บทที่ 59 – ดยุกลวงโลกและองค์หญิงสีเลือด
นี่จึงเป็นช่วงที่เชื่อมโยงไปยังเรื่องราวของเอวาน.. ที่หลบหนีออกมาจากเมืองแห่งวังวนนั่นเอง
แน่นอนว่าเมืองแห่งวังวนนั้น ไม่ใช่เมืองที่ใครอยากจะเข้าก็เข้า ใครจะออกก็ออก เพราะถึงคนที่ทำงานด้านในหลายคนจะเป็นคนธรรมดา
เป็นหนึ่งในพนักงานขององค์กรบอร์เดอร์ไลน์ แต่ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นผู้ใช้อารยธรรม เอาเข้าจริงเมืองแห่งวังวนนอกจากจะเป็นตลาดมืดแล้ว
ยังนับเป็นที่ตั้งพิเศษของ ‘บอส’ พวกนันโจด้วย.. ดังนั้นในที่แห่งนี้จึงมีระบบต่างๆ ครบเหมือนอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งจริงๆ
ติดแค่ว่าเมืองนี้มันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ต้องบอกว่าเป็นหมู่บ้านเสียมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่ามีคนอยู่เทียบเท่ากับหมู่บ้านในโลกด้านนอกอย่างไร
เพราะที่นี่เต็มไปด้วยคนหลายประเภท ไม่ใช่แค่ลูกน้องของบอสเพราะเป็นตลาดมืด เลยทำให้มีคนเข้าคนออกได้ถ้าหากได้รับอนุญาตจากนันโจ
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่ากองกำลังหลักของบอสถึงอยู่ที่นี่ด้วย เพื่อดูแลสถานที่แห่งนี้นั่นเอง
โดยแบ่งออกเป็นหลายหน่วย แม้ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับนันโจหรืออาโก้ แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งดูแลทางเข้าและทางออกของเมืองตลอด
ทว่ากาลที่เอวานสามารถหลบหนีออกมาได้ด้วยรถขนส่งนี่มันไม่ควรจะง่ายแบบนั้น.. อีกอย่างต่อให้เอวานหลบหนีออกไปได้
ที่นี่ก็คือหอคอย ไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะเอาตัวรอดกลับไปได้.. แน่นอนว่าเอวานเองก็ไม่ได้หนีออกมาโดยไม่มีแผน
เพราะรถคันนี้สามารถขนส่งเคลื่อนย้ายข้ามมิติได้เช่นกัน แต่ทว่า.. เนื่องจากมันต้องหลบหนีออกจากเมืองนี้ก่อน
เพราะการเคลื่อนย้ายข้ามมิติด้วยรถนั้นต้องใช้เวลา.. เอวานจึงเลือกที่จะหนีออกจากเมืองมาก่อน
และสาเหตุที่เอวานสามารถหลบหนีออกมาได้นั้นก็มีเหตุผลของมันอยู่… นับตั้งแต่อาโก้เหยียบเข้ามาในเมืองแห่งนี้
เขาได้ติดต่อไปหานันโจทันที.. แต่ทว่านันโจเองก็เหมือนจะไม่ค่อยว่าง ซึ่งสาเหตุที่นันโจเองก็เจอปัญหานั้นก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน
หลังจากที่เอวานสลบไป.. รินนะก็จากไปแบบเงียบๆ เพราะเธอรู้ที่ตั้งของเมืองแห่งวังวนแล้ว แต่ยังไม่รู้วิธีเข้าไป
ทว่าเมื่อรินนะมองไปยังที่ตั้งของเมืองอีกครั้ง.. เธอก็ถึงกับขมวดคิ้วแทบจะทันที เจ้าตัวเพ่งมองเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตา
และก็เป็นอย่างที่คิด.. ตอนนี้มีเมืองแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาในระยะสายตาของรินนะไปแล้ว ทั้งที่ปกติที่ตรงนี้มันเคยเป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด
ทว่าในตอนนี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้น..
