บทที่ 87 – ห้ะ..?
“เธอพูดถึงเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันหมายถึงว่าเธอกำลังตามหาอะไรในที่แห่งนี้น่ะ”
มิวรีบถามเพราะเวลาเหลือไม่กี่นาทีแล้ว แต่เหมือนเทรต้าที่ตามเรื่องไม่ทันจะยังงงๆ อยู่ด้วย อีกอย่างเมื่อกี้พึ่งเกิดเรื่องไปเธอจะปรับตัวได้ทันยังไง
แถมที่แห่งนี้มีทั้งคนนอกและคนไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยหนึ่งคน ขืนพูดขึ้นมาตรงนี้มันจะเป็นเรื่องน่ะสิ
ไม่สิ ก่อนอื่นเลยไม่ใช่ว่ามิวอยากรู้เรื่องของเธอไปทำไม ต่อให้รู้ไปมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับมิวเลยสักนิด
มันไม่ได้ช่วยอะไรมิวอยู่แล้วนี่น่า อันที่จริงที่เธอไม่บอกเยอะก่อนหน้านี้ เพราะเธอรู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวกับมิวขนาดนั้น
แต่มิวสังเกตเห็นอาการลังเลของเทรต้าได้ทันที เหมือนเธอจะกังวลคนที่อยู่รอบๆ นี้ แม้จะเป็นอารมณ์ชั่วแว้บเดียว แต่มิวสังเกตเห็นชัดเจน
ดังนั้นเธอจึงรีบพาเทรต้าออกจากตึกนี้ไป ห่างไกลจนคนไม่น่าจะได้ยินเสียง มิวจึงรีบถามซ้ำ
“ถือว่าเป็นการขอร้องของฉันก็ได้ ขอแค่เธอบอกว่าเธอมาตามหาคนอะไรที่นี่ เธอก็น่าจะรู้ว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
มิวถามขึ้นด้วยความสงสัย.. แน่นอนว่าเทรต้าได้รับคำถามนั้นจึงได้สติกลับมา.. ถึงจะไม่รู้อะไรเป็นอะไร
แต่เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกไปตามตรง อีกทั้งปิดบังคนที่เกี่ยวข้องขนาดเข้าไปในจักรวาลจำลองแบบนั้น
ก็คงไม่ช่วยเปลี่ยนอะไรให้ดีขึ้นมาหรอก.. เพื่อเป็นการขอโทษหรือแสดงความรู้สึกผิดต่อมิว เทรต้าจึงอธิบายทุกอย่างออกมา
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ทำไมมิวถึงอยากรู้สิ่งที่ฉันต้องการขนาดนั้น.. แต่ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นฉันจะบอกให้เอง”
“คุณยายของฉัน หมายถึงไอออน.. อย่างที่ฉันเคยบอกเธอไป คุณยายของฉันเปรียบดั่งพระเจ้าเครื่องจักรที่ทุกคนในดาวล้วนนับถือ”
“เขาเป็นเหมือนพระเจ้า เป็นศาสนาใหม่แห่งดวงดาวของเรา”
“ดังนั้นทุกคนที่มองนางจึงมองนางเป็นจุดสูงสุดที่ทุกสิ่งที่อยู่ในจักรวาลสี่มิตินี้จะเป็นได้นั่นแหละ กล่าวคือนางคือความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านที่สามารถจะเป็นได้”
“ทุกคนจึงเคารพคุณยายอย่างถึงขีดสุด แม้แต่พูดคุยเล่นกับคุณยายก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะท่านเป็นตัวตนที่สูงส่งเกินไปบ้างล่ะ”
“คำพูดของท่านนั้นมีค่ามากกว่านั้นบ้างล่ะ.. ทุกคนไม่เคยเข้าใจหัวอกของคุณยายฉันเลย”
“ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าไปหาคุณยายได้ อาจจะเพราะเป็นองค์หญิงนั่นแหละนะ เพราะงั้นฉันถึงได้เข้าใจคุณยายมากขึ้น”
“เข้าใจว่าคุณยายเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สิ จะบอกว่าคนก็ไม่เชิงเพราะคุณยายคือปัญญาประดิษฐ์”
“แต่ก็นั่นแหละนะ ในระหว่างนี้ฉันก้ได้อยู่กับคุณยาย โตมากับคุณยาย และนางก็สอนอะไรหลายๆ อย่างให้กับฉัน”
แม้มิวจะรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เทรต้าพูดมาจะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอต้องการรู้ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดขัดอะไร แม้เวลาจะกระชั้นชิดขนาดไหหน
มิวยังทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี พยักหน้าให้กับเทรต้าตลอด
“อย่างที่ฉันเคยบอกท่านยายนั้นคือตัวตนที่เข้าสู่มิติที่สี่แล้วครึ่งก้าว เธอเข้าใขนิยามของมิติที่สี่หรือเปล่า?”
