บทที่ 77 – เสียงที่สั่นเครือของปีศาจ
ก่อนหน้านี้เล็กน้อย.. ในระหว่างที่มิวอยู่ภายในจักรวาลจำลองโลกด้านนอกก็ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
และแอเรียนเองก็ไม่กล้าโจมตีไปยังผู้กล้าเอริเนีย เพราะเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าคนที่นั่งสบายๆ อยู่ตรงนั้นแข็งแกร่งมาก
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับสัตว์ประหลาดตัวนั้น ทำให้เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามโจมตี และเวลาอีกส่วนหนึ่งเขาใช้เกลี้ยกล่อมเทรต้าที่อยู่ข้างๆ
ทางด้านของเอวานก็เหมือนจะได้รับการปกป้องจากตัวของผู้กล้าเอริเนีย เธอจึงไม่ได้เป็นอะไรมาก
และทางด้านของรินนะนั้นการต่อสู้ดำเนินมาจนถึงจุดไคลแมกซ์เช่นเดียวกัน ร่างของนันโจถูกรินนะดูดกลืน
แน่นอนว่าต่อให้มันจะสามารถย้ายร่างได้ แต่นั่นก็ต้องเป็นตอนที่มันตายเท่านั้น แต่ทว่าร่างกายของมันในตอนนี้ถูกรินนะยึด
เปลี่ยนร่างกายให้เป็นร่างกายของเธอ ผมสีแดงของรินนะสยายออกรูปร่างที่เคยเป็นของนันโจถูกเปลี่ยนเป็นร่างกายของรินนะ
อีกทั้งยังถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายจนแทบจะเป็นร่างกายใหม่ของรินนะไปหมดแล้ว… แม้นันโจจะสามารถย้ายร่างได้โดยไม่ต้องฆ่าตัวตายก่อน
แต่นั่นมันในกรณีที่ร่างกายนั้นต้องตายตามในภายหลัง.. เพราะวิญญาณของเขานั้นจะมีวิญญาณสองส่วนคือความนึกคิดและร่างกาย
เขาสามารถย้ายความนึกคิดไปอีกร่างและโจมตีรินนะได้ แต่ถ้าร่างกายเดิมไม่สลายหายไปสุดท้ายพลังในร่างใหม่ก็จะไม่สามารถควบคุมได้เพียงแค่ความนึกคิด
กล่าวคือหากวิญญาณไม่ครบสมบูรณ์ร่างเขาก็จะไม่สมบูรณ์ ไม่ต่างหากคนพิการเท่าไหร่ อาจจะพูดไม่ได้หรือมีปัญหาด้านสมองได้เลย
แน่นอนว่าแนวคิดนี้มันคือแนวคิดจากอารยธรรมของเขาน่ะนะ ไม่ใช่แนวคิดจากโลกความจริง แต่ถึงแบบนั้นร่างกายเขาที่ได้รับอารยธรรมจากโลกนั้นมา
เขาจึงได้รับกฎเกณฑ์ของโลกนั้นไปด้วย ทำให้ตัวเขาในตอนนี้หากย้ายร่างใหม่ในตอนนี้ก็ไม่วายที่จะโดนรินนะฆ่าอยู่ดี
ทางเดียวที่เป็นไปได้ในตอนนี้จึงเป็น.. แย่งการควบคุมกลับมาเท่านั้น ยังไงซะร่างกายนี้ก็คือร่างกายของเขา
มีทั้งวิญญาณร่างกายและความนึกคิด.. แต่รินนะไม่ได้มีร่างกาย หมายความว่าเธอมาแค่ตัวเปล่า—
นันโจพยายามใช้ความนึกคิดกลืนกินความนึกคิดของรินนะ— ทว่านั้นก็ไม่อาจจะเทียบเคียงกับสิ่งมีชีวิตที่กลืนกินชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
หากในอารยธรรมของนันโจอธิบายว่าวิญญาณก็คือรูปร่างหรือการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิต คือกฎพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตจากโลกของอารยธรรมของเขา
ถ้าเช่นนั้น.. หากเปรียบเทียบกับอารยธรรมของโลกที่มีการดำรงอยู่ของแวมไพร์ วิญญาณก็คงไม่ต่างจาก ‘พลังชีวิต’ ที่รินนะต้องกลืนกินมากนัก
ไม่มีทางที่นันโจจะสามารถกลืนกินร่างกายของรินนะได้อยู่แล้ว ปากของรินนะเบิกออกพยายามจะกรีดร้องผ่านเสียงของนันโจ
แต่ทว่ารินนะหุบปากลงทำให้มันไม่สามารถทำอะไรได้
ทันทีที่นันโจมตีถูกรินนะกลืนกินจนหายไปนั้นเองพลังของนันโจ.. เขตแดนของนันโจควรจะหายไปด้วย
แต่เมืองแห่งนี้คงจะไม่หายไปหรอก สิ่งที่จะหายไปมีเพียงแค่เขตแดนของนันโจเท่านั้น เขตแดนที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแห่งวังวนน่ะนะ
เพราะเขตแดนของนันโจแม้จะเป็นการสร้างอารยธรรมประทับลงโลกนี้เหมือนกับการใช้อารยธรรมสร้างบ้านเมืองแบบที่ยุคนี้ไม่สามารถสร้างได้ก็จริง
แต่มันก็ต่างกันตรงที่พลังของนันโจทำให้เมืองนี้ล่องหนนั่นแหละ และเมื่อนันโจหายไปกฎที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้จึงหายไปตามกฎของเกณฑ์นั่นเอง
สรุปก็คือ อีกไม่นานทุกคนในเมืองนี้ก็คงจะถูกเหล่าสัตว์ประหลาดในชั้นนี้ฆ่าแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่ารินนะไม่ทราบเรื่องนี้
และต่อให้เธอทราบเธอก็คงเลือกที่จะเก็บนันโจไว้เป็นคนสุดท้าย.. เพราะว่าเธออยากจะฆ่าทุกคนที่ทำให้เมืองนี้ดำรงอยู่
รินนะหลับตาลงเล็กน้อย…
“รอก่อนนะ..”
ใบหน้าของน้องชายเธอลอยขึ้นมา จิตสังหารพุ่งพรวดขึ้นอีกครั้งที่โลกซึ่งนันโจสร้างมาขังเธอไว้กำลังแตกสลายลงนั่นเอง
“ฮีล”
เสียงปริศนาที่รู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้ยินพลันดังขึ้น มิติที่ควรจะแตกสลายก็ฟื้นคืนกลับมาอย่างปริศนา.. ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าฟื้นคืน
ต้องบอกว่า… มันถูกแทนที่ด้วยมิตินี้ที่ไม่เคยแตกร้าว และมิตินี้ที่เคยเป็นของจริง บัดนี้เหมือนจะกลายเป็นบางสิ่งที่เลือนรางจนเหมือนกับภาพลวงตา
รินนะเบิกตากว้าง พร้อมกับเลือกที่จะหันหลังไปหาแหล่งกำเนิดเสียงนั้นเอง—
ภาพตรงหน้าของเธอก็หดลง ช่วงเวลาที่ควรจะมีอยู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย รู้สึกตัวอีกครั้งคอของรินนะก็ถูกของมีคมบางอย่างวางไว้ตรงนั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
รินนะเบิกตากว้างพร้อมกับคิดในใจ เบื้องหน้าเธอมีผู้ชายคนหนึ่งที่แปลกประหลาด เพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาถูกเย็บไว้ด้วยด้ายอย่างน่าสยดสยอง
เขามีร่างที่เล็กกว่านันโจซะอีก พูดให้ถูกคือผอมแห้ง แต่ก็ค่อนข้างสูงร่างกายของเขาจึงดูเหมือนกับตั๊กแตนตำข้าวเลยด้วยซ้ำ
ผิวหนังที่ผอมจนเห็นกระดูกซี่โครงชัดเจนเหมือนกับสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดในชั้นนี้เสียงด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าทั้งที่ตาถูกเย็บอยู่แบบนี้เขาสามารถรับรู้หรือมองเห็นได้อย่างไร แต่รินนะก็รู้ดีว่ามันต้องเห็นแน่ๆ ไม่งั้นมันคงไม่หยุดดาบได้เป๊ะขนาดนี้แน่ๆ
เสียงแหบพร่าของมันดังขึ้น
“เธอ..ชื่อรินนะงั้นสินะ?”
เสียงที่แห้งสากของมันทำให้ดูน่าสยดสยองยิ่งกว่าเดิม เจ้านี่ไม่ต่างอะไรไปจากซากศพที่มีชีวิตเลยด้วยซ้ำ
รินนะไม่ได้คิดจะตอบ.. เธอก้าวขาถอยหลัง แต่ในจังหวะนั้นเองมุมมองของเธอก็ลอยเคว้งขึ้น สำหรับรินนะในตอนนี้ทุกอย่างมันช้าลงอย่างน่าประหลาด
มุมมองที่เธอเห็นกลับกลายเป็นร่างของเธอที่ไร้ซึ่งหัว…
“นี่มัน..เกิดอะไรขึ้น?”
เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันฟัน ไม่สิ เมื่อกี้มันยังพูดอยู่ด้วยซ้ำ คอของเธอขาดไปตอนไหน
และพลังของมันก็ไม่เหมือนพลังที่มันฟื้นฟูมิติกลับมาเมื่อกี้นี้ หมายความว่าพวกมันมีมากกว่าหนึ่งคนงั้นเหรอ
แล้วมันรู้จักชื่อของเธอได้ยังไง เจ้านี่มันเกี่ยวอะไรกับนันโจกับที่แห่งนี้ไม่ผิดแน่.. แต่เจ้านันโจไม่น่าจะใช่คนประเภทที่มีเพื่อนระดับเดียวกันนี่น่า โลภในอำนาจจะตายนี่
ไม่สิ ไม่ใช่ ที่เธอควรคิดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น.. ที่เธอควรคิดก็คือพลังของมันคืออะไรกันแน่ พลังของคนที่เธอต้องต่อสู้ด้วยน่ะ
และก่อนอื่นเลยเธอต้องฟื้นฟูร่างกายก่อ—
“เรียว ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าตัดก่อนที่หล่อนจะตั้งตัว เดี๋ยวความสามารถของแกก็ถูกรู้หรอก”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังรินนะอีกครั้ง หัวของเธอที่ควรจะร่วงกลับถูกคว้าจับเอาไว้ และทันทีที่มือของใครบางคนซึ่งพูดอยู่นั้นจับผมรินนะ
ดวงตาของรินนะก็ถึงกับเบิกกว้างอีกครั้ง.. ..
“นี่มันเรื่องอะไร มันเกิดอะไรขึ้น”
รินนะคิดในใจพยายามรีดเค้นพลังมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ เธอไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ ไม่สิ
ถ้าจะพูดให้ถูกคือมันฟื้นฟูไปแล้ว.. แต่ทำไมเหตุการณ์ในตอนนี้ ร่างกายของเธอในตอนนี้ถึงไม่กลับมา นี่…มันเกิดอะไรขึ้น!!
ชายคนที่น่าจะชื่อเรียวก็ก้มหัวขอโทษชายที่จับหัวของรินนะอยู่ว่า
“ขอโทษครับ บอส..”
“อ่า ช่างเถอะ ถึงหล่อนจะฉลาดขึ้นเพราะอารยธรรมอะไรก็ไม่รู้ แต่แค่นั้นคงไม่รู้หรอก แต่คราวหลังอย่าให้มีอีกนะ”
“ครับ บอส”
“เพราะความสามารถของนายคือสมบัติของฉันคนนี้”
มันพูดด้วยเสียงหยิ่งผยอง รินนะพยายามจะเงยหน้ามองชายคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า แต่ก็ไม่สามารถเงยหน้ามองได้เพราะว่าเธอมีแค่หัว
“เอาล่ะๆ งั้นเราก็มาเริ่มพิธีกรรมเลยไหม?”
“พิธีกรรมที่จะทำให้ฉันคนนี้ไปถึงระดับผู้บริหารโดยไม่ต้องพึ่งเด็กที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงไหม”
“การวิวัฒนาการของอารยธรรม”
เสียงของมันเต็มไปด้วยความพอใจ
รินนะที่ได้ยินเสียงนี้ในตอนแรกก็ยังคงสับสนว่าเป็นใครกันแน่ แต่ความรู้สึกคุ้นหูเหมือนกับได้ยินมาก่อนมันหมุนวนอยู่ในหัวของเธอ
อาจจะเพราะเป็นแวมไพร์หรือเปล่าความทรงจำของเธอเลยเฉียบไวกว่ามนุษย์เหมือนกับที่เธอฉลาดขึ้นเพราะอารยธรรม
รินนะที่พยายามใช้ความคิด จู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้…
ดวงตาของเธอเบิกโพลงขึ้น
“………….”
เธอพยายามปฏิเสธความคิดดังกล่าว เสียงนี้มันเป็นเสียงที่เธอไม่ได้ยินมาเป็นปีแล้ว หลายปีจนแทบจะลืมไปแล้ว
แต่เธอไม่มีทางลืมเสียงนี้ไปได้ ชายคนที่คุยกับคนชื่อเรียวก็ค่อยๆ ยกหัวของรินนะขึ้นพร้อมกับหันมาทางตัวเอง
สีหน้าของรินนะในตอนนี้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เธอไม่อยากจะเชื่อความคิด ความทรงจำตัวเองแต่ทว่า…
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ รินนะ”
“ทำ… ทำไม…”
เสียงของรินนะเต็มไปด้วยความสั่นเครือ เธอที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เธอที่ฆ่าคนไปมากมายจนเหมือนกับฆ่ามดฆ่าแมลง
เธอที่กลายเป็นเหมือนปีศาจแห่งความกระหายเลือด ปีศาจสีเลือด …เธอควรจะไม่สามารถเปล่งเสียงแบบนี้ออกมาได้แล้วแท้ๆ
ทว่า.. เสียงอันอ่อนแอของเธอนั้นมันดังขึ้นภายใต้สีหน้าที่สมบูรณ์แบบของชายตรงหน้ารินนะ
“ทำไม…กัน… ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!!!”