“นี่มัน…”
แน่นอนว่าแม้รินนะอาจจะไม่รู้ แต่ความจริงนั้นตอนนี้ที่เธอเปลี่ยนเอวานให้กลายเป็นแวมพีร์นั้นมันทำให้เอวานมีส่วนหนึ่งที่เป็นแบบรินนะไปแล้ว
และหากมองย้อนกลับกัน นั่นหมายความว่ารินนะเองก็ต้องมีบางส่วนที่เป็นเหมือนกับเอวานเช่นกัน
ใช่แล้ว ความทรงจำ ความคิด ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับเอวานในตอนนี้เป็นเหมือนของรินนะไปด้วยเช่นกัน
นั่นหมายความว่าถ้าหากมองในแง่ของพลังวังวนของนันโจแล้ว รินนะก็คือเอวานอีกคนนั่นเอง
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมรินนะถึงสามารถมองเห็นเมืองได้ในตอนนี้ แถมเธอยังสามารถเข้าไปได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่ารินนะไม่ได้ทราบถึงความจริงข้อนี้
อย่างไรซะเธอก็เป็นแค่แวมไพร์ที่พึ่งได้เกิดใหม่ การจะเข้าใจตัวของงตัวเองหรือพลังของตัวเองยังคงต้องใช้เวลาอีกเยอะ
และแน่นอนว่าเมื่อมองเห็นเมือง.. ความรู้สึกเศร้าที่มีต่อสิ่งที่เอวานเจอมาจากความทรงจำของเอวานแทบปลิวหายไปจนหมดสิ้น
บัดนี้สิ่งที่ลอยขึ้นมาในหัวของรินนะมีเพียงความโกรธแค้นที่น้องชายของตนเองถูกพรากไปเท่านั้น ภาพของร่างไร้วิญญาณที่ถูกขายในตลาดมืด
ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าตกไปอยู่ที่ใครแล้วมันลอยขึ้นมา….
เธอไม่สนใจทั้งเหตุผลว่าทำไมตนเองถึงมองเห็นเมืองขึ้นมาอย่างกะทันหัน หรือไม่คิดอะไรอีก
มีเพียงความแค้นเคืองตลอดหลายวันที่ผ่านมาของเธอเท่านั้นที่ระเบิดออกมา อาภรณ์สีแดงหมุนวนอยู่รอบร่างของรินนะ
ร่างกายของเธอกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งผ่านฟากฟ้าเข้าไปในเมือง.. เธอไม่ได้ต้องการกำจัดคนที่ดูแลเมืองนี้หรือเจ้าของเมือง
แต่ที่เธอต้องการคือ.. ฆ่าพวกมันทุกคน พวกมันคือคนชั่วที่เป็นเศษสวะยิ่งกว่าสวะ.. ดังนั้นไม่ว่าเธอจะมุ่งไปในทิศทางไหนของเมือง
ทุกที่ในที่แห่งนี้คือเป้าหมายในการจัดการของเธอ บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายของรินนะก็พังถล่มในจังหวะที่รินนะพุ่งเข้ามาถึง “ตู้ม”
เสียงดังสนั่นนั้นทำให้ทุกอย่างในรัศมีแตกตื่นตามกันไปแถบๆ
“อ้ากกก”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“อ้ากก แขนฉัน”
“ขาฉัน!!”
ภายใต้การพังถล่มของบ้านเรือนที่ถูกบางอย่างที่แข็งแกร่งทับลงต่อให้เป็นผู้ใช้อารยธรรมก็ดี หากไม่ได้ตั้งตัวกระดูกหรือแขนขาก็ถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
ถึงจะเป็นแค่มือใหม่ของการเป็นผู้ใช้อารยธรรมแต่ทว่า…
เธอคือ องค์หญิงสีเลือด..หรือเจ้าหญิงแห่งแวมไพร์
นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาที่อยู่แถวนั้นพวกเขาตายไปโดยไม่ทันได้กรีดร้องสักคำด้วยซ้ำ รินนะก้าวเดินออกมาจากซากบ้านที่พังถล่ม
เดินเหยียบเศษอิฐเศษปูนออกมามองไปยังเมืองที่เส็งเคร็งแห่งนี้.. เธอในตอนนี้ไม่สนแล้วว่าใครจะเป็นอะไรยังไง
เธอแค่อยากจะทำลายทุกอย่าง!!
