แสงจากตะเกียงเวทมนตร์ที่ใช้เตือนภัยส่องแสงสว่างออกมา ผ่านไปแล้ว 8 นาทีหลังพบการลอบสังหารราชาทำให้รอบปราสาทตอนนี้สว่างราวกับกลางวัน จะบอกว่า “จุดปราสาทให้สว่าง” เลยก็ว่าได้ การใช้ตะเกียงเวทมนตร์ขนาดนี้จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ถ้ามองจากเมืองรอบปราสาทคงรู้ได้ทันทีว่า “ภายในปราสาทมีอะไรเกิดขึ้น”
ชายที่สวมผ้าคลุมสีดำทั้งตัว ถึงกับเดาะลิ้นออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รวดเร็วภายในปราสาท ถ้ามีเวลาอีกสักนิดน่าจะหลบหนีได้อย่างสบายๆแล้ว
แต่ หลังจากนั้น
“หือ!”
รู้สึกถึงความกดดันผิดปกติที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง
เขาฉากหลบออกจากตรงที่เคยอยู่ แล้วต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็ถูกผ่าออกเป็นสองเสี่ยง
“—-กะแล้วว่าต้องหลบได้”
“…………”
เหนือกำแพงที่ล้อมปราสาท ตรงนั้นมีชายร่างกายกำยำ—–หัวหน้ากลุ่มอัศวินลอวเรนซ์ ดี ฟาลคอนยืนอยู่
รู้ได้เลยว่าเขาพุ่งตรงดิ่งมายังเส้นทางที่มือสังหารจะใช้หลบหนี แน่นอนว่ามือสังหารคนนี้คิดจะใช้ “เส้นทางข้ามผ่านกำแพง” อยู่ แต่กำแพงติดตั้งกับดักเวทมนตร์เอาไว้ แทนที่จะปลดกับดักสู้วิ่งอ้อมหลบนิดหน่อยน่าจะรวดเร็วกว่า—-เขาลงความเห็นว่าอย่างนั้น
แต่ลอวเรนซ์ไม่สนใจการทำงานของอุปกรณ์เวทมนตร์ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มอัศวินเลยปลดการทำงานของมันได้ ที่ทำก็แค่เหยียบกับดักไปตรงๆ
ถ้าคนทั่วไปเหยียบกับดักร่างกายจะชาจนขยับหรือยืนไม่ไหว เสื้อผ้าที่เขาสวมถึงจะสกปรกจากการเดินทางระยะไกล แต่เพราะการทำงานของกับดักทำให้มันขาดวิ่นจนเห็นผิวหนัง
“หือ? เจ้าคือ……?”
ลอวเรนซ์กระโดดลงมาจากกำแพงและยืนขวางเส้นทางที่จะใช้ผ่านไปมาระหว่างปราสาทกับเขตที่พักขุนนาง ก่อนที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติของชายชุดดำ
รู้สึกได้เลยว่าเป็นนักรบที่ผ่านการฝึกปรือมาอย่างดี
ทำให้คิดว่าผิดตัวซะแล้ว
“ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นเหรอ”
“—-เด็กหนุ่ม งั้นเหรอ?”
มือสังหารแสดงปฏิกิริยาออกมา
พอลอวเรนซ์ได้ยินว่า “ราชาโดนลอบสังหาร” เลยรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพราะคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้หน่วยพิเศษล่าถอยได้แล้วละก็ จะสะกดรอยตามหน่วยพิเศษมาที่ปราสาทก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไร
เดิมที จู่ๆมาฆ่าราชา—-อย่างนี้ ก็ไม่ใช่วิธีของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่แล้วด้วย
“เหมือนเคยได้ยินเสียงของแกมาก่อน……”
“………….”
