อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ – ตอนที่ 130 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

              ต้องบอกว่ามันเป็นห้องที่ดูเรียบง่าย แต่ก็สมกับเป็นห้องของเชื้อพระวงศ์

              ภายในห้องที่กว้างขวางไม่มีพวกงานศิลปะประดับอยู่เลย ถึงจะมีพรมแต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรขนาดนั้น ส่วนเตียงถึงจะดูดีมีคุณภาพแต่ก็ไม่ได้ดูโอ่อ่า

              คนที่นอนอยู่บนเตียงนอนซึ่งสามารถนอนได้ถึง 5 คนคือจักรพรรดิของประเทศนี้ คากุไร กี ควินแบรนด์ เขาไม่ได้นอนอยู่ตรงกลางเตียง แต่นอนอยู่ตรงขอบ เนื่องจากเขานอนอยู่แค่ตรงนี้เหล่าเมดเลยทำการปูและเปลี่ยนผ้าแค่บริเวณนั้น

              “……ใครกัน?”

              คากุไรลืมตาขึ้นมา ก็เห็นแต่ความมืดอยู่ในห้องกับแสงจันทร์ที่สาดส่องมาตรงระเบียง

              ถึงสหพันธรัฐฟอเรสเทียจะเริ่มหนาวแล้ว แต่จักรวรรดิควินแบรนด์ยังคงร้อนอยู่

              “เจ้าเป็นใคร……?”

              คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของคากุไรที่ยันตัวขึ้นมา คือเงาลางๆของหน้ากากสีเงิน  ไม่สิเขาสวมเสื้อผ้าสีดำอยู่ แต่สายตาของคนที่เพิ่งตื่นคงยังไม่สามารถแบ่งแยกได้เท่านั้น

              “โห จู่ๆโผล่ตัวให้เห็นอย่างนี้แต่ไม่ตกใจด้วย”

              น้ำเสียงที่ยียวน คากุไรเลยพ่นลมออกจมูก

              “การกระทำอย่างนั้นเป็นของพวกเด็กน้อย—-ขอถามอีกครั้ง เจ้าเป็นใคร?”

              “ไม่ไหวๆ……คุณจักรพรรดิที่ใช้ภาษาโบราณสินะ ไม่มีความจำเป็นต้องรู้ชื่อของผมหรอก ผมมาเพื่อทำตามคำขอร้องให้เสร็จเท่านั้นเอง”

              ฮิคารุ—-หน้ากากเงินตอบ พร้อมกับหยิบซองจดหมายออกมา

              คากุไรยังคงระวังตัวอยู่หรือเปล่า เลยไม่ลงจากเตียงไปหยิบมัน

              “……ไม่ต้องกลัวหรอก ผมได้รับคำขอร้องมาจากอุลเค็น ว่าให้เอานี้มาให้นาย”

              “อุลเค็นเหรอ!?”

              จักรพรรดิกระโดดลงจากเตียงและวิ่งมาหาจดหมาย ราวกับว่าท่าทีจนถึงก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก 

              “—-ฝ่าบาท? ตื่นอยู่หรือครับ?”

              ได้ยินเสียงทหารองค์รักษ์จากตรงโถงทางเดิน

              “แค่ฝันน่ะ เดี๋ยวก็นอนแล้ว”

              “—-ครับ”

              ฟู่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินมาหยิบจดหมาย ซึ่งฮิคารุคิดว่ามันเป็นเตียงที่กว้างเอามากๆ

              ฮิคารุถามคากุไรที่กำลังเปิดซองจดหมาย

              “ไม่เป็นไรแน่เหรอ? ที่ไม่เรียกอัศวิน”

              “ไม่เป็นไร ถ้าอุลเค็นฝากอะไรสักอย่างให้กับเจ้าแล้วละก็ ยังไงข้าก็ต้องถามเจ้าอยู่ดี—-หือ?”

              ฮิคารุไม่รู้ว่าอุลเค็นเขียนอะไรเอาไว้ แต่ตอนที่คากุไรอ่านเนื้อหา เขาก็อ่านทวนอีกครั้ง—-ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า

              พอเห็นสภาพอย่างนั้นฮิคารุก็พอจะคาดเดาเนื้อหาได้ อุลเค็นคงเขียนไว้ว่าจะเสี่ยงเดิมพันด้วยชีวิตก็ได้

              “……เจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ?”