เมื่อสายตาของคนอื่นที่อยู่ในเมืองเห็นหญิงสาวสวมอาภรณ์สีแดง ผมสีแดง ตาสีแดงขนทุกคนต่างลุกซู่
ในที่แห่งนี้ไม่มีใครไม่รู้จักองค์หญิงสีเลือดตรงหน้า แม้จะพึ่งปรากฏตัวขึ้นได้ไม่กี่วัน แต่ทว่าเธอฆ่าผู้ใช้อารยธรรมไปหลายสิบคน
แถมแต่ละคนก็ไม่ใช่อ่อนๆ นอกจากนี้เธอยังเหมือนจะตามหาเมืองแห่งนี้อยู่ ดังนั้นข่าวลือเรื่องของผู้หญิงคนนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วเมืองแห่งนี้
และทันทีที่ทุกคนเห็นเธอ..
“ปีศาจสีเลือด”
แน่นอนว่าในนี้ไม่มีคนรู้จักเนมของรินนะ เพราะรินนะในตอนนี้จะนับว่าเป็นรินนะก็ไม่เชิง เพราะทั้งผมหรือชุดทุกอย่างเธอไม่ใช่รินนะ
ดังนั้น ‘เนม’ ของเธอจึงไม่ได้ถูกเปิดเผยให้กับคนอื่น แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็เรียกเธอว่า ปีศาจสีเลือดที่ใกล้เคียงกับเนมของเธออยู่ดี
นั่นแสดงให้เห็นว่า รินนะทำให้ผู้คนกลัวได้ขนาดไหนนั่นเอง
ภายใต้ความแตกตื่นของผู้คนนั้นเอง…
“เธอก็คือหมาที่ช่วงนี้คิดจะแว้งกัดฉันคนนี้สินะ ?”
ทว่าในขณะที่รินนะยังไม่เคลื่อนไหว ตรงหน้าของรินนะก็พลันมีก้อนสีดำขนาดเล็กจิ๋วปรากฏขึ้น ก่อนที่มันจะบิดโค้งกาลอวกาศรอบ้านจนงอผิดรูปก่อนที่จะ
‘แควก’ เสียงฉีกขาดของห้วงอวกาศก็ดังขึ้น ฉีกทุกสิ่งทุกอย่างในระยะสายตาจนกลายเป็นหลุมแห่งห้วงมิติ
ซึ่งคนที่อยู่ตรงนั้นมีเพียงรินนะ คนอื่นๆ อาจจะถูกจับแยกออกไปแล้ว และคนที่ปรากฏตัวตรงหน้าของรินนะก็คือชายคนหนึ่ง
เขาสวมชุดที่เหมือนกับคนที่ทำงานในบริษัท ดูไม่เหมือนกับผู้ใช้อารยธรรมเท่าไหร่ ผมของเขามีสีน้ำตาลและค่อนข้างยาวมาถึงหู
สวมแว่นตากรอบเหลี่ยม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ดวงตาทั้งสองข้างที่มองมาที่รินนะก็ไม่ใช่สายตาของนักสู้
แต่เหมือนเป็นสายตาของนักวิชาการมากกว่า
นันโจ โรเนน นั่นคือชื่อของชายคนนี้… หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเป็นลูกน้องของบอส เขา อาโก้และอีกหนึ่งคน
คือสามหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดที่บอสพวกเขามี
และนันโจ โรเนน ผู้ที่มีพลังเกี่ยวกับการสร้างอาณาเขตลวงตาที่สามารถลวงหลอกได้แม้แต่ความเป็นจริง
หากว่ากันตามระดับแล้ว ในหมู่หัวหน้าหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามคน ขอแค่ทุกคนเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของเขาแล้ว
ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเขาได้อีกแล้ว
‘ดยุกลวงโลก’ นั่นคือเนมของเขา ซึ่งสามารถกล่าวได้คำเดียวว่าเป็นเนมที่เย้ยหยันแม้แต่โลก เพราะว่าเขาสามารถหลอกลวงได้แม้แต่โลกใบ—
ร่างของนันโจพลันถูกฉีกขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หรือรินนะก็ยังไม่ได้พูดตอบอะไร
เพราะอย่างที่บอก.. รินนะไม่สนใจว่าใครจะแข็งแกร่งที่สุดหรืออ่อนแอที่สุด
เธอต้องการแค่ ‘ทำลาย’
“ไม่สิๆ มาคุยกันก่อนดีกว่านะ องค์หญิงสีเลือด.. หรือจะให้เรียกรินนะดีล่ะ”
ทว่า.. นันโจกลับไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น!
………..