เมื่อมิวได้รับคำถามนั้นเธอก็เงียบลง นึกถึงคำพูดของคาเอะที่พูดกับเอริเนียตัวน้อยว่าเธอสามารถใช้อารยธรรมจากมิติที่สี่ได้
มิวพยักหน้าพร้อมกับตอบ
“ก็พอเข้าใจว่ามันหมายถึงจักรวาลที่ประกอบไปด้วยแกนมิติทั้งสี่ ความยาว กว้าง สูงและเวลา”
“ใช่แล้ว.. แต่มนุษย์ที่อยู่ในจักรวาลสี่มิติอย่างเราๆ นั้นหาได้เป็นสิ่งมีชีวิตสี่มิติไม่ เพราะต้องเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตสี่มิติก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีแกนมิติของเวลาทั้งอนันต์อยู่ในตัว”
“หมายความว่าไง?”
“ก็ถ้าพื้นที่ (Space) มันสัมพันธ์กับเวลา (Time) นั่นหมายความว่าจักรวาลที่มีขนาดอนันต์นี้ ต้องมีเวลาที่เป็นอนันต์ด้วยเหมือนกันถูกไหม?”
“ใช่”
“แต่มนุษย์เรานั้นสามารถรับรู้ได้แค่ว่าจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเวลานั้นมีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดหรือไม่ กล่าวแบบง่ายๆ ก็คือมนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตสามมิติที่รับรู้อีกหนึ่งมิติก็คือเวลาได้เท่านั้น แต่ไม่ได้อยู่สี่มิติ”
“เธอต้องการจะบอกอะไร”
มิวที่ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เทรต้าจะบอก จึงถามคำถามนั้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เทรต้าจึงตอบกลับออกไป
“นั่นหมายความว่าสี่มิติก็ต้องเห็นเวลาเป็นแค่จุดจุดเดียวถูกไหม หรือก็คือทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตของพวกสี่มิติล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันและมีอยู่ตรงนั้นแล้ว”
“และนั่นแหละคือเรื่องที่ฉันจะบอกเธอว่า.. คุณยายไอออนได้เหยียบเข้าสู่โลกที่เห็นอดีต ปัจจุบันและอนาคตเป็นจุดจุดเดียวแล้ว”
“หรือก็คือจะแสนล้านปีก่อน หรือแสนล้านปีข้างหน้า นางสามารถรับรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเอง”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะตกใจไม่ได้เหมือนกัน เห็นอนาคตได้เหมือนกับสิ่งที่ดำรงอยู่แล้ว เหมือนสิ่งที่ไม่ได้กำลังจะเกิดหรือเกิดขึ้นหรือยัง
แบบนั้นมันก็เหมือนกับ ‘พระเจ้า’ ตรงตามชื่อของ Deus Ex-Machina ไปจริงเลยงั้นสิ
“แต่ก็อย่างที่บอกนางอยู่แค่ครึ่งก้าว นางยังไม่ก้าวขึ้นไปเพราะนางไม่ต้องการแบบนั้นนั่นแหละ เลยทำให้นางแค่รับรู้เวลาในมุมมองของสี่มิติเท่านั้น”
“แต่นางก็ไม่เคยบอกเรื่องอดีตที่มนุษย์ยังไม่ค้นพบให้ และนางก็ไม่คิดที่จะบอกอนาคตที่ยังไม่เกิดให้ใครฟังเช่นกัน”
“อย่างมากที่นางช่วยก็แค่ช่วยคำนวณสิ่งที่เห็นออกมาในระยะสั้นๆ เพื่อช่วยในการต่อสู้หรือวิเคราะห์อะไรเท่านั้นนั่นแหละ”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้มิวก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า
“แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่เธอตามหาคนยังไง?”
