ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ – ตอนที่ 68 ผู้กล้าคนก่อนหันหลังกลับแม้คำตอบจะอยู่ตรงหน้า

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

เมืองท่า Be Io

มันคือเมืองท่าที่ทอดยาวอยู่ในดินแดนคลาเรีย เหมือนๆกับลัคซีเรียและลิสวาเดีย เมืองนี้มีจุดเด่นในตัวมันเองคือเรื่องการประมงและการขนส่งสินค้าทางเรือ

อาจเพราะการพาณิชกรรมทางเรือที่ไปรอบโลกของเมืองนี้ ทำให้รูปแบบของสิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้จึงมีอยู่หลากหลาย นั้นเพราะตลอด 2 ข้างทางนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากอิฐสไตล์ตะวันตกและสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากไม้สไตล์ตะวันออก และมันทำให้ผมชวนนึกถึงประเทศญี่ปุ่น

แต่ว่า ที่นี่คือต่างโลก มันจึงทำให้ผมคิดว่ามันออกจะดูไม่เข้ากันสักหน่อย

[ เดียวนะ . . . ผมยังไม่เห็นพี่สาวหูแมวหรือพี่สาวหูน้องหมาสักคนเลยแฮะ ]

ตั้งแต่พวกเรามาถึงยังเมือง Be Io พวกเรายังไม่พบกับผู้หญิงหูแมวหรือหูน้องหมาเลยสักคน ไม่สิ พวกเรายังไม่สาวๆเลยต่างหาก

แต่ว่า ในที่ตรงใกลๆนั้น มีคนพี่สาวที่มีหูน้องหมายืนอยู่

ว่าแต่ เธอเป็นผู้หญิงที่มีหูห้อยๆแบบน้องหมา หรือ ผู้หญิงที่มีหูคล้ายๆจิ้งจอกกันล่ะ

[ รู้สึกว่าผู้คนเมืองนี้จะเป็นเผ่าหูน้องหมาสินะครับ ]

เฮ้อ จริงๆผมก็ชอบหูน้องหมาเหมือนกันนะรู้รึปล่าว? ผมชอบพวกมันแต่ . . สำหรับผมผู้ที่คาดหวังกับหูแมวและหูจิ้งจอก มันเลยทำให้ผมไหล่ตกหน่อยๆ

[ ถึงคุณจะพูดมาเช่นนั้น แต่ดวงตาของคุณไม่หันไปทางอื่นเลยนอกจากผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเดินอยู่บนถนนนั้นเลยนะคะ สมแล้วที่เป็นคุณ ยาชิโระซัง ]

[ ผมแค่เดาไปเรื่อยน่า ]

ผมไม่ขอถามว่าอะไรคือ “สมแล้วที่เป็นผม” และผมก็ไม่อยากจะได้ยินอะไรเกี่ยวกับมันเช่นกัน

เอาล่ะ ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปยังบ้านของโวแดนชิพร้อมกับต้านทานบรรยากาศที่เริ่มคุกกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ 3 คนจากพวกเราก็ออกไปหาข้อมูลจากผู้คนที่กำลังเดินอยู่ภายในเมือง

พวกเราไม่เพียงแค่ถามถึงบ้านของครอบครัวโวแดน พวกเรายังแอบถามอ้อมๆเกี่ยวกับข่าวของเหล่าเซ็นทอร์ที่ถูกลักพาตัวมาด้วย

และผลที่ได้คือ พวกเรารู้ถึงที่ตั้งของบ้านครอบครัวโวแดน

อย่างไรก็ตาม

[ ผมคิดว่าพวกเขาคงขนส่งเหล่าเซ็นทอร์ที่ถูกลักพาตัวมาในเกวียนหรืออะไรสักอย่างขนาดใหญ่แน่ๆ . . เพราะว่าไม่มีใครในเมืองนี้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ]

พวกเราออกสอบถามเป็นวงกว้างมากๆเพื่อรวบรวมข้อมูล แต่ว่า กลับมีผู้รู้เห็นเพียงน้อยนิดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าเซ็นทอร์ ดังนั้นพวกเราจึงยังไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้มากนัก

[ ในกรณีเลวร้ายที่สุด พวกเราคงต้องยอมรับความเป็นไปได้ที่ว่า “งานประมูลค้าทาสนั้นเสร็จสิ้นงานไปแล้ว”ล่ะค่ะ ]

[ . . . อึก ]

เมื่อเบอร์นาเดสกล่าวออกมาอย่างแผ่วบาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คูเช่กำมือของเธอจนเกิดเสียงแน่น 

[ . . .  อืม แต่ผมว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะยอมแพ้ ไปที่บ้านของโวแดนซังและลองถามเกี่ยวกับมันกันเถอะ พวกเขาคงเข้าใจเกี่ยวกับเมืองนี้ดีกว่าเหล่าผู้คนธรรมดาภายในเมือง ]

เบอร์นาเดสเห็นด้วยกับคำพูดของผม และคูเช่ ถึงแม่ว่าเธอจะไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เห็นด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าเธอกลายเป็นผู้เกลียดมนุษย์ไปแล้วรึ? ไม่สิเธอ . . มันเหมือนกับว่า เธอเกลียดแค่ผม งั้นรึ? 