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
อธิบายระดับความสามารถของผู้ใช้อารยธรรมในเรื่องนะครับ
คือก่อนอื่นเลย ในเรื่องจะมีผู้ใช้อารยธรรม หรือผู้ใช้พลังพิเศษจากประตูบอร์เดอร์อื่นอยู่ ตามในเรื่องได้บอกไว้ ซึ่งการจะสามารถใช้อารยธรรมได้เนี่ย ต้องมีแร่พิเศษที่ผสมเข้าไปในร่างด้วย
โดยบางคนนั้นอาจจะมีความเข้ากันไม่ได้กับแร่หรือมีมากน้อยว่ากันไปตามระดับครับ ซึ่งตรงส่วนนี้จะเรียกว่า ‘ความเข้ากันได้กับแร่’ แบ่งยังไงเดี๋ยวในเรื่องจะมีอธิบายขยายเพิ่มเติมในบทถัดๆ ไปครับ
ต่อมาก็เป็นระดับของความห่างชั้นของอารยธรรมของโลกอื่นกับโลกหลักครับ.. ยิ่งอารยธรรมแตกต่างจากอารยธรรมของโลกหลักมากเท่าไหร่มันจะยิ่งต้องการความเข้ากันได้กับแร่ที่สูงขึ้นตามครับ
ต่อมาก็ระดับของอารยธรรมครับ ซึ่งจะแบ่งแยกด้วยสิ่วที่เรียกว่า ‘เนม’ ครับ โดยจะแบ่งออกเป็นตามยศขุนนาง
บารอน ไวน์เคาต์ เอิร์ล มาควิส และดยุก เรียงจากต่ำไปสูง โดยเนมสามารถ ‘เลื่อนขั้น’ ได้ผ่านการพัฒนาระดับของอารยธรรมครับ
สำหรับองค์หญิงหรือองค์ชายนั้นจะไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปได้ แต่!
แต่ว่าในเรื่องจะมีระดับความเชี่ยวชาญเกินความสามารถอยู่ครับ ซึ่งเป็นการดัดแปลงหรือประยุกต์ใช้พลังได้จนมากพอที่จะเรียกว่าแข็งแกร่งพอจะสามารถจัดการองค์หญิงหรือองค์ชายได้เลย
แต่อีกรอบ..! สิ่งนี้ที่เรียกว่าความเชี่ยวชาญพวกองค์หญิงองค์ชายเองก็มีนะ… ซึ่งนั่นหมายความว่าหากวัด Base ขององค์หญิง พวกที่มีระดับความเชี่ยวชาญสูงๆ จะสามารถชนะ Base องค์หญิงองค์ชายได้..
แต่นั่นคือ Base ไง.. พื้นฐานแรกเกิดของอารยธรรม เพราะองค์หญิงองค์ชายเขาก็เรียนรู้กันตลอดเหมือนกัน
แถมยังมีอะไรหลายอย่างที่ต่างจากพวกระดับขุนนาง
เพราะงั้นเวลาในเรื่องบอกว่าตัวนั้นตัวนี้สามารถฆ่าองค์หญิงหรือองค์ชายได้.. นั่นเป็นแค่การวัดจาก Base แรกเกิดของอารยธรรมระดับองค์หญิงองค์ชายเท่านั้นนะครับ
เพราะการต่อสู้กับพวกองค์หญิงหรือองค์ชายนั้นถือเป็นสิ่งกฎหมายขั้นสูงสุด เพราะพวกเขาถือเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ แน่นอนว่าความสำคัญขององค์หญิงกับองค์ชายคนทั่วไปคงนึกภาพไม่ออก
เนื่องจากเห็นพวกนางเดินเล่นโดยไม่มีการคุ้มกันอะไรเลย แถมบางคนแทบไม่ถือตัวทำตัวเหมือนคนธรรมดา..(เพราะเดิมทีพวกเขาก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้พิเศษกว่าใคร อย่างน้อยก็ใน Mind set ของพวกเขาเอง)
แต่ความสำคัญของพวกเขาในเรื่องความจริงนั้นเทียบเคียงหรือมากกว่านายกรัฐมนตรีอีกครับ
(และเป็นเหตุผลที่ตอนแรกมิวโดนหาเรื่องโดยองค์หญิงไร้เสียงนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่มากๆ เพราะองค์หญิงไปหาเรื่องคนอื่นก่อน แถมคนอื่นที่ว่ายังสามารถรับการโจมตีของคนระดับองค์หญิงได้นั่นเอง)