บทที่ 43 – ไม้เทพมังกร
ดวงตาของมิวจ้องมองท้องฟ้าสีครามในชั้นที่สามโดยไม่มีคนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แม้มากล่าวตอนนี้อาจจะแปลก
แต่ชั้นสองขึ้นมาก็มีท้องฟ้าแบบนี้กัน แน่นอนว่าชั้นสี่คงจะเป็นแบบนี้ มีแค่ชั้นหนึ่งที่ไม่มีเพราะเป็นใต้ดิน
ไม่มีใครรู้ว่าหอคอยใช้วิธีไหนสร้างสิ่งนี้ออกมา.. แล้วเอาเข้าจริงมันอาจจะไม่ได้สร้าง แต่เป็นพาคนไปยังโลกอื่นมากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะงั้นทั้งเมฆฝนท้องฟ้าทุกอย่างจึงเหมือนกับโลกด้านนอก แต่ทว่าโลกนี้ยังมีความงดงามตามธรรมชาติ สายลมเย็นๆ จากธรรมชาติพัดมาก็ทำให้ผมของเธอโบกสะบัดตามแรงลม
มิวนั่งพิงต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่.. เธอหลงลืมเรื่องเวลาไปโดยสิ้นเชิงเพราะกำลังใช้ความคิด อันที่จริงนี่ก็ผ่านมาคืนหนึ่งแล้ว
มิวยังนั่งอยู่ท่านี้.. เอริเนียตัวน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดิมทีเด็กคนนี้ก็แทบจะนั่งเหม่ออยู่ทุกวันอยู่แล้ว
เพราะงั้นพอเหม่อกับเหม่อมาอยู่ด้วยกันเวลาจึงไหลผ่านไปโดยไม่ช้าแม้แต่น้อย.. แต่สำหรับมิวอย่างไรซะเธอก็เป็นเทพมังกร
เธอไม่ได้มีจิตใจเหมือนมนุษย์ทั่วไปแล้ว.. แม้จะยังมีชุดความคิดเหมือนคนธรรมดาอย่างมนุษย์ทั่วไป แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอมีความทรงจำช่วงเป็นมนุษย์มาอย่างยาวนานและยังเก็บมันไว้
แต่ถึงแบบนั้นสภาพจิตใจของเธอก็ยังได้รับอิทธิพลจากเทพมังกรไม่มากก็น้อย.. ข้อสังเกตแรกคือเมื่อมิวฆ่าคนโดยบังเอิญ
ต่อให้เธอจะมีพลังที่แข็งแกร่งและมันเป็นคนชั่วที่จะฆ่าคนอื่น แต่มิวก็คงไม่สามารถทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินและฆ่ามันได้โดยไม่คิดอะไร
แต่ที่มิวทำแบบนั้นได้แบบไม่สะทกสะท้านอะไร เพราะว่าจิตใจของเธอเหมือนจะไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับการฆ่าสิ่งอื่น
ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีสำหรับมังกรแล้วมองสิ่งมีชีวิตในโลกนี้นอกจากตัวเองว่าเป็นแค่สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการต่ำประเภทหนึ่งเท่านั้น
คงเหมือนกับการที่มนุษย์สามารถฆ่ามดได้โดยไม่รู้สึกอะไร เพราะมดทุกตัวมันหน้าตาไม่ต่างกัน มนุษย์ก็คงเป็นแบบนั้นในสายตามังกร
และแม้มิวจะไม่ใช่มังกรแต่แรก.. ทว่าเธอก็ยังได้รับอิทธิพลดังกล่าวมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้หากมาคิดๆ ดูแล้ว…
ความรู้สึกเจ็บปวดของมิวนั้นแม้จะยังรู้สึกทรมาน.. แต่ตอนนี้เธอกลับสัมผัสความรู้สึกนั้นได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งนั่นหมายความว่าความเศร้าต่อเหตุการณ์ทั้งหมดกำลังถูกลบให้หายไป.. ซึ่งแม้อาจจะเป็นเรื่องดี.. แต่ทว่าสำหรับมิวแล้ว
เธอรู้สึกเหมือนความเป็นมนุษย์กำลังถูกช่วงชิงไป.. เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดเลือดเย็นฆ่าคนเหมือนเครื่องจักรไปจริงๆ
ความรู้สึกที่เธอมีต่อเหตุการณ์ทั้งหมดมันเบาบางลงเรื่อยขึ้นทุกวินาที.. ดังนั้นมิวในตอนนี้ไม่ได้กำลังเศร้ากับความผิดพลาดตัวเองเท่านั้น
