บทที่ 64 – การมาถึงของผู้ประสงค์ร้าย
หลังจากเอวานขับรถออกมาแล้ว.. เธอก็พยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ารถที่เดินทางข้ามมิติได้ต้องไม่ใช่รถธรรมดา
แต่เป็นรถบินได้ เพราะงั้นต่อให้เป็นซากปรักหักพังก็ไม่เป็นปัญหากับรถคันนี้ อีกอย่างเอวานก็ขับรถคันนี้มานานเป็นปีแล้วด้วย
จะบอกว่าเธอคือหนึ่งในคนที่ขับรถคันนี้เชี่ยวชาญสุดๆ ก็ไม่แปลก แถมต่อให้มีสัตว์ประหลาดอยู่ด้านหลังเอวานยังหลบซ้ายหลบขวาเอาได้
เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่เธอมั่นใจว่าน่าจะมีชีวิตอยู่เพราะกล่องไม่ได้ถูกส่งไปทำความสะอาดก่อน
แต่เป็นส่งออกนอกตลาดทันที มันคงคล้ายกับตอนขายทาสนั่นแหละ แต่เธอแปลกใจตรงที่ทำไมยัดใส่กล่องไว้นี่แหละ
แต่จะยังไงก็ตาม จากข้อมูลที่ว่ามาเธอจึงเดาว่าน่าจะยังช่วยอีกฝ่ายได้ เธอไม่สามารถหลับตาทำเรื่องแบบนั้นได้อีกแล้ว
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอถูกแวมไพร์ดูดเลือดจนความทรงจำเก่าๆ กลับมา.. หรือเพราะคำพูดของแวมไพร์ตนนั้น
แต่เธอตัดสินใจไปแล้ว.. เธอเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีคนตามล่าเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รีรอที่จะเร่งความเร็วขึ้นอีก
แต่ทว่าเมื่อหลุดออกมาจากเมืองแห่งวังวนได้นั่นเอง.. รถขนส่งเธอก็ถูกบางอย่างชนเข้าอย่างรุนแรงจนทำให้รถของเธอปลิวกระเด็นไปข้างหน้ากระแทกกับซากปรักหักพังแถวนั้นเป็นแถบ
“กรี๊ดดดดด”
เธอกรีดร้องออกมา ด้วยความตกใจ โชคยังดีที่รถคันนี้คือรถจากยุคอนาคตที่ค่อนข้างทนทานและแข็งแรง
ดังนั้นจึงไม่ได้พังโดยง่าย.
“พวกมันตามมาแล้วเหรอ.. บ้าหรือไง ทำไมมันตามมารเร็วขนาดนี้ได้”
เธอบ่นออกมาพยายามสตาร์ทเครื่องที่ดับไปแล้ว แต่สตาร์ทยังไงก็สตาร์ทไม่ติดสักที
“ติดสิ ติดสิ”
อาจจะเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้เครื่องยนต์เลยโดนผลกระทบไปด้วย แต่ทว่าเสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้น เพราะเอวานไม่ได้ปิดประตูดีๆ
เลยทำให้ได้ยินเสียงจากด้านนอกชัดเจน..
“แกเป็นใครทำไมถึงคิดจะแย่งเด็กนั่นไปจากฉันคนนี้”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง.. แน่นอนว่ามันไม่ใช่ใครนอกจากอาโก้.. พอมาคิดๆ ดูแล้วนี่เป็นสินค้าที่อาโก้เอาเข้ามานี่น่า
เอวานเหงื่อแตกไหลพร้อมกับคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี.. แน่นอนว่าอาโก้ที่คุยเรื่องนันโจไม่อยู่กับลูกน้องนันโจอยู่
แต่พอได้ยินข่าวว่าเด็กที่ตัวเองสังเวยลูกน้องทั้งหน่วยไปเพื่อพาตัวเด็กนี่มา เขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้หรอก
แต่เขาไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือใคร ทำไมถึงรู้เรื่องของเด็กคนนั้น เขายังไม่ได้บอกกระทั่งนันโจหรือบอสด้วยซ้ำว่าเขาได้เด็กคนนั้นที่บอสตามหา
เขาบอกแค่ว่าได้ของสำคัญมา.. แล้วคนที่มาลักพาตัวเป็นใครกันแน่ แน่นอนว่าอาโก้ไม่คิดว่าเอวานจะเป็นพนักงานธรรมดาที่จู่ๆ ก็นึกอยากช่วยคนขึ้นมาหรอก
แต่จะเป็นใครก็ตามแต่.. เขาตอนนี้ก็ไม่สนใจ หากเป็นหนึ่งในลูกน้องบอสเขาก็จะฆ่าทิ้งอยู่ดี เพราะนี่คือผลงานของเขา
เพราะนี่คือเหยื่อที่สังเวยคนทั้งหน่วยของเขาไป.. หากเหยื่อนี้หลุดมือไปเขาคงปลิวออกจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยทันทีแน่
เรื่องนั้นเขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้..