———————-

นายเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าจริงๆสินะ ? โวแดนชิ

นั้นคือสิ่งแรกที่ผมแว๊บขึ้นภายในหัวของผมในตอนที่พวกเรามาถึงที่บ้านครอบครัวโวแดน

ถ้าจะให้ผมพูดเกี่ยวกับมัน มันคงเป็นเพราะ [ คฤหาสน์อันหรูหรา ]แต่ว่า ไอ้สิ่งที่ดูแปลกๆที่อยู่หลังรั้วเหล็กนี้ไม่ใช้ ไอ้สิ่งปลูกสร้างที่ดูใหญ่โตสไตล์ตะวันตกนั้น

แต่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ข้างในอีกอย่างที่ดูราวกับ [ ป้อมยาม ] และในนั้นมันมีทั้งชายฉกรรจ์ในชุดดำและชายฉกรรต์ที่ดูท่าทางหน้ากลัวที่อยู่ในชุดกิโมโน พวกเขาอยู่ทั่วไปหมดในบริเวณด้านใน

แล้วก็

[ . . . ดูเหมือนพวกเราจะกลายเป็นจุดสนใจนะคะ ? ]

[ อืม ]

ดูเหมือนพวกเขาจะเฝ้าระวังภัยกันอย่างเต็มพิกัติ [ พวกเขาเหล่านั้น ] ต่างจ้องมายังที่พวกเราทั้งหมดในตอนนี้

และสายตาของพวกเขาที่จ้องมานั้นไม่ได้คิดจะตรวจสอบอะไรพวกเราเลย

สิ่งที่สายสายตาของพวกเขาแสดงออกมานั้นมันเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์เพียงอย่างเดียว

[ พวกแกอยากตายเรอะ ? ]

ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม แต่คูเช่กลับขู่ไปยังพวกเขา ทั้งๆที่พวกเขามีจำนวนมากกว่าพวกเรามากนัก

[ พวกเราคงจะไม่เข้าไปถล่มเพื่อเพียงแค่จะสอบสวนโวแดนชิใช่มั้ย ? ]

[ ดิ– ดิฉันเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาคงจะยอมให้ทำเช่นนั้นได้หรอกนะคะ ]

สุดท้าย เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกล่าวนี้พวกเราจึงมอบหมายหน้าที่ให้ผมคนเดียวเป็นคนเข้าไปเจรจา . . .

[ . . .ผะ- , ผู้ชายน่ะต้องการความกล้า ! งั้นผมคงต้องขอหน่อยนะ! ]

[ โอ้ว! ยาชิโระซังแค่พูดให้มันฟังดูแมนๆเฉยๆสินะคะ . . .  แต่แล้วนี่อะไรกันคะ ? ไอ้ฝ่ามือคู่นั้นที่กำลังมุ่งตรงมาที่ดิฉัน และไอ้ท่าทางยึกๆยือๆนั้นมันคืออะไรกันคะ ? ]

[ มันจะมอบความกล้าหาญให้กับผม เพื่อเป็นพลังให้ผมสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ดังนั้น ผมจะทำให้ดีที่สุดถ้าหากเธอให้ผมบีบมันสักหน่อย ]

[ เลือกมาหนึ่งอย่างค่ะ ให้ตบไปที่แก้มหรือลูกกระสูนที่หัวดีคะ ? ]

โถ่เพื่อน แม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ 2 ตัวเลือก แต่มันมีข้อหนึ่งที่ฟังดูเลวร้ายไปหน่อย ดังนั้นผมจึงขอเลือกโดนตบอย่างไม่ลังเลเลย

อืมแต่ผมก็ไม่ได้อยากเจ็บตัวอะไรเหมือนกัน ผมจึงยอมลดมือลงอย่างไม่เต็มใจนัก

ยังก่อน “มันสามารถที่จะมอบความกล้าหาญให้กลับผมเพื่อที่จะมุ่งเดินไปข้างหน้า” คำพูดเหล่านั้นคือสิ่งที่ผมกล่าวออกมา แต่ว่า มันยังดีไม่พองั้นรึ?  ผมว่ามันฟังดูดีแล้วนะ แต่มันก็เหมือนปักธงอะไรสักอย่างเช่นกัน

[ ถ้างั้น ผมเข้าไปล่ะนะ ]