แต่เธอยังพยายามจดจำความเศร้านั้น.. ไม่ให้ความเศร้าที่มีแบบมนุษย์หายไป.. ใบหน้าที่แฟนของเอร้องไห้และเจ็บปวดความรู้สึกเหล่านี้ทั้งหมดไม่ควรหายไปจากเธอ มิวคิดแบบนั้น
ส่งผลให้แทนที่จะค่อยๆ สงบลง แต่กลับตรงกันข้ามเลย ความว้าวุ่นในจิตใจของมิวมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกวินาทีแทน
และอาจจะเพราะว่าเธอใช้สมองมากเกินไป หรือไม่มีนอนมาหลายวันเพราะถึงในห้องสีขาวนั้นจะไม่มีเวลา แต่ว่าความจริงเธอย้อนกลับไปอดีตมาถึง 24 ชั่วโมงแล้วไหนจะยังมานั่งใช้ความคิดเหม่อลอยอยู่ตรงนี้อีก
แม้สำหรับมิวการหลับนอนจะไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ว่าความเหนื่อยล้าทางใจใช่ว่าจะต้องไม่พักผ่อน
และอาจจะเพราะแบบนั้นมิวเลยเผลอหลับตาลงแล้วก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน
แน่นอนว่าเอริเนียที่อยู่ข้างๆ เองก็มองมิวที่หลับไปเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่ได้ปลุกหรืออะไร เธอปล่อยให้มิวหลับและพักผ่อนไป
มิวที่หลับนั้นก็หลับจริงๆ เธอพักผ่อนไม่แม้กระทั่งฟันด้วยซ้ำ เวลายังคงไหลผ่านไปอย่างไม่ช้าและไม่เร็วมากนัก
จิตใจที่ปั่นป่วนของมิวเองก้คงเริ่มสงบลงเช่นกัน อาจจะเพราะได้พักผ่อน เวลาพักผ่อนสมองไม่ทำงานจึงไม่มีความเครียด
ที่บอกว่า เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง.. นั่นก็คงเป็นของจริง เมื่อมิวตื่นขึ้นหลังจากไม่ได้หลับมาหลายวันดวงตาของเธอใสขึ้น
แทนที่จะคิดเรื่องลบๆ ในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องดีๆ บ้างแล้ว… เอาเข้าจริงตอนนี้เธอไร้จุดประสงค์มากเกินไป
แต่เพราะว่ามัวแต่คิดเรื่องที่ผ่านมาอยู่ทำให้มิวไม่สามารถที่จะคิดเรื่องในอนาคตได้อีก จะบอกว่าเธออยากกลับโลกเดิมเหรอ
ก็ไม่ใช่อีก.. ต่อให้กลับไปได้ด้วยรูปร่างแบบนี้มันจะไปทำอะไรได้.. ไม่สิ ถ้าเธอขอพรให้ตัวเองกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วก็กลับไปโลกเดิมก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้
เพราะยังไงซะความปรารถนาก็บันดาลให้กลายเป็นจริงได้ทุกอย่างอยู่แล้ว.. นอกจากนี้ถ้าให้พูดเอาจริงๆ
แม้มิวจะไม่รู้.. นี่ก็เป็นโลกเดิมของเธอแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่มิวปรารถนาในตอนนี้คงเหลือเพียงอย่างเดียวนั่นคือกลับเป็นผู้ชายเหมือนเดิม
แล้วก็กลับคืนไปหาคนที่ตัวเองรัก.. แม้จะมีปัญหาเรื่องว่าทำไมคนตายไปแล้วถึงกลับมาและปัญหาอีกมากมาย.. แต่สำหรับมิวในตอนนี้เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้น
เธอแค่คิดว่าอยากเจอกับครอบครัวและคนรักด้วยรูปร่างที่เหมือนเดิมเพียงเท่านั้น คนเราไม่สามารถอยู่ได้โดยขาดเป้าหมายได้
แน่นอนว่าทางเดียวที่จะทำให้ความปราถนาเป็นจริงได้ก็มีเพียงแค่ไต่หอคอยไปให้ถึงชั้นบนสุด… ชั้นที่หนึ่งร้อยและได้รับความปรารถนาตามที่เทพธิดานั้นบอกไว้
มิวค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าในโลกแห่งหอคอย..
