บทที่ 55 – เอวาน
“ฉัน..แข็งแกร่งงั้นเหรอ…”
เอวานพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในตอนแรกเธอคิดว่านั่นเป็นแค่ความฝัน ความฝันที่อยากให้ใครสักคนมาบอกกับตัวเองว่าตัวเองไม่ได้ขี้ขลาด
เพราะเธอมันขี้ขลาด การอยากได้รับการปลอบโยนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา.. แต่ทว่าเคี้ยวที่ยื่นออกมาจากฟันสองข้าง
สีผมที่เปลี่ยนไปนี้.. แม้เธอจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเหมือนได้รับอิทธิพลบางอย่างมาจากคนคนนั้น..
“ชื่อ รินนะ อายุ 17 ปี…. เป็นผู้ใช้อารยธรรมเผ่าพันธุ์แวมไพร์ ระดับองค์หญิง… องค์หญิงสีเลือด”
จู่ๆ ความคิดนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของเอวานอย่างแปลกประหลาด.. ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยรู้จักเลยแท้ๆ อันที่จริงหากเป็นผู้ใช้อารยธรรมทุกคนคงรู้จักเนมเธอคนนี้ไปแล้ว
แต่น่าแปลกที่ทุกคนไม่รู้.. นั่นไม่ใช่เพราะว่ามีเหตุผิดปกติอะไร.. แต่ว่าเพราะเธอใช้อาภรณ์สีเลือดปกปิดตัวตนอยู่
นั่นเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้มีเนมว่าอะไร… แต่ทว่า ถึงแบบนั้นเอวานก็เหมือนจะรับรู้ได้
ไม่สิ เธอสัมผัสได้ถึงตัวตนของรินนะอยู่รางๆ แม้จะไม่ได้อยู่ข้างกัน เหมือนกับว่าตัวอีกฝ่ายกลายเป็นครอบครัวให้กับเธอไปแล้ว
“มัวนั่งบื้ออะไรของเธอ เอวาน นี่มันสายแล้วนะ อยากโดนหักเงินเดือนหรือยังไง”
จู่ๆ เสียงคนหนึ่งก็ดังขึ้นค้างๆ เอวาน.. ทำให้เอวานได้สติกลับคืนมา คนที่ปลุกเธอก็คือเพื่อนร่วมงานของเธอ
หน้าที่ที่เธอต้องทำก็มีแค่ไปเอา ‘เป้าหมาย’ ที่คุณอาโก้พาเข้ามา ไปยังสถานที่ขนส่ง.. ซึ่งเหมือนจะเป็นความลับสูงสุดเลย
เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร และทำไมอาโก้หัวหน้าหน่วยที่นาจะเต็มไปด้วยอีโก้ถึงได้มาขอความช่วยเหลือจากนันโจ
เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น.. แถมเห็นว่าเป็นของสำคัญของบอส ต่อให้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง แต่ก็เป็นธรรมดาที่จะสงสัยว่ามันคืออะไร
สถานที่ขนส่งก็ตามชื่อเลย.. มันคือสถานีส่งออกสินค้าของเมืองแห่งวังวนนี้ เพราะว่าที่นี่คือตลาดมืดที่ต้องลับที่สุดเท่าที่จะทำได้
การขนส่งจึงไม่สามารถขนส่งได้ด้วยวิธีทั่วไป และสามารถเอาออกจากหอคอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างผู้ใช้อารยธรรมขนส่งขึ้นมา.. แน่นอนองค์กรบอร์เดอร์ไลน์ที่ได้ช่วยประเทศนั้น ประเทศนี้ดูแลประตูบอร์เดอร์ที่เคลียร์ไม่ไหว
เป็นธรรมดาที่จะมีโอกาสได้เข้าประตูมากกว่าประเทศอื่นๆ… พวกขาจึงมีโอกาสสร้างคนที่ใช้อารยธรรมได้เยอะกว่ารัฐบาลโลกด้วยซ้ำ
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่บอส.. หัวหน้าของพวกนันโจกับอาโก้ถึงสามารถสร้างผู้ใช้อารยธรรมขนส่งจำนวนมากได้
อารยธรรมขนส่งที่สามารถส่งของข้ามห้วงมิติได้แบบเรียลไทม์น่ะนะ.. แน่นอนว่าเพื่อหลีกหนีการจับตามองเหมือนกัน
อารยธรรมขนส่งสามารถส่งได้แม้แต่สิ่งมีชีวิตยันสิ่งที่ไม่มีชีวิต เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับการค้าขายมาก
แน่นอนว่าบอสของพวกนันโจก็ไม่ได้คิดจะแบ่งอารยธรรมนี้ให้ใครใช้ด้วย.. ว่าง่ายๆ คือมีแค่ตลาดมืดที่อยู่ในการดูแลของบอสและนันโจเท่านั้นที่มีอารยธรรมนี้
และหน้าที่ขนส่ง ‘เป้าหมาย’ ไปยังสถานที่ดังกล่าวก็คือหน้าที่ของเอวานนั่นเอง เอวานขับรถขนส่งไปยังเป้าหมายที่ต้องไปรับ
เพราะเมื่อกี้เธอมัวแต่เหม่อลอยรถเลยยังไม่ออกสักที เพื่อนร่วมงานเธอถึงได้เร่ง เอวานออกรถไปด้วยความรู้สึกมากมาย
คำพูดของรินนะยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ.. นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนพูดแบบนั้นกับเธอ เอาเข้าจริงเธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพุดแบบนั้นกับตัวเอง
อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่รู้จักเอวาน ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ทำไมถึงพูดเหมือนรู้เรื่องของเธอ แถมยังบอกว่าเธอแข็งแกร่งอีก
เมื่อเดินทางมาถึงโกดัง สิ่งที่เอวานต้องขนขึ้นไปบนรถขนส่งก็คือกระเป๋าขนาดใหญ่พอสมควร ใหญ่พอจะยัดคนเข้าไปได้เลย
เอวานที่เห็นแบบนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าข้างในนั้นมีคนอยู่แน่ๆ แต่คงไม่ใช่ผู้ใหญ่น่าจะอายุไม่เกิน 18 ปี..
ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย… ทั้งที่เธอเคยทำงานแบบนี้มาหลายครั้งแล้วตลอดหนึ่งปี ทั้งที่เธอทำงานแบบนี้มาตลอดหนึ่งปี
แต่ทว่า… เธอหวนนึกถึงสายตาของรินนะ คำพูดของรินนะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทรยศต่อคนคนนั้น
“ไม่สิ.. มันไม่ควรเป็นแบบนี้”
เอวานส่ายหน้า.. อีกฝ่ายคือคนแปลกหน้าแถมพยายามจะฆ่าเธอ แถมยังดูดเลือดเธอทำไมเธอต้องไปรู้สึกผิดกับคำพูดไม่มีแก่นสารของอีกฝ่ายด้วย
อีกฝ่ายแทบไม่รู้จักเรื่องของตัวเองเลยแท้ๆ ดังนั้นคำพูดที่พูดออกมาล้วนไม่มีแก่นสาร ไม่มีเหตุหรือผลอะไรเท่านั้น
“ใจเย็นไว้ เอวาน.. นี่คงเป็นผลจากการถูกดูดเลือดแน่ๆ”
เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ……
……
….
..
“เอวาน ลูกนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะ สอบได้เต็มทุกวิชา โตไปลูกต้องเป็นนักวิชาการที่ดีแน่ๆ”
คุณแม่พูดกับสาวน้อยกอดตุ๊กตาสีฟ้า.. ใช่แล้ว สาวน้อยเคยเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้องเรียนมาก่อน เธอคือคนที่ทุกคนล้วนเรียกว่าอัจฉริยะ
“สมกับเป็นลูกพ่อจริงๆ เลย.. พ่อไม่ว่าหนูหรอก เพราะอยากจะช่วยเพื่อนใช่ไหมล่ะหนูถึงได้ไปทะเลาะกับผู้ชายพวกนั้น”
เธอเคยเป็นคนที่มีความยุติธรรมมากที่สุดไม่แพ้กับคุณพ่อ เธอไปทะเลาะกับเพื่อนผู้ชายที่กำลังรังแกเพื่อนผู้ชายที่อ่อนแอกว่า
“เป็นน้องที่น่าภาคภูมิใจของพี่จริงๆ… อะไรนะ น้องเองก็ภูมิใจที่มีพี่เป็นพี่ชายเหรอ ชักรู้สึกว่าตัวเองจะเรียนจบขึ้นมาแล้วสิ”
พี่ชายที่ตรงกันข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง เรียนมาหลายปีแล้วก็ยังไม่จบ
แต่เขาก็ไม่เคยอิจฉาน้องสาว เขากลับภูมิใจที่เขามีน้องสาวที่โตไปจะได้ไม่เหมือนกับคนเหลวแหลกแบบเขา เป็นน้องสาวที่น่าภูมิใจที่สุดของเขา
แน่นอนว่าสำหรับเอวานแล้ว.. พี่ชายก็คือคนที่อยู่ด้วยบ่อยที่สุด ในวันที่เธอเหงา ในวันที่เธอต้องเล่นกับตุ๊กตาแค่คนเดียว
พี่ที่อายุห่างกับเธอเกือบสิบปีก็จะมาเล่นด้วย.. เล่นเป็นคุณหมีสีน้ำตาลที่จะมาเล่นกับคุณกระต่ายสีฟ้า
“น้องพี่.. น้องเป็นคนเก่ง เป็นคนดี.. และก็เป็นคนที่น่ารัก แค่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องพี่ก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ได้ไร้ค่าแล้ว.. เพราะพี่ได้เป็นพี่น้องไงล่ะ”
“รอยยิ้มของน้องก็คือสมบัติของพี่ น้องน่ะเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้ว”
ไม่รู้ว่าพี่พูดแบบนั้นกับเธอตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่เธอสะลึมสะลือกำลังจะหลับ หรือกำลังจะตื่นแต่มันเลือนรางมาก
“น้องพี่.. รู้หรือเปล่าว่าแตงโมคือญาติห่างๆ ของการสวดมนต์?”
“ห้ะ พี่พูดอะไรเนี่ย”
“ก็เพราะแตงโมคือญาติของนะโมไง”
“……….”
มุกฝืดๆ ของคุณพี่ที่เล่นมาอย่างกะทันหันบนรถ.. มันคือคำพูดสุดท้ายที่พี่ชายเธอได้พูดกับเธอ เธอยังไม่ได้หัวเราะให้กับพี่
ไม่ได้ยิ้มให้พี่เห็นเลย.. หรือเพราะตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าพี่เธอแค่ต้องการให้เธอยิ้ม เขาจึงหามุกฝืดราคาถูกมาเล่นด้วย
เขากลัวเธอจะต้องแบกรับความกดดันที่เป็นคนเก่งเกินไป.. เขาเลยอยากจะช่วยแบ่งเบา.. แม้แต่ตอนนี้เอวานก็ไม่เข้าใจ
แต่ทว่า…
“อ่า บ้าเอ้ย เป็นเพราะยัยเด็กแวมไพร์นั่นแน่ๆ”
เอวานบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด.. เธอกำลังทำอะไรอยู่.. ช่วยคนชั่วทำชั่วเหรอ นี่น่ะเหรอคือสิ่งที่พี่ชายของเธอภูมิใจ
คือสิ่งที่พ่อเธอสอน คือสิ่งที่แม่เธอยิ้มให้.. เธอไม่ได้ฆ่าใคร ใช่เธอไม่ได้ฆ่าใครเลยแต่สิ่งที่ทำอยู่มันคือความชั่ว
หลายวันก่อนเธอเป็นหนึ่งในคนที่ขนส่งหัวของเด็กอายุต่ำกว่า 15 .. วันนี้ก็ไม่พ้นขนส่งเด็ก..ที่ไม่รู้ว่าตายหรือไม่
แต่เธอจะไปทำอะไรได้.. โลกในตอนนี้มันเน่าเฟะ คนที่ไม่มีพลังก็ล้วนไร้ค่าและถ้าหากเด็กที่อยู่ในกระเป๋านั่นตายไปแล้ว
เธอก็ช่วยอะไรได้ เธอไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษเหมือนคนอื่นเขา.. เธอจะไม่มีทางทำสิ่งที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน
เพราะนี่ไม่ใช่การบิ้วเพื่อให้สาวน้อยคนนี้จู่ๆ ก็กลายเป็นคนดี…
“เฮ้ย… เอวาน สถานีขนส่งมันอยู่อีกด้าน”
“อ้ากกก หนวกหูเว้ย ร่างกายมันขยับไปเอง เพราะยัยนั่นแน่ๆ ยัยนั่นแน่ๆ ความทรงจำในอดีตที่ลืมไปแล้วมันดันโผล่มาจนหมดเลย”
ความภาคภูมิใจของพี่ คำสอนของพ่อ รอยยิ้มของแม่…
เพราะนี่ไม่ใช่การเปลี่ยนคนชั่วให้กลายเป็นคนดีขึ้นมากะทันหัน….
เพราะสาวน้อย..
เพราะเอวาน..
เธอเป็นคนดี ที่หลงลืมในความดีของตนเอง
เพื่อจะลงโทษตัวเองเธอจึงทำชั่ว
ไม่รู้ว่าเพราะส่วนหนึ่งกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้วหรือเปล่า เท้าของเธอยกขึ้นพร้อมกับเตะเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ จนกระเด็นออกไปนอกรถ
“ฉัน.. ขอลาออกโว้ย”
………
[เอาจริงไหม เขียนไปเขียนมาผมดันชอบเอวานคนนี้ขึ้นมาแล้วอ่ะ – ผู้เขียน]