[ และนี่ คือคำพูดสุดท้ายของยิชิโระซังที่ดิฉันได้พูดคุยด้วย . . . ]

[ อย่ามาบรรยายเรื่องที่ฟังดูว่าผมกำลังจะไปตายเซ่ ! ]

หลังจากที่ตีไปยังหนองโพของเบอร์นาเดส ผมมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์โวแดน และคูเช่ที่มองมายังผม สายตาของเธอที่มองผมนั้นมันดูราวกับกำลังมองดูหมูที่อยู่ในฟาร์มอย่างไรอย่างงั้น และเบอร์นาเดสที่มีหยาดน้ำตาเล็กๆไหลออกมาเพราะถูกตี เธอกำลังตะโกนต่อว่าผม

—————————————–

หลังจากที่ผมถูกพาตัวไปยังออฟฟิตที่ดูราวกับด่านตรวจ และผลสรุปก็ออกมา ผมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าพบกับโวแดนชิได้ 

ตามที่ตาลุงพนักงานต้อนรับกล่าวออกมา ( เขาเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีใบหน้าดุดันพร้อมกับผ้าปิดตาข้างหนึ่ง ) โวแดนชินั้นยุ่งมาก และยิ่งกว่านั้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยใหัคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้าพบโวแดนชิแน่

แม้ผมจะบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อส่งกระดิ่งพร้อมกับโชว์กระดิ่งที่ผมได้รับมาจากอาจารย์ใหญ่แห่งลิสวาเดียให้ดู แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อผมและในท้ายที่สุด ผมก็ถูกโยนออกมาโดยเหล่าตาลุงที่โผล่ออกมาจากลุงห้องข้างๆ

. . . ถึงแม้ผมโดนจิตสังหารเหล่านี้มาบ่อยครั้ง แต่ว่า ไอ้สิ่งที่มันดูน่ากลัวมันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี เอาจริงๆนะ ผมคิดว่าผมเกือบฉี่แตกเลยล่ะ

[ แต่เดี่ยวนะคะ แบบนี้ พวกเราก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นเหมือนเดิม และเมื่อคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ดีๆ เรื่องนี้มันกลายเป็นแย่ลงกว่าแต่แรกเสียอีกค่ะ . . ]

พวกเราพยายามยืนยันเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเรา และมาหยุดพักที่บาร์ในกิลด์ของเมือง ขณะที่กำลังถือเหยือกที่เต็มไปด้วยนมธรรมดาด้วยมือเดียว เบอร์นาเดสกล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจ

มันเพราะพวกเรายังไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้เลย และที่พวกเราพยายามขอความร่วมมือจากทางโวแดนชิแต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย

[ อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ข้าคิดไว้แล้วมันต้องผิดพลาดแน่ที่จะไว้ใจพวกมนุษย์ ]

ในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่เรียงกัน 2 ตัว ด้วยครึ่งล่างที่เป็นม้า คูเช่จ้องมาที่ผมขณะแสดงฉากที่หาชมได้ยากว่าเซ็นทอร์นั้นมีวิธีนั่งบนเก้าอี้อย่างไร

[ การที่ตัดสินคนอื่นเช่นนี้ ดิฉันไม่สามารถคิดได้ว่านั้นใช้เป็นเหตุผลได้หรอกค่ะ แต่ก็ ขนาดยาชิโระซังที่เป็นคนดีแท้ๆยังเต็มไปด้วยตัณหาเลยเช่นกัน ]

เบอร์นาเดสสวนกลับคำพูดของคูเช่อย่างรวดเร็ว . . . และอีกครั้ง ที่ผมดีใจที่เธอโมโหแทนผม แต่ว่า เหมือนดั่งที่ผมคิดไว้ ไม่ใช่ว่าแม่นี่ยังสงสัยในตัวผมงั้นเรอะ ? ยัยบ้า ทำไมผมถึงต้องถูกปฎิบัติราวกับว่าเป็นไอ้โรคจิตแบบนี้ตลอดเลย !

[. . . ฮึม ]

อาจเพราะเธอก็รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับมันอยู่เหมือนกัน คูเช่เธอจึงหันหน้าหนีไปและ

[ . . . ขอโทษ ]

ดูเหมือนจะพึมพัมออกมาเบาๆ

โอ้ พระเจ้า ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ โถ่เพื่อน ไอ้ความรู้สึกนี้ มันคล้ายกับตอนที่ถูกกระทำเลย ไม่ใช่ว่าผมกำลังจะเป็น M หรอกรึ?

