แทบไม่มีใครอยู่ในกิลด์แล้ว
เธอมองไปรอบๆอย่างตื่นตา
“โอ้ คุณฮิคารุไม่ใช่เหรอค้า”
“คุณอันเค็นอยู่มั้ยครับ”
“ก็อยู่นะ แต่ไม่ว่างน่ะค่า หรือว่าจะเป็นเรื่องกระต่ายเขาแดงงั้นเหรอค้า”
หวังว่าเธอจะเข้าใจได้เร็วนะ ฮิคารุคิด
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะชำแหละแล้วฝากไว้แล้วกัน
ส่วนเรื่องตีราคาก็ค่อยจัดการพรุ่งนี้แล้วกัน ได้ใช่มั้ยครับ”
“ดีเลยค่า ต้องขอโทษด้วยนะค้า พอคุณอันเค็นเป็นคนเดียวที่จะตีราคาได้น่ะค่า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะได้ฝึกชำแหละด้วย
ผมยังชำแหละไม่ค่อยเก่งฝึกไว้หน่อยก็ดีกัน อ๊ะ แล้วก็ผมขอเครื่องในไปได้มั้ย”
“ได้สิค้า ยังไงกิลด์ก็ไม่ซื้อพวกมันอยู่ดีล่ะค่ะ ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรเหรอค้า”
“เจ้าของร้านพาสต้าอยากได้น่ะ”
“…เข้าใจแล้วค่า”
ฮิคารุไม่รู้เลยว่าในตาของกลอเรียเป็นประกายอยู่
“ถ้าไม่ว่าอะไร งั้นเดี๋ยวผมขอยืมห้องชำแหละหน่อยนะครับ”
“ได้สิค้า….อ๊ะ”
“หืมมมม?”
“พาเพื่อนมาด้วยเหรอค้า”
“ใช่ครับ นี่เรนคลอวครับ”
ลาเวียรีบไปอยู่ข้างฮิคารุและผงกหัวให้เธอ
กลอเรียนั้นภายนอกดูเหมือนนัดบุญแต่ว่า ฮิคารุรู้นิสัยที่แท้จริงของเธอแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่หลงกลแน่นอน
“คุณเรนคลอว อยากเป็นนักผจญภัยเหรอค้า”
“อ๊ะ ใช่ฮะ”
“ถ้างั้นจะสมัครเลยมั้ยค้า” เธอถามออกมาง่ายๆเหมือนชวนไปดื่มชา
ลาเวียเหมือนจะถูกจุดประกายโดยคำถามของกลอเรียแต่ฮิคารุขวางไว้ก่อน
“โว้ว โว้ว อย่าเพิ่งตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาฉันสิ
พ่อแม่นายไม่ให้สมัครเข้ากิลด์ไม่ใช่รึไง”
“อ๊ะ จริงด้วย” ลาเวียพูด
“ทำไมล่ะค้า กิลด์นักผจญภัยเป็นกิลด์ที่ถูกต้องตามกฎหมายน้า”
“นั่นมันก็ใช่”
“แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่าค้า”
“ก็พนักงานที่ส่งนักผจญภัยหน้าใหม่ไปหากิลด์กองโจรไงล่ะ เพราะแบบนั้นล่ะ
ถึงกิลด์จะถูกต้องตามกฎหมายแต่พนักงานนี่…”
“แหมๆ มีพนักงานแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอค้า” กลอเรียพูดและยิ้ม
ยังยิ้มอยู่ได้ยังไงกันนะ ฮิคารุคิด
“ยังไงก็เถอะ ผมไปที่ห้องชำแหละก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันครับ”
“ค่า! เอาไว้คราวหน้าเรามานั่งคุยกันยาวๆนะค้า”
“ถ้าว่างอะนะ”
ฮิคารุตรงไปที่ห้องชำแหละพร้อมกับลาเวีย
ฮิคารุแทบไม่รู้เลยว่าเธอคนนั้นคิดอะไรอยู่
“….เราขอโทษนะฮิคารุ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ที่เราเข้ากิลด์นักผจญภัยไม่ได้น่ะ”
ถ้าเธอสมัครที่นี่ ชื่อของลาเวียก็จะปรากฎสู่สายตาของทุกคน
และทุกอย่างจะลำบากขึ้น
“ที่บอกว่าไม่ได้น่ะ หมายถึงไม่ใช่ในประเทศนี้ต่างหาก”
“…เอ๋?”
“พวกนั้นอาจจะตามหาเธอแค่ในอาณาจักรนั้ใช่มั้ยล่ะ เครือข่ายของกิลด์น่ะ
แพร่กระจายไปทั่วอยู่แล้ว เอาไว้เราออกจากพอนโซเนียค่อยสมัครก็ได้นะ”
“พวกเราจะไม่อยู่ที่นี่ไปตลอดเหรอ”
“ไม่จนกว่าเรื่องจะเงียบน่ะ พอเรื่องเงียบลงไปแล้ว เราจะไปที่ไหนก็ได้นะ
เพราะงั้นอย่าเศร้าไปเลยนะ”
“…ฮิคารุ”
ที่หลังของกิลด์นั้นมืดและไม่มีใครอยู่ ลาเวียเดินเข้าไปข้างๆฮิคารุ
กอดแขนของเขาและกระซิบที่หูของเขาว่าว่า
“….ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรน่า”ฮิคารุตอบกลับ และรู้สึกอบอุ่นจากข้างใน
หลังจากนั้น ฮิคารุก็ชำแหละกระต่ายอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง