เมืองท่า Be Io
มันคือเมืองท่าที่ทอดยาวอยู่ในดินแดนคลาเรีย เหมือนๆกับลัคซีเรียและลิสวาเดีย เมืองนี้มีจุดเด่นในตัวมันเองคือเรื่องการประมงและการขนส่งสินค้าทางเรือ
อาจเพราะการพาณิชกรรมทางเรือที่ไปรอบโลกของเมืองนี้ ทำให้รูปแบบของสิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้จึงมีอยู่หลากหลาย นั้นเพราะตลอด 2 ข้างทางนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากอิฐสไตล์ตะวันตกและสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากไม้สไตล์ตะวันออก และมันทำให้ผมชวนนึกถึงประเทศญี่ปุ่น
แต่ว่า ที่นี่คือต่างโลก มันจึงทำให้ผมคิดว่ามันออกจะดูไม่เข้ากันสักหน่อย
[ เดียวนะ . . . ผมยังไม่เห็นพี่สาวหูแมวหรือพี่สาวหูน้องหมาสักคนเลยแฮะ ]
ตั้งแต่พวกเรามาถึงยังเมือง Be Io พวกเรายังไม่พบกับผู้หญิงหูแมวหรือหูน้องหมาเลยสักคน ไม่สิ พวกเรายังไม่สาวๆเลยต่างหาก
แต่ว่า ในที่ตรงใกลๆนั้น มีคนพี่สาวที่มีหูน้องหมายืนอยู่
ว่าแต่ เธอเป็นผู้หญิงที่มีหูห้อยๆแบบน้องหมา หรือ ผู้หญิงที่มีหูคล้ายๆจิ้งจอกกันล่ะ
[ รู้สึกว่าผู้คนเมืองนี้จะเป็นเผ่าหูน้องหมาสินะครับ ]
เฮ้อ จริงๆผมก็ชอบหูน้องหมาเหมือนกันนะรู้รึปล่าว? ผมชอบพวกมันแต่ . . สำหรับผมผู้ที่คาดหวังกับหูแมวและหูจิ้งจอก มันเลยทำให้ผมไหล่ตกหน่อยๆ
[ ถึงคุณจะพูดมาเช่นนั้น แต่ดวงตาของคุณไม่หันไปทางอื่นเลยนอกจากผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเดินอยู่บนถนนนั้นเลยนะคะ สมแล้วที่เป็นคุณ ยาชิโระซัง ]
[ ผมแค่เดาไปเรื่อยน่า ]
ผมไม่ขอถามว่าอะไรคือ “สมแล้วที่เป็นผม” และผมก็ไม่อยากจะได้ยินอะไรเกี่ยวกับมันเช่นกัน
เอาล่ะ ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปยังบ้านของโวแดนชิพร้อมกับต้านทานบรรยากาศที่เริ่มคุกกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ 3 คนจากพวกเราก็ออกไปหาข้อมูลจากผู้คนที่กำลังเดินอยู่ภายในเมือง
พวกเราไม่เพียงแค่ถามถึงบ้านของครอบครัวโวแดน พวกเรายังแอบถามอ้อมๆเกี่ยวกับข่าวของเหล่าเซ็นทอร์ที่ถูกลักพาตัวมาด้วย
และผลที่ได้คือ พวกเรารู้ถึงที่ตั้งของบ้านครอบครัวโวแดน
อย่างไรก็ตาม
[ ผมคิดว่าพวกเขาคงขนส่งเหล่าเซ็นทอร์ที่ถูกลักพาตัวมาในเกวียนหรืออะไรสักอย่างขนาดใหญ่แน่ๆ . . เพราะว่าไม่มีใครในเมืองนี้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ]
พวกเราออกสอบถามเป็นวงกว้างมากๆเพื่อรวบรวมข้อมูล แต่ว่า กลับมีผู้รู้เห็นเพียงน้อยนิดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าเซ็นทอร์ ดังนั้นพวกเราจึงยังไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้มากนัก
[ ในกรณีเลวร้ายที่สุด พวกเราคงต้องยอมรับความเป็นไปได้ที่ว่า “งานประมูลค้าทาสนั้นเสร็จสิ้นงานไปแล้ว”ล่ะค่ะ ]
[ . . . อึก ]
เมื่อเบอร์นาเดสกล่าวออกมาอย่างแผ่วบาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คูเช่กำมือของเธอจนเกิดเสียงแน่น
[ . . . อืม แต่ผมว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะยอมแพ้ ไปที่บ้านของโวแดนซังและลองถามเกี่ยวกับมันกันเถอะ พวกเขาคงเข้าใจเกี่ยวกับเมืองนี้ดีกว่าเหล่าผู้คนธรรมดาภายในเมือง ]
เบอร์นาเดสเห็นด้วยกับคำพูดของผม และคูเช่ ถึงแม่ว่าเธอจะไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เห็นด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเธอกลายเป็นผู้เกลียดมนุษย์ไปแล้วรึ? ไม่สิเธอ . . มันเหมือนกับว่า เธอเกลียดแค่ผม งั้นรึ?