“เอาล่ะ.. ถึงฉันจะไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกเศร้าของเธอได้ แต่ฉันจะกลับไปหาเธอแล้วก็ช่วยกันสร้างความสุขที่มากกว่าความเศร้าทั้งหมดของเธอเอง”
เมื่อมิวตัดสินใจเช่นนั้นเธอจึงพาเอริเนียมุ่งหน้าทันที.. จิตใจความเป็นคนของมิวในตอนนี้คงลดลงไปเยอะเลยทีเดียว
แต่นั่นก็คือหลักฐานที่พิสูจน์ว่ามิวเองก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเช่นกัน เพราะการที่ชีวิตไม่เป็นดั่งที่คาดไว้มันเป็นเรื่องธรรมดา
การที่จะลุกขึ้นใหม่ได้โดยไม่พึ่งใครนั่นคือหลักฐานที่พิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้แม้แต่ตัวเอง
เมื่อมิวก้าวขาเข้มาในเขตซากปรักหักพัง..เวลาในเควสก็เริ่มนับแทบจะทันที เพราะเควสนี้ไม่มีคนแย่งเนื่องจากเป็นเควสที่ได้รับหลังจากเคลียร์เควสในชั้นสอง
เลยทำให้มิวไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น แต่เพราะมีเวลาถอยหลังแถมเขตซากปรักหักพังก็ยังใหญ่มากๆ อีกด้วย
ใช้เขตจิตมังกรแบบเดิมก็คงไม่ได้อีก แต่ว่ามิวก็ไม่ได้ย้อนเวลาไปแบบเสียเปล่าเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากยมทูตลึกลับนั่นก็มีอยู่
อย่างแรก.. อัตลักษณ์ที่มิวมีนั้นแบ่งออกเป็นสองแบบหลักๆ ก็คืออัตลักษณ์ที่กลืนกินและอัตลักษณ์ของมังกร
ซึ่งอัตลักษณ์ที่กลืนกินนั้นสามารถอัญเชิญสิ่งที่เทพมังกรเคยกลืนกินแล้วออกมาได้ โดยไม่สนว่าจะเป็นอะไรยกตัวอย่างเช่นเอริเนีย
สิ่งที่มิวเรียกออกมาได้จะไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถของอัตลักษณ์ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตเลย รวมถึงความทรงจำก่อนหน้านี้ด้วย
ส่วนอัตลักษณ์ของมังกรนั้นก็ตามชื่อ.. อัตลักษณ์นี้จะเป็นอัตลักษณ์ของมังกรที่มีตั้งแต่แรก แต่แน่นอนว่ามังกรนั้นมีอัตลักษณ์เยอะกว่าทุกเผ่าบนโลกนี้
บ้างก็แทบจะเป็นราชาแห่งอัตลักษณ์เลยก็ว่าได้.. แม้แต่มิวเองก็ยังจำอัตลักษณ์มังกรได้ไม่หมด
แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่ง.. มิวไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่ยังมีอัตลักษณ์บางส่วนที่กลืนกินมาแต่ยังไม่สามารถอัญเชิญออกมาเป็นตัวได้
แต่เป็นเหมือนกับอัตลักษณ์ที่ก่อนจะวิวัฒนาการมาเป็นแบบอัญเชิญก็คือใช้แค่อัตลักษณ์.. ซึ่งสิ่งนี้มิวได้รู้มาจากตอนย้อนอดีตกลับไป
มิวใช้อัตลักษณ์บางอย่างที่กลืนกินมาซึ่งไม่ใช่ของมังกรได้ แต่พอเป็นอัญเชิญอัตลักษณ์ดันทำไม่ได้
มิวจึงเรียกว่าอัตลักษณ์ที่ยังไม่มีวิวัฒนาการนั่นเอง.. ดังนั้นแทนที่มิวจะมีสองแบบในตอนนี้มิวจึงมีสามแบบ
ประกอบไปด้วย อัตลักษณ์มังกร, อัญเชิญอัตลักษณ์ และสุดท้าย อัตลักษณ์ที่ยังไม่วิวัฒนาการ
มือมิวจู่ๆ ก็มีไม้ที่คล้ายไม้กายสิทธิ์ปรากฏขึ้น.. สิ่งนี้เหมือนเป็นสื่อกลางระหว่างมิวกับอัตลักษณ์เท่านั้น
เพราะมิวไม่ได้มีร่างกายดั้งเดิมที่เป็นมังกร เวลาใช้อัตลักษณ์มังกรนั้นจึงแทบไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพื่อจะใช้พลังมังกรได้แบบไม่ติดขัด
ร่างกายมิวจึงทำให้สามารถสร้างของที่เป็นสื่อกลางนี้ออกมาได้.. มิวไม่เข้าใจหลักการมันเหมือนกันว่าสร้างจากอะไร
แต่เมื่อมันถูกทำลายมันจะสร้างขึ้นใหม่ได้ แถมบางทียังดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเหล็กอีก
และทุกอย่างที่มิวใช้ต้องผ่านมันหมด หากพูดกลับกันตัวมันแทบจะเป็นมังกรเลยด้วยซ้ำ มิวจึงเรียกมันว่า ‘ไม้เทพมังกร’
และนี่ก็คือกำลังรบทั้งหมดของมิวในตอนนี้