พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 173 ศพที่มีรอยแดง
“ไม่ได้นะขอรับพระชายา!” เหยียนหรูชิงยังไม่ทันจะกล่าวจบก็เห็นสตรีที่อยู่ตรงหน้าเลิกผ้าคลุมสีขาวออกด้วยท่าทางสบายๆ ทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ
พระชายาคนนี้เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่า นี่อาจจะเป็นโรคติดต่อ?
การฝ่าเข้าไปในเขตอันตรายก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ถึงขึ้นเลิกผ้าขาวออก หากเชื้อโรคติดต่อกระจายฟุ้งออกมาตามอากาศจะทำอย่างไร
แม้แต่ไป๋จื่อหยางเองก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เขาที่ยืนอยู่ในวงล้อมเอ่ยว่า “พระชายากลับออกมาเถิดขอรับ อยู่ยืนดูห่างๆ หน่อยจะปลอดภัยกว่า นี่คือเขตปลอดภัยที่พวกเรากำหนด ฐานะของพระชายาสูงศักดิ์ อย่าเอาร่างกายเข้าไปเสี่ยงจะดีที่สุดนะขอรับ”
ขุนนางชันสูตรศพคนอื่นปาดเหงื่อคุยกับเหยียนหรูชิง “ใต้เท้า จะจัดการอย่างไรดีขอรับ หากพระชายาเป็นอะไรไป พวกเรามีทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กต้องดูแลนะขอรับ”
น้ำเสียงนั้นเจือความสะอึกสะอื้น
ในใจของพวกเขากำลังต่อว่าเฟิ่งชิงหัว
กุลสตรีคนหนึ่งเอาความกล้ามากมายขนาดนี้มากจากไหน เอาชีวิตของตัวเองเข้าไปแลกก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยังจะทำให้พวกเขาพลอยซวยไปด้วยรวมทั้งครอบครัวของพวกเขาอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เห็นพระชายาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วห่อมือของตัวเองเอาไว้ จากนั้นพลิกร่างไปมา ทำเอาคนที่อยู่ในที่นั้นแทบจะกระอักเลือดออกมา
พวกระมัดระวังตัวกันเป็นอย่างมากไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องศพ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับจับศพให้ลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นผลักให้กลับลงไปนอนเช่นเดิม และเปิดเสื้อผ้าออก จากนั้นง้างปากออก ดูราวกับกำลังทักทายยมบาลอย่างไรอย่างนั้น
เหยียนหรูชิงรีบเอ่ยว่า “พระชายา รีบออกมาเถิด ศพพวกนี้ทีแต่ความแปลกประหลาด รอให้พวกเราถวายฎีกาถึงฝ่าบาทให้ส่งคนที่มีความสามารถมาจะดีกว่า”
เฟิ่งชิงหัวทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา นางกำลังมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่ตนทำ
เหยียนหรูชิงเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพระชายาได้ จึงได้แต่มองไปทางท่านอ๋องเจ็ด “ท่านอ๋อง พระชายาเป็นสตรีบอบบาง การเข้าไปใกล้ศพพวกนั้นอาจทำให้ป่วยได้ ท่านอ๋องรีบให้นางกลับออกมาเถิด หากเชื้อแพร่กระจายจริงๆ ผลที่ตามมายากที่คาดเดานะขอรับ”
จ้านเป่ยเซียวจ้องไปที่เฟิ่งชิงหัวด้วยสีหน้าจริงจังและอารมณ์ที่สงบนิ่ง “ไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไร?
ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไรน่ะสิ อีกเดี๋ยวหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา จากนิสัยเลือดร้อนของอ๋องเจ็ดคงจะโทษว่าเป็นความผิดของศาลาว่าการพระนครอีกใช่หรือไม่
เหยียนหรูชิงเห็นจ้านเป่ยเซียวมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนก็ได้แต่ถอยออกไปอยู่อีกด้าน แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าพลางแอบถอนใจ
ไป๋จื่อหยางเดินเข้าไปหาเหยียนหรูชิง “ใต้เท้าอย่ากังวลมากจนเกินไป บางทีพระชายาอาจจะสืบหาอะไรบางอย่างออกมาก็ได้”
เหยียนหรูชิงยิ้มอย่างขมขื่น “หากตอนนี้เฟิ่งชิงหัวยังอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าข้าจะไม่กังวลเลย แต่ว่าตอนนี้มีเพียงแค่คนคนหนึ่งที่มีสถานะสูงศักดิ์และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมีเพียงความอยากรู้อยากเห็นคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าว่าข้าจะวางใจได้อย่างไร”
ไป๋จื่อหยางอยากบอกว่าอันที่จริงแล้วพระชายาก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงสภาพร่างกายอันแปลกประหลาดบนศพพวกนั้น เขาก็ได้แต่ถอนใจ
ได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องราวอย่าร้ายแรงเช่นั้นก็แล้วกัน
ทุกคนได้แต่จ้องมองไปที่สตรีที่นั่งยองๆ อยู่ด้วยอารมณ์สงสัยใคร่รู้ สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ใช่ว่านางจะสืบเจออะไรได้บ้างหรือไม่ แต่แอบภาวนาอยู่ในใจขอให้ศพเหล่านี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อจริงๆ
เวลาแห่งการรอคอยนับเป็นเวลาที่ทรมานใจ อันที่จริงแล้วเฟิ่งชิงหัวก็ไม่ได้เข้าไปสืบนานสักเท่าไหร่นัก ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่า รอยแดงที่ปรากฎบนศพของคนพวกนี้ เป็นรอยแดงประเภทเดียวกันกับที่เจอบนตัวของหนานกงลู่ซิ่ว
แต่เนื่องจากอาการหนักกว่า ทำให้ผิวหนังทั่วร่างกลายเป็นสีแดง หากหนานกงลู่ซิ่วรักษาไม่ทันเวลา จุดจบก็คงไม่ต่างจากคนสองสามคนนี้มากนัก
คนพวกนี้ทุกคนมีอาการของหลอดเลือดแตก ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกไปทั่วจนทำให้ผิวหนังเป็นรอยแดง บวกกับมีสารพิษบนผิวด้านนอก ทำให้เกิดอาการน่ากลัวอย่างที่เห็น
ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นพิษอะไรนั้น ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวยังไม่แน่ใจเช่นกัน ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วค่อยว่ากันอีกที