ทางด้านเอวานก็กลัวจนหัวหด ศัตรูคือผู้ใช้อารยธรรมที่แข็งแกร่งพอจะฆ่าระดับองค์หญิงหรือองค์ชายได้ เธอจะเอาอะไรไปสู้กันล่ะ
เธอพยายามจะสตาร์ทรถให้ติด.. และในวินาทีนั้นเองมันก็ติดขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ เพราะจู่ๆ ก็ติดขึ้น
เธอควบคุมรถให้ลอยขึ้นพร้อมกับเหยียบคันเร่งจนสุด แล้วก็พุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้
“…… ฉันว่าฉันโจมตีโดนแหล่งพลังงานมันไปแล้วนะ ทำไมมันยังเคลื่อนที่ได้อีก…”
อาโก้ถึงกับอึ้ง.. แต่ทว่าถ้าอีกฝ่ายเลือกจะหนีก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานเขาได้ ตอนแรกนึกว่าหนีเพื่อออกจากวังวนของเจ้านันโจเท่านั้น
“ในเมื่อไม่ตอบ.. ก็ตายไปซะ”
แม้อยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคือคนของใคร.. หนึ่งในลูกน้องของบอส หรือลูกน้องของคนอื่นที่ไม่ใช่บอส
แต่ทว่า.. เขาเองก็ไม่มีเวลาว่างมาเล่นด้วยขนาดนั้น ต่อจะเป็นความเร็วของรถจากอนาคตที่เร็วมากๆ
แต่เขาก็คือ..หนึ่งในคนที่เร็วที่สุดคนหนึ่ง ร่างกายของเขากลายเป็นเงาสีดำพุ่งผ่านอากาศไป ราวกับมีเส้นขอบฟ้าอีกเส้นปรากฏขึ้น
เอวานที่มองด้านหลังเธอก็ร้องออกมา
“โกหกใช่ไหมเนี่ย นี่มันเร็วกว่าห้าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะเว้ย”
เธอร้องออกมา เหยียบคันเร่งจนสุดแรงเกิดเท่าที่จะเหยียบได้ แต่เพราะมัวแต่มองด้านหลังอยู่จึงไม่สังเกตเห็นว่าด้านหน้ามีตึกสูงที่ยังไม่พังถล่มอยู่
“ระวัง!”
เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านข้างของเอวาน ทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอมั่นใจว่าไม่มีคนนั่งอยู่ข้างๆ เธอแน่ๆ
แต่พอหันกลับมายังมองไม่ถึงคนที่อยู่ด้านข้าง ตึกตรงหน้าของเธอก็ย่นระยะห่างภายในเสี้ยววินาที ร่างกายเอวานแข็งทื่อไปจนหมด
และในพริบตาเดียวกันมือขวาที่จับพวงมาลัยอยู่นั้นก็ถูกดึงลงทันที และทำให้รถหักออกด้านข้างแต่ก็เสียหลักจนพุ่งดิ่งกระแทกลงกับพื้น
แน่นอนว่าต่อให้เป็นรถที่จากอนาคตขนาดไหน แต่ดิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้ก็คงต้องพังถล่ม คนข้างในตายไม่รอด—
ควรจะเป็นแบบนั้น เพราะในระหว่างที่รถเสียหลัก เงาสีดำบางอย่างกระโดดออกจากหน้าต่างพุ่งออกมากระเด็นเข้าไปในตึกตามแรงเฉื่อย
แต่เห็นได้ชัดว่ามีพลังบางอย่างที่ดึงรั้งเงานั้นเอาไว้อยู่.. และเมื่อหยุดนิ่งลงก็พบว่ามีคนคนหนึ่งกำลังกอดร่างของเอวานเพื่อปกป้องอยู่
เธอเป็นเด็กอายุประมาณ 16-17 ปีเท่านั้น ผมสีดำยาวของเธอนั้นเหมือนกับปกป้องร่างของเอวานจากแรงกระแทก
ดวงตาที่ปิดสนิทของเธอค่อยๆ ลืมขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีแดงที่เคยดับสนิท แต่ตอนนี้กลับมีแววสว่างเหมือนปกติ…
เธอก็คือเอวานไม่แน่ใจเลย เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แถมเด็กคนนี้ยังไม่ได้พูดอะไรอีกด้วย
“เอ้ะ…”
อย่างสับสนพร้อมกับเงยหน้ามองเด็กอายุน้อยที่กำลังกอดตัวเองอยู่ตอนนี้..
“เธอ…”
“…….”
เธอไม่ได้ตอบอะไรเอวาน เพียงแต่จู่ๆ เอวานก็รู้สึกเหมือนกับง่วงนอนขึ้นมากะทันหัน ดวงตาของเธอค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นก่อนจะถูกปิดลง
สติของเธอค่อยๆ มืดดับลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเวลาไม่นานหลังจากนั้นที่ตัวของอาโก้จะตามมาถึงอาคารหลังนี้…
….
..
ดวงตาของเอวานค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ เธอก็สะดุ้งแทบจะทันทีพร้อมกับมองซ้ายมองขวา เธอก็พบว่าเด็กน้อยที่ปกป้องเธอยังนอนกอดเธออยู่ท่าเดิม
แต่รถก็พังไปแล้ว
“อ้ะ.. คนที่ไล่ตาม—”
เอวานหันไปยังทิศทางที่ตัวเองจากมา แต่ทว่าเธอก็ถึงกับสะดุ้ง ตรงหน้าเธอมีพรมสีเลือดที่สาดกระจายไปทั่วพื้นที่
ไม่มีทั้งร่องรอยของการต่อสู้ ไม่มีทั้งซากศพ สิ่งที่อยู่แถวนั้นมีเพียงเลือดเท่านั้น.. เลือดที่สาดกระจายไปทั่วราวกับเกิดการฆ่าฝ่ายเดียวอยู่ตรงนี้
“เอ้ะ… เอ๋….?”
ในขณะที่เอวานได้แต่สับสนไม่เข้าใจ ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้ามายุ่งกับเรื่องราว ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาก็ไม่อาจย้อนคืนได้แล้ว
กลไกของมันเริ่มเดินต่อไปโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัว.. เพราะในวินาทีถัดมาสายตาเธอก็หันไปมองด้านบนที่อยู่นอกอาคารตึก
ตรงนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งสิบกว่าคนกำลังยืนมองมาที่เธอ.. ด้านหลังของพวกเขามีภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่รูปเหมือนปีศาจสีแดงนั่งมองมาที่เอวานเหมือนกัน
ชายคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าก็มองมาทางเธอแล้วก็พูดขึ้น
“เจ้านั่นใช่ไหม.. สิ่งที่จะใช้เป็นตัวประกันกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น”
ปีศาจสีแดงพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม มันมองไปที่เอวานราวกับจ้องลึกไปในจิตใจ.. ไม่สิ ราวกับมันได้รู้จักกับเอวานอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าตัวเอวานเองเสียอีก
มันหัวเราะคึกคักพอใจกับการเห็นใบหน้า..เอวาน และตอบแอเรียน
“ช่ายๆ แต่เร็วหน่อยนะอีกไม่กี่นาที เจ้าสิ่งมีชีวิตที่พวกแกไม่มีทางชนะก็จะมาถึงแล้ว ที่พวกแกมาถึงก่อนก็เพราะว่าใช้การเคลื่อนย้ายสสารข้ามมิติเท่านั้น”
ใช่แล้ว.. Daemonium Ex-Machina สามารถคำนวณเห็นอนาคตของทุกสิ่งที่มัน ‘เคยเห็น’ มาแล้วนั่นเอง
ความสามารถที่ทรงพลังไม่แพ้กับ Deus Ex-Machina
…………
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
เอาเข้าจริงก็เคยบอกในเรื่องไปแล้ว แต่ว่ามาขยายความเพิ่มให้อีก คือจริงๆ แล้วเอวานเนี่ยฉลาดมากๆ นะครับ.. นางฉลาดในระดับที่ได้คะแนนเต็ม 100 ทุกวิชาสมัยเรียนตอนเด็ก ซึ่งทุกคนอาจจะมองว่าแค่ตอนเด็กหรือเปล่า.. คำตอบคือใช่ครับ หลังจากนั้นนางไม่ได้โฟกัสเรื่องเรียน ทำให้นางไม่มีโอกาสได้เรียนขนาดนั้น ในตอนนี้นางจึงไม่ได้มีความรู้ที่เยอะขนาดนั้น
แต่นางเป็นคนเรียนรู้ไวครับ หรือก็คืออัจฉริยะน่ะแหละ เด็กที่ตั้งใจนิดหน่อยก็ได้เต็ม 100 ทุกวิชานั่นเอง
เรียกว่ามีพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้ที่สูงมาก
ถามว่านางพรสวรรค์ในการเรียนรู้สูงขนาดไหนน่ะเหรอ
ก็คงจะยืนหนึ่งในเรื่องตอนนี้เลยครับ