มือสังหารตอบสนองต่อคำพูดที่บอกว่า “เด็กหนุ่ม” ออกมาอย่างผิดคาด
แสงจากตะเกียงเวทมนตร์ส่องมาไม่ถึงตรงนี้ เขาคงคำนวณแล้วเลยเลือกเส้นทางนี้ก็ได้—-อีกฝ่ายเป็น “นักฆ่าราชา”
“ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร ยอมให้จับซะดีๆ ไม่งั้นไม่รับประกันชีวิต”
“…………”
แน่นอนว่าต่อให้ยอมโดนจับ แต่การสังหารราชาอย่างนี้คงไม่พ้นโทษประหาร
ลอวเรนซ์ชักดาบออกมาแล้ว สำหรับลอวเรนซ์คิดว่ามันเป็นดาบที่เล็ก แต่สำหรับคนทั่วไปมันเป็นดาบที่หนักเอาเรื่อง มันเป็นดาบที่ใช้สำหรับฝึกฝน ซึ่งเป็นอาวุธที่เหมาะกับจะใช้ต่อสู้กับมือสังหารภายในตัวเมือง
ชายชุดดำอีกฝั่งใช้ดาบสองเล่ม มันเป็นดาบสั้นที่มีใบดาบยาวราวๆ 30 เซนติเมตร ชายคนนั้นโยกไหวก่อนที่ร่างกายจะหายไป—-ตามปกติควรจะเป็นเช่นนั้น
“ตรงนั้น”
“!?”
ลอวเรนซ์ฟาดดาบลงมาตรงที่ชายชุดดำตั้งใจจะวิ่งผ่านไปอย่างไร้เสียง
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย เพราะอย่างนั้นทำให้เร็วมาก มันเป็นการฟันที่ระดับหัวหน้าหน่วยของกลุ่มอัศวินไม่สามารถทำได้
ชายคนนั้นถีบพื้นเพื่อกระโดดถอยหลัง ถึงจะหลบได้อย่างงดงาม แต่ก็ทำได้แค่นั้น
ลอวเรนซ์ไล่ตามชายคนนั้นและฟาดดาบลงมา
เสียงของโลหะที่ดังกิ๊ง เขาเอาดาบสั้นสองเล่มไขว้กันเพื่อรับดาบจากด้านหน้าโดยตรง สิ่งนี้ทำให้ลอวเรนซ์ถึงกับตกตะลึง
“……น่าประหลาดใจมาก ไม่นึกเลยว่าจะหยุดมันได้”
ไม่ได้ดูถูกหรืออะไร แต่ลอวเรนซ์ไม่นึกเลยว่า “มือสังหาร” จะมีพลังกายถึงขนาดนี้
ถึงลอวเรนซ์จะใช้ดาบมือเดียว หรือว่าอีกฝ่ายใช้ดาบสองเล่มในการหยุดรับ แต่ก็สามารถหยุดมันได้ คนที่อยู่ตรงนี้—-ไม่ได้อยู่ในศึกรุกรานควินแบรนด์ก่อนหน้านี้
“คึกๆ ที่ประหลาดใจน่ะมันข้าต่างหาก”
มือสังหารที่หยุดดาบไว้ได้ฉิวเฉียดยิ้มออกมา
“สำหรับข้าแล้วถือว่าโชคดีมากๆ ที่สามารถช่วงชิงชีวิตของฝ่าบาทได้ก่อนที่เจ้าจะกลับมา ที่โชคร้ายคือเจ้าดันกลับมาพอดีนั่นแหละ”
ลอวเรนซ์สังเกตุเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกว่าฝ่าบาท ราวกับว่ามือสังหารเป็นข้ารับใช้เลย—-
“หรือว่า แกคือ—-”
“ฮึ ท้ายที่สุด ‘เค็นเซย์’ ก็เป็นแค่มนุษย์ การที่แสดงความประหลาดใจให้เห็นระหว่างการต่อสู้อย่างนี้เนี่ย”
“!!”
มือสังหารกระโดดถอยไปด้านหลัง แล้วปาดาบสั้นสองเล่มมาทางนี้
“ลาก่อน”
“ไม่ยอมให้หนีหรอก—-”
ตรงเท้าของมือสังหารมีสิ่งที่เหมือนลูกปิงปอง 3 ลูกกลิ้งอยู่ แล้วก็มีควันพุ่งออกมาจนเต็มตรอกด้านหลัง
“ชิ”
เขาเอามือซ้ายมาปิดปาก ส่วนเงาดำวิ่งไปอีกทาง
“……อย่างนี้นี่เอง นี่เป็นนกต่อสินะ”
“!?”