[ มีอะไรรึ ? ทำไมคุณถึงดูน่ารังเกียจขึ้นมาล่ะคะ? ]

[ นี่เธออย่าด่าออกมาด้วยคำพูดสุภาพจะได้ไหม!! ]

ไอ้คำพูดเฉิงด่าที่กล่าวออกมาพร้อมมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ดูราวกับว่าเธอกำลังมองอะไรบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด เดียวนะ นี่คือข่าวใหม่!! ทำไมผมถึงรู้สึกดีนิดๆกันล่ะ ผมขอเก็บเรื่องนี้ไวเป็นความลับดีก่อนละกัน

[ เดียวนะ แม้ว่าพวกเรากำลังจะหมดหนทาง แต่ผมยังคิดว่าพวกเราน่าจะหาวิธีไปต่อได้ถ้าหากพวกเราสามารถเข้าพบกับโวแดนได้สักครั้งหนึ่ง ]

ถ้าหากผมเลือกที่จะส่งมอบกระดิ่งที่ได้รับจากท่านอาจารย์ใหญ่ถึงมือของโวแดนด้วยตนเอง ผมคิดว่าพวกเราคงจะสามารถจัดการปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้ . .  แต่ว่าผมดันหันหลังกลับก่อนในเมื่อคำตอบอยู่ตรงหน้าแท้ๆ

[ ผมคิดว่าพวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากฝ่าเข้าไปตรงๆ ]

เบอร์นาเดสกังวลเกี่ยวกับแผนนี้ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เฮ้ เฮ้ พี่ชายคนนี้ก็ไม่อยากใช้แผนนี้เหมือนกันนะรู้รึปล่าว

. . . ไม่สิ มันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆนั้นแหละ 

ในขณะที่พวกเรากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้น

*Boron*. *Bororon*.

พวกเราก็ได้ยินเสียงแปลกๆ

[บังเอิญกระผมมีโอกาสแอบได้ยินเรื่องของพวกเธอ ถ้าหากเป็นไปได้ ให้กระผมมีส่วนร่วมในแผนของพวกเธอจะได้รึปล่าวขอรับ ? ]

[ เอ๊ะ ? ]

ในเมื่อเสียงนั้นมาจากทางด้านหลัง ผมจึงหันกลับไปมอง ก็พบกับ ชายร่างสูงกำลังยืนอยู่ เขาสวมหมวกดำปีกว้างที่ประดับด้วยขนนกหลากสีมากมาย และสวมอยู่ในชุดชั้นสูงที่ดูราวกับเสื้อคลุมสีเดียวกับหมวกของเขา

เสียงที่ได้ยินก่อนหน้าเมื่อสักครู่คงจะเป็นเสียงที่ดังออกมาจากอะคูสติกกีต้าร์ที่ถูกถืออยู่ในมืองของชายคนนั้น

และในจังหวะที่ผมเห็นร่างของชายคนนี้ชัดๆ ผมก็เผลอยืนขึ้นโดยทันที

[ จีน!? ]

[ มันนานแค่ไหนกันนะ เพื่อนของกระผม ยาชิโระ กระผมดีใจจริงๆที่พวกเรามาพบกันอีกครั้งในแผ่นดินแห่งนี้ ]

ชายร่างสูงคนนั้น เขาคือ จีน แจ็ค ยูซตาส ที่กำลังดันหมวกของเขาขึ้นด้วยนิ้วของเขาเพื่อเผยหน้ากากอันงดงามและดวงตาสีฟ้าของเขา

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

Status: Ongoing
ยู ยาชิโระ” เขาเคยถูกอัญเชิญมายังต่างโลกเมื่อตอนเขาอยู่ม.ต้นปี 2 มันคือโลกที่เต็มไปด้วยดาบและเวทย์มนตร์!! หลังจากได้ต่อสู้เพื่อเหล่าองค์หญิงที่น่ารัก(ผู้อัญเชิญเขามา) แม้จะมีหลายครั้งที่พ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่เคยท้อที่จะลุกขึ้น . . ในที่สุด เขาก็นำพาความสงบกลับมายังโลกใบนี้ 3 ปีหลังจากนั้น จอมมารที่เคยถูกผู้กล้าคนก่อนจัดการได้กลับมาฟื้นคืนชีพและนำพาโลกสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง. . ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องอัญเชิญ 4 ผู้กล้าคนใหม่ !! และเพื่อที่จะนำพาความสงบสุขกลับมายังโลกแห่งนี้ ท่านผู้กล้ารุ่นที่2 “อามากิ ไคโตะ” ได้ชักดาบของเขาขึ้น …….แต่ว่า กลับไม่มีใครรู้เลยว่า เด็กนักเรียนชายม.ปลายผู้ซึ่งไร้พลังเวทย์ในร่างกายคนนั้น คนที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกับ อามากิ ไคโตะและผองเพื่อน เขาคือ ท่านผู้กล้าคนก่อน ผู้ที่เคยปราบจอมมารลง เมื่อ 3 ปีก่อน !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท