บทที่ 26 – อัตลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุด
“แม่งเอ้ย”
มิวที่ตกที่นั่งลำบากทำอะไรไม่ได้นอกจากสบถออกมา เธอรีบใช้ความคิดอย่างว่องไว.. ว่าควรรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี
แน่นอนว่ามิวไม่ใช่นักรบผู้เกรียงไกรจากที่ไหน ดังนั้นเมื่อเธอตกอยู่ในที่นั่งลำบากเธอก็อดกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไงดี ทำไงดี..”
เธอพึมพำกับตัวเองไม่ว่าจะป้องกันความรู้สึกประหลาดหรือหยุดยั้งคนสามคนก็ทำให้เธอไม่สามารถละการรับรู้ต่อสิ่งใดได้เลย
ไม่งั้นทุกอย่างคงพังไม่เป็นท่าแน่..
แน่นอนว่าความซวยเวลามันจะมา มันมักไม่มาเพียงแค่หนึ่งหรือสองรอบเพียงเท่านั้นเพราะในวินาทีต่อมา
สัตว์ประหลาดที่เคยวิ่งพรวดเข้ามาก็หยุดชะงักลงกะทันหันแทบพร้อมกันทำให้มิวหันไปมองทันที
สัตว์ประหลาดพวกนั้นต่างพากันหันไปมองเจ้าสมองขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่บนฟ้าพร้อมเพรียงกันเหมือนกับได้รับคำสั่งบางอย่าง
และวินาทีนั้นเองสัญชาตญาณมังกรของมิวก็ร่ำร้องทันที ราวกับมันเตือนถึงภัยอันตรายครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่มิวก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น.. ทว่าในวินาทีนั้นเอง… สัตว์ประหลาดที่หันไปมองสมองก็มองกลับมา.. ก่อนที่จะเริ่มโจมตีด้วยคลื่นพลังในรูปแบบต่างๆ
แน่นอนว่าพลังเหล่านี้มันรุนแรงมาก แค่มองมิวยังรู้ว่าพลังงานภายในการโจมตีพวกนั้นมันแรงเกินกว่าที่เธอจะคณานับ
ยิ่งพอสัมผัสกับเขตแดนจิตมังกรของเธอยิ่งทำให้เธออกสั่นขวัญผวา.. ไอ้การโจมตีครั้งเดียวพวกนี้หากไม่ถูกเธอสลายหายไปละก็
มันแรงพอที่จะเป่าเมืองทั้งเมืองหายไปได้เลย..
“สัตว์ประหลาดพวกนี้มันมาแต่ไหนวะเนี่— เอ้ะ..?”
มิวที่กำลังตกที่นั่งลำบากบ่นกับตัวเองแต่ทันทีนั้นเองจมูกของเธอก็มีเลือดไหลออกมาทำให้มิวได้แต่อุทานด้วยความงุนงง
เพราะเธอไม่ทันได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำ.. แต่นั่นยังไม่จบปากของเธอมีเลือดไหลย้อนกลับมาไหลออกจากปาก
ตามด้วยที่หู.. และวินาทีที่แทบจะตั้งตัวและตั้งคำถามไม่ทันนั้นเอง.. ความเจ็บปวดก็วิ่งทะลวงเข้ามาจากส่วนลึกของจิตใจเธอ
นี่ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่เกิดจากทางกายภาพ เพราะไม่มีใครโจมตีมาที่เธอแต่ว่า.. สายตาของมิวหันไปมองด้านนอก
ในหมู่สัตว์ประหลาดที่โจมตีเข้ามาและถูกสลายหายไปด้วยพลังของเธอนั้น.. ก็มีสัตว์ประหลาดอีกหลายตนที่ลอยอยู่ห่างกว่า
และร่ายเวทมนตร์คาถาบางอย่าง.. ถ้าให้อธิบายรูปร่างของพวกมันก็คงคล้ายกับพ่อมดที่เป็นศัตรูในเกมแฟนตาซีเลยล่ะ
สวมผ้าคลุมปกปิดตัวตน แต่ทุกครั้งที่ปากมันขยับ ความเจ็บปวดทางจิตก็ยิ่งรุนแรงขึ้น มิวไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน
เอาเข้าจริงมันเจ็บปวดเกินกว่าจะสามารถกรีดร้องคร่ำครวญออกมาด้วยซ้ำ.. เพราะนี่คือการโจมตีทางจิต.. ใช่แล้วเพราะมิวกางอาณาเขตจิตตัวเองออกมาด้านนอกถึงทำให้พวกนี้มันโจมตีเธอได้อย่างง่ายดาย
เข่ามิวทรุดลงไปกับพื้น.. ภาพทุกอย่างเริ่มเบลอลงอย่างกะทันหัน การโจมตีทางจิตไม่ใช่การโจมตีที่มีรูปลักษณ์
จิตของทุกสรรพสิ่งนั้นไร้ลักษณ์แต่มีอยู่เพื่อรั้งเอาความนึกคิดผสานเข้ากับร่างกาย.. หากสมองคือสิ่งที่อยู่ในโลกกายภาพที่ควบคุมร่างกาย
จิตก็คงเป็นเหมือนสิ่งที่ผูกให้สมองทำงานควบคุมร่างกายอีกทีนั่นแหละ.. และเมื่อจิตของมิวถูกรบกวนต่อให้เธอจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ยังถูกทำให้หลับได้อยู่ดี
อันที่จริง เดิมทีจิตมังกรแม้จะถูกควักออกมาวางไว้ข้างนอกก็ไม่ควรจะถูกทำร้ายได้โดยสัตว์ประหลาดระดับต่ำ
แต่ทว่า.. สัตว์ประหลาดเหล่านี้มันไม่ใช่ระดับต่ำและยังมีเป็นร้อยอีกต่างหาก ทั้งสภาพจิตใจของมิวที่อยู่ในสภาวะกระสับกระส่าย
แถมยังกางจิตออกมาด้านนอกให้โจมตีได้.. ต่อให้เป็นเทวดาตนไหนก็คงไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบหรอก
และ…ทางเดียวที่มิวจะรอดพ้นจากการถูกทำให้หมดสติก็คือ..
“ไอ้สมองเวรนั่น”
มิวจ้องเขม็งไปที่สมองยักษ์ที่เหมือนจะเข้าใจการทำงานของอาณาเขตที่มิวสร้างแล้วก็เริ่มสั่งการให้สัตว์อสูรทำตามคำสั่ง
มิวกัดฟันดึงอาณาเขตจิตมังกรกลับคืนมา..และวินาทีที่เธอดึงกลับคืนมาเท่านั้นเองสัตว์ประหลาดก็คำรามเหมือนกับรอเวลานี้อยู่
ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจะคลื่นที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด.. แน่นอนว่ามิวเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันนอกจาก…
ต้องออกกำลังบ้างแล้ว
พลังของเธอที่ใช้หยุดคนสามคนก็คือพลังที่คล้ายกับเทเลคิเนซิส.. เมื่อเธอดึงจิตกลับมาทำให้เธอสามารถจัดการกับความคิดได้เต็มที่
มิวดึงใช้พลังนั้นทำให้ทั้งสามคนหมดสติลงกับพื้น ขอแค่หมดสติก็ไม่ต้องถูกควบคุมจิตใจแล้ว มิวยกมือขึ้นไม้ที่คล้ายไม้กายสิทธิ์ก็ปรากฏขึ้น
“ปกป้องพวกนี้เอาไว้”
มิวพูดแบบนั้นพร้อมกับหันหน้าไปประจันกับกองทักสัตว์ประหลาดที่โจมตีมาด้วยคลื่นพลังมากมาย
“รับคำสั่ง”
เสียงปริศนาเคร่งขรึมดังขึ้นด้านหลังของมิว พร้อมกับประกายแสงสดใสที่ค่อยๆ สร้างร่างของ…บุคคลหนึ่งขึ้นมา และแน่นอนว่าเมื่อมิวได้ยินเสียงนั้น
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง.. กำลังจะหันไปกลับไปมองแต่เจ้าของเสียงนั้นดันใบหน้าของมิวกลับไปด้านหน้า
มองห่าพลังโจมตีที่สาดซัดเข้ามา.. ดวงตาของมิวเปล่งแสงสีแดงว้าบขึ้น คลื่นพลังทุกอย่างล้วนสลายหายไปราวกับอากาศธาตุ
คมดาบใหญ่ยักษ์ฟาดฟันลงมาทางเธอทำลายบ้านเรือนแถวนี้ไปจนหมดสิ้น แต่มิวก็เหวี่ยงไม้ในมือตัวเองขึ้นไปฟาดปะทะกับดาบใหญ่
ดาบดังกล่าวแตกกระจุยกระจายราวกับเศษกระจก ไม่พอคลื่นแรงกระแทกยังสะท้อนกลับไปยังคนที่ฟันดาบกระแทกใส่ร่างของมันจนแตกกระจุยกระจายไปไม่ต่างจากดาบ.. กลายเป็นหมอกเลือดอย่างแท้จริง
มังกร.. เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังทุกอย่างแน่นอนว่าจุดเด่นที่ทรงพลังของมันเลยคืออัตลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่..
แต่มังกรนั้นก็มีพลังใหญ่มหาศาล.. หากกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายทรงพลังที่สุดในโลกนี้คือช้างสาร.. มังกรก็คงเหนือกว่านั้นแบบทาบไม่ติด
เนื่องจากขนาดตัวและขนาดกล้ามเนื้อของมันที่ใหญ่โต.. แน่นอนว่ามิวที่วิวัฒนาการมาแล้วนั้นกล้ามเนื้อก็หดตัวลงก็จริง
แต่ทว่า..ความแข็งแกร่งของมันก็ยังตามติดหลังการวิวัฒนาการมาด้วย ไม่สิ.. แทนที่จะบอกว่ามันเป็นพละกำลังของมังกร..
ต้องบอกว่าการวิวัฒนาการของมิวนั้นทำให้พละกำลังจากกล้ามเนื้อมังกรกลายเป็นอัตลักษณ์เลยมากกว่า
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับพละกำลังที่เทียบเท่ากับมังกรอย่างมิว.. ในโลกนี้ก็คงมีแต่สิ่งที่เปราะบางไม่ควรค่าให้ยกตนมาเทียบ
มิวไม่สามารถละความสนใจไปสนใจคนที่อยู่เบื้องหลังได้เลยเพราะจำนวนศัตรูที่ถาโถมเข้ามามันมากกว่าที่จินตนาการได้
“งั้นก็..”
มิวหลับตาลงก่อนจะชี้ไม้ที่คล้ายไม้กายสิทธิ์ไปเบื้องหน้า.. การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของมังกร.. มังกรทุกตนที่เกิดมาล้วนมีอัตลักษณ์นี้
เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกเผ่าพันธุ์ต่างหวาดหวั่นในมังกร…
มิวลืมตาขึ้นพร้อมกับกล่าวเบาๆ ว่า
“ลมหายใจมังกร”
วินาทีนั้นเองปลายไม้ก็พลันมีแสงกะพริบหนึ่งครั้งและแทบจะทันที… ทุกอย่างก็สว่างจ้าไปจนหมด มันสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
สว่างยิ่งกว่าแสงทุกแสงบนโลกใบนี้และเหนือสิ่งอื่นใด.. นี่เป็นลมหายใจของหนึ่งในสองมังกรผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งทรงพลังที่สุด
เพราะบัดนี้สิ่งที่ถูกทำลายล้างหาใช่เพียงศัตรูตรงหน้า.. แต่เป็นโลกแห่งความจริงตรงหน้าต่างหากที่ถูกฉีกขาดออก..
และยิงทะลุ.. ออกไปนอกหอคอยทันที!!
ไม้ในมือของมิวแตกกระจาย แขนขวาของมิวถูกฉีกขาดจนเห็นกระดูก
“อ้ากกกก”
มิวกรีดร้องออกมา.. แม้แต่ร่างกายของมิวที่วิวัฒนาการมาก็ไม่สามารถทนการปลดปล่อยพลังที่ทรงพลังที่สุดนี้ได้..
แน่นอนว่าการโจมตีนี้มิวเล็งไปทางเจ้าสมองยักษ์นั้นด้วย.. แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถโฟกัสสิ่งนั้นได้
เพราะแขนมิวที่ถูกฉีกขาดนั้นสร้างความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าถูกแผดเผาไปมากนัก เพราะเป็นการถูกทำลายจากภายใน…
แน่นอนว่าต่อให้เป็นมังกรก็ไม่ได้มีพลังสะดวกสบายอย่างการงอกแขนงอกขาใหม่ได้ในพริบตา.. ยิ่งเป็นผลกระทบจากลมหายใจมังกรที่เป็นการโจมตีตัดการรักษาแล้วด้วย—
ทว่า..
ด้านหลังของมิวก็มีคนยกคมดาบหนึ่งขึ้นและฟันใส่แขนของมิว.. แน่นอนว่าเธอเองก็คาดไม่ถึงกับการโจมตีนี้เช่นกันเพราะคนที่อยู่ด้านหลังที่ว่า..
คืออัตลักษณ์ที่มิวเรียกออกมา.. อัตลักษณ์สักอย่างที่เธอเคยกลืนกิน.. แน่นอนว่าเธอไม่เคยคิดว่าพลังตัวเองมันจะโจมตีตัวเองเช่นนี้
และวินาทีที่ดาบตัดถูกไหล่มิวนั้นเอง—
แขนที่ควรจะขาดก็ไม่เคยขาดมาก่อน!
“ดาบเล่มนี้.. เคยเป็นดาบที่เกือบฟันถึงตัวนายท่านได้นะ เพราะงั้นทีหลังให้ใช้อัตลักษณ์ ‘นิรันดร์’ อยู่ตลอดเวลาด้วย ”
เสียงอันคุ้นเคยและเคยหวั่นเกรงก็ดังขึ้นมิวก็หันหน้ากลับไปด้วยความตะลึง.. เสียงแบบนี้.. น้ำเสียงแบบนี้.. แม้กลิ่นอายจะไม่ใช่ ความรู้สึกจะไม่ใช่ แต่ว่า…!!!
“ผู้กล้า…เอ..ริเนีย…?”