              คากุไรถามออกมาอีกครั้ง

              ดูเหมือนอุลเค็นคงไม่ได้เขียนชื่อของคนส่งสาร—-หรือฮิคารุเอาไว้ในจดหมาย บางทีคงเป็นความเอาใจใส่ในแบบของอุลเค็น

              “เรียกว่า……ซิลเวอร์เฟสก็ได้”

              “เข้าใจแล้ว ซิลเวอร์เฟสเอ๋ย อุลเค็นเขียนเอาไว้ชัดเจนว่าเจ้าไม่มีความคิดที่จะตั้งตนเป็นศัตรู แล้วไม่รู้หรอกนะว่ามาถึงตรงนี้ได้อย่างนี้……แต่การที่เอาจดหมายมาส่งให้ข้าได้โดยตรงอย่างนี้ก็ต้องบอกว่ามีความสามารถที่สูงอยู่”

              ฮิคารุยักไหล่ให้เห็น จริงอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้วางกับดักเวทมนตร์เอาไว้หลายจุด แต่เส้นทางที่อัศวินเดินตรวจตรากลับไม่มีการติดตั้งเอาไว้ ส่วนตัวกับดักเองถ้าใช้ “ตรวจจับพลังเวท” ก็สามารถหาพบได้อยู่ ถ้าไม่เข้าไปใกล้มันก็ไม่ทำงาน

              แล้วก็ใช้ “ลอบเร้น” ลุยมาตรงๆเลยเท่านั้น ตอนที่ปลด “ลอบเร้น” คือตอนที่คากุไรตื่นขึ้นมา

              “……นี่ มีเรื่องที่อยากจะถามนายสักหน่อย”

              “ถ้าข้าตอบได้ก็จะตอบก็แล้วกัน”

              ถึงฮิคารุจะพูดห้วนๆ แต่จักรพรรดิไม่แสดงทีท่าอะไรออกมาเลยเริ่มรู้สึกถูกใจ เดิมทีแค่ส่งจดหมายก็ถือว่าจบงานแล้ว แต่อยากจะคุยด้วยอีกสักหน่อย

              “ได้ยินมาว่าอุลเค็นได้รับจดหมายแสดงความขอบคุณจากราชาของพอนโซเนียสินะ? เพราะผลงานนั้นทำให้ได้เป็นกิลด์มาสเตอร์ แต่ว่า จักรพรรดิชั่วบัลซาร์ด—-อ้อ ไม่สิ นั่นพ่อของนายสินะ โทษทีๆ”

              “ไม่ต้องใส่ใจหรอก ข้าเป็นคนขอร้องให้ไปลอบสังหารเอง”

              “……งั้นเหรอ นั่นสินะ การลอบสังหารนั้นสำเร็จได้ด้วยการชี้นำของนาย ไม่เกี่ยวกับพอนโซเนียใช่ไหม?”

              “อืม รู้หรือเปล่าว่าข้าทำอะไรหลังจากได้สืบทอดราชบัลลังก์? ทำการฟื้นฟูสัมพันธไมตรีกับพอนโซเนียไง ราชาคนก่อนเป็นคนที่จริงใจเอามากๆ เลยยอมทำสัญญาหยุดรบอย่างง่ายดาย เพราะอย่างนั้นก็เลยให้อุลเค็นไปอยู่ที่พอนโซเนียด้วยเหตุผลว่าขอลี้ภัยเนื่องจากเป็นครอบครัวของจักรพรรดิองค์ก่อน สิ่งนี้เองก็เป็นการไหว้วานอุลเค็นเหมือนกัน”

              “แล้ว?”

              “อุลเค็นยังกังวลเรื่องที่ลงมือกับเผ่าพันธุ์เดียวกัน ถึงหัวหน้าเผ่าจะบอกว่าไม่ต้องใส่ใจแล้วก็ตาม……ถึงกระนั้นพอนโซเนียก็ยอมรับอุลเค็น และเป็นช่วงเวลาที่ได้เป็นหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยพอดี”

              “ให้เป็นหัวหน้ากิลด์ เพื่ออยู่ภายใต้การสอดส่องของประเทศงั้นเหรอ?”