———————-
นายเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าจริงๆสินะ ? โวแดนชิ
นั้นคือสิ่งแรกที่ผมแว๊บขึ้นภายในหัวของผมในตอนที่พวกเรามาถึงที่บ้านครอบครัวโวแดน
ถ้าจะให้ผมพูดเกี่ยวกับมัน มันคงเป็นเพราะ [ คฤหาสน์อันหรูหรา ]แต่ว่า ไอ้สิ่งที่ดูแปลกๆที่อยู่หลังรั้วเหล็กนี้ไม่ใช้ ไอ้สิ่งปลูกสร้างที่ดูใหญ่โตสไตล์ตะวันตกนั้น
แต่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ข้างในอีกอย่างที่ดูราวกับ [ ป้อมยาม ] และในนั้นมันมีทั้งชายฉกรรจ์ในชุดดำและชายฉกรรต์ที่ดูท่าทางหน้ากลัวที่อยู่ในชุดกิโมโน พวกเขาอยู่ทั่วไปหมดในบริเวณด้านใน
แล้วก็
[ . . . ดูเหมือนพวกเราจะกลายเป็นจุดสนใจนะคะ ? ]
[ อืม ]
ดูเหมือนพวกเขาจะเฝ้าระวังภัยกันอย่างเต็มพิกัติ [ พวกเขาเหล่านั้น ] ต่างจ้องมายังที่พวกเราทั้งหมดในตอนนี้
และสายตาของพวกเขาที่จ้องมานั้นไม่ได้คิดจะตรวจสอบอะไรพวกเราเลย
สิ่งที่สายสายตาของพวกเขาแสดงออกมานั้นมันเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์เพียงอย่างเดียว
[ พวกแกอยากตายเรอะ ? ]
ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม แต่คูเช่กลับขู่ไปยังพวกเขา ทั้งๆที่พวกเขามีจำนวนมากกว่าพวกเรามากนัก
[ พวกเราคงจะไม่เข้าไปถล่มเพื่อเพียงแค่จะสอบสวนโวแดนชิใช่มั้ย ? ]
[ ดิ– ดิฉันเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาคงจะยอมให้ทำเช่นนั้นได้หรอกนะคะ ]
สุดท้าย เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกล่าวนี้พวกเราจึงมอบหมายหน้าที่ให้ผมคนเดียวเป็นคนเข้าไปเจรจา . . .
[ . . .ผะ- , ผู้ชายน่ะต้องการความกล้า ! งั้นผมคงต้องขอหน่อยนะ! ]
[ โอ้ว! ยาชิโระซังแค่พูดให้มันฟังดูแมนๆเฉยๆสินะคะ . . . แต่แล้วนี่อะไรกันคะ ? ไอ้ฝ่ามือคู่นั้นที่กำลังมุ่งตรงมาที่ดิฉัน และไอ้ท่าทางยึกๆยือๆนั้นมันคืออะไรกันคะ ? ]
[ มันจะมอบความกล้าหาญให้กับผม เพื่อเป็นพลังให้ผมสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ดังนั้น ผมจะทำให้ดีที่สุดถ้าหากเธอให้ผมบีบมันสักหน่อย ]
[ เลือกมาหนึ่งอย่างค่ะ ให้ตบไปที่แก้มหรือลูกกระสูนที่หัวดีคะ ? ]
โถ่เพื่อน แม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ 2 ตัวเลือก แต่มันมีข้อหนึ่งที่ฟังดูเลวร้ายไปหน่อย ดังนั้นผมจึงขอเลือกโดนตบอย่างไม่ลังเลเลย
อืมแต่ผมก็ไม่ได้อยากเจ็บตัวอะไรเหมือนกัน ผมจึงยอมลดมือลงอย่างไม่เต็มใจนัก
ยังก่อน “มันสามารถที่จะมอบความกล้าหาญให้กลับผมเพื่อที่จะมุ่งเดินไปข้างหน้า” คำพูดเหล่านั้นคือสิ่งที่ผมกล่าวออกมา แต่ว่า มันยังดีไม่พองั้นรึ? ผมว่ามันฟังดูดีแล้วนะ แต่มันก็เหมือนปักธงอะไรสักอย่างเช่นกัน
[ ถ้างั้น ผมเข้าไปล่ะนะ ]
[ และนี่ คือคำพูดสุดท้ายของยิชิโระซังที่ดิฉันได้พูดคุยด้วย . . . ]
[ อย่ามาบรรยายเรื่องที่ฟังดูว่าผมกำลังจะไปตายเซ่ ! ]
หลังจากที่ตีไปยังหนองโพของเบอร์นาเดส ผมมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์โวแดน และคูเช่ที่มองมายังผม สายตาของเธอที่มองผมนั้นมันดูราวกับกำลังมองดูหมูที่อยู่ในฟาร์มอย่างไรอย่างงั้น และเบอร์นาเดสที่มีหยาดน้ำตาเล็กๆไหลออกมาเพราะถูกตี เธอกำลังตะโกนต่อว่าผม
—————————————–
หลังจากที่ผมถูกพาตัวไปยังออฟฟิตที่ดูราวกับด่านตรวจ และผลสรุปก็ออกมา ผมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าพบกับโวแดนชิได้
ตามที่ตาลุงพนักงานต้อนรับกล่าวออกมา ( เขาเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีใบหน้าดุดันพร้อมกับผ้าปิดตาข้างหนึ่ง ) โวแดนชินั้นยุ่งมาก และยิ่งกว่านั้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยใหัคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้าพบโวแดนชิแน่
แม้ผมจะบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อส่งกระดิ่งพร้อมกับโชว์กระดิ่งที่ผมได้รับมาจากอาจารย์ใหญ่แห่งลิสวาเดียให้ดู แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อผมและในท้ายที่สุด ผมก็ถูกโยนออกมาโดยเหล่าตาลุงที่โผล่ออกมาจากลุงห้องข้างๆ
. . . ถึงแม้ผมโดนจิตสังหารเหล่านี้มาบ่อยครั้ง แต่ว่า ไอ้สิ่งที่มันดูน่ากลัวมันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี เอาจริงๆนะ ผมคิดว่าผมเกือบฉี่แตกเลยล่ะ
[ แต่เดี่ยวนะคะ แบบนี้ พวกเราก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นเหมือนเดิม และเมื่อคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ดีๆ เรื่องนี้มันกลายเป็นแย่ลงกว่าแต่แรกเสียอีกค่ะ . . ]
พวกเราพยายามยืนยันเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเรา และมาหยุดพักที่บาร์ในกิลด์ของเมือง ขณะที่กำลังถือเหยือกที่เต็มไปด้วยนมธรรมดาด้วยมือเดียว เบอร์นาเดสกล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
มันเพราะพวกเรายังไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้เลย และที่พวกเราพยายามขอความร่วมมือจากทางโวแดนชิแต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย
[ อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ข้าคิดไว้แล้วมันต้องผิดพลาดแน่ที่จะไว้ใจพวกมนุษย์ ]
ในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่เรียงกัน 2 ตัว ด้วยครึ่งล่างที่เป็นม้า คูเช่จ้องมาที่ผมขณะแสดงฉากที่หาชมได้ยากว่าเซ็นทอร์นั้นมีวิธีนั่งบนเก้าอี้อย่างไร
[ การที่ตัดสินคนอื่นเช่นนี้ ดิฉันไม่สามารถคิดได้ว่านั้นใช้เป็นเหตุผลได้หรอกค่ะ แต่ก็ ขนาดยาชิโระซังที่เป็นคนดีแท้ๆยังเต็มไปด้วยตัณหาเลยเช่นกัน ]
เบอร์นาเดสสวนกลับคำพูดของคูเช่อย่างรวดเร็ว . . . และอีกครั้ง ที่ผมดีใจที่เธอโมโหแทนผม แต่ว่า เหมือนดั่งที่ผมคิดไว้ ไม่ใช่ว่าแม่นี่ยังสงสัยในตัวผมงั้นเรอะ ? ยัยบ้า ทำไมผมถึงต้องถูกปฎิบัติราวกับว่าเป็นไอ้โรคจิตแบบนี้ตลอดเลย !
[. . . ฮึม ]
อาจเพราะเธอก็รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับมันอยู่เหมือนกัน คูเช่เธอจึงหันหน้าหนีไปและ
[ . . . ขอโทษ ]
ดูเหมือนจะพึมพัมออกมาเบาๆ
โอ้ พระเจ้า ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ โถ่เพื่อน ไอ้ความรู้สึกนี้ มันคล้ายกับตอนที่ถูกกระทำเลย ไม่ใช่ว่าผมกำลังจะเป็น M หรอกรึ?
[ มีอะไรรึ ? ทำไมคุณถึงดูน่ารังเกียจขึ้นมาล่ะคะ? ]
[ นี่เธออย่าด่าออกมาด้วยคำพูดสุภาพจะได้ไหม!! ]
ไอ้คำพูดเฉิงด่าที่กล่าวออกมาพร้อมมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ดูราวกับว่าเธอกำลังมองอะไรบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด เดียวนะ นี่คือข่าวใหม่!! ทำไมผมถึงรู้สึกดีนิดๆกันล่ะ ผมขอเก็บเรื่องนี้ไวเป็นความลับดีก่อนละกัน
[ เดียวนะ แม้ว่าพวกเรากำลังจะหมดหนทาง แต่ผมยังคิดว่าพวกเราน่าจะหาวิธีไปต่อได้ถ้าหากพวกเราสามารถเข้าพบกับโวแดนได้สักครั้งหนึ่ง ]
ถ้าหากผมเลือกที่จะส่งมอบกระดิ่งที่ได้รับจากท่านอาจารย์ใหญ่ถึงมือของโวแดนด้วยตนเอง ผมคิดว่าพวกเราคงจะสามารถจัดการปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้ . . แต่ว่าผมดันหันหลังกลับก่อนในเมื่อคำตอบอยู่ตรงหน้าแท้ๆ
[ ผมคิดว่าพวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากฝ่าเข้าไปตรงๆ ]
เบอร์นาเดสกังวลเกี่ยวกับแผนนี้ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เฮ้ เฮ้ พี่ชายคนนี้ก็ไม่อยากใช้แผนนี้เหมือนกันนะรู้รึปล่าว
. . . ไม่สิ มันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆนั้นแหละ
ในขณะที่พวกเรากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้น
*Boron*. *Bororon*.
พวกเราก็ได้ยินเสียงแปลกๆ
[บังเอิญกระผมมีโอกาสแอบได้ยินเรื่องของพวกเธอ ถ้าหากเป็นไปได้ ให้กระผมมีส่วนร่วมในแผนของพวกเธอจะได้รึปล่าวขอรับ ? ]
[ เอ๊ะ ? ]
ในเมื่อเสียงนั้นมาจากทางด้านหลัง ผมจึงหันกลับไปมอง ก็พบกับ ชายร่างสูงกำลังยืนอยู่ เขาสวมหมวกดำปีกว้างที่ประดับด้วยขนนกหลากสีมากมาย และสวมอยู่ในชุดชั้นสูงที่ดูราวกับเสื้อคลุมสีเดียวกับหมวกของเขา
เสียงที่ได้ยินก่อนหน้าเมื่อสักครู่คงจะเป็นเสียงที่ดังออกมาจากอะคูสติกกีต้าร์ที่ถูกถืออยู่ในมืองของชายคนนั้น
และในจังหวะที่ผมเห็นร่างของชายคนนี้ชัดๆ ผมก็เผลอยืนขึ้นโดยทันที
[ จีน!? ]
[ มันนานแค่ไหนกันนะ เพื่อนของกระผม ยาชิโระ กระผมดีใจจริงๆที่พวกเรามาพบกันอีกครั้งในแผ่นดินแห่งนี้ ]
ชายร่างสูงคนนั้น เขาคือ จีน แจ็ค ยูซตาส ที่กำลังดันหมวกของเขาขึ้นด้วยนิ้วของเขาเพื่อเผยหน้ากากอันงดงามและดวงตาสีฟ้าของเขา