ลอวเรนซ์กระโดดออกไปด้านข้าง ก่อนจะแทงดาบใส่มือสังหารที่พยายามจะวิ่งผ่านด้านข้าง
ลำตัวโดนดาบเสียบและผลักไปทางกำแพง ก่อนที่ปลายดาบจะเสียบเข้าไปในกำแพง
ถ้ามีม่านควันส่วนใหญ่คงคิดว่าจะต้องหนีไปในทิศทางนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคงถ้าเห็นเงาดำๆคงวิ่งตามสิ่งนั้นไป แต่เงาดำๆนั้นเป็นผ้าคลุมที่มือสังหารขว้างออกมา
ส่วนของจริงคือการอ้อมไปด้านหลังลอวเรนซ์
แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อฆ่าลอวเรนซ์หรือว่าเพื่อที่จะหลบหนีกันแน่
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถตบตาลอวเรนซ์ได้ ตั้งแต่ตอนที่พ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่ม—-ฮิคารุ ลอวเรนว์ก็ฝึกฝนตัวเองหนักขึ้น แถมการต่อสู้กับจักรวรรดิควินแบรนด์ยิ่งทำให้ลอวเรนซ์แข็งแกร่งขึ้นไปอีก—-จนระดับวิญญาณเพิ่มขึ้นดังนี้
[โซลบอร์ด] ลอวเรนซ์ ดี ฟาลคอน
อายุ 35 ระดับ 50
0
[พลังชีวิต]
[พลังฟื้นตัว] 9
[สตามิน่า] 11
[ภูมิคุ้มกัน]
[ต้านทานเวทมนตร์] 2
[ภูมิคุ้มกันโรค] 2
[ภูมิคุ้มกันพิษ] 1
[ประสาทสัมผัส]
[การมองเห็น] 3
[การได้ยิน] 1
[การได้กลิ่น] 1
[พลังกาย]
[ปริมาณพลังกาย] 16
[ความชำนาญด้านอาวุธ]
[ดาบ] 3
[ดาบใหญ่] 6
[ดาบสวรรค์] 1
[หอกยาว] 1
[โล่] 5
[เกราะ] 5
[พลังจิตใจ]
[ความแข็งแกร่งของจิตใจ] 4
[คาริสม่า] 1
[ลางสังหรณ์]
[ลางสังหรณ์] 6
ระดับของจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมา 2 และเพิ่มให้กับ “การมองเห็น” และ “พลังฟื้นตัว” อย่างละ 1 สกิล “อำพราง” ที่อยู่ใน“ลอบเร้น” ของมือสังหาร—-อุลเคน อยู่ที่เลเวล 2 ทำให้ “การมองเห็น” นั้นมองเห็นร่างของอุลเค็นได้
“……ตายแล้วเหรอ”
ดาบเสียบทะลุลำตัวและกระดูกสันหลังของมือสังหาร ทำให้ชายคนนั้นเสียชีวิตทันที
ใบหน้าของชายที่โยนผ้าคลุมเผยออกมาให้เห็น ถึงบริเวณปากยังมีผ้าพันเพื่อใช้ปิดบัง แต่ผมยาวสีขาว กับจมูกที่มีลักษณะเด่นพิเศษ ทำให้ชี้ไปที่บุคคลได้แค่คนเดียว
หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยที่เป็นแมนโนม อุลเค็น ฟี บาลซัก
เคยเห็นอยู่หลายครั้ง เพราะอุลเค็นเองก็มีตำแหน่งขุนนางเหมือนกัน
“ทำไม……ถึงลอบสังหารฝ่าบาท”
ตอนนี้ลอวเรนซ์ยังไม่รู้เหตุผลนั้น
แต่มีเรื่องที่แน่ชัดอยู่
การสิ้นพระชนม์ของราชาในช่วงเวลาอย่างนี้น่าจะทำให้มกุฎราชกุมารออสตริน กี พอนโซเนียได้ขึ้นครองบังลังก์ แต่มาร์ควิสกล็อกชลูทคงจะคัดค้านสิ่งนั้นทำให้ประเทศแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ซึ่งไม่มีใครปรารถนาความขัดแย้งนี้
หากเวลานั้นมาถึงตัวเองควรจะทำอย่างไรดี
—-กล่าวคือองค์หญิงคูจัสเทรีย เป็นบุคคลที่สืบสายเลือดจากอดีตราชวงศ์โพเอลซิเนีย—-เหมือนท่านวาล์ว
คูจัสเทรียเป็นเลิศกว่าออสตริน
ควรให้เธอสืบราชบังลังก์—-มาร์ควิสกล็อกชลูทกล่าวไว้เช่นนั้น
“ความสับสน คงจะยังดำเนินต่อไป……”
ความสับสนที่จะมาเยือนประเทศนี้คงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้