              “โห หลักแหลมนะเนี่ย สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่พวกระดับสูงของพอนโซเนียคิดเอาไว้ แต่ราชาคนก่อนคิดต่างออกไป อย่างที่เจ้ารู้ อุลเค็นทำ ‘ผลงานอันยิ่งใหญ่’ ไว้เลยได้รับหนังสือแสดงความขอบคุณ”

              “อย่างนี้นี่เอง……”

              พอได้ยินอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่จิลพนักงานต้อนรับสาวคาดเดาเอาไว้ก็ถูกเกือบหมดเลย จุดที่ต่างมีแค่คนที่ขอร้องให้ลอบสังหารไม่ใช่ราชาของพอนโซเนีย แต่เป็นมกุฎราชกุมารของควินแบรนด์

              “ซิลเวอร์เฟสเอ๋ย ถ้าเจ้าต้องการจักรวรรดินี้ก็พร้อมที่จะให้การรับรองเจ้าอยู่”

              “ไม่จำเป็น”

              “งั้นเหรอ……น่าเสียดาย”

              ไม่เสแสร้ง เป็นผู้ชายที่ดี ฮิคารุคิดเช่นนั้น

              ไม่รู้อายุที่แท้จริงของแมนโนมแต่—-

              (ไม่สิ ถ้าเปิดโซลบอร์ดก็รู้ได้ไม่ใช่เหรอ)

              ทำการตรวจสอบโซลบอร์ดของคากุไรโดยไม่คิดอะไร

 

              [โซลบอร์ด] คากุไร กี ควินแบรนด์

              อายุ 72 ระดับ 38

              4

 

              [พลังชีวิต]

                 [พลังฟื้นตัว] 1

                 [สตามิน่า] 3

                 [ประสาทสัมผัส]

                    [การได้กลิ่น] 2

              [พลังเวท]

                 [ปริมาณพลังเวท] 4

                 [ความเข้ากันของธาตุ]

                    [ลม] 2

              [พลังกาย]

                 [ปริมาณพลังกาย] 3

                 [ความชำนาญด้านอาวุธ]

                    [ดาบ] 3

              [ความว่องไว]

                 [พลังออกตัว] 1

              [ความชำนาญ]

                 [ความชำนาญ] 3

                 [เชี่ยวชาญเครื่องมือ]

                    [เครื่องดนตรี] 2

              [พลังจิตใจ]

                 [ความแข็งแกร่งของจิตใจ] 8

                 [คาริสม่า] 5

                    [ลักษณะของวีรบุรุษ] 1

                 [เสน่ห์] 2

              [ลางสังหรณ์]

                 [ลางสังหรณ์] 2

                 [ประกายความคิด]

                    [ดนตรี] 2

                       [พรสวรรค์แต่กำเนิด] 1

                 [พลังความจำ] 1

 

              เป็นโซลบอร์ดที่สุดยอดไปเลย

              (ใช้อาวุธและเวทมนตร์ได้ มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีไหนจะคาริสม่าอีก? อะไรเนี่ย ตัวเอกในนิยายเหรอ? รู้สึกคาใจกับ “ลักษณะของวีรบุรุษ” อยู่หรอก……แต่ดูจากชื่อ น่าจะเป็นความเหมาะสมที่จะเป็นวีรบุรุษหรือเปล่า? สิ่งนี้ถ้าเงื่อนไขครบก็จะออกมาในโซลบอร์ดเหรอ หรือแค่มีคาริสม่าก็จะได้มา……ไหนจะ “ฟ้าประทานพร” ที่เป็น “พรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด” อีก—-แต่เอาเถอะ มันเป็นทางด้านศิลปะ ตอนนี้คิดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก)

              “มองอะไรอยู่เหรอ”

              “อ้อ……เปล่าหรอก แค่คิดว่าน่าจะมีประสบการณ์ต่อสู้ค่อนข้างมาก แต่จินตนาการไม่ออกเลยว่าจักรพรรดิจะลงไปต่อสู้ด้วยตัวเองแบบไหน”