“ก็กำลังจะพูดต่อจากนี้แหละ”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะหนังหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนทุกอย่างที่ว่ามาเป็นแค่การเกริ่นที่ยาวเหยียดของนางที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคำถามมิวเลยสักนิด
แน่นอนว่าเทรต้านั้นตรงข้ามกับมิวที่ร้อนรน เพราะการที่เธอได้สาธยายเรื่องแบบนี้ให้คนนอกฟังคือความสุนทรีย์ที่เธอใฝ่ฝันถึง
ราวกับต้องการจะบอกว่าดาวของเธอพัฒนาไปไกลมากนะเออ.. แต่อาจจะเพราะสายตาของมิวหรืออะไรไม่รู้เธอจึงรีบแก้ต่าง
“ฉันรู้สึกเหมือนเธอกำลังคิดเรื่องไร้มารยาทกับฉันอยู่เลย ที่ฉันพูดยาวมาขนาดนี้เพราะจะบอกให้เธอรู้ว่าไอ้เรื่องจากนี้ไม่ใช่เรื่องที่มั่วขึ้นมาเองของฉันนะ!”
“เข้าใจน่า แล้วมันเกี่ยวกันยังไง?”
เทรต้าถอนหายใจพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ
“อีกไม่นาน.. ดาวของฉันจะถูกทำลายน่ะ”
“ไม่มีทั้งหลักฐาน ไม่มีทั้งภัยพิบัติอะไร ไม่มีระลอกอะไร ไม่มีเรื่องกับใคร และไม่น่าจะถูกทำลายลงไปอย่างแน่นอน นั่นคือคำพูดของคุณยายที่บอกเกี่ยวกับอนาคตให้กับฉัน”
“อย่างที่บอกเดิมทีคุณยายไม่บอกเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นให้กับใครฟัง แต่เรื่องในครั้งนี้ฉันมั่นใจว่ามันเป็นการล่มสลายที่ไม่อาจจะต้านทานได้อย่างแน่นอนเพราะแบบนั้นคุณยายถึงได้บอกฉันว่าอีกไม่นานดาวจะพังทลายลงแน่ๆ”
“และคุณยายก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่จะไม่บอกวิธีผ่านพ้นหายนะ เธอบอกกับฉันเหมือนกันแต่ในตอนแรกฉันคิดว่าแค่ฉันคงทำอะไรไม่ได้เลยไปขอความช่วยเหลือ”
“แน่นอนว่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อหรอก อย่างแรกคุณยายไม่มีทางที่จะบอกเรื่องอนาคตให้ใครรู้หรอก”
“นอกจากนี้หากดาวจะแตกหรือพังทลายลง หรือถูกทำลายทุกอย่างควรมีที่มาที่ไป เช่นดาวของฉันอาจจะใกล้แตกเพราะสิ้นอายุขัย มีศัตรูที่จ้องจะทำลาย หรือมีอุกกาบาตลอยเข้ามาใกล้ อะไรทำนองนั้น”
“แต่ทุกอย่างที่ว่าไม่มีเลย แม้จะตรวจสอบหาเพราะคำพูดของฉันแล้วก็ไม่มีใครเจอ ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าฉันนอนฝันและเพ้อขึ้นมาเองเท่านั้น”
“แต่คุณยายเป็นคนบอกฉันเลยนะ คนที่อยู่มิติที่สี่ที่เห็นทุกอย่างจริงๆ”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า
“ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเริ่มแผนตามที่คุณยายบอกด้วยตัวคนเดียว โดยการไปขโมยชุดนาโนแมชชีน ชุดนาโนควอนตัมรุ่นพิเศษออกมาจากห้องพัฒนาแล้วก็มายังที่โลกแห่งนี้โดยพลการ”
“และวิธีการเดียวที่จะช่วยเหลือดาวของฉันได้คือต้องเข้ามาในหอคอยแห่งนี้และผ่านไปให้ถึงชั้นที่สิบของหอคอยให้ได้”
“คุณยายไม่ได้บอกอะไรมากนอกจาก.. จะได้พบกับสิ่งที่สามารถช่วยเหลือดวงดาวของเธอได้อย่างแน่นอน”