              นั่นก็เพราะว่า “ระดับของจิตวิญญาณ” ตั้ง 38 ถึงตอนนี้ฮิคารุจะอยู่ที่ 42 แต่ที่มาถึงขนาดนี้ได้เพราะจัดการมังกรดิน กับลงดันเจี้ยนพร้อมกับลาเวียต่างหาก

              “ข้าคือแมนโนม มีอายุยืนกว่าพวกเจ้ามากนัก แถมหมู่บ้านของข้าจำเป็นต้องมีความสามารถในการต่อสู้ระดับหนึ่งด้วย”

              หมู่บ้านของแมนโนมนี่น่ากลัวจริงๆ ฮิคารุคิดเช่นนั้น จักรพรรดิคนนี้ในฐานะนักผจญภัยมีเลเวลสูงพอตัว ไหนจะมีคาริสม่าอีก

              แต่ฮิคารุไม่รู้เลยว่า “คาริสม่า” มันคืออะไร แต่เพราะมันอยู่ในหัวข้อ “พลังจิตใจ” ซึ่งฮิคารุยังไม่ได้ปลดล็อคอันนี้ เลยไม่สามารถตรวสอบรายละเอียดของ “ความแข็งแกร่งของจิตใจ” หรือ “คาริสม่า” ได้

              “ขอถามอะไรหน่อยสิ……สงครามพอนโซเนีย ถ้านายเป็นคนนำทัพเองน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ”

              “ข้าเองก็อยากจะนำทัพเหมือนกัน แต่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย เนื่องจากยังไม่มีผู้สืบเชื้อสาย ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งใจมีบุตรน่าจะดีกว่า……”

              “เอาเถอะ ค่อยทำหลังจากนี้ก็ยังไม่สายนี่”

              “คิดอย่างนั้นเหรอ? พอนโซเนียคงหยุดรุกรานแค่ชั่วคราวนี่?”

              “ในจดหมายของอุลเค็นน่าจะมีเขียนไว้นี่”

              “……เขียนไว้อยู่ แต่ไม่มีอะไรแน่นอน แค่ ‘ได้รับการยืนยันแล้ว’ เท่านั้น”

              “อย่างนี้นี่เอง……”

              ถ้าลอบสังหารราชาของพอนโซเนียคงหยุดการรุกราน “ได้อย่างแน่นอน” อยู่ ซึ่งอุลเค็นเริ่มเคลื่อนไหวเพราะได้รับ “การยืนยัน” นั้นมาแล้ว

              ฮิคารุเกาหลังศีรษะ

              “เข้าใจแล้ว จะบอกให้ก็ได้—-พอนโซเนียจะยังไม่เคลื่อนไหวอีกสักพัก มาร์ควิสกล็อกชลูทก่อกบฏโดยอ้างว่า ‘กราฟาสตี้ นุย วาล์วเป็นผู้สืบเชื้อพระวงศ์โดยชอบด้วยกฎหมาย’ ไง”

              ที่จริงไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนั้นก็ได้ แต่ให้ความสนใจว่า “ไข่วีรบุรุษ” ของคากุไรนั้นจะไปได้ถึงขนาดไหน—-หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะพลัง “คาริสม่า” กับ “เสน่ห์” ของเขาก็เป็นได้

              “ว่าไงนะ? ได้ยินมาว่ากล็อกชลูตีตัวออกห่างจากกลุ่มหลักอยู่หรอก……”

              “เพราะเคานต์มอร์คสแตทแห่งกลุ่มหลักได้เสียชีวิตไปแล้วไง เลยทำให้กระแสของขุนนางไหลไปทางมาร์ควิสเยอะขึ้น หัวหน้ากลุ่มอัศวินลอวเรนซ์เองก็ติดต่อกับมาร์ควิสกล็อกชลูท สุดท้ายมีความคิดจะให้องค์หญิงคูจัสเทรียเป็นคนรับหน้าที่ตรงนี้ไม่ใช่มกุฎราชกุมารออสตริน เห็นว่าคูจัสเทรียเป็นญาติห่างๆกับท่านวาล์วด้วย”

              “ว่าไงนะ……”

              “แน่นอนว่าถ้าอุลเค็นลอบสังหารสำเร็จก็คงจะดีอยู่หรอก แต่……”

              แต่ฮิคารุคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น คากุไรเองก็คงคิดเหมือนกัน

              “……ซิลเวอร์เฟส ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

              “ไปรวบรวมข้อมูลกันเองด้วย”

              “ไม่น่าจะได้หรอก หน่วยข่าวกรองของจักรวรรดิโดนราชอาณาจักรขัดขวางเอาไว้ ถึงอุลเค็นจะไปช่วยฝึกให้เดือนละครั้งก็ตาม……อย่างไรซะ จะเอาข้อมูลที่ได้จากเจ้าไปอ้างอิงก็แล้วกัน และคงเอาไปใช้ในอนาคตระยะกลางๆ”

              แววตาของคากุไรกลับมามีชีวิตชีวา ฮิคารุเลยคิดว่าดีแล้วที่คุยด้วย

              “อยากจะตอบแทนเกี่ยวกับข้อมูลนี้”

              “อ้อ……ไม่เป็นไร แค่พูดเรื่องที่ไม่ได้พูดกับอุลเค็นน่ะ”

              “อย่างนั้นไม่ได้หรอก เจ้าได้รับหน้าที่ให้มาส่งจดหมายนี้จากอุลเค็นที่เตรียมตัวเตรียมใจตายแล้วนี่? อุลเค็นเขียนเอาไว้ว่า ‘การมาส่งให้ไม่ต่างอะไรจากความหวังดี’ น่ะ”

              มีเขียนอย่างนั้นไว้ด้วยเหรอ

              “การที่มาส่งอย่างนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องระหว่างเจ้าและอุลเค็น ส่วนเรื่องที่พูดในตอนนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าและข้า ไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณ”

              “เฮ้อ ประเทศที่โดนลอวเรนซ์บุกอย่างนี้ ยังมีสิ่งที่จะให้ได้อยู่เหรอ?”

              “นี่ไม่ใช่ประเทศกับเจ้า แต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องระหว่างเจ้ากับข้า ‘เป็นการส่วนตัว’ ไม่ใช่หรือ?”

              ไม่ผิดแน่ จักรพรรดิเป็นคนที่ทิฐิสูงมาก

              “……เข้าใจแล้ว แล้วจะให้อะไรเหรอ? ถ้าเป็นของที่ไม่ใหญ่เทอะทะจะดีมาก”

              ไม่อยากติดหนี้บุญคุณ เลยจะตอบแทนค่าข้อมูลให้อย่างเหมาะสม

              มันเป็นอะไรที่ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่โลกนี้ไม่ค่อยมีคนที่เที่ยงธรรมสักเท่าไร ทำให้ฮิคารุรู้สึกชอบพอคากุไรที่เป็นอย่างนั้นมาก

              “ถ้าบอกว่าจะมอบให้เป็นผู้ดูแลหน่วยข่าวกรองหรือตำแหน่งขุนนาง—-คงไม่ชอบสินะ?”

              “โกรธเลยด้วย?”

              มันหนักหนาเกินไป

              “ถ้าเป็นเหรียญทองก็คงหนักเกินไป……ใช่แล้ว คงต้องเป็นสิ่งนี้”

              คากุไรมุ่งหน้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ พร้อมกับหยิบกล่องยาวประมาณ 20 เซ็นติเมตร ออกมาจากลิ้นชัก ผิวของมันเป็นสีดำด้าน มันเป็นฝาแบบปิดและมีเชือกมัดเอาไว้

              “……ขอเป็นอะไรที่ไม่เทอะทะก็คงจะดีอยู่หรอก”

              “ถ้าบอกว่าสิ่งนี้เทอะทะก็แย่สิ—-สิ่งนี้คือ ‘กล่องจดหมายมังกรมิติ’ เลยนะ”

              “?”