เทรต้าพูดออกมา แน่นอนว่าถ้าหมายถึงสิ่งที่จะสามารถช่วยดาวของเธอได้ ถ้าจะหาจากหอคอยชั้นสูงๆ ก็คงมีแต่คนที่เก่งกาจเท่านั้นแหละ
ดังนั้นเทรต้าจึงคิดว่าสิ่งที่จะช่วยเหลือดวงดาวของเธอได้ต้องเป็นยอดฝีมือในชั้นที่สิบนั่นเอง แน่นอนว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนหอคอยชั้นสิบหากผ่านแล้วจะได้ ‘ระบบ’ พิเศษมา
กล่าวคือสิ่งที่สามารถช่วยเหลือดาวของเทรต้าได้จึงอาจจะไม่ใช่คน.. แต่เป็นพลังบางอย่างหรืออาจจะเป็น…
พลังของเธอเองก็ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากไอออนกับอิออนที่เห็นอนาคต ทว่ามิวที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเธอก็อดที่จะคิ้วกระตุกไม่ได้
อันที่จริงเธอก็แปลกใจกับคอนเซปท์ของโลกเทรต้ามาสักพักแล้ว.. แต่เมื่อได้ฟังคำพูดว่าหากไต่หอคอยถึงชั้นสิบเท่านั้นแหละ
มิวถึงกลับพูดขึ้นมาว่า
“เอ้ะ.. ไต่หอคอยเหรอ คนในหอคอยไต่หอคอยได้ด้วยเหรอ ไม่สิ เธอรู้ด้วยเหรอว่าตัวเองอยู่ในหอคอย?”
“ห้ะ.. มิวเธอพูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนจากดาว Moon 2T EdgeLands น่ะ”
“เดี๋ยวๆ นี่มันหมายความว่าไง?”
มิวเหมือนยังสับสน แต่เทรต้าเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่ามิวยังไม่หายเข้าใจผิด อาจจะเพราะก่อนหน้านี้เธอพูดกำกวมเกินไปหรือเปล่า
เธอจึงอธิบายให้มิวรับรู้ชัดเจนว่า
“คือฉัน.. เป็นคนจากนอกหอคอยเหมือนเธอนั่นแหละ แต่แค่ไม่ใช่คนของโลกเธอ แต่เป็นคนจากนอกโลก…”
“พูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้คือ.. ฉันเป็นคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรดวงจันทร์ดวงที่สองที่พึ่งปรากฏตัวมาในจักรวาลนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อนอ่ะ”
มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับ “ห้ะ?” ออกมา บนหัวมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมดว่า.. เดี๋ยวนี่มันหมายความว่ายังไง?
“ก็นะ กว่าจะลงมาที่โลกได้ก็ลำบากแทบแย่ เกือบโดนจับตั้งหลายรอบแน่ะ โชคยังดีที่ชุดนาโนควอนตัมมีการเคลื่อนย้ายอนุภาคแบบสุ่มน่ะนะ ถึงรอดมาได้ตลอด แต่พอเจ้าแอเรียนมาก็เกือบถูกจับได้ตอนอยู่ชั้นนี้แหละ ยังดีที่เธอมาช่วยได้ทันไง”
“ห้ะ..?”
วินาทีต่อมา.. ด้านหน้ามิวก็ปรากฏหน้าจอแจ้งเตือนเควสขึ้นพร้อมกับคำพูดว่า
“เควสล้มเหลว เป้าหมายตายเพราะความเครียดเนื่องจากคุณไม่สามารถช่วยนางเอาไว้ได้ จึงได้รับบทลงโทษที่หนักที่สุด”
…………..
[Fact]
เผื่อลืมกัน เทรต้ามีบทครั้งแรกในบทที่ 16 ที่ขโมยชุดนาโนแมชชีนลงมาโดยไม่ได้รับอนุญาต เลยถูกล่าเข้าให้..
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
ชุดนาโนแมชชีนตอนนี้มีสองแบบที่โผล่ในเรื่อง คือ นาโนเมทริกซ์ (ชุดทางการทหารที่พวกแอเรียนใช้) และ นาโนควอนตัม (ชุดรุ่นพิเศษที่รวมวิทยาการที่ทรงพลังที่สุดในดาวเอาไว้ ยังไม่สมบูรณ์แบบ 100%)