              มันคืออะไร ไม่เห็นรู้จักเลย

              “ลองเปิดดูสิ”

              กล่องที่ถูกส่งมามันหนักผิดคาด จากชื่อของมันดูเหมือนจะเอาไว้ใส่พวกจดหมาย เลยแกะเชือกที่มัดฝากล่องเอาไว้

              พอเปิดออก ตรงนั้น—-ไม่มีอะไรอยู่

              ไม่มีอะไรอยู่เลยจริงๆ

              ไม่มีแม้แต่ “ก้นกล่อง”

              “โอ้ว……นี่มัน หรือว่า”

              “ลองสอดมือเข้าไปสิ”

              พอลองเอาปลายนิ้วแหย่เข้าไปอย่างหวาดๆ —-ทั้งที่อีก 2 เซนน่าจะถึงก้น แต่ก็ยังสอดเข้าไปได้เรื่อยๆ ปลายนิ้ว ข้อนิ้ว ฝ่ามือ ข้อมือหายเข้าไปเรื่อยๆราวกับการเล่นกล มือซ้ายไม่มีทีท่าว่าจะแตะถึงก้นได้เลย

              “มังกรมิติ ถูกกล่าวว่าเป็น ‘มังกรที่อยู่เหนือเหตุผล’ ในอดีตเคยมีบันทึกไว้ว่าทำการปราบได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ตอนนั้นได้มีเอากระเพาะมาทำเป็นกล่องจดหมายนี้ โดยทั้งโลกมีแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น”

              “กล่องไอเทมงั้นเหรอ……”

              “กล่องไอเทม?”

              “อ้อ……เปล่า ไม่ต้องใส่ใจหรอก แล้วตอนจะเอาของออกต้องทำไงเหรอ?”

              “คว่ำมันออกมา”

              “เอ๊ะ”

              “คว่ำมันไง”

              พอลองพลิกอย่างที่บอก—-ก็มีกระดาษร่วงออกมา ดูเหมือนจะเป็นพวกจดหมาย

              “เวลาใช้มันค่อนข้างลำบากน่ะ”

              คากุไรยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับมองจดหมายจำนวนมากที่ร่วงลงมา

              พอเอาจดหมายออกจากกล่อง มันก็เบาขึ้น

              “ถึงมิติจะขยายออก แต่น้ำหนักยังเท่าเดิมเหรอ”

              “ใช่แล้ว”

              “ใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปได้หรือเปล่า?”

              “สิ่งมีชีวิต? แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว เจ้าเอามือใส่เข้าไปแล้วนี่?”

              “จริงด้วย”

              มันต่างกับกล่องไอเทมที่มีอยู่ในเกม คิดว่ามันเชื่อมต่อกับที่ว่างขนาดใหญ่น่าจะดีกว่า เพราะยังคงน้ำหนักกับการไหลของเวลาไว้เหมือนเดิม

              ถึงกระนั้น—-มันน่าจะเป็นของที่ค่อนข้างสะดวกอยู่

              “ให้สิ่งนี้มาจะดีจริงเหรอ?”

              “อือ เจ้าน่าจะได้ใช้ประโยชน์มากกว่า—-แถมไม่เทอะทะด้วย”

              “ถ้าจะให้หรูกว่านี้ อยากได้ขนาดที่เล็กลงกว่านี้สักครึ่งหนึ่งอยู่หรอก”

              “อันนั้นก็หรูเกินไป”

              หลังจากคากุไรหันมาสบตา เขาก็หัวเราะ ทำให้ฮิคารุยิ้มเล็กๆ

              “ถ้างั้น ผมไปก่อนนะ”

              “ขอให้โชคดี”

              แล้วฮิคารุก็หายไปกับความมืด

              “……ไปแล้วเหรอ”

              จู่ก็ปรากฎตัวขึ้นมา แล้วก็หายตัวไป—-ถึงจะจับตาดูอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร

              คากุไรคิดขึ้นมาว่ามันคือความฝันหรือเปล่า แต่ก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นความจริงจากจดหมายจำนวนมากที่กองอยู่ตรงพื้น

              “ซิลเวอร์เฟส……เหรอ”

              สมองของคากุไรไม่คิดที่จะนอนต่อแล้ว เขามุ่งหน้าไปที่โต๊ะทำงาน และเขียนสิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้

              ตรงระเบียงถูกย้อมไปด้วยแสงสีฟ้าเข้ม ทำให้รู้ว่ารุ่งสางใกล้มาเยือนแล้ว

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้

Status: Ongoing
ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท